คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 13
13
“ มิ ”
“…”
“ ไอ้มิ!! ”
“ เอ่อ ..จงอิน..ร..เรียกเราหรอ ”
“ ใช่ อาหารเสร็จแล้ว มากินได้แล้ว เหม่ออะไรอยู่ ” จงอินเดินออกมาจากโซนครัวก่อนจะแกะผ้ากันเปื้อนออกแล้วเอามาถือไว้ ตอนแรกก็ตั้งใจจะรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวแต่เรียกแล้วคนตัวเล็กที่เอาแต่เหม่อนั่งจ้องทีวีอยู่ตรงโซฟาก็ยังไม่ให้ความสนใจ
“…”
อีกครั้งที่ก็ยังได้รับแต่ความเงียบเป็นคำตอบ จงอินเดินอ้อมหลังโซฟาแล้วนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆไอ้มิ ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเป็นอะไร เมื่อกี้ยังกวนแง้วๆข้างหูจงอินอยู่เลย พอโดนจูบเข้าไปก็รีบคล่ำแว่นจากมือจงอินไปแล้วเดินมานั่งจุ้มปุ๊กเหงียบๆคนเดียวหน้าทีวี พอเดินไปบอกว่าจะไม่ให้กินบะหมี่ให้รอกินอาหารที่เขาทำก็ตอบรับง่ายๆอย่างโดยดีไม่มีเถียงตามเคย
ไอ้มิอาจจะเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่จงอินก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าหากว่าคยองซูรู้ขึ้นมาว่าริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มแบบนั้นโดนจงอินแอบสัมผัสไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะบอกให้เสียเชิงชายว่าที่ได้ลิ้มรสนั่นมันได้มาจากตอนไอ้มิไม่รู้สึกตัว ไอ้มิเป็นคนแรกที่จงอินพยายามอดทนไม่ให้การถึงเนื้อถึงตัวมันไปเร็วเกินไป แต่ถ้าเป็นกับคนอื่นมันเป็นอะไรที่เสียเวลามากสำหรับเขา ถ้าเป็นคนอื่นจงอินไม่ปล่อยให้รอดมาได้ถึงขนาดนี้หรอก
แต่ไม่เถียงที่ว่าเมื่อกี้ถ้ากาน้ำร้อนมันไม่ดังขึ้นมาจงอินอาจจะทำอะไรไปมากกว่านั้นก็ได้ ไอ้มิไม่รู้หรอกว่าตอนที่อยู่ในสถานการ์ณแบบเมื่อกี้มันน่ารักมากแค่ไหน ดวงตากลมโตหลับพริ้ม แก้มใสแดงระเรื่อจากเลือดที่สูบฉีดตามอัตราการเต้นของหัวใจแถมตัวยังสั่นน้อยๆ ความใสซื่อของคยองซูกำลังทำให้จงอินหลงใหลจนแทบอยากจะจับอุ้มแล้วทุ่มลงบนเตียงด้วยซ้ำไป
แต่ติดว่าถ้าจะให้นกมันเชื่องต้องค่อยเป็นค่อยไป
จงอินน่ะใจเย็นสุดๆแล้ว บอกเลย
“…”
“…”
“ อย่าเงียบแบบนี้ มีอะไรก็พูด ” และก็เป็นจงอินเองที่พูดขึ้นทำลายความเงียบ ที่พูดคือไม่ได้ดุแต่เพราะไม่อยากให้มานั่งเงียบกับแบบนี้ คยองซูหันหน้ามามองจงอินแวบนึง ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันราวกับใช้ความคิด
เอาจริงๆเลยนะ ตอนนี้คยองซูมีสองเรื่องที่กำลังคิดมากอยู่ในตอนนี้ คยองซูเพิ่งมารู้ตัวว่าที่ข้อมือของตัวเองสร้อยที่จงอินให้เขามันหายไป คยองซูหามันไม่เจอ หายังไงก็ไม่เจอ อีกแล้วคยองซูเป็นแบบนี้อีกแล้ว สร้อยนั่นจงอินอุตส่าซื้อให้ไม่ทันไรเขาก็ทำมันหายไปเสียแล้ว เพิ่งมารู้ตอนมานั่งอยู่หน้าทีวี คยองซูไม่อยากให้จงอินรู้เลย จงอินจะต้องเสียใจมากแน่ๆ เพราะขนาดเขาเองเขายังอยากร้องไห้มากๆเลย แต่เรื่องนี้เขาบอกจงอินไม่ได้ ไม่แน่มันจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆนี้ ขอให้เขาหาให้แน่ใจก่อน ถ้าไม่มีจริงๆค่อยบอกจงอิน ส่วนอีกเรื่องเขาจะบอกจงอินตอนนี้แหละ
“…เรื่องเมื่อกี้ใช่ไหม ” ถามเพียงให้เข้าใจตรงกันว่าเรื่องที่คยองซูคิดอยู่มันคือเรื่องเดียวกันกับที่จงอินคิด และพอได้คำตอบเป็นการพยักหน้ารับช้าๆของคนตัวเล็กก็ทำให้จงอินต้องพูดต่อ
“ คิดมากหรอ ”
