ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) ก็คนมันชอบ...좋아해 ♡ - KAISOO

    ลำดับตอนที่ #18 : CHAPTER 17

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 59












     

    17





     ถึงจะไม่ได้ยินเสียงตอบรับของคยองซู แต่มันกลับทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่าอ้อมแขนของใครอีกคนที่กระชับกอดเขาเป็นคำตอบ

     

                  แค่นี้ก็พอแล้ว

     

                  ..อย่าเพิ่ง ” พอจะผละออกมาเพื่อมองดวงหน้าน่ารักนั่นให้สมใจ แต่ดูเหมือนว่าไอ้มิจะไม่ยอมน่ะสิ

     

                 เป็นอะไรไป? ”

     

                 ..เราว่า เรา ต..ต้องหน้าแดงมากแน่ๆเลย อ..อยู่กันแบบนี้ก่อนนะ ” พอพูดจบก็เอาหน้าซุกกับไหล่ของเขาแน่นจนคนฟังหัวใจแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว นี่แสดงว่าไอ้มิเริ่มหวั่นไหวกับเขาแล้วใช่ไหม…

     

                 จำเป็นจะต้องน่ารักขนาดนี้ไหมโดคยองซู

     

                 “ หึหึ ทีเมื่อกี้หอมแก้มไม่เห็นเขินเลย ”

                     

                 “ …

    !!!

    โอ้ยๆ หายใจไม่ออกแล้วครับ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว…อยากรู้อะไรหรือเปล่า ”  แซวนิดหน่อยไอ้มิก็โอบรอบคอเขาแน่นขึ้นเรียกว่ารัดคอดีกว่า เลยต้องเลิกแกล้งเพียงเท่านี้แล้วเปลี่ยนเรื่องแทนคนตัวเล็กเลยยอมคลายกอดลง แต่หัวทุยๆก็ยังซุกอยู่ที่ไหล่เขาเหมือนเดิม  จริงๆเรื่องของเขากับเซฮุนมันก็ใช่ว่าจะเล่าไม่ได้อะไรถ้าไอ้มิต้องการจะรู้เขาก็จะเล่าให้ฟัง เล่ามันทั้งที่กอดกันกลมแบบเนี่ยนี้แหละ

     

    ขวับๆ

    “ ทำไม? ” คยองซูผละออกมาจ้องหน้าจงอินแล้วส่ายหน้าไปมาช้าๆ จนอีกคนอดถามไม่ได้ ทำไมถึงไม่อยากรู้ทั้งๆที่ในดวงตากลมโตใต้เลนท์นั่นมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมดตอนที่ถูกเขาพามาในห้องนี้ ถ้าแค่เพียงไอ้มิถามเขาก็ยอมตอบอยู่แล้ว แต่ทำไม…

     

    เราแค่รู้สึกว่าเราอยากให้จงอินเล่าให้เราฟังเองมากกว่า… คนเราก็มีบางเรื่องที่ไม่อยากเล่าให้ใครฟังทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่เพราะกลัวคนจะรู้ แต่เพราะพอเล่าออกมาแล้วมันยิ่งทำให้กลับไปนึกถึงต่างหาก ”

     

    “…”

     

    จงอินกลับไปพักที่คอนโดไหม เวลาเรามีเรื่องเครียดๆนะ เราก็จะไปนอนให้เยอะๆเลย ตื่นมามันก็หายไปจากหัวเราเอง เพราะตื่นมาเราจะหิวจนคิดเรื่องเครียดๆไม่ออก แต่เราว่าจงอินอย่าทำบ่อยนะมันไม่ดีต่อสุขภาพหรอก แต่วันนี้เราอนุญาตให้ใช้วิธีเราได้ เราจะปล่อยๆไปแล้วกัน

     

    หึหึ ฮ่าๆ

    จงอินขำอะไรหรอ

    ทำไมน่ารักแบบนี้วะ กูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว รู้ไหม… ”

    “ องงอิน อ่อยยย (จงอิน ปล่อยยย) ” แก้มนิ่มทั้งสองข้างถูกจับดึงจนคนโดนแกล้งดิ้นเบาๆ ยิ่งเห็นแบบนั้นจงอินก็ยิ่งหัวเราะออกมาดังขึ้นจนคนตัวเล็กเริ่มหน้ามุย  แกล้งอยู่แบบนั้นพอเจ้าตัวพอใจนั้นแหละถึงได้ยอมปล่อย

     

     

    “ ..กลับไปด้วยกันนะ

    แต่นี่มันเพิ่งคาบเช… ” ที่คยองซูพูดว่าให้จงอินกลับไปพักก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะกลับไปกับจงอินด้วยซักหน่อย แล้วนี่ก็ยังไม่จบคาบแรกเลยด้วยซ้ำ

    โอ๊ย! อยู่ๆก็ปวดมือ!! กูอยากพักแล้ว

    กระเป๋าเราอยู่บนห้อง... ”

    เดี๋ยวให้ไอ้ชานยอลเอาของกลับไปให้

    แต่ว่า… ”

     “ โอ๊ย! ปวดขึ้นมาอีกแล้ว

    “…”

    “…นะ

    “…”

    “…นะครับ”

    ..ก็ได้ๆ เรากลับด้วยก็ได้ ถ้าจงอินไม่ได้มีแผลจริงๆ เราก็คงนึกว่าจงอินแกล้งนะ ”

    เชื่อกูใช่ไหม ดีใจจัง J

    “ เราประชดตั้งหาก เรารู้ว่าจงอินไม่ได้ปวดจริงซักหน่อย

    กูไม่ได้โกหกนะ เจ็บจริงๆ เนี่ยปวดตุบๆเลย ” กลัวไม่เชื่อร่างสูงก็ยื่นมือไปให้ดูประกอบกับคำพูดบวกกับสีหน้าน่าสงสารที่พอจะทำให้ไอ้มิเห็นใจ

     

    “ สงสัยจงอินจะเจ็บจริงๆด้วย เพราะขนาดเจ็บยังเจ็บผิดข้างเลย

                 !!!

