คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : CHAPTER 15
15
“ ระ…เราว่าเราไม่กวนจงอินดีกว่า จ..จงอินอ่านการ์ตูนต่อเลย ” คยองซูไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำตัวน่ารักแค่ไหน มือเล็กข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์เอาไว้ก็กุมแก้มแดงระเรื่อของตัวเองไม่ยอมปล่อย ประโยคที่พูดติดๆขัดๆนั้นมันฟังแล้วน่ารักเป็นบ้าจนตอนนี้จงอินรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจนเมื่อยกรามไปหมดแล้ว
“ จะไปไหน ก็ไม่ได้กวนอะไรนะ ” เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดิ้นดุ๊กดิ๊กทำท่าจะลุกขึ้นก็เลยทำให้จงอินต้องกระชับแขนที่กอดเอวบางเอาไว้ให้แน่นขึ้นไปอีกจนคยองซูที่เมื่อกี้เหมือนจะลุกขึ้นได้แล้วต้องนั่งลงไปที่เดิม ความจริงแล้วที่คยองซูพูดไปก็ไม่ได้จะหมายความว่าเขาจะรบกวนจงอินอย่างเดียวหรอกแต่เขาแค่รู้สึกว่าในตอนนี้การอยู่ห่างๆจากจงอินมันคงจะดีกับจังหวะการทำงานของหัวใจตัวเองมากกว่า
คยองซูแค่กลัวว่าถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ จงอินอาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาก็ได้
“ เอ่อ แล้วจงอิน ม..ไม่อ่านการ์ตูนต่อแล้วหรอ T^T ”
“ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อ่าน ”
“ … ”
“ …มีอารมณ์อย่างอื่นมากกว่า ” จงอินพ่นลมหายใจลงไปที่ซอกคอขาวของอีกคนอย่างตั้งใจ เพราะอยู่ๆก็นึกอยากจะแกล้งไอ้มิขึ้นมา เวลาที่เห็นคนตัวเล็กทำหน้าเลิกลั่กทำตัวไม่ถูกมันดูน่ารักดี เหมือนคนในอ้อมกอดก็จะรู้เหมือนกันว่าอารมณ์ที่เขาหมายถึงมันคืออารมณ์อะไรเพราะพอพูดไปแบบนั้นคนตัวเล็กก็ยิ่งตัวแข็งทื่อตาเบิกโตเข้าไปใหญ่ และปฎิกริยาแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้จงอินพอใจ
จงอินคิดว่าคยองซูก็คงจะเริ่มรู้สักนิดบ้างแหละว่าไอ้ที่เขาทำอยู่เนี่ยมันไม่ได้หวังจะเป็นแค่เพื่อนแน่ๆ คยองซูก็แค่ยังทำตัวไม่ถูกแค่นั้นเอง แต่ไม่เป็นไรหยอดไปเรื่อยๆก็คงจะยอมใจอ่อนตกลงปลงใจให้เขาบ้างไม่ช้าก็เร็ว นี่อ่อยจนจะหมดมุกอยู่แล้วถ้าหมดมุกจริงๆก็คงจับปล้ำไปเลยไม่ยุ่งยากดี
“ งื้ออ จ..จงอินไปเตะบอลไหม เราว่าเราเคยเจอมาว่าถ้ามีอารมณ์ให้ไปแตะบอลกับเพื่อน ”
ป๊อก!