“ อ..อื้อ ” คยองซูไม่แม้แต่จะมองหน้าจงอิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของคนตรงหน้ามันทำให้จงอินเริ่มรู้สึกว่าการฉวยโอกาสกับไอ้มิไปแบบนั้นอาจจะทำให้คนตัวเล็กรู้สึกไม่ดี
จงอินพร้อมจะรับผิดทุกอย่างในเมื่อเขาเป็นคนเริ่มจูบไอ้มิก่อน ถ้าหากว่าไอ้มิมันจะโกรธเขาก็ไม่แปลกใจ เพราะยังไงถึงให้ย้อนเวลากลับไปได้ จงอินก็จะเลือกจูบคยองซูอยู่ดี…
“ ขอโทษที่จู…” // “เรื่องกาต้มน้ำ จ..จงอินโกรธเราหรือเปล่า ”
ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค คำพูดที่แทรกขึ้นมาก็ทำให้ร่างสูงเก็บคำพูดตัวเองลงคอ
หืมม เดี๋ยวนะ
กาต้มน้ำ…
นี่กำลังพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า …เรื่องจูบของเราเมื่อกี้...ไม่ใช่..หรอ
“ …หะ? ” สงสัยจะได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ที่หูจะเพี้ยนมีสูง
“ เมื่อกี้เราเสียบกาต้มน้ำไว้กะจะกินบะหมี่ ทั้งๆที่จงอินก็กำลังจะทำอาหารให้เรากินอยู่แล้ว ร..เราทำแบบนั้นจงอินคงโกรธเราแน่ๆเลย..ใช่หรือเปล่า ”
“…”
“ เราว่าเราก็แอบไปเสียบปลั๊กเอาไว้ไกลๆห้องครัวแล้วนะ แต่เสียงมันก็ยังดัง จงอินเลยรู้เลยว่าเราตั้งใจจะกินบะหมี่ ฮื่ออ เราผิดเอง ”
“…”
“ จงอินเงียบอ่ะ แบบนี้โกรธเราจริงๆแน่เลย ”
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จงอินควรจะพูดอะไร เพราะตอนนี้ในหูมันได้ยินแต่เสียงเศษหน้าของตัวเองที่แตกลงพื้นเต็มไปหมด ทีนี่ก็พอจะรู้แล้วว่าความคิดคนเรามันอาจจะคิดไม่เหมือนกันทุกเรื่องก็ได้
“ จงอินน เราขอโทษ ” พอเห็นว่าจงอินไม่ได้ตอบอะไรออกไป คนตัวเล็กก็รีบคว้าเข้าที่ท่อนแขนแกร่งของร่างสูงเขย่าเบาๆหวังให้จงอินเปิดปากคุยกันบ้าง คยองซูง้อใครไม่ค่อยถนัดซะด้วย ถ้าจงอินโกรธไปมากกว่านี้คยองซูจะทำยังไง
“ แล้วเรื่องจูบเมื่อกี้ล่ะ ”
“ !!! ”
“ …คิดอะไรบ้างหรือเปล่า ”
จงอินอาศัยจังหวะที่คยองซูกำลังเผลอใช้แขนข้างที่ไม่ได้โดนคนตัวเล็กเกาะอยู่ตวัดโอบไปที่เอวเล็กออกแรงดันให้ตัวของคยองซูมาชิดกัน ร่างในอ้อมแขนสะดุ้งอย่างตกใจไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับจงอินเมื่อรู้สึกได้ว่าแบบนี้มันใกล้กันเกินไปแล้ว
“…”
“ …ว่าไงล่ะ ”
“ อ..เอ่ออ โห กลิ่นซุปกิมจิหอมจังเลย ” ขยับตัวให้มือที่โอบเอวอยู่หลุดออกไป แต่ก็ใช่ว่าจงอินจะยอมให้คยองซูทำแบบที่หวัง แขนก็โอบกระชับแน่นแบบที่มั่นใจมากว่าไอ้มิจะดิ้นกี่ทีก็จะไม่หลุด
“ เปลี่ยนเรื่อง ”
“ ร..เราเปล่านะ ”
“ เถียงอีก ”
“ เราไม่ได้เถียงนะ เราแค่บอกเฉยๆเอง ” พอว่าหน่อยก็ทนไม่ได้ต้องเงยหน้าน่ารักๆนั่นขึ้นมามอง ปากก็เถียงจนจงอินรู้สึกหมั่นเขี้ยวคนในอ้อมกอดขึ้นมา หลายครั้งที่เวลาจงอินพูดอะไรไป ไอ้มิก็จะชอบเถียงขึ้นมา ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ขอให้ได้พูดเถียง เถียงในที่นี้จงอินกลับมองว่ามันน่ารัก ยิ่งไอ้มิมันเถียงก็ยิ่งเหมือนได้เล่นแหย่กับลูกนกตัวน้อย มันดูน่ารักมากกว่าน่ารำคาญ
“ โอเค ไม่เถียงก็ไม่เถียง ว่าแต่จะตอบคำถามกูเมื่อกี้ได้หรือยัง ”
“ ย..ยัง ”
“ อืม สงสัยจะลืม ไม่เป็นไร ทำใหม่ก็ได้จะได้ตอบได้เลยว่าคิดอะไรบ้างหรือเปล่า ”
รอให้ไอ้มิมันยอมพูดเองก็คงจะเสียเวลา ใบหน้าคมก้มลงหมายจะทำการรื้อฟื้นรสจูบเมื่อครู่อย่างไม่รอช้า ตอนนี้ไอ้มิหนีเขาไปไหนไม่ได้แล้วและจงอินมั่นใจว่าคงจะไม่มีอะไรมาขัดจังหวะอีก
ไม่ยอมพูดสินะ ได้ยังไงร่างกายมันไม่เคยโกหกอยู่แล้ว…
หมับ!
