คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : CHAPTER 16
16
@ห้องซ้อม
“ ชานยอล มึงดูๆ คนนี้อ่ะสนป่ะ? ” เสียงเรียกจากคนที่นอนหนุนตักทำให้เจ้าของชื่อต้องละจากหนังสือโน้ตเพลงแล้วก้มลงมองไอ้ลูกหมาสุดแสบที่กำลังยื่นรูปสาวสวยหมวยเอ็กซ์ในมือถือที่เจ้าตัวเปิดเอาไว้มาให้ดู มองเสร็จก็ถอนหายใจพรืด
โป๊ก!
“ โอ้ยย! กูเจ็บนะ! ” มือเล็กของคนนอนหนุนตักรีบยกขึ้นจับที่หน้าผากตรงที่โดนตีก่อนจะมองแรงส่งตรงไปให้คนทำที่ดูจะไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด มือแม่งก็ไม่ใช่จะเล็กๆมือเท่าใบลานตีมาได้
“ เจ็บดิดี ”
“ โห่ คนโน้นก็ไม่เอา คนนี้ก็ไม่เอา ชานยอลกูถามจริงๆมึงตายด้านป่ะเนี่ย ”
“ เมื่อคืนมึงยังไม่รู้หรือไง ? ”
“ ตลก! รู้ห่าอะไร มึงอย่าเปลี่ยนเรื่องชานยอล ”
“ กูรอมึงไง มึงกล้าบอกคนอื่นเมื่อไหร่ เมียกูก็มีตอนนั้นแหละ ”
“…” ชานยอลยิ้มกวนประสาทพร้อมยักคิ้วมาให้แบคฮยอนจนคนตัวเล็กต้องเบิกตาโพลง แล้วรีบหันไปมองใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วยนอกจากเขาสองคน
“…”
“ ฮ..ฮ่าๆๆ จงอินมึงดูเพื่อนมึงพูดดิ ตลกดีหว่ะ ฮ่าๆ เน้อะดำเน้อะ เอ่อ แฮ่ๆ ” แบคฮยอนรีบลุกขึ้นจากตักชานยอลก่อนจะตรงดิ่งเปลี่ยนที่ไปนั่งแหมะอยู่ข้างๆจงอินที่กำลังนั่งเกากีต้าร์อยู่ที่เก้าอี้อีกตัวเงียบๆ แต่เหมือนว่าเมื่อกี้จงอินจะไม่ได้แม้แต่จะฟังแบคฮยอนชานยอลด้วยซ้ำไป ใบหน้าหล่อที่ติดจะหงุดหงิดก็เงยขึ้นมาพร้อมเสียงทุ้มที่ติดจะรำคาญไอ้เพื่อนเตี้ยนิดๆ “ เป็นห่าอะไรมึงอ่ะ ”
อุ้ย สงสัยจะอารมณ์ไม่ดีอยู่
“ ดำาา เลิกเรียนแล้วคยองซูจะมานี่ป่ะ กูคิดถึงเมื่อกี้เจอกันแปปเดียว ” เมื่อกี้ตอนที่แบคฮยอนขึ้นไปตามจงอินก็เจอคยองซูกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่แต่คุยกันไปได้นิดเดียวเขาก็ต้องรีบลากจงอินมาซ้อมดนตรี จริงๆก็อยากจะชวนคยองซูมาอยู่ดูพวกเขาซ้อมด้วยเหมือนกันถ้าไม่ติดว่าต้องเรียน
“ กูจะไม่ให้มาก็เพราะมึงอยากเจอเนี่ยแหละ ” เอ่ยตอบเสียงเรียบก่อนจะถอนหายใจออกมาเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้จงอินกำลังเซ็ง แทนที่วันนี้จะได้เรียน(?) พอมาถึงห้องนั่งเก้าอี้ตูดยังไม่ทันร้อนไอ้แบคฮยอนก็เข้ามาลากให้มาที่นี่
“ แล้วมึงไม่ไปเรียน…ไม่ใช่ดิ ตามไปเฝ้าเขาเหมือนทุกทีอ่ะ ” ชานยอลเลิกคิ้วถาม ใช่คำว่าไปเรียนกับแม่งไม่ได้หรอกเพราะอย่างไอ้จงอินเพื่อนเขามันเคยสนใจเรื่องเรียนที่ไหนมันสนใจนกของมันมากกว่า
“ มึงถามเมียมึงดิว่าทำไมกูถึงไปไม่ได้ ” ยกมือขยี้ผมระบายอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองแล้วพยักหน้าไปทางไอ้ลูกหมาที่กำลังยิ้มแฉ่งมาให้ แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อรู้ว่าถูกพาดพิง
“ อ้าวๆ อย่ามองกูแบบนั้น อีกไม่กี่วันก็ต้องขึ้นงานโรงเรียนแล้ว ยังซ้อมได้ไม่ถึงไหนเลย กูเลยต้องทำแบบนี้ไง กูผิดหรอ ” นี่ก็จะมีงานโรงเรียนอีกไม่กี่วันอยู่แล้ว และวงพวกเขาก็ต้องขึ้นเล่นด้วย ความจริงมันก็ไม่ได้ซีเรียสแบบที่ว่าต้องซ้อมจริงจังแต่ถึงมันเป็นแบบนั้นก็ต้องซ้อมอยู่ดี อยู่ๆจะให้ขึ้นไปเล่นแบบไม่ได้ลองซ้อมกันก่อนเลยก็จะเทพไปหน่อย อีกอย่างที่ผ่านมางานจงอินมันเยอะจะตายเลยไม่ค่อยได้ไปแข่งอะไรที่ไหนเท่าไหร่มันก็เลยต้องเรียกแม่งมาซ้อมเนี่ยแหละ ก็นึกขอบคุณคยองซูอยู่เล็กๆที่ทำให้จงอินมันรับงานถ่ายแบบของมันน้อยลง เลยทำให้มีเวลาได้มาซ้อมร่วมวงกันได้มากขึ้นหน่อย
“ กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ” จงอินทำหน้าเหนือยๆเมื่อเห็นว่าไอ้เตี้ยมันเริ่มจะพูดมาก
“ แต่สายตามึงอ่ะด่ากูเต็มๆ ฟาย!! ห่างๆกันซะบ้างอยู่คอนโดก็อยู่ด้วยกัน แหม ปกติไอ้เรื่องโดดเรียน เรื่องซ้อมดนตรีนี่ชอบจัง พอจะมีเมียแล้วลืมเพื่อนนะมึงอ่ะ ติดคยองซู ไอ้ห่า!! ” ผลักหัวไอ้คนจะได้เมียแล้วลืมเพื่อนไปสองสามรอบเพื่อความสะใจ
แหมแต่ก่อนโดดเรียนเป็นว่าเล่นทีวันนี้ให้โดดเรียนหน่อยหน้างี้บูดเป็นตูดหมา
หมั่นไส้โว้ย!