“ ทะลึ่งนะเรา กูยังไม่ได้บอกสักคำว่าอารมณ์อะไร ” จงอินจัดการยกหนังสือการ์ตูนเล่มที่อยู่ใกล้มือที่สุดยกขึ้นไปเคาะที่หัวกลมนั่นเบาๆอย่างอยากจะแกล้ง เอาจริงๆไอ้อารมณ์ที่ว่ามันก็เป็นอารมณ์เดียวกับที่ไอ้มิมันเข้าใจนั้นแหละก็แค่พูดแกล้งไปอย่างงั้นเอง แต่ให้ตายสิ ไอ้เรื่องที่ว่ามีอารมณ์ให้ไปเตะบอลเนี่ยมันเอามาใช้ในชีวิตจริงได้ที่ไหนกัน ก็อาจจะใช้ได้บ้างเป็นบางกรณีไปแต่ถ้ากับเด็กวัยรุ่นผู้ชายส่วนใหญ่ถ้ามันมีอารมณ์มันก็เปิดเว็บเปิดมือถือดูหนังโป๊ระบายอารมณ์กันทั้งนั้นหรือไม่ก็ถ้าให้ดีหน่อยก็ไปปลดปล่อยกับแฟนตัวเอง คงน้อยที่พอมีอารมณ์คึกตอนกลางคืนแล้วจะโทรไปชวนเพื่อนมาเตะบอลน่ะ
“ จ..เจ็บ ” ทำปากยู่แบบที่ดูแล้วน่ารักก็จริงแต่มันก็น่าหมั่นไส้จนอยากจะหยิกให้ปากแดงๆนั้นหลุดออกมาซะจริงๆ อะไรกัน เมื่อกี้จงอินว่าเขาตีเบาจนเรียกว่าตีแทบไม่ได้ เรียกว่าแตะจะดีกว่า ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องส่งเสียงออกมาซะดูเจ็บขนาดนั้น
“ สำออยว่ะ…ไหนดูดิ้ ” แต่พอว่าเขาเสร็จก็เอื้อมมือไปจับตรงที่ตัวเองพึ่งตีไป เออดี นี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องบ้าจี้ไปกับท่าทางที่ดูน่าสงสารแบบนั้นด้วย พอเห็นว่าการกระทำของตัวเองมีคนคอยมองแล้วส่งยิ้มเห่ยๆ(บอกใจตัวเองว่ารอยยิ้มไอ้มิมันเห่ย)มาให้ก็ทำให้จงอินเอามือที่จับๆหัวคนตัวเล็กเมื่อกี้ดันให้หัวเล็กโยกเบาๆ เมื่อรู้ว่าจริงๆแล้วไอ้มิมันไม่ได้เจ็บอะไรอย่างที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก
“ เดี๋ยวเหอะ ขี้โกหกหรอวะหะ ”
“ ก็จงอินชอบแกล้งเรานี่! ”
“ ก็ทำตัวให้อยากแกล้งทำไม ”
“ ก็เราไม่ได้อยากทำตัวให้น่าแกล้งสักหน่อย! ”
“ ก็แบบนี้แหละที่เรียกว่าน่าแกล้ง! ”
“ จงอินนิสัยไม่ดี ”
“ เพิ่งรู้หรอ โอ้ย! มิ!! ” ต้องร้องขึ้นมาเมื่อคนตัวเล็กที่รู้ตัวว่ายังไงก็เถียงเขาไม่ได้จงใจใช้โอกาสตอนที่เขาพลาดลุกขึ้นกระโดดทิ้งน้ำหนักลงไปบนตักของเขาเต็มๆจนเขาเหมือนกึ่งนั่งกึ่งนอนไปบนโซฟาอย่างช่วยไม่ได้ แสบจังนะ
“ แบร่ :P ”
ยัง แล้วยังมีการหัวเราะชอบใจแลบลิ้นใส่แบบที่สะใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้จะว่าหนักมันก็ไม่เท่าไหร่หรอกแต่จงอินรู้สึกจุกมากกว่า
“ ตัวก็หนักทับมาได้ ลุกดิ๊! คนอะไรตัวเป็นก้อนได้ขนาดนี้วะ ” เหมือนว่าที่พูดไปคนบนตัวก็ไม่ได้คิดจะโกรธที่โดนว่าแบบนั้นดูจะชอบใจด้วยซ้ำ หัวเราะไม่หยุดอยู่บนตัวเขาเนี่ยแหละ เหอะ!
“ จงอิน ”
“ อะไร หนัก ลุกเร็วๆ ”
“ เราไปเตะบอลเป็นเพื่อนจงอินได้จริงๆนะถ้าจงอินมีอารมณ์แบบนั้น ”
พูดแบบนี้คืออะไรวะ กวนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ให้ตายสิ!
