ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) ก็คนมันชอบ...좋아해 ♡ - KAISOO

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 01

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 59













    01

     



                 พลั่ก!

                 เสียงตำราหนังสือสามสี่เล่มตกลงกระทบพื้นไม้ปาเก้เสียงดังเมื่อเจ้าของนั้นเผลอเดินชนกับร่างของหญิงสาวที่เดินสวนกันโดยบังเอิญ


                 “ เอ่ขอโทษครับ”


                 นี่!! เดินยังไงไม่ดูทางเลยหรือไงยะ ซื่อบื้อจริงๆ เสียฤกษ์หมด!”


    มือเล็กดันแว่นตาขึ้นชิดสันจมูกพลางก้มหัวขึ้นลงขอโทษหญิงสาวอยู่หลายครั้งด้วยความรู้สึกผิดจนร่างของหญิงสาวเดินพ้นตัวเองไปก่อนที่จะค่อยๆนั่งลงไปเก็บหนังสือที่ตนทำตกพื้นไปเมื่อกี้ โดคยองซูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม หญิงสาวคนนั้นต้องทำท่าอารมณ์เสียแบบนั้นด้วยทั้งๆที่คนที่เป็นฝ่ายมาชนเขาก็คือเจ้าหล่อนเองนั่นแหละ

     

    สงสารมินอาจัง ชนเข้ากับโดคยองซู มืดมนแต่เช้าเลยว่าไหม? ”

    ฉันก็ว่างั้นแหละ คยองซูทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะเกะกะคนอื่นเค้าไปทั่วเลยนะ

    “ เฉิ่มชะมัด! ไปกันเหอะ เดี๋ยวไปดูห้องใหม่ไม่ทัน

     

    มืดมน   เกะกะ 

    เขาทำให้คนอื่นรู้สึกแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ

    แต่ถึงอย่างนั้นคยองซูก็คิดว่าเขาคงจะทำเป็นไม่สนใจกับประโยคที่เพิ่งได้ยินอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกกับการใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่มัธยมต้นจนตอนนี้ก็จะขึ้นมัธยมปลายปี1เขาเจอเข้ากับเรื่องแบบนี้จนชินชาซึ่งถ้าถามว่าคยองซูโกรธไหม โมโหบ้างหรือเปล่า เขาก็ต้องขอบอกว่า ไม่รู้จะรู้สึกไปเพื่ออะไร ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมให้ตัวเองถูกแกล้งถูกนินทาต่อไป

     

    พอเก็บหนังสือขึ้นแนบอกได้เรียบรอย ขาเรียวก็มุ่งหน้าเดินตรงเข้าไปที่บอร์ดติดประกาศรายชื่อนักเรียนของแต่ละห้องและแต่ละชั้นปีของโรงเรียนทันทีเพื่อที่จะได้ดูว่าช่วงชีวิตการเรียนในชั้นมัธยมปลายของเขานั้นจะเริ่มต้นที่ห้องไหน


    ใช่ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของเขา


    คยองซูก็แค่หวังว่าจะได้มีเพื่อนใหม่ๆที่ยอมจะเป็นเพื่อนกันไป จนจบบ้างแต่ทว่าความจริงแล้วถึงจะหวังยังไงมันก็คงได้แค่หวังเพราะรู้ตัว เองว่ายังไงก็คงเป็นตัวเกะกะ มืดมนของคนรอบข้างอยู่ดี พอมาถึงก็พบว่าตอนนี้เด็กนักเรียนเริ่มซาลงไปบ้างแล้วเพราะใกล้ จะเข้าแถว ไม่รอช้ามือเล็กก็บรรจงทาบไล่หารายชื่อของตัวเองไปทีละแผ่นจนเจอ

     

    ห้อง B

    โดคยองซู

     

    อา เขาได้อยู่ห้อง B

     

    ห้อง D สินะ 

     

    หืม คยองซูแน่ใจนะว่าเขาไม่ได้เปล่งเสียงของตัวเองออกมาว่าได้อยู่ห้องอะไร และแน่ใจว่าเสียงของตัวเองไม่ได้ทุ้มใหญ่ขนาดนั้นด้วย จนเมื่อได้หันไปสบตาเข้ากับร่างสูงโปร่งที่ซ้อนอยู่ด้านหลังเขาเพื่อดูใบรายชื่อเหมือนกัน

     

    และไม่ทันไรก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องรอบๆบริเวณของเด็กนักเรียนสาวที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นเด็กชั้นมอต้นหลายๆคนครางออกมาเบาๆเมื่อรู้ว่าใครที่กำลังยืนดูใบรายชื่อหน้าบอร์ดประกาศอยู่ ซึ่งจากการที่ได้หันไปมองแค่แวบเดียวคยองซูก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

     

    แก๊! รุ่นพี่ชานยอล

    “ โอ้ยหล่อลืม! ตายจะเป็นลมขอยาดมหน่อย

     

    ปาร์คชานยอลหนึ่งในคนที่มีอิทธพลที่สุดในโรงเรียน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนที่มีเพื่อนเป็นหนังสือกับห้องสมุดอย่างคยองซูจะรู้จักได้ ไม่รู้จักน่ะสิ แปลก

     

    “ เห้ยแก!!! นั้นมันรุ่นพี่จงอินกับรุ่นพี่แบคยอน เดินมาโน่นแล้ว อร้ายยย! 