นี่ก็เพิ่งจะเรียนจบคาบแรกของวันไปแต่เพราะในคาบมีงานให้ทำและต้องส่งในคาบเพื่อนๆเลยให้คยองซูเป็นคนถือกองสมุดไปส่งที่ห้องพักครูโดยที่คนตัวเล็กก็ไม่ได้คิดจะเถียงหรือมีความเห็นอะไรเพราะยังไงคยองซูก็แค่คิดว่าได้มีประโยชน์ในสายตาคนอื่นๆบ้างก็พอแล้วถึงกองสมุดมันจะดูหนักไปหน่อยสำหรับเขา
ครืดด!
‘ มิ ทำอะไรอยู่ ’
เสียงแจ้งเตือนของโปรแกรมแชท(ที่กว่าเขาจะเรียนรู้ได้จงอินก็เหนื่อยจะสอนเขาแทบตาย) สั่นในกระเป๋ากางเกงจนร่างบางที่กำลังถือกองการบ้านของเพื่อนในห้องจะเอาไปส่งให้ห้องพักครูต้องหยุดและล้วงมือถือขึ้นมาดู จริงๆก็พอจะรู้ว่าแล้วว่าใครส่งมา เพราะนอกจากจงอินแล้วคยองซูก็ไม่ได้ติดต่อกับใครที่ไหน แต่ก็ต้องนึกแปลกใจที่เห็นว่าเป็นแชทของแบคฮยอนที่แชทมาหาเขา ดีที่กองสมุดมันไม่ได้หนักมากทำให้คยองซูเอากองการบ้านอุ้มไว้ได้ด้วยแขนเดียว อีกมือก็พยายามพิมพ์ตอบแชทกลับไป
‘ แบคฮยอนหรอ ? ’
‘ สงสัยคนเรียกมึงว่า ‘มิ’ จะมีหลายคนสินะ ’ อ่านเสร็จก็รู้ทันทีว่าไอ้ประโยคประชดแบบนี้คงมีแต่จงอินคนเดียว สงสัยจงอินคงเอาโทรศัพท์ของแบคฮยอนมาเล่นแน่เลย
‘ อา แล้วจงอินไม่ซ้อมดนตรีหรอ ’
ก็เห็นแบคฮยอนบอกว่าวันนี้จงอินต้องไปซ้อมดนตรีเตรียมขึ้นงานโรงเรียนนี่หน่า
‘ พักอยู่ …อยู่ไหนกูจะไปหา ’
ปึกก!!
ยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกได้ว่าชนเข้ากับร่างสูงของใครบางคน แรงชนทำให้กองสมุดที่ถือเอาไว้ตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น
“ ขะ ขอโทษครับ ”
“ เฮ้ เจอกันอีกแล้วนะ :) ”
นี่มัน…
“ จำไม่ได้หรอ ? ”
คนที่เจอกันที่ซุปเปอร์วันนั้นนี่
‘ หน้าคุ้นๆ… เคยนอนกับฉันหรือเปล่า’
อยู่โรงเรียนเราด้วยหรอ?
“ ระ..เรา เราจำไม่ได้หรอก ” ดันแว่นขึ้นชิดจมูกก่อนจะรีบก้มลงเก็บสมุดบนพื้นอย่างเร่งรีบ คยองซูก็แค่คิดว่าคนตรงหน้าไม่น่าไว้ใจที่จะให้อยู่คุยด้วยซักเท่าไหร่ พอเก็บเสร็จก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินผ่านอย่างที่ไม่ได้คิดจะหันไปคุยด้วยอีก
“ Wait! เดี๋ยวสิ รีบไปไหนล่ะ ” แรงดึงที่คอเสื้อด้านหลังทำให้คนตัวเล็กเดินไปต่อไม่ได้ ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนคนตัวสูงกว่าต้องกลั้นขำ ดูก็รู้ว่าไอ้ตัวเล็กนี่จำเขาได้แน่แต่แค่อยากจะรีบไปให้พ้นๆจากเขาตั้งหาก
“ โอเซฮุน ฉันชื่อโอเซฮุน …เพื่อนสนิทคิมจงอิน ”
เพื่อนจงอินหรอ ?
พอคอเสื้อถูกปล่อยออกคยองซูก็หันหน้าไปหาร่างสูง จะว่าไปหน้าตาแบบนี้ก็คุ้นอยู่เหมือนกัน ใบหน้าได้รูปที่ตอนนี้มันไม่มีแว่นตากันแดดบังเหมือนวันที่เจอที่ซุปเปอร์แล้วเลยทำให้คยองซูได้เห็นหน้าของคนตรงหน้าชัดๆ แล้วก็ต้องร้องอ๋อในใจเมื่อคยองซูคิดว่าเขาจำได้แล้วว่าเคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหน วันที่เขาไปคอนโดของจงอินและตอนจะกลับบ้าน คนที่เจอกันตอนจะเดินไปที่ลิฟท์ คนที่เหมือนว่าจะดูไม่ค่อยถูกกับจงอินซักเท่าไหร่
“ ไง ไม่ต้องมองมากฉันรู้ว่าตัวเองหล่อ ” มือหนาเสยผมสีอ่อนพอๆกับสีผมของจงอินขึ้นลวกๆ
“ เพื่อนจงอิน…จริงๆหรอ ”
“ Nope, He’s My Ex-Boyfriend :) ”
!!!!