“ จะลุกไม่ลุก ถ้าไม่ลุกงั้นไปเตะบอลกับกูบนเตียงดีกว่ามั้ง ”
“ ล..ลุก เราลุกก็ได้ ”
คยองซูก็แค่หวังดี ทำไมจงอินต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเตียงๆแบบนี้อยู่เรื่อยเลย
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงช่วงเย็น ตลอดทั้งวันจงอินและคยองซูก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าติวหนังสือทวนหนังสือตามที่ตกลงกันเอาไว้ ตอนนี้เนื้อหาที่จะออกสอบของแต่ละวิชาคยองซูก็สอนจงอินไปเกือบหมดแล้วทุกวิชา บางครั้งคยองซูก็รู้สึกว่าจงอินชอบแกล้งให้เขาต้องอธิบายอะไรที่มันฟังครั้งเดียวก็เข้าใจบ่อยๆ นั่งทวนกันไปก็ทะเลาะกันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นจงอินทั้งนั้นแหละที่เริ่มก่อน
“ จงอินทำโจทย์พวกนี้ดู ถ้าทำได้เราว่าก็น่าจะผ่านแล้ว ”
“ ก่อนทำมันต้องมีของแลกเปลี่ยนดิ ”
“ ทำไมต้องได้อะไรด้วยหล่ะ จงอินก็ได้ความรู้ไง จงอินก็จะได้สอบได้ ”
“ เอางี้ เรามาเล่นเกมกันดีกว่า ”
“ ก..เกมส์อะไรหรอ ”
“ หึหึ ”
“ เราว่าเราไม่อยากรู้แล้วอ่ะ… ” พอได้ยินเสียงหัวเราะที่ดูน่ากลัวของจงอินคยองซูคิดว่าเขาควรนั่งอยู่เฉยๆไม่ถามไม่อยากรู้จะดีกว่า เวลาจงอินหัวเราะแบบนี้ทีไรมันต้องมีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะทุกที
“ ไม่กล้าล่ะสิ ”
“ …. ”
“ ง่ายๆ เกมส์ฉุบถอด แต่เปลี่ยนเป็นถ้ากูทำโจทย์ถูกหนึ่งข้อมึงก็ต้องถอดหนึ่งชิ้น แต่ถ้ากูทำผิดแค่ข้อเดียวเท่านั้นกูถอดเองหมดเลย ”
“ งั้นถ้าเราขอเลือกโจทย์เอง บทไหนก็ได้รวมถึงบทที่เรายังไม่ได้สอนจงอินด้วย ” ถึงเกมส์มันจะดูเสียเปรียบไปหน่อยก็เถอะ แต่คยองซูก็เชื่อว่าจงอินคงต้องมีผิดบ้างสักข้อถ้าได้ทำโจทย์ที่ยังไม่ได้เรียนจากในห้องมา
“ …เอาสิ ”
“ งั้นก็ได้ เราเล่นด้วยก็ได้ ” ถึงแม้ว่าสายตาของจงอินที่มองมามันจะทำให้คยองซูหวั่นๆ แต่ยังไงเขาก็เชื่อความคิดของตัวเองว่าจงอินจะไม่มีทางทำโจทย์ที่เขาเลือกมาถูกหมดแน่นอน
“ ตรวจเสร็จยังอ่ะ ช้า ”
“ แล้วจะให้เราทำไง ก็จงอินเพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้ ” จงอินเพิ่งยื่นกระดาษมาให้คยองซูมาเมื่อตะกี้ คยองซูก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงจริงๆถึงจะสามารถตรวจให้เร็วทันใจจงอินได้ แต่พอเอ่ยถามจงอินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามออกไปกลับยักคิ้วมาให้อีกจนร่างเล็กต้องถอนหายใจก่อนจะเริ่มมาสนใจตรวจโจทย์ให้จงอิน
พอตกลงกันว่าจะเล่นเกมส์ที่จงอินเป็นคนอยากเล่น คยองซูก็เลยเลือกโจทย์ที่มันค่อนข้างยากมากพอสมควรในความคิดของเขาแต่ก็พยายามไม่ให้เกินเนื้อหาที่จะออกสอบให้จงอินทำ ที่ตกลงเล่นเพราะคยองซูแค่อยากให้จงอินทวนโจทย์ ตั้งใจทบทวนเนื้อหาเพื่อไปสอบเท่านั้นเอง ถ้าคยองซูไม่ตกลงเล่นจงอินก็ไม่ยอมทำโจทย์สักที