     

    เสียงคนเก่ายังไม่ทันสิ้น ก็กรีดร้องต้อนรับคนมาใหม่ซะแล้ว แต่ทว่าคยองซูก็มองตามมือไม้ของเด็กนักเรียนหญิงที่ยืนกรี๊ดแล้วชี้ไปยังคนที่พวกเธอหลงไหลเหมือนกัน

     

    พอได้หันไปมองก็เห็นคนสองคนที่ความสูงดูเหมือนจะต่างกันพอสมควร กำลังเดินคู่กันตรงมาทางเขา ถึงจะไม่ค่อยรู้อะไรกับเรื่องคนดังในโรงเรียนมากแต่คยองซูกลับจำได้ว่าทั้งสองคนนั้นชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรกันบ้าง คนที่ดูตัวเล็กกว่าถ้าคยองซูจำไม่ผิดก็คงจะเป็น บยอนแบคฮยอน ส่วนคนที่ตัวสูงๆข้างแบคฮยอนเจ้าของสีผมสีบลอนด์สว่างก็คือ คิมจงอิน ก็ไม่แปลกอีกอ่ะแหละที่คนอย่างเค้าที่ไม่ค่อยจะสนใจอะไรเท่าไหร่จะรู้จักทั้งสามคนนี้

     

    สามคนนี้เป็นใครน่ะหรอ เดี๋ยวคยองซูจะเริ่มให้ฟัง

    วง KCB ‘

    วงดนตรีสากลที่ดังที่สุดในโรงเรียน แข่งชนะการประกวดคว้าถ้วยรางวัลสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมานับไม่ถ้วนแต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ความสามารถอย่างเดียวที่ทำให้สามคนนี้ดังได้ขนาดนี้ คยองซูรู้มาว่าถึงขนาดดังกันไปข้ามโรงเรียนเลยทีเดียว

     

    ชานยอล มือกลองของวง ลูกชายคนเดียวของโรงเรียนแห่งนี้ที่เค้าว่ากันว่ามีส่วนสูงเป็นจุดเด่นรวมไปถึงหน้าตาที่หล่อเหลาไม่แพ้ความสามารถ ความเป็นผู้ชายอบอุ่นและสุภาพขี้เล่นของชานยอลทำเอาคนทั้งในและนอกโรงเรียนต่างพากันหวั่นไหว คยองซูว่าก็จริงนะ เมื่อกี้ที่หันไปคยองซูก็ได้รับรอยยิ้มที่เป็นมิตรจากชานยอลเหมือนกัน

     

    แบคฮยอน มือเบสของวงและเป็นนักร้องนำ ฉายาคาสโนว่าหน้าสวยประจำโรงเรียน คยองซูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้ฉายานี้มาครอบครอง อาจจะด้วยความที่แบคฮยอนมีรูปร่างเล็กบอบบางและใบหน้าที่เป็นผู้ชายยังสวย ถ้าเป็นผู้หญิงคยองซูว่าแบคฮยอนจะต้องยิ่งสวยมากแน่ๆ คยองซูจำได้ว่าแบคฮยอนน่ะถึงขนาดเกือบได้ตำแหน่งดาวโรงเรียนมาแล้วถ้าไม่ติดตรงที่ว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนชายหญิง

     

    ส่วนคนสุดท้าย…จงอิน มือกีต้าร์มีร้องนำบ้างบางคร่าว คนที่กำลังซุกมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำหน้าเบื่อหน่าย คยองซูว่าคงอาจจะหงุดหงิดที่ต้องตื่นเช้าก็ได้ เพราะเขาก็เป็นนะเวลาที่ต้องตื่นเช้าๆเพราะหม่าม๊าปลุก แต่ถึงจงอินจะทำหน้าแบบไหนหรือจะทำอะไรก็ติดจะดูดีไปหมดทุกอย่างเลยสำหรับสาวๆในโรงเรียน อาจเพราะหุ่นนายแบบที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คหรืออาจจะเป็นเพราะ เรือนผมสีบลอนด์สว่างของจงอิน ไม่ใช่ว่าโรงเรียนจะใจดีให้ย้อมหรือทำสีผมได้นะ แต่กับจงอินเป็นกรณียกเว้น เพราะจงอินเป็นนายแบบ รับงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณา ที่คยองซูรู้เพราะคยองซูก็แอบเห็นโฆษณาของจงอินตามทีวีอยู่บ่อยๆ และนั่นแหละเป็นธรรมดาที่ทางโรงเรียนจะยกเว้นเพราะทำเพื่อการทำงานในวงการบันเทิง