                     

     

     

     



     

                Rrrrrrr  Rrrrrrr Rrrrr

     

                    ใครโทรมาทำอะไรแต่เช้า

     

        ตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์แต่ก็ใช้มือกวาดไปทั่วเตียงหวังจะมีร่างหอมๆที่ลืมตามาต้องเจอทุกวันแต่กลับเจอแต่ความว่างเปล่าจนทำให้เขาต้องลุกขี้นมานั่งไล่ความง่วงที่มีมากกว่าปกติเวลาต้องตื่นนอนโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงร้องข้างเตียงเลยสักนิด

     

         ไอ้มิตื่นแล้วหรอ 

     

                      อ๋อ ลืมบอกไป

     

                      ตอนนี้ไอ้มิมันยอมมานอนบนเตียงกับเขาดีๆแล้วแบบที่ยอมอย่างจำใจ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ว่าไอ้มิมันจะนอนที่ไหนตอนเช้าก็ตื่นมาอยู่บนเตียงอยู่ดีก็เพราะเวลาไอ้มิหลับน่ะรู้ตัวที่ไหนหล่ะ เขาก็จัดการอุ้มมานอนกอดบนเตียงด้วยกันสิรออะไร แต่ก็ได้แค่นอนกอดนอนจับมือเท่านั้นแหละถึงแม้จะแอบจับแอบลูบตอนหลับไปนิดหน่อยเป็นกำไร เลี้ยงนกต้องใจเย็น ทำอะไรบู่มบ่ามตามใจตัวเองเกินไปคงเหลือไว้แต่กรง

     

                      เมื่อวานพอกลับมาที่คอนโดด้วยกันก็เหมือนว่าไอ้มิมันจะทำตัวว่านอนสอนง่าย ไม่ค่อยขัดใจยอมให้แทะโลมแบบไม่ค่อยขัดขืนจนเขาต้องถามไปว่าทำไมไม่ดิ้นหนีหรืออะไรที่ชอบทำ เราไม่อยากให้จงอินเจ็บแผลมันทำให้จงอินเห็นประโยชน์จากการที่ตัวเองมีแผลจนอยากทำให้ตัวเองมีแผลอีกเรื่อยๆ เมื่อวานไอ้มิมันทำตัวน่ารักขึ้น จากเดิมที่ว่าก็น่ารักจนเขาจะบ้าอยู่แล้ว!

     

                      พอมองไปรอบๆห้องไม่เห็นไอ้มิแน่ๆแล้ว ถึงได้เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย

     

                      เออ...มีไรวะ

     

                      [จงอิน มือมึงเป็นหนักเลยหรอ มึงป่วยหรอวะ ไม่สบายตรงไหน โธ่! ไอ้ดำของพี่แบค]

     

                      “ อะไรของมึงเนี่ย? ” ชักจะหงุดหงิดที่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงไอ้แบคฮยอนมาง้องแง้งใส่จนต้องยกโทรศัพท์ออกจากหู

     

                      [พอๆ แบคฮยอน เดี๋ยวกูคุยกับมันเองเออ จงอินกูจะโทรมาบอกว่าวันนี้ไม่ต้องซ้อมนะ]

     

                      “ ทำไมวะ ”

     

                      [ วันนี้กูให้มึงพักมือแล้วกันจงอิน คยองซูเขาไม่ยอมให้กูเอามึงมาซ้อมเลยวันนี้ โทรมาบอกกูกับแบคฮยอนว่ามึงเจ็บมือขอพวกกูว่าให้มึงพักมือวันนึงคงเป็นห่วงมึงน่าดู]

     

                      ได้ยินแบบนี้ความง่วงมันหายไป เปลี่ยนเป็นแปลกใจปนดีใจนิดๆที่ได้ยินว่าไอ้มิมันโทรไปขอให้เขาได้พักวันนี้

                      โทรไปตอนไหนกัน

     

                      [ นกมึงนี่พอเชื่องแล้วดูห่วงเจ้าของนะ ฮ่าๆ ]

     

    เคร้ง! กึกๆ

                      เสียงดังมาจากข้างนอกจนทำให้จงอินสะบัดหัวให้ตื่นได้เต็มตาก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปหาต้นต่อที่ทำให้เกิดเสียง ก็เดาไม่ยากว่าต้องเป็นไอ้มินั่นแหละ

     

                      หรอวะ… ” พูดกับชานยอลไปด้วยแล้วก็ลุกจากเตียงออกมาตามเสียงกึกกักที่ดังออกมาจากข้างนอก แล้วก็เห็นว่าไอ้มิมันกำลังก้มๆเงยๆวุ่นวายอยู่กับของในครัวจนเขาต้องหยุดยืนพิงขอบประตูห้องนอนมองร่างเล็กๆของไอ้มิในชุดนักเรียนหันหลังเข้าเตาแก็ส มือหนึ่งคุยโทรศัพท์อีกมือก็จับช้อนค้นลงไปในหม้อ ไม่รู้ทำไมพอเห็นแบบนี้แล้วปากมันต้องฉีกไปถึงหู

     

    สงสัยที่ไอ้ชานยอลพูดก็คงจะจริง

     

                      งั้นกูวางแล้วนะ เดี๋ยวไปฝึกลูกหมากูให้เชื่องเหมือนนกมึงบ้าง ถ้ามาโรงเรียนก็เดี๋ยวเจอกันมึง

     

                      โอเค ” กดตัดสายแล้วก็ได้แต่ยืนมองไอ้มิอยู่แบบนั้น

     

                      ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเป็นคนทำอาหารมากกว่าเพราะไม่อยากให้ไอ้มิมันเข้ามายุ่งอะไรในครัวมาก ให้เอากิมจิออกมาหั่นแล้วใส่จานดีๆยังทำให้กระเด็นเข้าตาได้ เลยคิดว่าให้ยืนมองเขาทำอาหารจะดีกว่าถึงแม้ว่าบางทีจะบอกว่าอยากช่วยทำก็เถอะ

     

        “ หม่าม๊า ข้าวต้มมันน่าตาแปลกๆ จงอินจะกินได้หรือเปล่าไม่รู้ ลูกเอาน้ำเอาข้าวเอาผักใส่หม้อแล้ว แต่ไม่เห็นเหมือนที่หม่าม๊าทำเลย… งั้นไม่เป็นไรครับหม่าม๊า เดี๋ยวลูกลงไปซื้ออาหารข้างล่างมาดีกว่า เที่ยวให้สนุกนะครับหม่าม๊า ” พอวางสายไปร่างบางก็ยังคงจับช้อนคนๆในหม้ออยู่ ดูเหมือนว่าไอ้มิคงมีสมาธิกับสิ่งตรงหน้าจริงๆก็เลยไม่รู้ว่าเขาเดินเข้ามาประชิดตัวแล้วแท้ๆ

     

       “ หอมจัง ” แกล้งเอาจมูกไปฟุดฟิดตรงซอกคอขาวจนคนขี้ตกใจสะดุ้งสุดตัว ความจริงไอ้ข้าวต้มที่อยู่ในหม้อพอมามองใกล้ๆหน้าตามันก็ไม่ได้แย่อะไรนอกจากพวกแครอทที่หันชิ้นใหญ่เกินไปหน่อย แค่ได้ยินว่าไอ้มิมันตั้งใจจะทำข้าวต้มให้เขากินถึงมันจะไหม้ดำจนกินไม่ได้จงอินก็จะกินให้หมด

     

                      ไอ้มิมันอุตส่าห์น่ารักทำให้ทั้งที ไม่กินก็บ้าแล้ว

     

                      “ อ๊ะ! จงอิน ตกใจหมดเลย ตื่นตอนไหนหรอ

     

                      “ ตื่นมาทำข้าวต้มให้กูแต่เช้าแบบนี้ เป็นห่วงกูล่ะสิ ”

     

                      ..ก็ไม่มีอะไรเลย เราแค่หิวเลยตื่นมาทำข้าวต้มแล้วทำเผื่อจงอินเฉยๆ

     

                      จริง? ”

                      อือ

                      ไม่ห่วงกูเลย? กูเจ็บมืออยู่นะ ”

                      อือ

                      ไม่เลยสักนิด? ”

                      อื้อ!