“ Hey! Just Kidding ฮ่าๆ หน้าตอนนายตกใจนี่…น่ารักดีนะเนี่ย ” พอเห็นใกล้ๆก็ไม่ได้นึกแปลกใจที่ไอ้จงอินมันจะหวงนักหวงหนา เพราะดูไปดูมาไอ้หน้าตื่นๆอย่างกับลูกนกแบบนี้มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน เห็นแบบนี้แล้วมันน่าแย่งไอ้จงอินมาเล่นสนุกบ้างซะแล้ว
“ ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่อละสิว่าฉันเป็นเพื่อนจงอิน ”
รู้อยู่แล้วจะถามทำไมกัน
“ ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนมันฉันคงไม่รู้ว่านายน่ะชื่อ …โดคยองซู... จริงไหม? ”
ร…รู้จักชื่อเราด้วย
น่ากลัวจัง
“ เฮ้! นี่ไม่เชื่อจริงๆใช่ไหมว่าฉันรู้จักไอ้จงอินมันน่ะ ”
“ ร..เราขอตัวก่อนนะ เอ่อ เราขอสมุดในมือนายคืนด้วย ด…ได้ไหม ” จริงๆถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่คนเดี๋ยวกับที่มาถามว่าเคยนอนด้วยกันไหมที่ซูปเปอร์คยองซูว่าเขาอาจจะไม่รู้สึกกลัวเท่านี้มาก่อนก็ได้ ตอนแรกคยองซูก็กะว่าจะเดินเลี่ยงออกไปเลย แต่พอมองดีๆแล้วสมุดที่เขาทำตกพื้นเมื่อกี้นี้มันมีสองสามเล่มที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ประโยคที่ดูจะกล้าๆกลัวๆของคนตัวเล็กมันทำให้เซฮุนหัวเราะ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มาพูดขอตัวอะไรแบบนี้หรอก คงจะกระชากสมุดในมือเขาแล้วเดินไปเลยมากกว่า
“ จะไปไหนหล่ะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง ”
“ ต..แต่.. ”
“ ฉันไม่ใจร้ายพอจะเห็นคนตัวเล็กๆแบบนายถือกองสมุดหนักๆพวกนี้ไปคนเดียวหรอกนะ ได้ล้มก่อนไปถึงที่แน่ๆ ” เซฮุนหยิบกองสมุดปึกใหญ่ๆแบ่งมาถือเอาไว้เองอย่างถือวิสาสะก่อนจะเพยิกหน้าไปข้างๆเป็นนัยว่าให้คนตัวเล็กเดินนำทางไปได้แล้วโดยไม่ได้สนท่าทางขัดขืนของคยองซูเลยแม้แต่นิดเดียวจนทำให้คนตัวเล็กต้องดันแว่นที่จะหล่นจากจมูกให้ขึ้นไปให้เข้าที่ก่อนจะถอนหายใจเดินนำคนพูดไม่ฟังด้วยความจำใจ
คยองซูก็เริ่มจะเชื่อนิดๆแล้วล่ะว่าเซฮุนกับจงอินเป็นเพื่อนกันจริงๆ
...นิสัยไม่ฟังแถมชอบมัดมือชกนี่เหมือนกันเลย :'(
@ห้องซ้อม
“ ชานยอล กูคิดผิดหรือเปล่าที่ปล่อยให้จงอินมันออกไปตามหาคยองซูทั้งๆที่กูบอกจะพักแค่ 15 นาที ” แบคฮยอนถอนหายใจพรืดแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มแก้คอแห้งจากการร้องเพลง จริงๆไอ้เรื่องซ้อมน่ะมันก็เหลือแต่ซ้อมรวมวงกันเท่านั้นแหละ ไอ้พวกโน้ตพวกคีย์ที่ต้องปรับกันมันได้อยู่แล้วแต่มันมีหลายเพลงที่จะต้องเล่นเลยอยากให้วันนี้มันหนักไปเลยทีเดียว เวลาที่เหลือจะได้เบาๆกันหน่อย แต่ก็นะ เห็นเพื่อนไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่อินสักเท่าไหร่เลยปล่อยให้มันเอาโทรศัพท์ไปแชทหาคยองซูแล้วก็ปล่อยให้มันออกไปหาน้องนกของมันเพื่อเรียกกำลังใจสักหน่อยก่อนที่จะเริ่มซ้อมต่อ แต่พอแบคฮยอนคิดไปคิดมาเขาว่าคงได้เพิ่มเวลาพักแน่ๆ
“ ถูกแล้ว ถ้ากูเป็นจงอินถึงจะมีเวลาแค่ 15 นาที กูก็อยากออกไปเห็นหน้ามึงอยู่ดี ”
พรืดด!
“ แค่ก! แค่กกๆ!! ไปเจอกับหน้าแม่มึงเหอะชานยอล แค่กๆ ทำไมต้องยกตัวอย่างมึงกับกูด้วยวะ! ”
“ หึ… ” เสียงทุ้มถูกเปล่งออกมานิ่งเรียบ ชานยอลยืดตัวลุกจากโซฟาเต็มความสูงก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เพื่อนสนิทตัวเตี้ยที่กำลังสำลักน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ อ..อะไรของมึง ”
“ มึงยังต้องให้กูบอกอีกหรอว่าทำไม หรือต้องให้กูบอกคนอื่นก่อนไหมว่าเราเป็นอะไรกัน ” มือใหญ่ของชานยอลดึงข้อมือเล็กที่กำลังดันอกของเขาออก
!!!
“ ได้กันแค่ครั้งสองครั้งมึงอย่ามากดดันกูชานยอล ปล่อย ” นี่ชานยอลมันเริ่มจะลามปามใหญ่และ เห็นเขาทำตัวปกติก็ชักจะเอาใหญ่ แม่งเอ๊ย!