     

    ที่บรรยายมาเนี่ยคยองซูไม่ได้ลำเอียงพูดถึงจงอินมากกว่าชานยอลกับแบคยอนหรอกนะ ก็แค่เท่าที่จะรู้มาเท่านั้นเอง แต่วันนี้จงอินหน้าดูง่วงจริงๆนะ คยองซูอยากให้จงอินไปนอนจัง

     

    และเหมือนว่าอยู่ๆคนที่ถูกพูดถึงอยู่จะหันมาสบตาเข้ากับคยองซูพอดีจนร่างเล็กๆสะดุ้ง


    ตุบ!

    ตกใจอย่างเดียวไม่เท่าไหร่หนังสือในมือของคยองซูมันดันหล่นไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นด้วยเนี่ยสิ ดวงตากลมโตภายใต้แว่นตากรอบหนาลู่ลงมองพื้นทันทีเพราะไม่อยากให้จงอินรู้ว่าตนกำลังแอบมอง ก่อนรีบก้มเก็บบรรดาหนังสือบนพื้นด้วยความรวดเร็ว คยองซูไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเพราะรู้สึกได้ว่าจงอินยังไม่เลิกมองจ้องมาที่เขาเสียที

     

    อา น่าอายจังเลยคยองซู

     

    จงอินที่กำลังเซงๆเพราะนอนไม่พอ มองออกไปรอบๆบริเวณเพื่อจะหาว่าไอ้ชานยอลที่มันบอกว่าถึงแล้วๆเนี่ยมันอยู่ไหนแต่ทว่าก็บังเอิญหันไปสบตากับร่างเล็กที่มองจากสายตาแล้วคงสูงประมาณไหล่เขาได้มั้ง ท่าทางดูเนิร์ดนิดๆของเจ้าตัวทำให้เขาไม่ได้คิดจะสนใจอะไรมากมาย  จงอินไม่ได้ไม่ชินที่ต้องมีสายตาของคนอื่นจับจ้องมาที่เขาตลอดเวลา เด็กเนิร์ดนั่นก็คงเป็นอีกคนที่รู้จักเขาแล้วก็มองล่ะมั้ง แต่พอสบตากันได้แปปเดียวก็เห็นว่าอีกฝ่ายสะดุ้งจนทำหนังสือที่อุ้มไว้ตกลงพื้น

     

    ตกใจอะไรขนาดนั้นก็แค่มอง

    สบตากับเขาถึงกับทำหนังสือตกเลยหรือไง

     

                 สงสัยได้ไม่นานก็ต้องยักไหล่เลิกสนใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกของชานยอลที่ยืนโบกมือบอกพิกัดอยู่ตรงบอร์ด พอเดินเข้าไปหาชานยอลก็เหลือบมองคนขี้ตกใจนิดๆ พอเห็นว่าอีกคนเก็บหนังสือขึ้นมาหมดแล้วก็หันมาสนใจเพื่อนของตัวเองต่อ

     

                 ก็แค่จะเดินไปช่วยเก็บหนังสือแต่เก็บหมดแล้วก็คงจะไม่ต้อง

     

    ไงมึง! สุขสันต์วันเปิดเทอมมอปลายครับ

     

    “ มึงอยู่ห้องอะไรวะชานยอล? ” แบคยอนเอ่ยถามชานยอลด้วยตาที่ยังไม่เปิดดีพร้อมกับของแถมเป็นห่าววอดๆสองทีส่งไปให้จนโดนมือใหญ่ของชานยอลผลักเข้าที่หัว

     

    “ อ้าวๆ เล่นของสูง ” ปากว่าไปแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกลับ ทำเพียงแต่ลูบหัวตัวเองเบาๆ  ยังๆ แบคฮยอนยังไม่อยากมาเล่นมวยปล้ำกับชานยอลมันตอนนี้หรอก ยังเช้าอยู่ นี่ก็ยังไม่หายง่วงเลย เล่นเกมส์LoLดึกไปหน่อย แพ้ด้วยเนี่ย สาดด พูดแล้วมันขึ้น

     

    แบคมึงกับกูอยู่ห้อง D ส่วน จงอิน มึงอยู่ห้อง B ” 

     

    คนตัวเล็กที่ยังคงยืนกอดหนังสือของตัวเองอยู่แบบนั้นได้ยินในสิ่งที่ชานยอลพูดชัดเจนทุกคำ ไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่อยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่ได้ยินก็แปลกแล้ว

     


    ห้อง B หรอ งั้นแสดงว่าจงอินก็อยู่ห้องเดียวกับเราสินะ

     




     

     



                 แอ้ดด!