“ จ..จงอิน! หยุดเลยย! ” ยังไม่ทันจะก้มลงไปใกล้มือเล็กก็ยกขึ้นมาปิดที่ปากของจงอินจนทำให้ร่างสูงทำอะไรตามที่ใจหมายไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้จงอินขัดใจเท่าไหร่ ใบหน้าน่ารักใต้แว่นเชยๆที่กำลังทำหน้าบูดมันทำให้จงอินค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาใต้ฝ่ามือของคยองซูนั่นแหละ
จงอินคงจะโรคจิตนิดๆที่ชอบเห็นเวลาที่เห็นท่าทางเวลาโดนแกล้งของไอ้มิ
ถ้าคิดว่าจงอินจะอยู่นิ่งๆให้คยองซูเอามือปิดปากไว้ล่ะก็คงไม่ใช่คนขี้แกล้ง มือที่โอบเอวก็คลายออกก่อนจะกดจิ้มไปที่เอวของคนตัวเล็กเพื่อแกล้งให้ไอ้มิจั๊กกะจี้
“ ฮ่าฮ่าฮ่า จ..จงอิน อย่าจี้เอว ฮ่าๆ ” บิดตัวหลบมือของคนขี้แกล้งโดนที่คยองซูก็ไม่คิดที่จะเอามือที่ปิดปากจงอินไว้ออก แต่ก็ต้องยอมปล่อยมือเมื่อจงอินเริ่มลงมือจั๊กกะจี้ไปทั่วตัวของคนตัวเล็ก
“ บอกกูมา ปุ่มกดปิดความน่ารักของมึงอยู่ที่ไหน ”
พอเห็นว่าไอ้มิมันหันมาเอียงคอมองแบบน่าฟัดอย่างนั้นมันก็ยิ่งทำให้จงอินอยากแกล้ง
“ บอกมาก่อนที่กูจะหาเอง ”
“ อ..อะไรของจงอินเนี่ย ฮ่าๆ ”
จงอินแกล้งพลิกตัวคยองซูไปมาทำราวกับว่าต้องการหาปุ่มบนตัวคยองซูจริงๆก่อนจะเอานิ้วจี้ไปที่เอวนิ่มจนได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก
“ ฮ่ะ..ฮ่าฮ่าฮ่า จ..จงอิน พอแล้ว ฮ่าๆ เราบ้าจี้ ” เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นไม่หยุดของคยองซูมันทำให้จงอินต้องยิ้มหัวเราะตามไปด้วย มือหนาทั้งสองข้างยังคงจิ้มไปตามเอวของคนตัวเล็กที่ดิ้นหนีมือไปมา
Rrrrrrrrrrr
“ จ..จงอิน โทรศัพท์ ฮ่าๆ …ฮื่ออ พอแล้ววเราเจ็บท้องไปหมดแล้วนะ ” เหมือนว่าการกลั่นแกล้งเด็กบ้าจี้จะจบลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ของจงอินดังขึ้นและส่งเสียงสั่นครืดๆไปบนโต๊ะวางของ ร่างสูงผละออกจากคยองซูก่อนจะยักคิ้วไปให้ราวกับไม่ได้สำนึกผิดเลยสักนิดที่ทำให้ใครต้องเจ็บท้อง
จงอินเดินมาหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องขึ้นมาดู พอเห็นว่าใครก็กดรับสายทันที
“ มึงมีอะไรแบคฮยอน ”
[ มึง ตอนนี้กูก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ แต่กูจะเสียสละเวลาไปหามึงก็ได้ เปิดห้องรอพี่ไว้เลย ]
“ ไม่ต้องมา! ” ไอ้ที่มันร่ายประโยคยาวๆเกริ่นมาทั้งหมด ใจความสำคัญมันก็อยู่ตรงที่แบคฮยอนมันจะมาหา แค่ได้ยินเสียงจงอินก็เริ่มปวดหัวขึ้นมาตะหงิดๆ เหมือนไอ้เตี้ยมันมีตาทิพย์หูทิพย์ยั่งรู้ว่าจงอินอยู่กับใคร ไม่งั้นมันจะโทรมาบอกจะมาหากระทันหันแบบนี้หรอ
[ เอ้า! ทำไมวะ ทำไมกูถึงไปห้องมึงไม่ได้ ]
“ เออหน่า! บอกว่าไม่ต้องมาก็ไม่ต้องมา ”
จงอินมองไปหาคยองซูที่ตอนนี้กำลังลุกจากโซฟาเดินไปที่ห้องครัว ไม่อยากจะคิดว่าถ้าไอ้แบคฮยอนมามันจะยุ่งวุ่นวายขนาดไหนแล้วยิ่งตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวด้วย
[ เออๆ ไม่มาก็ไม่มา ]
“ เออแค่เนี่ย ไว้วันหลังมึงค่อยมา ”
[ เดี๋ยวมึง! อย่าเพิ่งวางนะ ]
“ มีไรอีก... ”
[ กูว่ามึงควรเปลี่ยนรหัสปลดล็อคประตูนะ ]
“....”
[ … ]
อย่าบอกนะว่าแบคฮยอนมัน…
“ น..นี่มึ…!! ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ~ แกร็กก!