แต่พอเอาโจทย์ที่คัดมาเอามาให้จงอินทำก็ดูเหมือนว่าจงอินจะแค่กวาดตามองแค่แปปเดียวก็เริ่มเขียนคำตอบลงไปในกระดาษจนคยองซูเริ่มหวั่นใจว่าที่เห็นจงอินทำแบบนั้นไม่รู้ว่าโจทย์มันง่ายเลยทำได้หรือโจทย์ยากแต่เขียนคำตอบมั่วๆมาให้เขากันแน่ และก็ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกระดาษที่บรรจุคำตอบของโจทย์ 10 ข้อที่แสนยากก็มาวางเอาไว้อยู่ตรงหน้าคยองซูด้วยท่าทางของจงอินที่ดูมั่นใจเต็มที่
จงอินทำได้งั้นหรอ
ไม่หรอก ไม่แน่ จงอินอาจจะทำโจทย์ผิดหมดก็ได้
จงอินมองคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันของคนตัวเล็กที่กำลังนั่งไล่ดูคำตอบของเขาในกระดาษอย่างตั้งใจก็นึกอยากหัวเราะให้กับใบหน้าน่ารักที่ดูเป็นกังวลกับคำตอบเขาเหลือเกิน ท้าวคางมองสักพักก่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนกายอ้อมโต๊ะจนมาหยุดอยู่ข้างๆร่างเล็กโดยที่คยองซูก็ไม่ได้เงยขึ้นมาสนใจด้วยซ้ำตากลมโตใต้แว่นกรอบหนาก็ยังคงจ้องกระดาษในมือไม่วางตา
อย่างหนึ่งที่จงอินรู้แต่คนอื่นอาจจะไม่รู้ก็คือเวลาที่ไอ้มิมันตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะก็ การตอบสนองต่อทุกสิ่งรอบๆตัวจะกลายเป็นศูนย์ทันที แต่มันก็ไม่ถึงขั้นไม่ตอบสนองอะไรขนาดนั้นแต่ก็แค่ถ้าไม่ได้พูดเสียงดังหรือเข้าไปเขย่าตัวก็จะสนอยู่แต่กับสิ่งที่ทำก็เท่านั้นเอง
“ เฮ้อ…อยู่ๆก็ง่วงว่ะ ”
ทำทีเป็นพูดพำพึมออกมาเสียงดัง แต่ก็ไม่ดังพอที่จะเรียกให้อีกคนละจากสิ่งที่ทำมาสนใจได้และนั่นมันทำให้จงอินยิ้มกริ่มอย่างพอใจ ร่างสูงของจงอินค่อยๆขยับล้มตัวลงนอนลงไปกับพื้นโดยที่กะให้ตำแหน่งหัวลงไปวางเอาไว้ที่ตักนิ่มของไอ้มิพอดิบพอดี และพอเห็นว่าไอ้มิมันไม่ได้ว่าอะไรจงอินเลยขยับร่างของตัวเองหาตำแหน่งที่สบายที่สุดให้ตัวเอง จากตอนแรกที่นอนหงายก็เปลี่ยนผลิกตัวให้นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหน้าท้องของไอ้มิ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากรู้เสียให้ได้ว่ากลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากตัวของไอ้มิมันมาจากไหนกันแน่ กลิ่นหอมที่มันทำให้เขาอยากเข้าไปดมใกล้ๆ จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็ซุกอยู่กับหน้าท้องบางที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตลายทางเฉิ่มๆตัวที่ไอ้มิมันชอบใส่
ตัวไอ้มิหอมชะมัด
“ อ๊ะ จงอิน! ทะ...ทำไมมานอนตรงนี้ ” ตอนแรกคยองซูก็ไม่ได้นึกสนใจอะไรแต่เพราะเหมือนมีอะไรหนักๆบนตักพอก้มหน้าลงไปดูก็ต้องตกใจเพราะอยู่ๆ จงอินก็มานอนอยู่ที่ตักเขาซะเฉยๆ ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ยังนั่งตรงข้ามกันอยู่เลย
เสียดายที่ยังนอนซุกตักไอ้มิไปได้ไม่ถึงไหนเจ้าของตักก็รู้ตัวซะแล้ว