    “ อ้าวมาอยู่นี่เองหรอมึง ” ร่างสูงของปาร์คชานยอลเอ่ยปากทักทายเมื่อพบว่าในห้องซ้อมดนตรีของวงกลับมีคนมาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งๆที่คิดว่าห้องเขาพักเที่ยงเร็วกว่าชาวบ้านแล้วนะแต่สงสัยจะมีห้องอื่นที่ปล่อยก่อนเวลาอย่างห้องของเพื่อนรักของเขาที่ตอนนี้นอนดีดกีต้าร์อยู่บนโซฟาด้วยท่าทางสบายใจก่อนจะเงยหน้าจากกีต้าร์ตัวโปรดมาพยักหน้ารับคำทักทายของเขา

     

    ไม่แปลกที่พวกเขาจะมาอาศัยสิงร่างอยู่ที่ห้องนี้ ห้องซ้อมดนตรีเรียกได้ว่าได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของลูกชายคนเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างชานยอลในการอ้อนให้สร้างที่สำหรับพวกเขาให้หน่อยซึ่งก็ทำให้ได้ห้องซ้อมดนตรีที่มีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีสากลทุกชนิด ห้องน้ำห้องครัวขนาดย่อมมีหมด เรียกได้ว่าย้ายสำมโนครัวมาทำกินที่ห้องนี้ได้เลย ซึ่งห้องนี้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับตึกเรียนของพวกเขาเท่าไหร่แต่ก็ลึกลับพอที่จะสามารถแอบหลบมางีบได้โดยที่อาจารย์ไม่สามารถหาเจอ

     

    นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้เข้าคาบเช้าทั้งคาบแล้วมาอยู่เนี่ยอ่ะ ? ดูจากสภาพแล้วมันไม่น่าจะเพิ่งมาแน่ๆดูได้จากกองเศษซากขนมขบเคี้ยวที่ได้มาจากเหล่าบรรดาแฟนคลับของพวกเขาทั้งหลายที่กองอยู่ตามพื้นตามโซฟาที่ดูเหมือนตัวก่อขยะก็ไม่คิดจะเก็บกวาดแถมยังปรับตัวอาศัยอยู่รวมกันได้โดยไม่มีปัญหา


    อือ  ขี้เกียจ


    เออๆ แล้วแต่มึงเลยครับเพื่อน  แล้วนี่มึงกินข้าวเที่ยงยัง? ” จงอินตอบคำถามของเขาสั้นๆได้ใจความ แบบฟังแล้วรู้เรื่องและเขาก็ไม่ได้คิดจะเซ้าซี้อะไรต่อเลยเปลี่ยนเรื่องเป็นถามสารทุกข์สุขดิบแท้


                  แต่ดูจากกองขนมที่กินไปมันคงไม่หิวแล้วมั้ง


                  “ …นี่ไอ้เตี้ยมันไปไหนไม่มาด้วยกัน? ”

                  สัด! ”

                  เออ ขอบคุณมากนะ สนใจคำถามกูมากเลย


                  ไรนินทาไรกูกัน เดี๋ยวกูโบก ไอ้พวกเวรตะไลมาช่วยกันถือของหน่อยดิ๊!! เร็วหนักโว้ยยย ” เสียงทุ้มเล็กติดจะแหลมไปซักนิดของแบคยอนดังมาจากหน้าประตู ทำให้คนที่ยืนอยู่เพียงคนเดียวในห้อง (ไอ้จงอินมันนอน) ต้องเดินเข้าไปช่วยถือพวกขนมช็อกโกแลตลูกอมจากบรรดาแฟนคลับที่คงจะให้มาอีกตามเคย


                  แต่แล้วจู่ๆจงอินที่นอนอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้นมาก่อนจะเดินตรงมายังหน้าประตู แบคยอนที่กำลังถ่ายทอดกองขนมจากแฟนๆไปให้ชานยอลถือยกยิ้มอย่างซึ้งใจเมื่อคิดว่าน้ำใจจากมิตรภาพของจงอินมันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน อุตส่าห์ลุกเดินมาเพื่อจะมาช่วยเขาที่กำลังถือของเยอะแยะ เอ่อ ไม่ต้องแยกกันนะเพื่อนรักของแบคทั้งสอง มีของจะให้ช่วยถือมากพอสำหรับพวกมึงทั้งสองคนแน่นอนเว้ย  ว่าแล้วก็จึงหยิบกล่องขนมกล่องหนึ่งยื่นไปให้เพื่อนผิวแทนที่กำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานแฉ่งเป็นสิ่งตอบแทน


                  เดินเข้ามารับขนมไปสิเพื่อนรัก

                  จ๊ะ อย่างงั้นแหละ

     อะ อ้าว กูยื่นกล่องขนมเก้อเลย แม่งเดินผ่านกูออกประตูเฉยเลย


                  เห้ย! เดี๋ยวไอ้จงอิน มึงจะไปไหน

     เดี๋ยวนะมันคาใจ แถมกูถือขนมเก้อให้ชานยอลมันหัวเราะด้วยเนี่ย ไม่มีจิตสำนึกจะช่วยเพื่อนแล้วยังจะเดินออกไปข้างนอกคืออะไร เลวมาก!