“ กูว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะชานยอล อย่ามางี่เง่าให้กูอารมณ์เสียได้ป่ะวะ ”
“ ความอดทนของกูมีขีดจำกัดแบคฮยอน เด็กๆที่มึงคั่วอยู่…เลิกซะ! ถ้ามึงยังทำตัวเหมือนหมาไม่มีเจ้าของแบบนี้กูไม่รับประกันความปลอดภัยของมึงนะ ”
“ … ”
“ … ”
บรรยากาศในตอนนี้มันเดดแอร์แบบสุดๆ ไม่มีใครพูดแต่นัยต์ตาทั้งสองนั้นยังคงสบประสานกันราวกับกำลังทำสงครามประสาทกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ปกติแล้วชานยอลรู้ตัวเองดีว่าเขาไม่มีทางพูดขู่แบคฮยอนแบบนี้แน่ๆ แต่ยิ่งแบคฮยอนทำตัวลั้นล้าหน้าหม้อกับสาวๆหนุ่มๆทั่วโรงเรียนไปเรื่อยๆแบบนี้มันก็ทำให้คนที่พยายามจะมองข้ามนิสัยของเพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อนอย่างเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ
Rrrrrr
เสียงเรียกเข้าของมือถือไอ้จงอินที่แบคฮยอนยึดมาดังขึ้นมันทำให้แบคฮยอนผลักชานยอลออกแล้วกดรับทันที ไม่ได้มองด้วยว่าใครโทรมา แต่ก็ยังนึกขอบคุณเจ้าของสายที่โทรมารู้จังหวะพอดิบพอดี แม่งไม่รู้ไอ้ชานยอลมันเป็นห่าอะไร ทำไมต้องหัวร้อนพูดเรื่องนี้ด้วย คิดว่ากูกลัวหรอ ปกติมันเคยขรึมใส่เขาที่ไหน ก็ตามใจกูตลอดอ่ะ วันนี้เป็นอะไร มึงเมนมาหรอสาดดดด
“ สวัสดีครับโทรศัพท์คิมจงอินครับ…อ้าวพี่ลู่…อ..เอ่ออ จงอินหรอครับ มันลืมโทรศัพท์ไว้น่ะครับ…อยู่ในโรงเรียนแล้ว…อ๋อ อยู่ที่ลานจอดรถใช่ไหมครับ ให้ผมไปรับพี่แทนไหม พอดีจงอินมันไปไหนไม่รู้…โอเคครับเดี๋ยวเจอกันครับ ”
“ พี่ลู่หานมา เดี๋ยวกูออกไปรับ…มึง จะไปด้วยหรือเปล่า ” พอวางสายเสร็จก็จำใจหันหน้าไปถามคนตัวโตที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเขา สายตาที่จ้องมองมามันทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองตัวเล็กลง คล้ายเด็กมีความผิดติดตัว มึงเป็นอะไรแบคฮยอน พอไอ้หูกางนี่มันตึงใส่หน่อยมึงถึงกับนอยด์เลยหรอ มึงบ้าหรอ!!
“ …. ”
“ ฮัลโหลว มีใครอยู่ในสายกับกูมั้ยย ชานยอลมึงช่วยกูฟังหน่อย ” พอเห็นว่าคนตัวสูงไม่มีท่าทีว่าจะตอบสนอง แบคฮยอนเลยทำมือคล้ายกำลังคุยโทรศัพท์เขย่งยื่นไปประกบที่หูกางๆของใครอีกคนที่เริ่มอมยิ้มออกมานิดๆ
แถวบ้านกูเรียกว่าง้อนะเห้ย!
“ หึ ”
“ หายงอนเป็นตุ๊ดได้และ กูจะได้รีบไปหาที่ลู่คนสว…โอ้ยย!! เจ็บนะไอ้สัด! ” ยังไม่ทันจะง้อกันได้ดีๆ นี่มันก็ตบหัวกูอีกแล้วครับ เกิดเป็นพี่แบคฮยอนคนลั้นล้านี่แสนลำบาก ความหล่อ(?)มันเป็นพิษจริงๆครับ
“ ตอนแรกกูว่าจะนั่งเล่นอยู่นี่ แต่เห็นทีกูต้องไปด้วย..เดี๋ยวคนมันจะไม่รู้ว่าหมาตัวนี้มันมีเจ้าของแล้ว ”
@ห้องพักครู
“ อ้าวคยองซู มาทำอะไรหล่ะเรา? ” พอผลักประตูเข้ามาในห้องพักครูที่แอร์เย็นช่ำจนขนลุก คุณครูมินซอลอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องคยองซูก็เอ่ยปากทักลูกศิษย์คนโปรดทันที
“ เอาสมุดการบ้านครูเฮซองมาส่งน่ะครับ ” คยองซูยิ้มตอบพร้อมทั้งเดินเข้ามาโดยพาเพื่อนแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักเมื่อกี้เข้ามาด้วย
“ เอ่า! นี่รู้จักกันด้วยหรอ คยองซู? เซฮุน? ” เสียงของครูสาวดูแปลกใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าใครที่เดินเข้ามาพร้อมกับคยองซูและมันก็ทำให้คยองซูที่เพิ่งวางสมุดลงบนโต๊ะครูเฮซองเสร็จยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“ดีแล้วครูฝากโอเซฮุนให้เธอดูแลด้วยได้ไหมคยองซู โอเซฮุนเขาเพิ่งย้ายมาจากต่างประเทศวันนี้ ยังพูดภาษาเกาหลีไม่ค่อยได้ โชคดีที่เธอกับเซฮุนรู้จักกันจะได้คอยดูแลเซฮุนด้วย นี่ครูก็กะจะพาเซฮุนไปแนะนำในห้องตอนคาบโฮมรูมอยู่พอดีแต่วันนี้เซฮุนเขาไม่ได้ใส่ชุดยูนิฟอร์มมา ”
เป็นความโชคดีที่คยองซูรู้จักกับนักเรียนใหม่ เธอจะได้ไม่ต้องห่วงว่าเซฮุนจะปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ไหม เมื่อกี๊เธอก็เป็นคนบอกให้เซฮุนออกไปเดินๆดูแถวๆนี้ไปก่อน แต่ไม่คิดว่าเซฮุนจะมาอยู่กับคยองซูซะได้
“ ค..ครับ?! ”
เซฮุนเป็นนักเรียนใหม่ห้องเขา?
มาจากต่างประเทศ? พูดเกาหลีไม่คล่อง?
แล้วเมื่อกี้…
“ ผ..ผมก็เห็นเขาพูดเกาหลีได้นี่ครับ เซฮุนบอกอาจารย์ไปสิ บ..บอกสิ ” มือเล็กที่ขอบเสื้อของอีกฝ่ายถูกกระตุกเบาๆ เพื่อเร่งให้เซฮุนตอบกับครูมินซอลไปว่าจริงๆแล้วเซฮุนพูดเกาหลีได้
“ Hmm? I don’t understand what you say ”
!!!