     

                      งั้นวันนี้กูไปซ้อมดีกว่า ใกล้จะงานโรงเรียนแล้ว… ” ร่างสูงทำท่าจะหมุนตัวกลับแต่ก็โดนรั้งเอาไว้ซะก่อน

     

                      “ ม..ไม่เอา จงอินมือเจ็บอยู่นะ

     

                      อื้ม ซ้อมทั้งที่เจ็บๆเนี่ยแหละ มึงไม่ห่วงกูหนิ จะสนใจทำไม ”เอาความจริงเลยนะ ไอ้แผลที่นิ้วกับหลังมือที่บวมขึ้นมานิดๆมันไม่ได้เจ็บเลยสักนิด ไปซ้อมไปเล่นกีต้าร์ได้สบายๆอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากบอกไอ้มิแล้วปล่อยให้ไอ้มิมันเข้าใจว่าเขาเจ็บมือไปแบบนี้  ยิ่งเห็นว่าไอ้มิมันทำตัวน่ารักทำหน้าไม่อยากให้เขาไปยุ่งอะไรกับมือมากไปกว่านี้มันก็ทำให้เขาเลือกที่จะไม่บอกอะไรและเล่นละครว่ามันเจ็บมือมากต่อไป

                     

                      แต่คราวนี้จะไม่ยอมผิดพลาดเจ็บผิดข้างอีกแล้ว

                      บอกเลยว่าแม่งโคตรอาย!

     

                      “ ก็ได้ๆ เราห่วงจงอินเราเลยตื่นมาทำข้าวต้มให้จงอินกิน เราบอกแล้วจงอินก็ห้ามใช้มือเยอะนะวันนี้ เราว่าพักมือวันนึงก่อนพรุ่งนี้ค่อยไปซ้อมก็ได้นะ แบคฮยอนกับชานยอลไม่ว่าหรอกเนี่ยเพิ่งโทรมาหาเรานะว่าให้จงอินพักได้วันนึง โชคดีมากๆเลย จงอินจะได้พักมือไง …จงอินยิ้มอะไรหรอ… ”

     

                      หรอ กูยิ้มหรอ ” พูดกวนไปงั้นแต่ก็รู้ตัวแหละว่าปากมันยิ้มจนฉีกไปถึงหัว ก็ใครใช้ให้ไอ้มิมันไม่เตี๋ยมกับไอ้แบคไอ้ชานให้ดีๆก่อนมาพูดกับเขาหล่ะ บอกว่าเพื่อนเขามันพักวันนึงเลยไม่ต้องซ้อม แต่ไม่ได้รู้เลยว่าชานยอลบอกเขาหมดแล้วว่าเจ้าตัวนั่นแหละที่เป็นคนขอให้เขาพัก

     

                      จงอินไปนั่งรอที่โต๊ะเลย เดี๋ยวเราขอเวลาแปปนึง ” คนตัวเล็กดึงแขนจงอินให้เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะดึงให้นั่งลงไปดีๆ คยองซูคิดว่าเขาคงใช้เวลาไม่นานถ้าจะรีบลงไปซื้ออาหารมาให้จงอินกินในตอนนี้

     

                      ไม่ต้องลงไปซื้อไม่ต้องสั่งขึ้นมากินนะ กูจะกินข้าวต้ม

     

                      “ …แต่ว่า จงอินอาจจะตายก็ได้นะ ” ใบหน้าน่ารักทำตาโตเมื่อเห็นว่าจงอินยืนยันว่าจะกินข้าวต้มที่ตัวเองเป็นคนทำ

     

                      คยองซูไม่ได้พูดขู่นะ นี่พูดจริงๆ (.  .)

     

                      เวอร์ เอามาเร็วๆ  พอเห็นว่ายังไงจงอินก็จะกินให้ได้เลยทำให้คยองซูวิ่งดุ๊กๆเข้าไปตักข้าวต้มใส่ชามสองชามแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แต่ยังไงคยองซูก็ยังไม่วางใจกับการทำข้าวต้มครั้งแรกของตัวเองอยู่ดีไม่รู้จงอินมั่นใจอะไรถึงได้คิดว่าข้าวต้มของคยองซูจะกินได้

     

                      “ ก็อร่อยดี ”

                      เห็นคนตรงหน้าตักข้าวต้มขึ้นกินแบบหน้าตาดูอร่อยอย่างที่ปากบอกมันก็ทำให้คยองซูนึกวางใจคลายกังวลไปได้เยอะ ก็เขาไม่เคยทำข้าวต้มให้ใครกินนี่หน่า ตอนทำเสร็จใหม่ๆหน้าตามันดูเหมือนจะกินไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ แต่จงอินบอกว่าอร่อยเลยคิดว่าทักษะการทำอาหารของคยองซูก็พอไปวัดไปวาได้อยู่บ้าง

     

                      แต่พอลองตักเข้าปากตัวเองเท่านั้นแหละ…

     

                      “ หื้ออ! ไม่เห็นอร่อยเลย จงอิน ไม่ต้องกินแล้ว ” คยองซูอยากจะลุกไปคว้าชามข้าวต้มของจงอินแล้วเอาไปเททิ้งซะเดี๋ยวนี้ จงอินกินได้ยังไงเค็มแถมแครอทที่คยองซูหั่นๆใส่ลงไปก็ยังไม่สุกอีกตั้งหาก แต่พอมือจะถึงชามก็ถูกจงอินดึงไว้ไม่ให้เอามาราวกับว่ามันเป็นข้าวต้มเจ้าดังที่มีคนต่อคิวแย่งกันซื้อ

     

                      “ ถึงอาหารมันอาจจะไม่ได้อร่อยมากมายอะไร แต่มันอร่อยเพราะคนทำเป็นมึงมือใหญ่เอื้อมมาขยี้ผมนิ่มของอีกคนที่แก้มเล็กค่อยๆแดงระเรื่อขึ้น ช่วงนี้เขาว่าเขาเห็นแก้มไอ้มิมันแดงบ่อยขึ้น มันถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหรือเปล่าที่ไอ้มิมันเริ่มเขินเขาบ้างแล้ว น่ารักดี

     

                      จงอิน ตรงนี้มันเลอะ ” คยองซูทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่นั่งมองจงอินกินข้าวต้ม พอเห็นว่าข้าวต้มมันเลอะที่ขอบปากบนก็ชี้ไปที่เหนือริมฝีปากของร่างสูงเพื่อให้จงอินรู้ตัวแล้วก็เช็ดออก ดูไปดูมาจงอินก็กินเลอะเป็นเด็กเหมือนกันนะเนี่ย

     

                      “ หรอ เช็ดให้หน่อย กูมือเจ็บเช็ดไม่ถนัด ” ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบของไอ้มินิดหน่อยแต่มือเล็กก็ยื่นไปหยิบกระดาษทิชชูมาแล้วยกตัวขึ้นจากฝั่งตรงข้ามโต๊ะจะมาเช็ดให้

     

                      หมับ!