                  ยุ่ง!! ”

                  จงอินพูดแค่นั้นแบบไม่ลืมแถมรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ด้วย

                  เออแล้วแต่เลย กูชินแล้ว กูแกร่ง กูจะไม่หลุดปากด่าอะไรมึงออกมาทั้งนั้นแหละเพื่อนรัก…ซะที่ไหนกันเล่า!!


     “ ยุ่งกับหน้าแม่มึงสิ ไอ้ดำ ไอ้ผีห่า มึงจะไปไหนมึงก็ไปเลยแล้วไม่ต้องกลับมา ฟัคยูแมน!@#@$#$%% ”

     

     


     

     

     




     “ เฮ้อ น่าเบื่อชะมัด ” พูดไปก็หาวไปพลางบิดขี้เกียจหลังจากที่ได้นอนมาตั้งแต่เช้า เอาจริงๆไอ้เรื่องกฏระเบียบมันไม่ได้ทำให้จงอินกลัวซักเท่าไหร่ เพราะถึงยังไงอาจารย์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดีและคงไม่คิดจะมีเรื่องกับเขาให้ปวดหัว คงต้องขอบคุณการที่เขามีเพื่อนเป็นถึงลูกผอ.อย่างชานยอล แต่ก็นะปกติแล้วจงอินก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะเข้าห้องเรียนตลอดอยู่แล้วเพราะเขารับงานเดินแบบถ่ายแบบเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ค่อยได้เข้าเรียน วันนี้จะขาดสักวันจะเป็นอะไรไป

     

                   ไม่นานร่างสูงก็เดินเข้ามาในโรงอาหารที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนที่ลงมาต่อแถวซื้ออาหารกันเต็มไปหมด ดวงตาที่ติดเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลาของจงอินกำลังกวาดสายตาเพื่อจะได้ดูว่าพอจะมีอะไรที่ทำให้เขาอยากกินบ้างไหม ถึงแม้ว่าเมื่อกี้จะกินขนมไปเยอะพอสมควรแต่เขาถือว่านั่นมันของหวานไม่ใช่ของคาว


                    “ นี่! อยากเห็นอะไรตลกๆม่ะ อึนฮา ”

                    อะไรวะ

                    เออน่าตามมาเหอะ


                    บทสนทนาของนักเรียนชายสองคนที่บังเอิญลอยเข้าหูร่างสูงโดยบังเอิญทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นนิดๆ แต่ทว่าก็คงได้แต่สงสัยในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาที่อยากจะรู้ไปกับสองคนนั้นด้วย จงอินไหวไหล่อย่างไม่แยแสอะไรก่อนจะมองหาร้านภายในโรงอาหารที่พอจะมีอะไรดึงดูดให้เขาอยากกินต่อไป

     

                     “ อ๊ะ!! ”

                 แต่ก็นะ ยังไม่ทันจะได้มองไปทั่วๆโรงอาหาร เสียงร้องของใครบางคนก็ต้องทำให้จงอินละสายตาไปมองด้วยความสนใจ

     

                    เมื่อหันไปเห็นก็พบกับเด็กผู้ชายสองคนเมื่อกี้ที่เขาบังเอิญไปได้ยินบทสนทนาเข้า มือของนักเรียนชายหนึ่งในสองคนนั้นถือแก้วเปล่าไว้ในมือโดยที่มีอีกคนยืนหัวเราะอะไรบ้างอย่างที่จงอินก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไรเพราะตอนนี้คนเริ่มมายืนมุงดูกันเยอะแล้ว

     

                     จงอินพร่ำบอกกับตัวเองว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของเขา เขาควรเดินเลี่ยงออกไปซะ แต่ไม่เลยขาของเขากลับเดินแทรกเข้าไปอยู่ในหมู่คนมุงเสียนี่ พอได้เข้าไปดูใกล้ๆก็ต้องพบกับสิ่งที่นักเรียนชายสองคนนั้นหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เขาเห็นร่างของเด็กนักเรียนผู้ชายอีกคนที่นั่งก้มหน้าลงกับโต๊ะอาหาร โดยที่แว่นตาหนาๆที่เจ้าตัวใส่เต็มไปด้วยคราบน้ำสีแดงๆ  ที่ทำให้จงอินกระจ่างว่าน้ำในแก้วของนักเรียนชายสองคนนั้นคือน้ำอะไรและก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าแว่นนั่นคงต้องเป็นเจ้าของเสียงร้องเมื่อก่อนหน้านี้แน่

                                 