เสียงที่จงอินฟังครั้งเดียวก็รู้ว่ามันคือเสียงอะไรเพราะคอนโดเขาเป็นระบบกดรหัสหรือเสียบคีย์การ์ดก็ได้เหมือนกัน ใครรู้รหัสก็กดรหัสส่วนใครมีคีย์การ์ดก็ใช้เสียบเอา ตาคมหันไปมองประตูที่กำลังเปิดออกมาพร้อมกับร่างเตี้ยๆของไอ้เพื่อนตัวดีที่ยื่นแค่หัวเข้ามามาส่งยิ้มฟันขาวมาให้
“ ดำจ๋า จ๊ะเอ๋!! ”
“ อ้าวๆ ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงวะจงอิน… จะไม่เชิญกูเข้าห้องใช่ไหม…งั้นกูเชิญตัวเองนะ ขอบคุณว่ะ ”
ใช้ได้ที่ไหนเพื่อนมาเยื่ยมห้องหับถึงที่แต่กลับต้อนรับด้วยหน้าดำๆตูดๆของมัน แบคฮยอนถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา พูดแล้วส่งยิ้มไปให้เจ้าของห้องที่ยังคงยืนหน้าดำไม่ยอมพูดยอมจาจนทำให้บทสนทนากลายเป็นประโยคบอกเล่าให้รับรู้เท่านั้น และพอเชิญตัวเองเสร็จยังไม่ลืมด้วยการเอ่ยปากขอบคุณตัวเองที่อุตส่าต์เชิญตัวเองเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงคำที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ บอกเลยว่าภูมิใจในตัวเองมาก
เข้ามาแล้วก็บรรจงนั่งถอดรองเท้าผ้าใบลูกรักอย่างเบามือเอามาถือไว้ก่อนจะหันไปเปิดตู้ใส่รองเท้า
เอ๊ะๆ เดี๋ยวๆ
ทำไมรองเท้าอิดำคู่นี้มันดูเล็กมุ้งมิ้งแบบนี้
“ จงอิน มึงอยู่กับใคร เอาใครมาซุกไว้ไม่บอกกูหรือเปล่า ” ไม่พูดเปล่าหันไปหยิบรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เล็กที่แบคฮยอนจำได้ว่าอิดำเพื่อนเขามันเท้าใหญ่ขนาดไหนมาให้มันดู เหมือนจะแอบเห็นว่าจงอินมีสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่หลุดอะไรมากมาย
“ ทำไมอยู่ๆถึงมาได้วะ ” นั่นแน่ ไม่ตอบกูอีก เปลี่ยนเรื่องเฉย
“ อืม กูว่ากูมาหามึงในเวลาที่ใช่ว่ะ …หิวชิบหาย ” มึงไม่ตอบกูก่อน กูเลยไม่ตอบมึงเหมือนกันอ่ะเอาดิ แบคฮยอนกลับหันเท้าเดินตรงไปยังโซนห้องครัวด้วยความมั่นใจว่าจุดหมายที่ไปมันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่จะทำให้แบคฮยอนท้องอิ่มแบบที่ไม่ต้องเสียเงินซักบาท กลิ่นมันใช่ ในครัวจงอินมันต้องทำอาหารไว้แน่ๆ ลาภปากพี่ไหม ถามใจตัวเองดู คนมันใช่ในเวลาที่ใช่ก็แบบเนี้ยแหละ
“ เดี๋ยว! ” และก็ต้องโดนสะกัดดาวรุ่งด้วยเพื่อนดำที่ดึงคอเสื้อข้างหลังไว้จนแบคฮยอนแทบหงายหลังไปพิงอกมันเหมือนในนิยายน้ำเน่า
“ อะไรอีก ขัดคนหิวไม่ให้กินข้าวมันบาปนะรู้ไหม ”
“ ทะเลาะกับไอ้ชานยอล? ”
“ …. ”
“ ใช่สินะ…หึ! ทะเลาะกันอย่างกับผัวเมีย ”
ไม่บ่อยหรอกที่แบคฮยอนจะมาหาจงอินโดยที่ไม่มีชานยอลมาด้วย และทุกครั้งที่เพื่อนตัวเล็กมาหาเขาแบบนี้ก็มีอยู่เรื่องเดียว และจงอินเชื่อว่าอีกไม่นานชานยอลก็คงจะติดต่อมาที่เขาเหมือนกัน แบคฮยอนน่ะมีที่ให้ไปได้ไม่เยอะหรอก
“ ผัวเมียห่าอะไรล่ะ! อย่าบอกมันนะว่ากูมานี่ คราวนี้กูโกรธจริงอะ ”
ท่าทางมันแสดงออกชัดเจนว่าเหมือนโกรธผัวขนาดนี้มันทำให้จงอินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าแบคฮยอนบอกแบบนั้นจงอินจะไปขัดอะไรได้ แต่ถึงจงอินไม่บอกไอ้ชานยอลมันก็รู้อยู่ดี มือใหญ่เอื้อมไปขยี้กลุ่มผมนิ่มของเพื่อนเตี้ยเบาๆเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนมันก็คงจะเครียด ไม่งั้นไม่มีทางมาหาจงอินแบบนี้
“ ถึงกูจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่กูก็เชื่อว่าชานยอลมันไม่ได้ตั้งใจหรอก มันยอมมึงจะตาย ”
ไม่ได้พูดปลอบแต่มันเป็นเรื่องจริงที่แบคฮยอนมันคงจะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะว่าทั้งจงอินและชานยอลก็ดูแข็งแรงพอที่จะดูแลตัวเองได้ทั้งคู่ผิดกับแบคฮยอนที่ก็ยังติดนิสัยเด็กเอาแต่ใจตามรูปร่างหน้าตา และนั่นมันทำให้เขาและชานยอลต้องคอยดูคอยยอมให้ตลอด
“…กูรู้ ” แบคฮยอนปัดๆมือของเพื่อนที่ยังคงขยี้ผมเขาเล่นจนมันเริ่มเสียทรงออก
“…”
“ ก็เพราะมันยอมกูไง กูเลยเคยตัวแบบนี้ ” น้ำเสียงที่ไม่มีแววขี้เล่นอย่างทุกทีทำให้จงอินเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ก็อย่างที่บอก จงอินไม่ได้อยากรู้ว่าแบคฮยอนกับชานยอลทะเลาะกันเรื่องอะไร แค่อยากให้ได้คิดเองว่าเป็นเพื่อนกันมาเท่าไหร่ ก็รู้ๆนิสัยกันอยู่ว่าแทบจะนับครั้งได้ว่าทุกครั้งที่พวกมันทะเลาะกันแบคฮยอนมันเป็นคนผิดเองเกือบทุกครั้งและถึงแม้ว่าชานยอลจะไม่ผิดแต่มันก็ง้อแบคฮยอนตลอด
“ จงอินน บะหมี่ที่ซื้อมามันหายไปแล้วอ่ะ จงอินเก็บไว้ไหนเมื่อกี้เรายังเห็นมันวางไว้ในครัวอยู่เล… ”
กึก!