“ ไม่จริง เซฮุนเรารู้ว่านายพูดได้ ” นี่มันอะไรกัน ตอนนี้พอจะพูดอะไรไปคนข้างๆก็ทำเหมือนว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดไปซะทุกอย่างเมื่อเห็นว่าอาจารย์ซึงกิมองอยู่ก็เอาแต่พูดภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่เมื่อกี๊นี้ยังคุยเป็นภาษาเกาหลีกับเขาคล่องอยู่เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นอังกฤษคำเกาหลีคำก็เถอะ!
“ ผ..ผมดูแลเซฮุนไม่ได้ครับครู ผมต้องดูจงอิน ” ดูแลจงอินก็ว่ายากแล้วถ้าจะให้มาดูแลเซฮุนอีกคนคยองซูคิดว่าเขาคงตายแน่ๆ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ
“ I Guss you must help me bab ” ยังไม่ทันจะสงสัยว่าประโยคเมื่อกี้เซฮุนหมายถึงอะไร มือใหญ่ที่ล้วงเข้าไปในประเป๋ากางเกงก็หยิบเอาอะไรบางอย่างขึ้นมาในกำมือ และค่อยๆแบออกไปตรงหน้าคยองซูช้าๆ
“ …นั่นมัน สร้อยของเรานี่! ” สร้อยข้อมือของเขาที่มันหายไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ตอนแรกคยองซูคิดว่ามันน่าจะหาไม่เจอแล้วซะอีก แล้วทำไมถึงไปอยู่กับเซฮุนได้แหละ
สร้อยข้อมือเส้นเล็กที่มีจี้รูปแว่นตาเล็กๆห้อยอยู่ตรงกลาง มันคือของสำคัญสำหรับคยองซู จงอินเป็นคนซื้อให้เขาและเขาต้องการได้มันคืน
ดีใจที่มันยังไม่หายไป
“ เฮ้ ใจเย็น Nerdy อยากได้ก็รับปากครูไปสิ ” เซฮุนยกสร้อยเส้นนั้นขึ้นสูงจนคนที่เอามือมาคว้าตอนทีเผลอคว้าไม่ถึง เขาเป็นคนเก็บสร้อยได้ จะเอาไปง่ายๆมันก็ไม่แฟร์กับเขาสิจริงไหม?
!!!
“ คยองซู ถ้าเราไม่สะดวกจริงๆครูก็จะลองหาเพื่อนคนอื่น…” ถ้าลูกศิษย์เธอไม่สะดวกใจ เธอก็จะไม่บังคับเพราะยังไงเธอก็เคยไหว้วานให้คยองซูช่วยดูแลจงอินมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ ด..ได้ครับ!! ผมจะดูเซฮุนเอง ”
หายไปไหน ห้องเรียนก็ไม่มี โทรไปก็ไม่รับ
ตอนนี้เขากำลังเดินหาไอ้มิจนจะรอบโรงเรียนอยู่แล้ว นี่พอรู้ว่าพักก็รีบเอาโทรศัพท์ไอ้แบคฮยอนแชทหาคยองซูทันที ตอบได้อยู่ประโยคสองประโยคเท่านั้นแหละ ก็หายไปอ่านแล้วไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับสาย เหลือที่สุดท้ายที่ยังไม่ได้ไปก็คือ…ตึกพักครู...
ใครจะว่าจงอินทำตัวเวอร์ทำตัวติดกับคยองซูเกินไปก็ช่าง ก็เขาเป็นคนแบบนี้ จะว่ามันเป็นนิสัยก็คงใช่เพราะเวลาเขา ’ชอบ’ อะไรแล้วนิสัยขี้หวง อยากเอามาอยู่ใกล้หูใกล้ตามันก็จะกำเริบทุกที ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ถ้าเขาไม่อนุญาตเหมือนเด็กหวงของ กับคยองซูก็เหมือนกันตรงที่เขากลัว กลัวคนอื่นจะมายุ่งวุ่นวาย กลัวไอ้มิมันไปแจกยิ้มให้ใครเรี่ยราด กลัวจนเป็นความหวงโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน
สักพักขายาวๆของนายแบบหนุ่มก็ก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าตึกพักครู มองไปรอบๆเพื่อหาร่างเล็กที่ตามหา แต่ก็ต้องสะดุดกับร่างของคนสองคนที่กำลังเดินลงมาจากตึก ร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินคู่มากับร่างเล็กที่เขาตามหาทำให้จงอินขบกรามแน่น
เซฮุนอยู่กับไอ้มิได้ยังไง
แต่ก่อนจะเดินไปถึงตัวภาพที่เห็นก็ยิ่งทำให้สติของเขาขาดสะบั้นเมื่อเห็นว่ามือของไอ้เซฮุนมันกำลังจะยกขึ้นไปสัมผัสกับแว่นตากรอบหนาของคยองซู
!!!
“ เอามือของมึงออกไปเดี๋ยวนี้!! ”
ผัวะะ!!
มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงจงอินก็ตรงเข้าไปจับแขนของเซฮุนออก บีบแน่นก่อนจะผลักออกจนอีกฝ่ายเซ โดยที่ไม่ปล่อยเวลาให้นานหมัดหนักๆก็ประเคนเข้าใส่ใบหน้าหล่อของเซฮุนจนอีกฝ่ายล้มลงไป และหวังจะไปซ้ำอีกรอบถ้าไม่ติดว่าคยองซูที่ดูจะตกใจ มากอดแขนของเขาเอาไว้แน่น
“ จงอิน!! จงอินทำอะไร!! ”
“ มิ ปล่อย!! ” คยองซูรู้ว่าตอนนี้เขารั้งจงอินไม่ไหวแน่ๆ พอจงอินสะบัดออกจากเขา คยองซูเลยตัดสินใจวิ่งไปขวางระหว่างเซฮุนและจงอิน
ตอนนี้คยองซูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆจงอินก็ตรงเข้ามาหาเรื่องเซฮุน ทำไมเซฮุนถึงบอกว่าเป็นเพื่อนกับจงอินทั้งๆที่แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่แน่ๆ คำถามมันตีกันปั่นไปหมดแต่สิ่งที่คยองซูพอจะทำได้ก็คือห้ามไม่ให้ใครต้องเจ็บไปมากกว่านี้
“ ไอ้มิ! มานี่!! ” และดูเหมือนว่าคยองซูจะไม่รู้ตัวเลยว่าทำแบบนี้มันยิ่งทำให้จงอินไม่พอใจขึ้นไปอีก
“ ต..แต่นี่เพื่อนจงอินนะ ”
“ หึหึ หมัดยังหนักเหมือนเดิมนะ…เพื่อน ” พอลุกขึ้นมาได้ร่างสูงโปร่งของเซฮุนก็กระยุกยิ้มก่อนจะปาดเลือดข้างมุมปากที่เริ่มไหลออกมานิดๆอย่างสบายๆ เซฮุนรู้ว่าเขาไม่ต้องรีบร้อน ยิ่งร้อนกลับไปก็ยิ่งคุยกันไม่สนุกสิจริงไหม ความจริงก็คิดอยู่แล้วว่าที่กลับมาเนี่ยคงต้องเจอหมัดของจงอินมันสักสองสามหมัด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ คิดแล้วก็ตลกดีที่เขาไม่จำเป็นต้องไปหาจุดอ่อนของจงอินที่ไหนไกล ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้เลย
แค่เมื่อกี้ลองจะถอดแว่นเด็กแว่นนี้นิดหน่อย ก็ดูเหมือนว่าไอ้จงอินมันจะสติแตกซะแล้ว
“ มันไม่ใช่เพื่อนกู!! กูบอกให้มานี่ไงมิ!! ” สันกรามของจงอินขบแน่นจนชัดเป็นสัน ดูก็รู้ว่าตอนนี้จงอินกำลังโมโห แต่ก็ไม่เห็นต้องเสียงดังกันขนาดนี้เลยนี่
นี่มันเรื่องอะไรกันตอนนี้คยองซูงงไปหมดแล้ว
“ อาาา ไหนเซฮุนบอกเราไงว่าเป็นเพื่อนสนิทกับจงอิน โกหกเราหรอ ” คนตัวเล็กเบิกตากว้างก่อนจะรีบหันไปพูดเสียงเบาๆกับร่างสูงที่ยืนยิ้มเท่ๆเลือดไหลตรงขอบปากอยู่ข้างหลังที่ดูจะไม่ได้สะทบสะท้านเท่าไหร่
“ ความจริงจะว่าเพื่อนก็ไม่ค่อยถูกหรอก เรื่องมันยาวน่ะ ” ยักคิ้วส่งไปให้จนคยองซูต้องหน้าเสีย
“ มิ!! ถ้าอยากให้กูหยุดก็มานี่!!! ” ยิ่งเห็นไอ้มิมันเข้าไปกระซิบกับมันก็ยิ่งทำให้เขาทนไม่ไหว เดินตรงเข้าไปกระชากแขนคนตัวเล็กให้เดินออกมาด้วยกัน แต่พอหันหลังจะเดินไปก็ถูกเสียงทุ้มรั้งเอาไว้เสียก่อน
“ เดี๋ยวสิ… ” ไม่ว่าเปล่าร่างสูงโปร่งไม่แพ้กันของเซฮุนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าจงอินอย่างที่ดูไม่รู้สึกโกรธที่ถูกต่อยจนเลือกกลบปากแบบนั้น จงอินรู้ว่าเซฮุนกำลังกวนประสาทเขามากกว่า
“ ฮ่าๆ ไม่มีอะไร ก็แค่จะบอกว่าคยองซูนี่น่ารักดีว่ะ ..อยากลองเลย ” พูดเสร็จก็ผละออก มือใหญ่ตบลงไปที่ไหล่กว้างของจงอินสองทีก่อนจะยกยิ้มชอบใจ โดยไม่ลืมมองเลยไปข้างหลังที่มีร่างเล็กของคยองซูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่
“ ไอ้เหี้ยมึง!! ”
พลั่ก!! ผัวะะ!!
จงอินพุ่งเข้าใส่ร่างสูงตรงหน้าแล้วส่งหมัดชกไปที่แก้มขวาของเซฮุนเต็มแรงจนหน้าหันไปตามแรงหมัด จนคนตัวเล็กวิ่งเข้ามาจับแขนแกร่งของจงอินด้วยความที่ทั้งตกใจอีกรอบแล้วก็กลัวทำให้ร่างเล็กส่งเสียงพูดอย่างสั่นเครือ
“ จงอิน!!…พ..พอแล้ว…พอแล้วนะ ”
“ …เราขอร้อง ”
“ โธ่เว้ยยย!! ”
แค่เขาเห็นว่าคยองซูกำลังจะร้องไห้มันก็ทำให้เขาต้องหยุดทุกอย่าง กำหมัดแน่นห้ามใจไม่ให้ซ้ำไปที่ไอ้เซฮุนอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินไปคว้าข้อมือเล็กแล้วเดินออกไปจากตรงนี้ทันที ปล่อยให้เซฮุนที่ยกมือขึ้นนวดไปที่แก้มข้างที่โดนต่อยมองตามก่อนจะยกยิ้ม
รู้สึกว่าคนเฉิ่มๆของคยองซูจะพิเศษกับจงอินมากกว่าที่เขาคิดไว้
@ห้องซ้อม
ปึง!
เสียงประตูห้องซ้อมที่ถูกเปิดและปิดดังสนั่น หลังจากปล่อยให้ไอ้เซฮุนมันยืนเดินออกจากที่เกิดเรื่องทั้งเขาและคยองซูก็เงียบกันมาตลอดทาง โดยที่เขาก็ไม่คิดที่จะคุยอะไรกับใครตอนนี้ มีเพียงมือของเขาที่จับกุมมือเล็กเอาไว้ตลอดทางจนมาถึงที่นี่
ตอนนี้เขากำลังโมโห
ไม่ได้โมโหไอ้มิ แต่โมโหไอ้เซฮุน
เขาไม่รู้ว่าไอ้เซฮุนมันมาอยู่นี่ได้ไง และมาอยู่กับคยองซูได้ยังไง รู้แต่ตอนนี้เขาจะไม่ยอมให้ไอ้มิเข้าใกล้เซฮุน เขาเคยพลาดมาครั้งนึงแล้วและเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก
ไม่มีทาง
หมับ!