                      “ เอ่อ… เป็นไรหรือเปล่าคยองซู โทษทีนะไม่ได้ตั้งใจชนน่ะนักเรียนชายคนที่ถือแก้วน้ำไว้ในมือพูดขึ้น ปากก็พูดขอโทษแต่สีหน้าท่าทางมันไม่ได้ดูเหมือนคนที่สำนึกผิดตามที่พูดเลยสักนิด 


                      ใครๆก็มองออกว่านี้มันแกล้งกันชัดๆ

     

                      ..ไม่เป็นไรหรอก เราไม่เป็นไร


                     เออแต่แปลกดีเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าไอ้เนิร์ดตัวเล็กที่แว่นเต็มไปด้วยน้ำเหนียวๆจะดูไม่ออกว่านะว่าถูกพวกมันแกล้ง

     

                     จงอินยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองเหตุการณ์นั่นอย่างเงียบๆว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แต่ยังทันไรเขาก็เห็นมือเล็กล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาแล้วยื่นให้นักเรียนชายคู่กรณี

     

        คิดจะทำอะไร

     

       “ เอ่อ แล้วนายเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่รังเกียจนี่ผ้าเช็ดหน้า … ”


       “ อุ๊บ! ตลกเป็นบ้าเลยว่ะ เมื่อกี้ยังแว่นขาวอยู่เลยตอนนี้แว่นแดงแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ ” เสียงหัวเราะของของไอ้นักเรียนชายที่ถือแก้วอยู่ในมือดังลั่นจนทำให้ใครต่อใครที่หยุดมุงดูแต่ไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือต่างพากันกลั้นขำไปด้วย มือเล็กที่ถือภาพเช็ดหน้าก็ค่อยๆลดมือลงวางไว้ที่ตักตัวเอง แวบหนึ่งเขาเห็นว่านัยต์ตากลมโตนั่นสั่นไหวก่อนจะหลบลงมองที่ตักของตัวเองอย่างไม่คิดจะทำอะไรคนตัวเล็กขบริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นด้วยความประหม่า 

     

         ให้ตายสิ! ยังมีคนที่ยอมทนกับอะไรแบบนี้เหลืออยู่บนโลกอีกหรอวะ

     

       “ พวกมึงตลกกันมากไหม? ”

     

       “ ว้ายนั้นมันจงอิน นี้~ ”

     

       “ กรี๊ดด ~ รุ่นพี่จงอินน

     

       ถึงคราวพระเอกของเรื่องออกโรงแล้ว

     

        “ ครับ? ” นักเรียนชายสองคนนั้นเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถามก็เริ่มหน้าซีดเหงื่อตกทันที ผู้คนเริ่มแตกตื่นและยอมแหวกทางให้กับจงอินอย่างพร้อมเพียง

     

        นี่มันคิมจงอินเลยนะ

        ใครจะกล้า

     


        “ มานี่ดิ๊ ” จงอินพูดก่อนกระดิ๊กนิ้วเรียกอย่างไม่รีบร้อน ท่าทางที่ทำเอาทุกคนในที่แห่งนี้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

     

        ไม่ว่าใครก็ไม่อยากมีเรื่องกับคิมจงอินกันทั้งนั้นแหละ

     

        สิ้นเสียงจากจงอิน นักเรียนชายสองคนนั้นก็เดินเข้าไปหาอย่างเก้ๆกังๆ เริ่มหวาดระแวงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองต่อจากนี้

     

        “ โต๊ะมันเปื้อนอ่ะ ฝากเช็ดทำความสะอาดด้วยสิ

     

        “ ดะ ได้ครับ แต่ว่าไม่มีผ้า…. ”

     

        “ ใช้ ‘หน้า’ เช็ดคงไม่เสียหายหรอกมั้ง…?  

     

         “ คะครับ T^T ”

     

        “ เดี๋ยวจะมาดูนะ ” จงอินเข้าไปตบบ่าสองคนนั้นไปสองสามทีโดยที่ไม่สนใจใบหน้าที่แสนจะซีดเผือกของนักเรียนชายสองคนนั้นเลยก่อนจะผละมาและเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าโต๊ะอาหารที่มีคนตัวเล็กนั่งอยู่

     

        “ แล้วนั่นจะนั่งมองมือตัวเองอีกนานไหม ลุก! ” เหมือนว่าอารมณ์ความเป็นพระเอกจะยังไม่จบ จงอินหันไปหาไอ้เนิร์ดตัวเล็กที่ยังคงก้มหน้าจนจะติดโต๊ะก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นมาจากโต๊ะแต่พอจะพาไป กลับมีเสียงเรียกเขาเอาไว้ก่อน

     

        “ เอ่ออ จงอิน มาเดี๋ยวพวกเราพาคยองซูไปเอง พวกเรารู้จัก ” เสียงของเด็กนักเรียนหญิงแถวนั้นดังขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหมายจะเข้ามาหาร่างเล็กที่เขากำลังจับให้ลุกขึ้น