คนตัวเล็กที่กำลังเดินออกมาจากห้องครัวก็ต้องชะงักเมื่อรู้ว่าไม่ได้มีแค่จงอินที่อยู่ในห้อง มันทำให้คยองซูต้องรีบย้ายตัวเองไปอยู่ข้างๆจงอิน อาจเป็นเพราะคยองซูอยู่คนเดียวจนชินเลยไม่ค่อยได้กล้าที่จะเผชิญหน้ากับใครเท่าไหร่นัก
“ ว้าวว วันนี้น้องดำของพี่พาใครมาครับเนี่ย… ” ตาวาวเป็นประกายเต็มไปด้วยความอย่างรู้อย่างเห็น นี้หรือเปล่าที่เป็นสาเหตุให้จงอินไม่อยากให้เขามาห้องน่ะ ยิ้มกริ้มส่งไปหยอกอิดำอย่างมีเลสนัยจนคนตัวสูงถอนหายใจ
“ ไม่ยุ่งสักเรื่องจะตายไหมเตี้ย ”
“ ดูจะกลัวๆนะ ดูดิหลบหลังจงอินอย่างเดียวเลยว่ะ ” ตัวเล็กๆที่โผล่มาให้เห็นแค่เสี้ยวหน้ากับแว่นตาอันโตๆ ทำให้แบคฮยอนต้องหัวเราะกับท่าทางหวาดกลัวแบบนั้น ถ้าคยองซูสิงร่างไปกับหลังจงอินได้นี่คงทำไปนานแล้ว
และก็เป็นแบคฮยอนนี่แหละที่เดินเข้าไปหาคนของเพื่อนดำที่พอมองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นใคร แว่นหนาแบบนี้ เชยๆแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ตอนแรกก็นึกว่ามันจะเล่นๆตามภาษาหมาหยอกไก่แต่ที่ไหนได้พากันมาถึงห้องแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ ก็ไอ้จงอินมันชอบเอาใครขึ้นห้องที่ไหนล่ะ โน่น โรงแรมก็มีไม่ต้องเสียเวลาพากันมาที่ห้องหรอก
“ คยองซูใช่ไหม พอมาดูใกล้ๆแล้วตัวเล็กมากเลยอ่ะ ตอนเด็กๆลืมกินนมหรือเปล่าเนี่ย ” พอถึงตัวก็ยกมือขึ้นเทียบความสูงจากหัวตัวเองไปยังคนตัวเล็กกว่า
จริงๆก็ไม่อยากจะยอมรับหรอก ไม่คิดเลยว่านอกจากตัวเองแล้วจะมีคนเตี้ยได้มากกว่าแบคฮยอนอีก ตอนนั้นที่ได้เห็นคยองซูแบคฮยอนก็เห็นแค่จากไกลๆเท่านั้นพอมาสำรวจใกล้ๆแบบนี้ก็คิดว่านกฮูกตาโตของเพื่อนก็ดูน่ารักน่าปกป้องดีเหมือนกัน
“ เราแบคฮยอนนะ ” ยิ้มแบบให้รู้ว่ากูเท่สุดๆส่งไปให้นกน้อยของเพื่อนดำ ความจริงคยองซูคิดว่าแบคฮยอนไม่ต้องแนะนำตัวกับเขาแบบนี้ก็ได้ จะมีใครในโรงเรียนบ้างหล่ะที่ไม่รู้จักแบคฮยอนน่ะ ก็แบคฮยอนน่ะเวลาร้องเพลงน่ะมีเสน่ห์จะตายทุกคนในโรงเรียนต่างก็พูดกัน ซึ่งคยองซูก็ยอมรับว่าเสียงของแบคฮยอนในเวลาที่ขึ้นร้องเพลงบนเวทีตอนวันงานโรงเรียนมันทำให้คยองซูชอบแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาพูดคุยอะไรกันอย่างในตอนนี้
“ อื้อ ร..เราคยองซู ” คยองซูตอบแบบกล้าๆกลัวๆ แบคฮยอนคุยกับเขาด้วยถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นไปตามมารยาท แต่คยองซูก็ดีใจอยู่ดีก็ขนาดคนทั่วๆไปยังไม่เข้ามาทักคยองซูก่อนแบบนี้เลย แล้วยิ่งแบคฮยอนที่มีแต่คนชื่นชมไม่ต่างจากจงอินมาทักเขาแบบนี้มันก็เลยทำอะไรไม่ค่อยถูก
“ ไม่ต้องกลัวเราขนาดนี้ก็ได้ อย่าไปหลบหลังจงอินนาน เดี๋ยวสีดำๆจะติดตัว มานี่ๆ ”
“ เดี๋ยวๆ จะไปไหน ” ท่าทางไอ้เพื่อนเตี้ยของเขาดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ หันไปมองไอ้มิก็พอจะรู้ว่ากำลังทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยอมเดินตามหลังแบคฮยอนไปต้อยๆ
ไม่ได้รับคำตอบแต่กลับโดนไล่ให้ไปเตรียมจานชามช้อนส้อมเพิ่ม ก็ต้องไปแต่โดยดีจงอินคิดว่าหากปล่อยไอ้มิไว้กับแบคฮยอนคงจะดูไม่น่ามีอะไรจึงผละออกมา แต่ถ้าเปลี่ยนจากแบคฮยอนเป็นชานยอลจงอินคงไม่ปล่อยให้อยู่ด้วยกันแบบนั้น
ไม่รู้สิอาจจะเพราะแบคฮยอนกับคยองซูจัดอยู่ในประเภทเดียวกันล่ะมั้ง
ประเภทที่ว่าดูตัวเล็กๆ น่ารักๆ น่ะ
“ ใส่แว่นแบบนี้ไม่รู้สึกอึดอัดมั่งหรอ ”
“ ไม่เลย ”
ไม่เข้าใจว่ะ แบคฮยอนไม่เข้าใจ
“ ไหนนทำหน้าดีใจสิ ”