ร่างใหญ่เปลี่ยนมือที่จับกุมอีกฝ่ายไว้เปลี่ยนเป็นคว้าเข้ามากอดเอาไว้แทน พ่นลมหายใจร้อนออกมาระงับอารมณ์และเรียกสติของตัวเองคืนมา โดยที่คนในอ้อมกอดก็ยอมให้อีกคนกอดแต่โดยดี ตอนนี้จงอินแค่ต้องการปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง
ผ่านไปนานหลายนาทีจนเย็นลงร่างสูงก็ค่อยๆปล่อยกอดให้หลวมขึ้นมาหน่อยเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะหายใจไม่ออก
“ ขอโทษ เมื่อกี๊…กลัวหรือเปล่า ” เผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหัวไปมา ตาแป๋วๆของคนตรงหน้ามันยังพอทำให้จงอินใจชื้นได้ว่าไอ้มิมันไม่ได้กลัวเขาที่เขาต่อยไอ้เซฮุนไป เสียงที่ร้องห้ามเขาเมื่อกี๊มันสั้นกลัวจนเขาต้องหยุด ไม่อยากให้ไอ้มิกลัว เหมือนที่เคยกลัวเขาอีก
“ เรา..เราไม่เป็นไร ” อดไม่ได้ที่จะยกมือขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ
“ แปปนึงนะ ” แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก และไม่นานนักปลายสายก็รับ
[จงอิน มึงอยู่ไหนเนี่ย ]
“ อยู่ห้องซ้อม มึง…ลู่หานถึงโรงเรียนหรือยัง …มึงบอกให้ลู่หานกลับไปไม่ต้องมาหากูแล้ว ” วันนี้จงอินรู้อยู่แล้วว่าผู้จัดการตัวเล็กของเขาจะมาและก็น่าจะโทรเข้าเครื่องเขาว่าถึงแล้ว แต่โทรศัพท์เขามันดันอยู่ที่แบคฮยอนและโทรศัพท์แบคฮยอนก็อยู่ที่เขา และในโทรศัพท์แบคฮยอนก็ไม่มีเบอร์ลู่หานอีกเลยต้องโทรเข้าเครื่องเขาเผื่อให้ไอ้แบคฮยอนบอกลู่หานว่าให้กลับไปเลย
[เออๆ เนี่ยๆกูกำลังจะไปเจอพี่เขา เดี๋ยวกูบอกให้] ฟังที่ไอ้แบคฮยอนพูดไป ก็จับมือเล็กให้เดินมานั่งลงที่โซฟาด้วยกัน
“ อื้ม ขอบใจมาก ” กดวางสาย ก่อนจะหันมามองไอ้มิที่กำลังก้มมองมือของตัวเองและพอรู้ว่าเขามองอยู่ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาโดยที่ทั้งเขาและไอ้มิต่างก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรกันออกมา
“…”
“…”
“ จงอิน ” แล้วจู่ๆคนตัวเล็กก็เรียกชื่อจงอินขึ้นมาเมื่อเลื่อนสายตาผ่านแล้วไปสะดุดกับมือเรียวของร่างสูงที่วางเอาไว้อยู่บนตักของตัวเอง
จงอินไม่ได้ตอบอะไรออกไปแต่ก็หันมองตามไปยังสิ่งที่ร่างบางกำลังมองอยู่
“ ดีดสายกีต้าร์แล้วมันเป็นแผลหน่ะ ” พูดเสร็จก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาดูอย่างนึกขำนิดๆที่ทำไมเขาไม่รู้ตัวเลยว่าโดนบาด
“ จงอินมือจงอินก็บวมมากเลย ทำไมจงอินต้องไปชกเซฮุนด้วย… ”
“ เป็นห่วงมันก็ไม่ต้องมาจับมือกู ปล่อย! ” พอเห็นไอ้มิมันยื่นมือมาจับก็ขืนมือออกอย่างหงุดหงิด ห่วงมันมากหรือไง เขาต่อยมันก็เจ็บมือเหมือนกัน แต่ไอ้มิมันกลับพูดเหมือนเป็นห่วงมัน คิดแล้วอยากจะไปกระทืบไอ้เซฮุนให้หายไปจากโลก!
“ ม..ไม่ใช่นะ เราแค่ไม่อยากให้จงอินมีเรื่อง จงอินชกเซฮุนมือจงอินมันถึงบวมแบบนี้ แล้วจงอินก็โดนสายกีต้าร์บาดอีก …จงอินต้องขึ้นเล่นงานโรงเรียนอีกไม่กี่วัน…ถ้าไม่หาย เล่นกีต้าร์ไม่ได้จะทำยังไง ระ..เราเป็นห่วงจงอินหรอกนะ ”
เห็นหน้าตาตื่นๆของไอ้มิที่รีบพูดเพราะกลัวเขาเข้าใจผิดจนหอบทำให้ความหงุดหงิดเมื่อกี้มันหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับคำว่า ’เราเป็นห่วงจงอิน’โกรธได้ไม่ถึงนาทีแค่คนตัวเล็กพูดว่าเป็นห่วงออกมาก็แทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว
“เจ็บไหม”ถามเสร็จก็ใช้ตาโตๆมองผ่านกรอบเลนท์หนาๆมายัง จงอินมือเล็กดึงมือของเขาเขาไปใกล้ก้มลงไปมองแผลตรงนิ้วหัวแม่มือกับหลังมือที่บวมขึ้นนิดๆของเขาด้วยท่าทีที่ทำให้จงอินต้องลอบยิ้มออกมาให้กับความน่ารักของคนตัวเล็กที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อนโดยที่เขาไม่ต้องรุกเหมือนทุกทีให้เสียเวลา
“ เจ็บมาก ” มีคนเคยบอกว่าผู้หญิงมีมารยาสามร้อยเล่มเกวียนพวกผู้ชายอย่างเขาก็มีเหมือนกันจะว่าสำออยให้ได้รับความสนใจก็ได้เพราะแผลที่นิ้วนั่นมันไม่มี ผลอะไรกับจงอินอยู่แล้วตอนโดนยังไม่รู้ตัวเลยว่าโดนสายกีต้าร์บาดเอาจนมีสิ่งเตือนคือเลือดที่ค่อยๆไหลออกมาเปรอะมือนั้นแหละส่วนหลังมือที่บวมขึ้นนิดๆ มันก็เป็นธรรมดาของคนมีเรื่องชกต่อยไม่ได้หนักหนาอะไร
“ งั้น! …งั้นเดี๋ยวจงอินรอแปปนึงนะ ” มองแผลเขาอย่างชั่งใจก่อนจะหันมาพูดก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
มืออีกข้างก็จับมือของเขาเอาไว้บนตักนุ่ม เจ้าของมือที่คนตัวเล็กเอาวางไว้บนตักกำลังอมยิ้มและก็ต้องหุบยิ้มเก็บอาการเมื่อเห็นว่าคยองซูหยิบกล่องพาสเตอร์ยามาถือไว้ในมือ
“ พลาสเตอร์ยาลายเด็กชะมัด ” จงอินรับเอาแผ่นพลาสเตอร์สีเหลืองอ่อยลายโปโรโร่มาถือเอาไว้ จงอินคิดว่ามันคงดูแปลกที่เขาจะติดมันเดินไปเดินมา
“ เอ่อ ถ้าจงอินไม่ชอบงั้นไม่ต้องติดก็ได้ ”
“ ไม่ มันเป็นของกูแล้ว ” ชูพลาสเตอร์ขึ้นสูงให้พ้นมือคนตัวเล็กที่กำลังจะเอื้อมมาหยิบไปเก็บอย่างที่พูด แต่เรื่องอะไรจะยอมคืนง่ายๆ ถึงมันจะไม่ใช่สไตล์ของเขาเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ถึงกับใช้ไม่ได้นี่
“ ติดให้หน่อย ทำเองมันไม่ถนัด ” คนตัวเล็กยอมพยักหน้ารับก่อนจะแกะพลาสเตอร์ที่เขาว่าลายเห่ยๆนั้นออกแล้วจับมือเขาที่วางไว้บนตักนุ่มขึ้นมา และนั้นมันก็อยู่ในสายตาของคนตัวสูงทั้งหมด
หน้าตอนที่คยองซูกำลังทำแผลให้เขามัน…
โคตรน่ารัก
พรึ่บ!