     

                      คยองซู?  อ่อ ไอ้ตัวเล็กนี่สินะ

     

                     หึ! ไม่ต้องหรอก ถ้าคิดจะช่วยตั้งแต่แรกก็คงจะไม่ยืนขำอยู่ตั้งนานหรอกจริงไหม? ” คำพูดที่ทำเอากลุ่มนักเรียนหญิงที่จะอาสาทำดีให้จงอินเห็นหน้าเจื่อนลงไปในทันทีเมื่อได้รับคำตอบที่แทบไปต่อไม่เป็น จงอินไม่ทนเสียเวลากระชับมือของคนโดนแกล้งแล้วพาเดินออกไปทันที

     

     

                     

     

          แล้วเขาก็พาไอ้เนิร์ดที่จับใจความได้ว่าชื่อคยองซูเดินออกมาจนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ตรงสนามของโรงเรียนที่พอจะมีน้ำก็อกให้คนตัวเล็กที่เขาลากออกมาด้วยได้เช็ดล้างคราบน้ำแดงที่เปื้อนเต็มแว่นและย้อยลงมาที่เสื้อนักเรียนได้

     

          “ ทำความสะอาดตัวเองซะ กูไปนะ

     

          หมับ!

                      ในขณะที่จงอินกำลังหันหลังกลับมือของคนที่พามาด้วยก็จับเข้ากับชายเสื้อของเขาจนทำให้จงอินเดินต่อไม่ได้


                      “ อะไรอีก? ”

                      คือ เรามองไม่เห็นน่ะ ช่วยหน่อยได้หรือเปล่า

     

     



     

     

     

     

     

     

    จึกๆ

    ในขณะที่จงอินกำลังเช็ดแว่นให้อีกคนอยู่ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกจากมือเล็กที่จับชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมาตั้งแต่เมื่อกี้ ด้วยเพราะสายตาของร่างเล็กสั้นมากจนเมื่อไม่มีแว่นก็จะมองอะไรมัวไปหมด จงอินก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองมานั่งทำอะไรที่นี่ทั้งๆที่ตอนนี้เขาควรจะได้อาหารกลางวันกลับไปกินที่ห้องซ้อมแล้วแท้ๆ


    แต่เอาเถอะ เขาก็แค่เห็นว่าอีกคนช่วยตัวเองไม่ได้หรอกนะเลยช่วยเช็ดแว่นให้ ถือว่าทำบุญก็แล้วกัน

     

    “……” นี่ก็ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กมันดึงชายเสื้อมาได้สักพักโดยที่ไม่ตอบอะไรเพราะคิดว่าคงหยุดไปเอง แต่…

     


    จึกๆๆ

     

    “ ..นี่ ”

     

    อะไร ถ้ามึงจะขอบคุณล่ะก็…. ” ส่งเสียงตอบออกไปเพราะรู้ว่าถ้าเขาไม่ตอบ เสื้อของเขาก็จะโดนกระตุกอยู่แบบนี้เรื่อยๆเพราะคนตรงหน้าคงมองอะไรไม่ชัดเจนถ้าหากว่าเขาแค่พยักหน้ารับ

     

    และเขาก็มีความมั่นใจอยู่พอตัวว่าคนตรงหน้าจะต้องเอ่ยปากขอบคุณที่เขาทำตัวเป็นฮีโร่เข้าไปช่วยเป็นแน่ ซึ่งเอาจริงๆคำขอบคุณเขาก็ไม่ได้อยากได้อะไรขนาดนั้น ก็ตามภาษาคนมีน้ำใจชอบช่วยคนอ่อนแอโดนรังแกก็เท่านั้นเอง

     

    “ ไปทำเขาทำไม..

     

                 !!!

    เดี๋ยวนะ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด

                       

    ถึงแม้ว่าจงอินจะไม่ค่อยสนใจเรื่องมารยาทในการเข้าสังคมเท่าไหร่แต่นี้หรอคือประโยคที่ควรพูดหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นน่ะ

     

     

    “ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ? ” ไม่แน่ จงอินอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้

     

    ..ก็เขาไม่ได้ทำอะไรนายซักหน่อย.. ”

     

                 อืม ชัดและ

     

    ..ย๊า!!  นี่กูช่วยมึงมานะ!! ” 

     

    ที่พูดมาทั้งหมดคือจะหาว่าเขายุ่งไม่เข้าเรื่องสินะ

     

    ..แต่ว่าเราก็ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ” ถึงจะตกใจกับเสียงตะคอกของคนตรงหน้านิดหน่อย แต่คยองซูก็ยังคงพูดขยายความให้ร่างสูงเข้าใจ

     

    เขาไม่เป็นอะไรจริงๆนะ

    เยอะกว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว

     

    เหอะ!