“ ง่วง มึงตรวจช้า กูขี้เกียจเข้าไปนอนในห้อง ”
“ น...นี่ไง เราตรวจเสร็จแล้วสองข้อ ”
“ อืออ ตรวจให้หมดเลยดิกูรอได้ ตัวมึงหอม กูดมได้ทั้งวัน ” พูดแล้วหลับตายกมือขึ้นกอดอกตัวเองซุกท้องไอ้มิอีกครั้ง ทิ้งให้คนตัวเล็กแก้มเปลี่ยนสีแบบที่ใครมองก็รู้ว่าเขิน
แล้วเรื่องอะไรคยองซูต้องให้จงอินดมด้วยล่ะ
“ จ..จงอินอย่าเพิ่งนอนสิ ” คยองซูก้มมองใบหน้าหล่อที่วางอยู่บนตักมือก็เขย่าไหล่จงอินเบาๆเพื่อเรียก ก็ถ้าจงอินหลับอยู่บนตักเขาแบบนี้คยองซูจะไปมีสติตรวจได้ยังไง ไม่เคยมีใครมานอนหนุนตักเขาแบบนี้ จงอินเป็นคนแรก มันเลยยิ่งทำให้คยองซูรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
“ ก็ได้ งั้นข้อแรก กูผิดหรือกูถูก? ” ร่างสูงผลิกตัวนอนหงายเงยหน้าขึ้นไปมองติวเตอร์ส่วนตัว ก็ได้ถ้าไม่ให้นอนงั้นก็มาเล่นเกมส์กัน
“ จงอินทำ..ถูก ”
“ ดีใจจัง ” ก็อย่างที่ตกลงกันไว้ถ้าเขาถูกคยองซูก็ต้องถอดหนึ่งอย่าง หน้าไอ้มิค่อยๆยู่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องถอด
“ ถอดอะไรก็ได้หรอ ”
“ อืม อะไรก็ได้ ”
“ ถ้าเราถอดแว่น เราคงมองไม่เห็น งั้นเรา… ”
แล้วไม่ต้องให้รอนานคนตัวเล็กก็เลื่อนมือไปถอดตามกติกาเกมส์ก่อนจะเอามันไปวางเอาไว้บนโต๊ะ
“ อะไรวะ ถอดถุงเท้า ป๊อด! ”
“ เราเปล่าป๊อดนะ! ก็ไหนจงอินบอกว่าถอดอะไรก็ได้ ”
“ เออๆโอเค ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังไงมึงได้ถอดมากกว่านั้นแน่ ”
“ ไม่มีทางเพราะข้อสองจงอินทำผิด ”
“ จริงดิ ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ” จงอินยกมือขึ้นไปขยี้หน้าม้านุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว น้ำเสียงที่ดูดีใจที่ได้รู้ว่าตัวเองทำโจทย์ผิดมันทำให้เด็กหน้าม้าแตกขมวดคิ้วสงสัย ทำไมจงอินต้องดีใจขนาดนั้นด้วย ทั้งๆที่ตัวเองทำผิดก็ต้องถอดนี่หน่า
“…”
คยองซูไม่เข้าใจ จงอินยิ้มดีใจอะไร
“…”
“ …ทำไม ”
พรึบ!
!!!!
“ จงอิน! จงอินจะทำอะไร ” รีบผละออกแทบไม่ทันเมื่ออยู่ๆคนบนตักผลิกตัวขึ้นมาใช้สองแขนคร่อมร่างของคยองซูไว้จนคนตัวเล็กอยู่ในท่านอนลงไปกับพื้นแทน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาให้ทำอาคนตัวเล็กต้องกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ จงอินจำทำอะไรกันแน่
“ ถอดเสื้อไง ”
“ ละ..แล้วมันเรื่องอะไรที่จงอินต้องมาถอดของเราอ่ะ จงอินทำผิดข้อนึงนะ! ” คยองซูรีบแกะมือใหญ่ที่จับหมับเข้าที่กระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองทันที นี่มันอะไรกัน ถ้าคยองซูจำไม่ผิดจงอินตั้งหากที่ต้องเป็นคนถอดไม่ใช่เขาสักหน่อย แต่ด้วยท่าทางในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าทำอะไรก็ดูจะไม่ค่อยสะดวกมากเท่ากันคนที่นั่งใช้มือทั้งสองข้างคร่อมเขาอยู่