                      .จงอิน จับมือเราไว้แล้วเราจะเช็ดให้ยังไง ” แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่ออยู่ๆจงอินก็จับมือของคยองซูเอาไว้ทั้งสองมือด้วยมือเดียว จะขืนมือออกก็ไม่กล้า กลัวจงอินจะเจ็บแผล ก็ทำได้แค่บอกให้อีกคนปล่อยมือเขาแต่โดยดี

     

                      ไม่ได้บอกให้ใช้มือ ใช้ปากเช็ดให้หน่อย

     

                      “ จงอิน ปากมันจะไปเช็ดได้ยังไงล่ะ ต้องใช้มือสิถูกแล้ว แล้วถ้าจงอินจับมือเราแบบนี้เราก็เช็ดให้จงอินไม่ได้ ถ้าให้เราเอาปากไปเช็ดก็เหมือนว่า….!!!!  

     

         !!!

          ก็เหมือนว่าเราจุ๊บกันอ่ะสิ

     

         “ รู้แล้วนะ  งั้นเร็วๆรออยู่ :)

     

                      ร..เรื่องอะไรกัน

                      ไม่ได้ อยู่ตรงนี้นานไม่ได้แล้ว

                      ต้องไปโรงเรียนแล้ว ใช่! คยองซูต้องไปโรงเรียนแล้ว วันนี้แยกกันไปแล้วกัน

                     

                      “ ร..เราว่า เรารีบไปเรียนก่อนดีกว่าจะได้ไม่สาย เราป..ไปเลยดีกว่า  ” คยองซูพยายามบิดมือให้มือที่มีพลาสเตอร์ลายโปโรโร่เหลืองอ๋อยแปะอยู่ได้รับการสะเทือนน้อยที่สุดแต่ก็เหมือนว่าจะถูกจับแน่นขึ้นกว่าเดิมอีก

     

                      ไปด้วยกัน แต่นี่ยังไม่ได้เช็ดปากให้กูเลย ให้คนเจ็บมือเช็ดเองได้ไง เนี่ยเร็วๆ ยื่นปากรอจนเมื่อยหมดแล้ว

     

                      “ ไม่เอาหรอก …จงอิน…อย่า ”

     

                     

     

    ติ๊ด แกร็ก!

                     

                      ไง พอไม่รับงานก็หาตัวยากจังนะ

                      !!!

     

                      “ …ลู่หาน ”

                      พอได้ยินเสียงมาจากหน้าประตูจงอินก็ปล่อยมือคยองซูแล้วรีบลุกขึ้นทันที และพอคยองซูหันหน้าไปมองคนที่จงอินเรียกว่าลู่หานก็เห็นว่าใบหน้าสวยนั่นจะมองมาที่คยองซูเหมือนกันจนร่างเล็กได้แต่โค้งทักทายตามมารยาท จงอินเคยเล่าให้คยองซูฟังว่าลู่หานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของจงอินแต่ก็ได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นหน้า ตอนแรกก็ยังนึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงแล้วเป็นเสียงผู้ชายแต่พอหันมาใบหน้าสวยนั่นเหมือนผู้หญิงจนคยองซูอดชมอยู่ในใจไม่ได้

     

                      เป็นผู้ชายหรอ แต่ทำไมหน้าหวานจังเลย

     

                      ตอนแรกนึกว่าจะต้องเข้ามาปลุก ไม่คิดว่าจะตื่นเช้าเป็นด้วย นี่คงเป็น...คยองซูใช่ไหมเรา? ” พอลู่หานจะเดินเข้ามาใกล้คยองซูร่างสูงก็รีบเดินไปขวางให้ไอ้มิมาหลบข้างหลัง

     

                      มิ...ไปโรงเรียนก่อน ถ้ามีอะไรก็ไปหาแบคฮยอนชานยอลนะ เข้าใจที่กูพูดไหม

     

                      แต่…”

     

                      ไปสิ! ”

                      !!!

                      ..อื้ม เอ่อสวัสดี..ครับบอกจงอินแบบนั้นก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนที่เมื่อวานชานยอลแวะเอามาให้ตรงโซฟามาถือเอาไว้ ก่อนไปก็ไม่ลืมโค้งทักทายคนมาใหม่อย่างน่ารักจนคนถูกทักทายก็หลุดหัวเราะออกมา พอประตูปิดลงลู่หานก็เดินไปนั่งที่โซฟาด้วยท่าทีสบายๆ ก็ห้องจงอินลู่หานมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ที่เขาเข้ามาได้ก็เพราะว่ามีคีย์การ์ดที่จงอินให้เขาเอาไว้เพราะบางทีจงอินรับงานเช้าก็ต้องเป็นลู่หานที่ขึ้นมาปลุกและมารับ

     

                      เดี๋ยวนี้ชอบแบบนี้หรอ ซื่อๆใสๆ น่ารักดีนะ... แต่แต่งตัวเฉิ่มไปหน่อย  ” ก็ไม่ได้ซีเรียสที่เด็กที่ลู่หานดูแลจะมีแฟนถ้าไม่ได้ทำให้งานที่รับต้องเสียเขาก็ไม่ว่าอะไร แต่จะว่าไปก็อดแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กคนนั้นจงอินจะพามาอยู่ที่คอนโดด้วยเพราะปกติคนที่จงอินคบที่ผ่านๆมาก็มักจะเป็นพวกสวยแต่รูปจูบไม่หอมซะมากกว่า ใช่ ลู่หานรู้ทุกอย่างความเคลื่อนไหวของเด็กที่เขาต้องดูแลมันเป็นเรื่องที่ผู้จัดการที่ดีต้องรู้อยู่แล้ว

     

                      จะมาทำไมไม่บอกก่อน… ” จงอินถอนหายใจแล้วเดินมานั่งตรงโซฟาตัวถัดมา

     

                      จงอินรู้แล้วใช่ไหมว่าเซฮุนกลับมาแล้ว

     

                      !!!

                      มันเจอพี่หรือยัง จงอินรู้ว่าเซฮุนมันกลับมาได้สักพักแล้ว แต่แค่ไม่มีโอกาสได้บอกเรื่องนี้กับลู่หานเท่านั้น

     

                      เซฮุนเป็นเด็กใหม่ในสังกัดเรา  

     

                      อะไรนะ!? ”

     

                      แล้วผู้จัดการของเซฮุนก็คือพี่

     

                      ที่มันย้ายมาโรงเรียนผมก็… ”

     

                      ใช่ พี่ให้เซฮุนย้ายไปเอง แล้วที่พี่มาวันนี้เพราะพี่มีอะไรอยากให้เราช่วย  

     

     



     

     



                  “…คยองซู

     

                 “...”