     

    ไม่อยากจะเชื่อ

    มือหนาเสยผมสีสว่างของตัวเองลวกๆอย่างระบายอารมณ์ นี้ตกลงว่าเขาทำคุณบูชาโทษหรือยังไงกัน พระเอกขี่ม้าขาวกับกลายเป็นผู้ร้ายเพียงเพราะเขาทำในสิ่งที่เรียกว่าปกป้อง'ไอ้ตานกฮูก’ นี่อย่างนั้นใช่ไหม  

                     

               ยิ่งพอถอดแว่นออกยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ ดวงตากลมโตที่กำลังหรี่ลงเพื่อจะพยายามเพ็งมองเขามันเหมือนกับนกฮูกหรี่ตาไม่มีผิด แต่ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าตอนที่เห็นไอ้ตานกฮูกมันถอดแว่นออกมา ก็มีแอบทึ่งเหมือนกัน โครงหน้าได้รูปมันดูเข้ากับดวงตากลมโตนั่นมากแค่ไหน แล้วไหนจะจมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากรูปหัวใจนั่นอีก ถ้าไม่สังเกตตอนที่กำลังนั่งเช็ดแว่นให้อีกคนอยู่ก็คงไม่รู้

     

                 “ แต่ก็…ขอบคุณนะที่เข้ามาช่วย  พูดจบก็ยกยิ้มแบบที่คยองซูคิดว่ามันจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ส่งไปให้ร่างสูงที่กำลังเช็ดแว่นตาของให้ตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถึงแม้ว่าจะหงุดหงิดแต่จงอินก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดแว่นตาให้คยองซูอยู่ดี

     

                  ช่างมั...!!!! ”

     

                  ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! 


                 นั่นเสียงอะไร

      ทำไมมันถึงดังอยู่ที่อกข้างซ้ายของจงอินไม่หยุดแบบนี้ 

                     

      “ ..หยุดยิ้ม!!

     

       “ …. ” คยองซูรีบหุบยิ้มตามคำสั่งของจงอินทันที

     

       ตั้งแต่เกิดมาคิมจงอินไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมีใครที่มีรอยยิ้มเป็นอาวุธทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ร้ายกาจขนาดนี้ และก็ไม่คิดเลยด้วยว่ารอยยิ้มนี้มันจะมาจากเด็กเนิร์ดใส่แว่นตาหนาเตอะทรงผมม้าปิดหน้าปิดตาตรงหน้าเขา

     

       “ ให้ตายสิ เสียงทุ้มสถบคำฮิตติดปากออกมาเบาๆ คิมจงอินก็นับไม่ได้เหมือนกันว่าวันนี้พูดคำนี้มากี่รอบแล้ว พยายามหลบสายตาแต่คนตัวเล็กก็ยังคงส่งยิ้มมาให้เขาอยู่  จนต้องยกมือขึ้นเกาจมูกตัวเองอย่างไม่รู้จะทำตัวยังไง

     

        “ นี่แว่นมึง เอาไปเร็วๆเลยไป ” ไม่วายรีบยัดแว่นลงไปบนมือของอีกคนอย่างกับว่ามันเป็นของร้อน จงอินไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหรว่ารอยยิ้มที่คยองซูส่งมาให้เขาเมื่อกี้ยังติดอยู่ในหัวของเขาอยู่เลย

     

         ทำไมไอ้ตานกฮูกมันยิ้มน่ารักจังวะ!

         น่าฟัดชิบหาย!

     

                      ทำหน้าอย่างงั้นคิดว่าน่ารักหรือไง?  *โอลแปลมิชัดๆ! ” ยัง นี่เขาว่าเขาบอกชัดเจนแล้วนะว่าให้หุบยิ้ม พอได้แว่นแล้วก็ยังจะยิ้มอยู่อีก จงอินว่าเขาต้องไปเสียที ไม่ไหวแล้วเหมือนจะหายใจไม่ออก

     

                      เขาเป็นอะไรวะเนี่ย ใจเต้นไม่หยุดเลยเนี่ย

     




                      (*โอลแปลมิ - นกฮูกในภาษาเกาหลี)

     

     

     


     



     

     แค่เพียงรอยยิ้มเล็กๆของเธอครั้งเดียว ก็ทำให้ฉันไม่เหลียวไปมองที่ได้
    เธอสะกดฉันเอาไว้ ด้วยเวทมนต์ที่ใช้แค่เพียงมุมปาก~ เพลงนี้ให้จงอินเลยค่ะ 55555555


    โอล แปล มิ  = นกฮูก  แต่จงอินของเราจะย่อให้สั้นๆ เป็น มิ



    แล้วเเจอกันตอนต่อไปค่ะ รักจากมิช

    อย่าลืมคอมเม้น&เล่นแท็กฟิคกันด้วยนะ



     

     
    (c)  Chess theme



       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×