“ ก็ใช่ไง เมื่อกี้กูบอกว่า..ถ้ากูทำผิดแค่ข้อเดียวเท่านั้นกูถอดเองหมดเลย… ”
“ … ”
“ แต่กูไม่ได้บอกหนิว่ากูจะถอดเสื้อผ้า...ของใคร ”
นี่ใช่ไหมคือเหตุผลที่คยองซูเห็นว่าจงอินทำหน้ากรุ่มกริ้มแค่ไหนที่เมื่อกี้เขาบอกว่าจงอินทำโจทย์ข้อนี้ผิด ทำไมคยองซูถึงไม่ได้เอะใจตั้งแต่แรกว่าจงอินยังไงก็ยังเป็นจงอินอยู่วันยังค่ำ คยองซูไม่น่าตกลงเล่นเกมส์อะไรแบบนี้กับจงอินตั้งแต่แรก
“ แล้วอีกอย่างนะมิ… ถึงกูต้องถอดของกูจริงๆ กูก็ถอดเสื้อผ้ามึงได้อยู่ดี ” พอเห็นว่าไอ้ตัวเล็กตรงหน้าเอียงคอสงสัย มุมปากจงอินก็กระตุกยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“ …เพราะมึงเป็นของกู ตัวมึง เสื้อผ้ามึงก็เหมือนเสื้อผ้ากู จะผิดอะไรถ้ากูจะถอดเสื้อผ้าของมึง ”
“…”
“ ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ คือยังไงกูก็จะถอดเสื้อผ้ามึงอยู่ดีโอเค๊? ”
ไม่ ไม่เลย คยองซูไม่โอเคกับจงอินเลยสักนิด
มือของจงอินเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อของคยองซูต่อโดยที่แรงยื้อยุดของคนตัวเล็กไม่ได้สามารถทำอะไรคนมือไวอย่างจงอินได้ ไม่ว่ายังไงวันนี้ถ้าจงอินไม่ได้เห็นคยองซูถอดเสื้อก็คงไม่หยุดง่ายๆแน่ๆ
Rrrrrrrrrr Rrrrr
และก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มันดัง คราวนี้ไม่ใช่เครื่องของจงอินแต่กลับเป็นเครื่องที่นอนสั่นไหวอยู่บนโต๊ะของไอ้มิ ตาคมหันไปมองตามที่มาของเสียงก่อนจะจงใจถือวิสาสะดูว่าใครที่เป็นคนโทรเข้ามาขัดจังหวะเขาได้ตรงเวลาแบบนี้
“ จงอินเอาโทรศัพท์เรามา… ”
“ มีอะไร โทรมาทำห่าอะไร! ” จงอินไม่ได้สนใจคำโวยวายของคยองซูและเลือกที่จะกดรับสายโดยไม่คิดให้เสียเวลา ก่อนจะกรอกเสียงไปหาปลายสาย สาบานได้ว่ามันเป็นคำพูดที่ดูซอฟท์ที่สุดแล้วที่ตอนนี้จงอินจะพูดได้ แม่งโทรมาขัดจังหวะกูทุกที ไม่ด่าแม่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
[ อูยยยย! สวัสดีครับพ่อ ]
“ กูถามว่าโทรมาหาไอ้มิทำไม ตอบ! ”
[ ทำมะะะ! ก็กูจะอยากคุยกับคยองซูบ้างไม่ได้ไง๊?! ]
“ ไม่ให้คุย! มันไม่ว่าง! กูจะวาง! ”
[เห้ย เดี๋ยวๆๆๆๆ ไอ้ดำ!!]
“ ไร!! ”
[กูแค่จะบอกว่…. ]
ติ๊ด!
จงอินวางสายแบคฮยอนไปเรียบร้อย
“ จงอิน วางสายไปแบบนั้นจะดีหรอ แบคฮยอนไม่โกรธหรอ ”
“ ไม่รู้ ทำไม? ทำหน้าแบบนั้นอยากให้กูไปเชิญมันมาง้อที่นี่หรือไง ”
ติ๊ด! ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด แกร็ก~
อย่า บอก นะ ว่า!!
“ จ๊ะเอ๋ น้องดำของพี่แบค พูดอะไรถึงพี่กันอยู่หรือเปล่า พี่กับชานยอลคิดถึงจึงมาหา ”
………………………………
……………………………
…………………..
……………
WTF!!!
“ จ..จงอินไปเตะบอลมั้ย ”
5555555555555555555555555555555
555555555555555555555555
55555555555555555
แล้วเจอกันค่ะ
รักจากมิช
ความคิดเห็น