     

                 คยอง… ”

     

                 “…”          

     

    คยองซู! พี่เรียกตั้งหลายรอบไม่ได้ยินหรอ

     

    “ ข..ขอโทษครับ

     

    คิดอะไรอยู่ พี่เรียกตั้งนาน

     

    ..เอ่อ เปล่าหรอกครับอึนจองนูน่า ผมก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยๆน่ะ

     

    อย่าว่าแต่คนอื่นเลย คยองซูก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเหม่อจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกแบบนี้ รู้แต่ว่าตั้งแต่ออกจากห้องมาจนมาถึงโรงเรียนคยองซูก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่าจงอินกับพี่ลู่หาน(ดูจากการแต่งตัวที่ดูจะอายุเยอะกว่าคยองซูแล้วก็จงอินแน่ๆ)คุยอะไรกัน มันคงสำคัญถึงขนาดที่ว่าเขาคงอยู่ฟังไม่ได้สินะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเขาจะต้องรู้นี้หน่า แต่ทำไมพอเห็นจงอินอยากให้คยองซูออกจากห้องแบบนั้นแล้วรู้สึกไม่อยากมาโรงเรียนเลย…

     

    อ่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะคยองซู

     

    ตอนนี้คยองซูอยู่ในห้องสมุด จงอินมีชมรมคยองซูก็มีชมรมอยู่เหมือนกัน ห้องสมุดก็คือที่อยู่ของชมรมคยองซู คยองซูชอบอ่านหนังสือและคิดว่าชมรมบรรณารักษ์ห้องสมุดก็น่าจะเป็นชมรมที่เหมาะกับคยองซูที่สุดแล้ว ชมรมนี้ก็เหมือนรับสมัครบรรณารักษ์แบบไม่มีค่าจ้าง ทำการยืม-คืนหนังสือ แนะนำหนังสือหมวดต่างๆให้นักเรียนที่หาหนังสือไม่เจออะไรทำนองนั้น ความจริงที่ห้องสมุดก็มีคุณครูประจำอยู่แล้วนั่นแหละเลยไม่ต้องมาอยู่ตลอดก็ได้ จะทำก็ต่อเมื่อคุณครูไม่อยู่ ส่วนใหญ่คยองซูก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากมาก็มานั่งอ่านหนังสือมาอยู่กับอึนจองนูน่าที่เป็นพวกรักชมรมถึงขั้นมาอยู่ที่ชมรมทุกเวลาว่างเช้ากลางวันเย็น

     

    ไม่ใช่คยองซูคนเดียวที่คิดว่าชมรมนี้มันน่าอยู่ ยังมีอึนจองนูน่าอีกคนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของชมรมนี้เหมือนๆกัน อึนจองนูน่าอยู่มอปลายปีสุดท้ายแล้วและก็เป็นพี่คนหนึ่งที่เห็นว่าคยองซูมีตัวตนในโรงเรียนนี้ อึนจองนูน่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆใส่แว่นและชอบมัดผมแกะสองข้างตลอดเวลา มีแต่คนบอกว่าเขากับอึนจองนูน่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกันมากๆ อึนจองนูน่าเป็นคนรู้จักในไม่กี่คนในโรงเรียนที่คยองซูสนิทและไว้ใจ 

     

    แล้วนูน่ามีอะไรหรือเปล่าครับ

     

    ก็เห็นเราทำหน้าหงอยๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นพี่ก็เป็นห่วงน่ะสิ นิ้วของอึนจองจิ้มลงไปที่กลางหน้าผากของคยองซูก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นว่าคยองซูทำหน้ายู่กว่าเดิม คยองซูเป็นเด็กน่ารักมองโลกในแง่ดี ดีซะจนยอมให้คนอื่นเอาเปรียบและเป็นเด็กคิดมาก เธอเลยเป็นห่วง

     

                  เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้มาชมรมเลยนะ ไหงวันนี้ถึงมาได้ ไม่ต้องไปดูแลคิมจงอินขวัญใจโรงเรียนแล้วหรอ? ” และเรื่องที่คยองซูต้องเป็นคนไปดูแลเรื่องเรียนของจงอินอึนจองนูน่าก็รู้ เพราะตอนที่อึนจองนูน่าเจอเขากับจงอินมาโรงเรียนด้วยกันก็ถามจนคยองซูต้องบอกไป แต่เขาก็ไม่ได้บอกหมดถึงขนาดว่าย้ายไปอยู่กับจงอินที่คอนโดชั่วคราว เพราะอึนจองนูน่าดูจะไม่ชอบหน้าจงอินไม่รู้เป็นเพราะอะไรแต่ก็จริงที่นูน่าว่า เพราะตั้งแต่คยองซูต้องไปดูแลจงอินคยองซูก็แทบไม่ค่อยได้เข้าชมรมเลย

     

                  “ ผมคงคิดถึงนูน่าเลยมาหาไงครับ ” ยิ้มก่อนจะตอบเลี่ยงไปเพราะที่วันนี้เขามาอยู่ที่ก็เพราะว่าเขาอยากหนีจากเซฮุนมากกว่า ถ้าจงอินมาเห็นเขาอยู่กับเซฮุนจงอินอาจจะโกรธเหมือนเมื่อวานอีกก็ได้ นั่นแหละคยองซูเลยไม่อยากให้จงอินเป็นแบบนั้นอีก

     

                  “ บ้าหรอ คยองซูก็รู้พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายน่าถะนุถนอมแบบเรานะ

     

                  ผมรู้ ผมสู้ชานยอลของนูน่าไม่ได้หรอกครับ ” คยองซูยิ้มขำๆไปให้หญิงสาวรุ่นพี่ที่ตอนนี้บิดตัวเขินอายเพราะเพียงแค่ได้ยินชื่อลูกชายคนเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียน ก็อึนจองนูน่าน่ะแอบปลื้มชานยอลมาตั้งนานแล้ว แล้วเวลามีข่าวอะไรเกี่ยวกับชานยอลอึนจองนูน่าก็จะมาเล่าให้เขาฟังตลอด จึงไม่แปลกที่คยองซูจะรู้จักทั้งชานยอลแบคฮยอนและก็จงอินทั้งที่ปกติแล้วคยองซูแทบจะไม่รู้จักใครในโรงเรียนด้วยซ้ำ 

     

                   “ อย่าพูดชื่อสิ พี่เขินนะ ถึงจงอินจะโชคดีมีเพื่อนเป็นชานยอลแต่พี่ก็ไม่อยากให้เราไปยุ่งกับจงอินอยู่ดี ” แค่พูดชื่อยังรู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นมาหน่อยๆ สงสัยเธอคงจะชอบชานยอลมากเกินไป แต่ไอ้เรื่องที่ชานยอลเป็นเพื่อนกับพ่อนายแบบจอมกะล่อนนั่นเธอไม่มีข้อยกเว้นให้หรอกนะ ลองถ้าได้ยินว่าคิมจงอินทำให้คยองซูร้องไห้เสียใจเมื่อไหร่จะได้เห็นดีกันแน่