ใช้เวลาเพียงเสี้ยววิกับการดึงตัวร่างเล็กขึ้นมานั่งคร่อมทับอยู่บนหน้าตักของตัวเอง ดวงตากลมโตใต้แว่นเบิกตากว้างอย่างตกใจแต่มือก็ยังคงจับอยู่ที่มือใหญ่ข้างที่มีแผลของเขาไว้ไม่ปล่อย ก็ไม่มีอะไรมาก แค่นั่งทำแผลข้างๆกันมันมองหน้าไอ้มิไม่ถนัดแค่นั้นเอง
“ จ..จงอิน! ปล่อยเราก่อน..ร..เราติดไม่ถนัด ” พอไอ้มิบอกแบบนั้นก็ยิ่งทำให้จงอินแกล้งรวบเอวบางเข้ามาให้ชิดกับตัวเองมากขึ้นยิ่งเห็นแก้มใสแดงระเรื่อเป็นลูกมะเขือเทศก็ยิ่งทำให้จงอินอารมณ์ดีขึ้น ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้วะ!!
“ ไม่ปล่อย ” อยู่ท่านี้ก็ดีเหมือนกัน ทำอะไรสะดวกดี
ฟอด!
“ จงอิน! ” มือเล็กรีบยกขึ้นปิดแก้มเมื่อร่างโปร่งหอมลงไปบนแก้มของตัวเอง
“ อะไร ”
ฟอด!
หอมแก้มซ้ายไปแล้วชื่นใจ
“ เราบอกให้หยะ... ”
ฟอด!
ก็มาแก้มขวาบ้าง
“ โอ้ยๆๆ!! มิ!! กูเจ็บนะ ” แล้วก็ต้องร้องจ๊ากออกมาเมื่อไอ้มิมันจงใจบีบลงไปที่แผลของเขาอย่างแรงจนต้องผละออกมาจากแก้มเนียน
“ ก็จงอินไม่ยอมให้เราติดพลาสเตอร์ดีๆนี่ เราไม่ทำให้แล้ว …ทำเองไปเลย ” แปะพลาสเตอร์ลงไปบนนิ้วของจงอินลวกๆแล้วจึงขืนตัวจะลุกออกจริงๆแต่ก็ต้องล้มลงมานั่งที่เดิมเมื่อจงอินไม่ยอมให้คนตัวเล็กลุกออกไปง่ายๆ
“ มิ ”
เสียงที่ติดเล่นเมื่อกี๊ของจงอินแทนที่เป็นเสียงเรียบและมันทำให้คยองซูหยุดดิ้น
“ อยู่ห่างๆไอ้เซฮุน อย่าไปยุ่งกับมันเข้าใจไหม ”
“ แต่ว่า… ” ถ้าจงอินรู้ว่าเขารับปากครูไปแล้วว่าจะดูแลเซฮุน จะเป็นอะไรไหมจนกว่าที่เขาจะได้สร้อยคืนเขาก็ต้องทำ
“ กูกับเซฮุนไม่ใช่เพื่อนกัน และกูก็ไม่รู้ว่ามันมายุ่งกับมึงทำไม กูไม่ไว้ใจมัน กูกลัวจะเป็นเหมือนคราวนั้น… ” จงอินพูดไปเรื่อยๆก่อนจะโอบร่างของเขาเข้าไปกอดไว้แน่นใบหน้าหล่อเหลาก้มลงซุกไปที่แผ่นอกของคนตัวเล็กแล้วพูดต่อจนคยองซูต้องกอดตอบ คยองซูไม่รู้ว่าระหว่างเซฮุนและจงอินมีอะไรกันมาก่อน แต่เขาก็ไม่คิดจะถามอะไรจงอินตอนนี้แต่ก็หวังว่ากอดของเขาจะพอให้จงอินรู้ว่ายังเขาอยู่ตรงนี้
“ จงอิน… ” ยิ่งจงอินกอดเขาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องโอบรอบคอของจงอินมากขึ้น
“ และมันก็รู้จุดอ่อนกูไปแล้ว …ตอนนี้จุดอ่อนของกูคือคนที่ชื่อโดคยองซู รู้หรือเปล่า ”
มาลงให้แบบยาวมากมายยย555555555
เซฮุนกับจงอินเขามีปัญหาอะไรกันวะ แล้วมันจะมีฮุนฮานไหมเนี่ย
เอ๊ะ หรือไคฮุนดี เอ๊ะ หรือยังไงดี 5555555555
ไปและเจอกันตอนหน้านะคะ
Happy New years 2016
ทุกคนเลยนะคะ
แถมนาจา
เอารูปไปจิ้นเอาไปดูนาจาว่าเขานั่งทำติดพลาสเตอร์ท่าไหนกันนาจา
ความคิดเห็น