พอแบคฮยอนบอกคนตัวเล็กอีกคนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะค่อยๆยกริมฝีปากเล็กๆขึ้นยิ้มจนมันเป็นรูปหัวใจ คยองซูทำตาโตขึ้นให้รู้ว่าหน้าแบบนี้กำลังดีใจอยู่ท่าทางที่มันดูน่ารักจนแบคฮยอนต้องหลุดยิ้มออกมา
“ ทำหน้าบึ้ง ”
จากที่เพิ่งยิ้มอยู่เมื่อกี้ก็ต้องเบะปากคว่ำลง ทำตาเศร้า
“ อืมม มันยังไม่ใช่ ” และอยู่ๆแบคฮยอนก็เอื้อมมือไปหยิบแว่นตาเชยๆนั้นออกจากกรอบหน้าสวยอย่างที่คนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ขัดอะไร แบคฮยอนอึ้งไปแปปนึงเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ไร้กรอบแว่นของคยองซู
หน้าตาก็ไม่ได้เชยอย่างที่คิดแหะ
“ ไหนทำหน้ายิ้ม ”
คนตัวเล็กยกยิ้มตาปิดแบบที่ทำให้คนมองต้องนิ่ง
!!!
“…ไม่อยากจะเชื่อ ”
เห็นคนหน้าตาดีมาก็เยอะ แต่ไม่นึกเลยว่าพอคยองซูถอดแว่นมันจะผิดกันเป็นคนละคนแบบนี้ นี่มันซ่อนรูปชัดๆเลยนะเนี่ย
“
ท…ทำไมหรอ ”
“ คยองซู! น่ารัก... น่ารักมาก...น่ารักอ่ะ!! เอาอีกๆ ยิ้มแปป ขอถ่ายรูปก่อน โอ่ยย ยอมใจ! ”
เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้จงอินมันถึงได้หวงนักหวงหนาหน้าตาตอนที่คยองซูไม่ได้ใส่แว่นแถมยังตอนยิ้มอีกรอยยิ้มนั่นมันทำให้คนเห็นยอมใจได้ไม่ยากไม่แปลกที่ไอ้ดำมันจะหวงได้แม้กระทั่งชื่อที่มันภูมิใจตั้งของมันเอง นี้ก็เริ่มเสียวสันหลังวาบๆแล้วเหมือนกันเหมือนคล้ายๆมีรังสีอำมหิตสีดำๆแผ่ไปทั่วบริเวณ…
“ มึงเอาไอ้มิกลับไปเล่นที่บ้านเลยไหมล่ะแบคฮยอน ”
เตรียมอะไรเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินออกมาดูว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ และพอเดินมาตามเสียงหัวเราะก็เห็นว่าทั้งแบคฮยอนและไอ้มิกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิมหน้าทีวี ชะงักเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนถอดแว่นไอ้มิของเขาออกแล้วคว้ามือถือมาถ่ายพลางหัวเราะชอบใจด้วยกันทั้งคู่ เลยต้องพูดขัดออกไปแบบนั้น
“ เห้ยยย ได้จริงดิ!! เจ๋งงง! ”
“ กูประชด!! ”
“ อย่ามาปากดีอีดำ ถ้ากูขโมยกลับไปจริงๆแล้วจะประสาทแดก เน้อะ คยองซูเน้อะ ” ส่งแว่นตาคืนเจ้าของและพยักหน้าไปขอความเห็นร่วมจากคนตัวเล็กกว่าที่ทำได้แค่ยกมือขึ้นเกาไปที่ต้นคอขาวเบาๆอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าใครจะขโมยอะไรของใครไปก่อนแบคฮยอนจะหันมาแลบลิ้นใส่เพื่อนดำ
“ เอ่ออ… ” อ่าา คุยอะไรกันเนี่ย คยองซูไม่เห็นรู้เรื่องเลย
“ พูดมาก หิวไม่ใช่หรือไง ไปกินเลยไป ”
“ แหมม พูดเรื่องจริงทำเป็นไล่ โด่ววว! คยองซู~ ” เรียกนกน้อยของเพื่อนเสียงอ้อน
“ มีอะไรหรอ? ”
“ เราหิวข้าวแล้วอ่ะ แต่ไม่รู้ว่าต้องไปกินที่ไหน พาเราไปหน่อย นะนะ ”
“ ด..ได้สิ เดี๋ยวเราพาไปนะ ” รีบลุกขึ้นเพื่อจะได้รีบพาแบคฮยอนที่บอกว่าหิวให้ได้ไปกินอาหาร สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมแบคฮยอนถึงมาขอร้องเขาแทนที่จะเป็นเจ้าของห้องที่กำลังทำหน้านิ่งๆมองมาอย่างจงอิน จะว่าไปเขาก็เพิ่งมาที่นี่วันแรกเองนะ
“ ป่ะ จับมือด้วยๆ เดี๋ยวเราหลงง ”
พูดจบก็เดินจับมือกระหนุงกระหนิงกับไปสองคนจนจงอินต้องขบกรามแน่น ดูก็รู้ว่าไอ้เพื่อนเตี้ยแบคฮยอนมันจงใจยั่วให้จงอินหงุดหงิด ซึ่งก็ไม่เถียง เขากำลังหงุดหงิดที่ทำไมกับเขาไอ้มิมันถึงไม่ว่าง่ายเหมือนแบบนี้บ้าง แบคฮยอนมันจะพาไปไหนก็ไปไม่ขัดอะไร ไม่มีเถียงเลยสักนิด
เออดี กว่าเขาจะเข้าใกล้ได้ก็ตั้งนาน ไอ้หมาแบคมายังไม่ถึงนาที…
เหอะ!