     

                   ไว้ผมจะบอกชานยอลให้นะว่านูน่าปลื้มชานยอลมากขนาดนี้ ฮ่าๆ

     

       “ ไม่เอาย่ะ! พี่ชอบก็จริงแต่ไม่ได้หวังครอบครอง ปล่อยให้เขาไปเจอคนที่เหมาะสมเถอะ แต่จะว่าไปหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ตรงนู่นก็ดูจะเหมาะสมกับพี่อยู่เหมือนกันนะคยองซู นั่งส่งสายตาพิฆาตใจมาให้หลายรอบแล้ว

     

    หญิงสาวพยักหน้าไปทางโต๊ะให้สำหรับอ่านหนังสือจนคยองซูต้องมองตามอย่างอยากรู้ แล้วก็หันกลับมาแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าใครคือหนุ่มหล่อที่อึนจองนูน่าหมายถึง

     

    ร่างสูงที่วันนี้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนในคอมีเฮดโฟนสีแดงคาดอยู่กำลังนั่งท้าวคางนั่งหันหน้าเข้าหาโต๊ะที่คยองซูอยู่ ใบหน้าหล่อที่มุมปากมีรอยฟอกช้ำจากที่มีเรื่องเมื่อวานแสดงให้เห็นเด่นชัดยกยิ้มออกมาน้อยๆ ดวงตาคมที่เหมือนจะจ้องมองมานานพอสมควรทำให้คยองซูต้องทำตาโตอย่างตกใจไม่พอยังยักคิ้วส่งมาให้เมื่อสายตาสบประสานกัน

     

                      เซฮุนนี่หน่า

     

                      มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ” พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆยกหนังสือที่หยิบได้แถวๆนั้นขึ้นมาปิดหน้า หมายจะให้หนังสือช่วยหลบซ่อนตัวเขาให้พ้นจากร่างสูงที่นั่งมองมา เพราะแน่ใจว่าระหว่างที่มาโรงเรียนคยองซูก็มองอยู่ตลอดนะว่าไม่มีเซฮุนเพราะเซฮุนอยู่คอนโดเดียวกับจงอินคยองซูเลยกลัวว่าเซฮุนจะโผล่มาให้จงอินหงุดหงิดอีก คยองซูว่าเขาดูดีแล้วจริงๆนะ

     

                      หล่อเน้อะ นั่นๆ เดินมาแล้วคยองซู ” เสียงลั้นล้าของอึนจองทำให้คยองซูต้องหน้าซีดกว่าเดิม

         นี่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็หนีเซฮุนไม่พ้นใช่ไหม

                     

     

                      “ …I would like to join this club, What should I do?

                      [ ผมอยากจะสมัครเข้าชมรมนี้ ต้องทำยังไง ]

     

                      เอ่อ เอ่อ อะไร ว้อทๆ วอนๆ เอิ่มคยองซูคยองซูหญิงสาวดันแว่นขึ้นจนชิดสันจมูกก่อนจะทำหน้าแหยไปให้คนมาใหม่ที่มาถึงก็พ่นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ที่คุ้นเคยและก็ไม่ถัดและคงคิดว่าจะคุยไม่รู้เรื่องด้วย เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าให้คยองซูคุยแทนดีกว่า

     

                      โชคดีนะคยองซู

                      ถึงจะหล่อแต่คุยไม่รู้เรื่อง พี่ก็ไม่โอเค

     

                      คยองซู คุยกับเขาหน่อยสิ พี่ว่าพี่ไปจัดหนังสือตรงโน้นก่อนดีกว่า ” ว่าแล้วก็ลุกเดินหนีโดยที่ไม่ลืมส่งยิ้มไปให้สุดหล่อของตัวเองหนึ่งที ทิ้งให้คยองซูต้องอยู่กับร่างสูงที่เอาแต่ยิ้มแบบชอบใจ

     

                      ชมรมคนเต็มแล้ว เซฮุนไปสมัครชมรมอื่นเถอะนะ ร..เราขอตัวก่อน ” คยองซูรู้ว่าเซฮุนไม่ได้ตั้งใจจะมาสมัครเข้าชมรมนี้จริงๆหรอก ก็แค่จะมาแกล้งเขามากกว่า เซฮุนรู้ที่หลบภัยของคยองซูแล้ว แล้วคยองซูจะไปซ่อนที่ไหนได้อีก

     

                      “ เฮ้ๆ! เดี๋ยวสิ รู้ไหมมันยากแค่ไหนกว่าจะหาห้องสมุดเจอน่ะ ” ไม่ใช่แค่ทางมาห้องสมุดที่มันยาก แต่ที่ยากกว่านั้นคือการที่ต้องถามคนในโรงเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่าเห็นเด็กเนิร์ดตัวเล็กๆแว่นหนาๆที่ชื่อคยองซูหรือเปล่า น้อยคนจริงๆที่จะรู้จักคนตัวเล็กตรงหน้าเนี่ย

     

                      เราไม่ได้ขอให้เซฮุนมาซักหน่อย

     

                      “ Ok, I give up. ฉันยอมแพ้ และฉันมาของฉันเองไม่มีใครบังคับหรอก ” ยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้กับคนตรงหน้า

     

                      “…”

     

                      “ ไปกินข้าวกัน ”

     

                      เรากินแล้ว ” ที่ไหนหล่ะ เมื่อตอนเช้าที่ออกจากห้องมาคยองซูยังไม่ได้กินอะไรสักคำนอกจากชิมข้าวต้มฝีมือตัวเองจนนี้ก็จะเข้าเรียนอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ จะให้เซฮุนรู้ไม่ได้หรอก

         โครกคราก ~

     

         ฮื่ออ แต่ท้องมาร้องอะไรตอนนี้นะ

     

        “ หึหึ เชื่อแล้วว่าไม่หิว

     

        “…”

     

        “ แค่ไปกินข้าวเป็นเพื่อนเอง กินเสร็จก็จะได้ขึ้นไปเรียนไง

     

        “…”

     

                     ไม่อยากได้แล้วหรือไง สร้อยน่ะ? ” พอได้ยินคำว่าสร้อย คยองซูก็ต้องหันไปมองเซฮุนทันที เซฮุนสามารถจะให้เขาทำอะไรก็ได้เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องทำตามแน่ เพราะเส้นข้อมือเส้นนั่นมันอยู่กับเซฮุน คยองซูรู้สึกตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย ตอนแรกดีใจที่เส้นมันไม่ได้หายไปได้ แต่ตอนนี้คยองซูกลับคิดว่ามันหายไปยังจะดีซะกว่า มันเลยทำให้เขาต้องทำตามคำสั่งของเซฮุนโดนไม่มีข้อแม้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                      เฮ้ รีบเดินแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก Nerdy! ”

         พูดบอกเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะล้มลงไปจริงๆ พอกินข้าวอิ่มคยองซูก็เหมือนจะรีบลุกเดินนำออกจากโรงอาหารจนทำให้เซฮุนต้องกึ่งวิ่งกึ่งตามขนาดนี้ นี่กลัวไอ้จงอินมันจะมาเห็นขนาดนั้นเลย ถ้าเขาไม่มีสร้อยไว้เป็นตัวประกันปานนี้คยองซูคงหลบจนเขาหาไม่เจอแน่ๆ  

     

                      “ What happen? ” พอออกมาจากโรงอาหารก็เห็นว่าคนตัวเล็กที่ตอนแรกกึ่งวิ่งกึ่งเดินหยุดยืนอยู่กับที่ไป  ร่างสูงที่เดินตามมาทันก็เอ่ยถามทันที คยองซูไม่ได้ตอบอะไรแต่เสียงที่ได้ยินไล่หลังมาจากข้างในโรงอาหารมันก็ดังมากพอจะทำให้เซฮุนรู้ว่ามันเพราะอะไร…

     

     

                      นั่นคยองซูนี่ มากินข้าวกับใครน่ะ

     

                      ‘ แก!! เซฮุนไง เซฮุนที่ถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ XX ตัวใหม่ไง!! ที่เพิ่งจะย้ายมาโรงเรียนเราเมื่อวานนี่เอง ’

                      แก รู้หรือเปล่าเมื่อวานมีคนเห็นจงอินเดินจูงมือคยองซู พากันไปไหนไม่รู้ด้วยนะแก’

     

                      ห้ะ! มองผิดคนหรือเปล่า คยองซูอะนะ

     

         จงอินอาจจะสงสารเพราะมันไม่ค่อยมีใครคบก็ได้นะ ฮ่าๆ

     

                      หึ๋ย ไม่ชอบอ่ะ!! บังอาจมายุ่งกับจงอินของฉัน

     

                     

     

          พรึบ!

     

         !!!

     

          “ ใส่ซะ!  ” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปฎิเสธอะไรออกไปหูฟังเฮดโฟนสีแดงที่เมื่อกี้เห็นมันอยู่ที่คอของร่างสูงแต่ตอนนี้มันกลับถูกนำมาวางครอบหูทั้งสองข้างของคยองซูเอาไว้ ดวงตากลมโตใต้แว่นฉายความไม่เข้าใจออกมาจนทำให้ร่างสูงต้องเอ่ยบอก

     

                      “ Crazy? พาโบ? ทำไมถึงทนฟังอะไรแบบนี้แล้วยังเฉยได้อีก ”

     

                      ..นี่ไง เหมือนว่าเซฮุนก็เข้าใจภาษาเกาหลีดีนี่หน่า แล้วจะให้เราดูแลทำไม ” คยองซูพูดแบบยิ้มๆ แต่ดูก็รู้ว่ากำลังฝืนยิ้มอยู่ เจอแบบนี้ยังจะยิ้มได้อีกหรือไง แปลกคน

     

                      ที่รีบเพราะแบบนี้สินะ? ให้ฉันจัดการให้ไหม

     

                      “..อย่า เราไม่เป็นไร เรา..ชินแล้ว

     

                      ชิน? เป็นแบบนี้มานานหรือไง ”

     

                      คำพูดของเซฮุนที่ทำให้คยองซูก้มหน้ามองพื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ความเงียบที่ได้ยินมันทำให้เซฮุนแน่ใจว่าคนตรงหน้าคงไม่ได้เจอคำพูดสกปรกพวกนี้เป็นครั้งแรก และมันก็ถูกอย่างที่เซฮุนบอก ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอคำพูดที่ไม่น่าฟังจากคนในโรงเรียนแบบนี้…

     

    จงอินเดินกับใครน่ะ เฉิ่มชะมัด! ’

    นั่นดิ อะไรกัน ชานยอลกับแบคฮยอนหายไปไหน ปล่อยให้จงอินเดินกับคนเฉิ่มๆแบบนี้ได้ยังไง

    ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าไม่เข้ากับจงอินแค่ไหนน่ะ

     

     

                  ‘ อ๋อ คนนี้หรือเปล่าที่จงอินเคยช่วยที่โรงอาหารน่ะ ’

    ใช่ ตอนนั้นฉันอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เฉิ่มชะมัด

     

    ‘เธอว่าหรือเปล่า ช่วงนี้คยองซูเหมือนจะพยายามเข้าหาจงอินนะ อยากดังหรือไงกัน

    เห็นหน้าแบบนี้ ไม่ใช่เล่นเลยนะ

     

     

    “ เซฮุน..ไม่ต้องหรอก ” พอจะหันกลับเดินเข้าไปในโรงอาหารก็ต้องหยุดแล้วก้มมองมือเล็กที่กำลังจับหมับเข้าที่ปลายเสื้อของตัวเอง แล้วถอนหายใจออกมา

     

    จงอินมันรู้หรือเปล่า

     

    ขวับๆ

    คนตัวเล็กส่ายหัวทั้งๆที่ยังก้มหน้าจับปลายเสื้อเขาอยู่แบบนั้น

     

    ทำไมถึงต้องทำตัวให้น่าปกป้องด้วยวะ ให้ตายสิ

     

    “ เฮ้อ จะอยากปกป้องกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้แว่นหนาๆกับทรงผมบ้าๆนี่ ” มือใหญ่ยกขึ้นขยี้กลุ่มผมนุ่มของคยองซูที่จับปลายเสื้อเขาเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าเขาจะตรงเข้าไปจัดการพวกปากไม่มีหูรูดพวกนั้นเข้าจริงๆ

     

    และในจังหวะที่สายตาของเซฮุนกวาดมองออกไปรอบๆ เขาก็สังเกตเห็นร่างบางของลู่หานกับจงอินกำลังเดินมา นี่เผลอแปปเดียวไปอยู่กับจงอินซะแล้ว แบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือไงกัน พอเห็นว่าร่างทั้งสองเข้ามาใกล้พอที่จะเห็นเขากับคยองซู เซฮุนจึงโน้มตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็กแบบจงใจทำให้ไอ้จงอินมันเห็น

     

    ยิ้มเร็ว ก่อนที่ไอ้จงอินมันจะคิดว่าฉันรังแกเธอ

    !!!

     

    “ จ..จงอิน

    มือเล็กที่จับอยู่ตรงปลายเสื้อสูทนักเรียนของเซฮุนก็ปล่อยออก คยองซูผละออกมาจากเซฮุนทันทีเมื่อหันไปเห็นว่าใครที่เป็นคนยืนมองอยู่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่จงอินและพี่ลู่หานยืนมองคยองซูกับเซฮุน รู้แต่ตอนนี้คยองซูไม่อยากให้จงอินเข้าใจคยองซูผิด คยองซูไม่ได้ตั้งใจจะมาอยู่กับเซฮุนแบบนี้

     

    นัยต์ตาคมที่จ้องมามันนิ่งเรียบจนคยองซูเดาไม่ออกว่าจงอินกำลังรู้สึกยังไง 

     

    จงอินจะโมโหแบบเมื่อวานนี้ไหม

                 เขาไม่อยากให้จงอินมีเรื่องกับเซฮุนอีก

     

    จงอินทำท่าจะเดินมาแต่ทว่ากลับมามือเรียวของคนข้างๆดึงจับเอาไว้ที่แขนเสียก่อน ร่างสูงหลับตาลงเหมือนต้องการสงบสติอารมณ์ก่อนจะค่อยๆหันหลังดึงมือเรียวที่อยู่ตรงแขนมาจับเอาไว้เองแล้วออกแรงดึงให้เดินไปขึ้นรถคันหรูที่จอดเอาไว้ไม่ไกล

     

    และทั้งหมดนั่นมันอยู่ในสายตาของคยองซูทั้งหมด

     

    จงอินทำไมจงอินถึง

     

    ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของจงอินทำให้คยองซูรู้สึกไม่ดี  มืออุ่นๆของจงอินที่เคยกุมมือของเขาเอาไว้แต่ตอนนี้กลับกุมมือของใครอีกคนทำให้คยองซูใจกระตุกขึ้นมาซะดื้อๆ ความรู้สึกที่อยู่ในหัวเต็มไปหมด ความรู้สึกที่คยองซูก็ยังตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร

     

    รู้เพียงแต่ไม่ชอบเลย

     

    คยองซูไม่ชอบให้จงอินจับมือกับพี่ลู่หานแบบนั้นเลยจริงๆ

     

    แบบนี้ก็เจ็บดีเหมือนกัน

     

    เสียงพึมพำของเซฮุนที่คยองซูได้ยินมันทำให้คนตัวเล็กเห็นด้วยอยู่ในใจ…

     

    ตอนนี้คยองซูไม่ได้รู้สึกที่ร่างกาย …แต่เป็นที่ใจตั้งหาก

     

     

    “ คยองซู!! ” เสียงของแบคฮยอนหยุดความคิดของร่างเล็กไปชั่วขณะ  ร่างเล็กพอๆกันของแบคฮยอนกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขาโดยที่ข้างหลังแบคฮยอนก็มีชานยอลเดินตามมาด้วย 

     

                “ บ..แบคฮยอน จงอิน... ” ดวงตากลมโตของคยองซูที่ถูกบดบังด้วยแว่นหนามองไปทางรถที่เพื่อนของเขานั่งไปกับพี่ลู่หานไม่วางตา เหตุการ์ณทั้งหมดอยู่ในสายตาเขากับชานยอลที่เดินตามมากะมาส่งจงอินมันขึ้นรถพอดิบพอดี ถึงนกน้อยของเพื่อนไม่อธิบาย แบคฮยอนก็พอเข้าใจว่าทำไมคยองซูถึงทำหน้าจะร้องไห้แบบนี้

     

                แล้วก็เหมือนว่าน้ำใสที่คลออยู่ตรงขอบดวงตาโตทำให้แบคฮยอนต้องดึงแขนคนตัวเล็กให้ออกห่างจากเซฮุนที่เหมือนว่าจะเป็นสาเหตุทำให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เอาคยองซูมาไว้ข้างหลังก่อนจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อร่างที่สูงกว่าตัวเองอย่างไม่เกรงกลัว

     

                 เซฮุน มึงคิดจะทำอะไรกันแน่ มึงกลับมาทำไมอีก!!! ” แบคฮยอนตะคอกถามอย่างไม่เข้าใจ ใช่ ทั้งเขา จงอิน ชานยอล เซฮุน เป็นเพื่อนกันและเขารับรู้เรื่องราวระหว่างจงอินกับเซฮุนว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อวานตอนลงมารับพี่ลู่หาน ก็ต้องตกใจเพราะเห็นไอ้เซฮุนยืนอยู่กับพี่ลู่หานและถึงรู้ว่ามันกลับมาแล้ว แต่กลับมาทำไมมันก็ยังเป็นคำถามที่มันค้างคาอยู่ในหัวตลอดเวลาจนต้องมาตะคอกถามมันแบบนี้

     

     

                 “ เฮ้ พูดกันดีๆก็ได้ ไม่เจอกันตั้งนานผอมลงหรือเปล่าแบคฮยอน… ” 

     

    เซฮุนกวาดสายตาไล่สำรวจไปทั่วจนทำให้แบคฮยอนต้องกระชากคอเสื้อในมือให้แน่นขึ้นไปอีก

    มึง!!… ”

     

                  แต่แบบนี้ก็ดีฉันชอบนะไม่พูดเปล่ามือก็ยกหมายจะสัมผัสแก้มเนียนนิ่มแบบที่ไม่ได้สนใจเลยว่าคนตัวเล็กแทบอยากจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆอยู่แล้ว

                     

                   หมับ

                  เก็บมือของมึงซะ มึงคงไม่ได้อยากมีปัญหากับกูเพิ่มอีกคนหรอกมั้งเซฮุน ” ก่อนมือของเซฮุนจะได้ตรงเข้าไปจับที่แก้มของเพื่อนตัวเล็กก็ต้องโดนชานยอลตรงเข้ามาคว้าเอาไว้แล้วดันให้แบคฮยอนหลบไปด้านหลังของตัวเองก่อนจะเป็นฝ่ายจ้องตากับเซฮุนแทน

     

                   ถึงจงอินกับเซฮุนจะมีปัญหากัน แต่กับเขาแล้วก็แบคฮยอนก็ไม่ได้เลือกที่จะอยู่ฝ่ายใคร เพื่อนก็ยังคือเพื่อน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถึงแบคฮยอนจะอารมณ์ร้อนไปหน่อยที่เห็นเซฮุนแหย่จงอินด้วยวิธีแบบนี้ แต่สำหรับเขา ถ้าการกลับมาครั้งนี้เซฮุนมัน ’เปลี่ยน’ เขาก็พร้อมจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

     

                   “ just kidding  ยังจริงจังไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้ชาน :)

     

                   “ กูก็แค่หวังว่าที่มึงกลับมา มึงจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้น ”

     

                    “….”

     

                    “….”

     

                    ไปเถอะแบคฮยอน..คยองซู




     

     

     

     





    เผยโฉม อึนจองนูน่าติ่งชานยอลค่ะ
    จำนางได้ไหมคะ นางที่เคยโผล่มาฉากเดียวแล้วก็หายไป
    55555555555555555555555555555555555555

    ปล.นี่ฮโยมินแต่เราตั้งใจจะให้นางชื่อ อึนจองนะคะ ไม่ได้จำชื่อผิดเน้อะ 55555




    ดราม่าโฉยมาสุดๆ ทำไงดี ทำไงดี :(
     




    (c)  Chess theme 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×