บนโต๊ะอาหาร
“ อ่ะ มะเขือเทศ กินเข้าไป ” คีบมะเขือเทศที่หั่นเองกับมือไปวางไว้บนจานไอ้มิ
“ คยองซู นี้ๆ เต้าหู้ เราชิมแล้วอร๊อยอร่อย ” ตักเอามาวางในจานคยองซูบ้างตามกระแส
“ งั้นก็กินนี่ ซุปกิมจิเห็นบอกว่าอยากกิน ” จงอินเหลือบตาไปมองไอ้เพื่อนเตี้ยที่ส่งยิ้มหวานมาก่อนจะเลื่อนถ้วยใส่ซุปที่เพิ่งตักเมื่อกี้ไปวางไว้
“ กินๆ ตัวเล็กแบบนี้ต้องกินหมูเยอะๆด้วย ” แบคฮยอนลงมือตักอาหารสารพัดลงในจานของคยองซู จนทำให้คนตัวเล็กกว่ายิ้มรับ
“..ขอบคุณนะ”
อะไรคือขอบคุณไอ้แบคฮยอนแต่ทำหน้ามุ้ยใส่เขาแบบนั้นวะ ไม่พอยังยิ้มหัวเราะกันเหมือนว่าโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคนทำให้ร่างสูงที่มองมาจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกินข้าวต้องส่งเสียงขัดในลำคอ
“ มิ บะหมี่อ่ะกูเก็บไว้ในลิ้นชักนั้น ไม่ได้หายไปไหน แต่ที่บอกเนี่ยเอาไว้ไม่มีอะไรกินเท่านั้นถึงจะกินได้นะ ไม่ใช่เอะอะก็จะกิน …เนี่ย ผักอ่ะกินเข้าไปกินอะไรที่มันมีประโยชน์บ้าง ” ตักผักที่อุตส่าทำลงไปในจานของคยองซูอีกครั้ง ความหวังดีเหมือนจะโดนมองข้ามเมื่อเห็นไอ้มิมันย่นจมูกใส่ก็นึกอยากจะจับตีขึ้นมาเสียเฉยๆ เดี๋ยวนี้ไม่กลัวกันแล้วหนิ พูดอะไรไปก็ไม่ค่อยจะเชื่อฟังหรอก
“ บ่นเหมือนเป็นพ่อเขาเลยนะมึงอ่ะ ว่าแต่คยองซูชอบกินบะหมี่หรอ ”
“ อื้อ ที่สุดเลย ” คำถามที่เจ้าตัวภูมิใจที่จะตอบ คนตัวเล็กพยักหน้าจนแบคฮยอนยิ้ม
เข้าทางพี่แบคฮยอนเลยครัช
“ บ้านเรามีเต็มเลย มีของต่างประเทศที่รสหากินยากๆด้วยนะ ”
“ จ..จริงหรอ *0* ”
“ จริงสิ เดี๋ยวเราให้คยองซูเอามากินเลย แต่ต้องไปเอาที่ห้องเรานะไปไหม? ”
โป๊ก!
“ โอ้ยย ไอ้ดำ คิดว่ากูจะเจ็บไหมกับสันมือมึงเนี่ย ”
“ เอาอีกไหมล่ะ ”
“ อะไร นี่กูทำอะไรผิดยัง! กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ คยองซู~ ดูมันดิ! ” ทำเนียนขยับไปชิดกับคนตัวเล็กอีกคน แบคฮยอนมั่นใจว่าถ้ามีคยองซูอยู่ใกล้ๆแบบนี้ไอ้ดำมันจะทำอะไรเขาไม่ได้
“ จ..จงอินอย่าทำแบคฮยอนนะ ” ก็ไม่รู้หรอกว่าสองคนทะเลาะอะไรกัน มัวแต่คิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับอาหารที่ทั้งแบคฮยอนและจงอินตักมาให้จนพูนจานแบบนี้ พอเห็นว่าแบคฮยอนต้องการความช่วยเหลือ คยองซูก็แค่ช่วยเท่านั้นเอง
“ นั่นๆ กูมีแบ็คดีว่ะดำ โทษที คยองซูน่ารักที่สุดเลย จุ๊บๆ ”
“ แบคฮยอนน่ารักกว่าเราอีก เราชอบแบคฮยอนมากๆเลย ”
ฟังไม่ผิดหรอก คยองซูชอบแบคฮยอนจริงๆ เวลามีงานโรงเรียนแล้วมีเวทีร้องเพลงเสียงแรกที่คยองซูจำได้ไม่ลืมก็คือเสียงของแบคฮยอน เมื่อกี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าคยองซูตกใจแค่ไหนที่เห็นแบคฮยอนมาหาจงอินที่นี่ ถึงจะเคยเห็นแต่ก็ไม่เคยได้คุยอะไรแบบนี้ พอได้มาเจอได้มาคุยเล่นกับแบบนี้แล้วคยองซูก็รู้สึกว่าแบคฮยอนคุยสนุก ความร่าเริงของแบคฮยอนมันทำให้คยองซูประทับใจ
แบคฮยอนน่ารัก นิสัยก็ดีด้วย
“ จริงๆนะ เราไม่ได้โกหก ”
“…”
“…”
“ จงอินนน กูอยากเอาน้องมิกลับบ้านมั่งอ่ะ จะเอา! จะเอา! ”
“ อ…เอ่อ ”
“ พ่อง!! …ไอ้ชานยอล มึงมาดูแลเมียมึงเร็วๆ กูขอร้อง! ” ประโยคที่ทำให้แบคฮยอนต้องหันไปหาจงอินอย่างรวดเร็ว ไอ้คำด่าน่ะมันเป็นของแบคฮยอน แต่ประโยคหลังน่ะมันของคนในโทรศัพท์ที่จงอินมันกำลังถือแนบหูอยู่น่ะสิ
นี่จงอินมันโทรหาชานยอลงั้นหรอ!
“ จงอิน!! นี่มึงโทรหาชานยอลหรอ!! ” ปากไวเท่าความคิด ก่อนจะจ้องตาขวางเมื่อดูเหมือนจงอินมันจะขัดคำขอร้องที่พึ่งบอกไปว่าอย่าให้เรื่องที่เขามาที่นี่ถึงหูชานยอล แต่เหมือนว่าไอ้ดำมันจะไม่สนใจยังคงคุยกับคนในสายต่อไปแบบไม่สนใจ อะไรวะแค่แกล้งแหย่แค่นี้ถึงกับต้องทำกันอย่างนี้เลยหรอ
“ อืม มันอยู่นี่แหละจะมาไหมล่ะ… เออๆ ได้ เดี๋ยวจะบอกให้แปปนึง… ”
“ ไม่ต้องมาบอกอะไรกู กูไม่ฟังทั้งนั้นอ่ะ ” พอไอ้จงอินมันอ้าปากจะบอกอะไรบางอย่างตามที่คนในสายอยากให้บอก แบคฮยอนก็ยกมือหยุดให้จงอินกลืนข้อความที่ชานยอลมันฝากมาบอกลงไปซะ
“ แน่ใจว่าไม่ฟัง? ”
“ เออ! กูไม่ฟัง คยองซูป้อนหมูให้เราหน่อยย ” ไม่ฟังแล้วยังจะหันไปเรียกร้องความสนใจจากไอ้มิอีก นี่มันกวนประสาทกันชัดๆ เลยไอ้เตี้ยแบค แล้วไม่ใช่อะไรไอ้มิมันก็ทำตามไง
ชอบกันมากไหม
“ … ”
[ แบคฮยอน! ] เสียงทุ้มของคนในสายดังออกมาจากโทรศัพท์ ไม่ฟังก็ได้ไม่ได้ว่าอะไร แต่จงอินก็แค่เปิดสปีกเกอร์ออกลำโพงให้มันลอยๆอยู่ในอากาศเนี่ยแหละ และก็ได้ผลเมื่อไอ้เพื่อนเตี้ยที่กำลังจะงับชิ้นเนื้อที่ไอ้มิมันป้อนให้ชะงัก
[ กูให้เวลามึง 10 นาที ถ้ามึงยังไม่กลับห้อง พวกลูกรักของมึงในห้อง กูคงต้องทิ้ง… ]
“ ย…ย๊าาท์!!! ปาร์คชานยอล! ลองทำดิ มึงตายแน่! ”
นี่ถ้าควันออกจากหูแบคฮยอนได้ก็คงจะคละคลุ้งไปทั่วห้อง คนที่กำลังโมโหรีบลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินดุ่มๆมาคว้าโทรศัพท์ในมือของจงอินไอ้เพื่อนทรยศก่อนจะเอาไปตะคอกใส่ซะจนจงอินภาวนาขออย่าให้ไอ้ชานยอลมันเอาหูแนบกับโทรศัพท์มากนัก ชานยอลมันก็เข้าใจหาวิธี อยากให้แบคฮยอนกลับก็เอาลูกรักมันมาล่อ ไม่ต้องงงไปหรอกที่ว่าลูกรักของแบคฮยอนน่ะคืออะไร มันก็คือพวกรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังๆที่มันคลั่งไคล้เรียกว่าบ้าดีกว่า บ้าไม่บ้าแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือลูกรักของมันมีชื่อทุกคู่ ที่รู้เพราะที่ชั้นเก็บรองเท้าห้องเขาไอ้แบคฮยอนมันเคยเอาลูกรักของมันมาฝากให้จงอินดูแลอยู่สองสามคู่
[ เวลาเดินแล้ว… ]
“ ชานยอล! นี่มึงเอาจริงหรอ!! กูโกรธมึงอยู่นะ มึงทำกับกูแบบนี้มันใช่ปะห้ะ!! ”
[ หมดไป 1 นาทีแล้วหมาน้อย :) ]
“ ห…เห้ยย อย่าเพิ่งๆ อย่าทำอะไรลูกกู ถ้ากูกลับไปลูกกูมีรอยนะมึง! แม่งเอ้ยย! ”
กดวางสายก่อนแล้วโยนโทรศัพท์เครื่องหรูใส่เจ้าของมันแบบรีบร้อน ไม่แดกแม่งและข้าว ตอนนี้แบคฮยอนจะต้องกลับไปปกป้องลูกรักของตัวเองก่อน ก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมหันไปแจกฟักแจกแฟงชูนิ้วกลางใส่ไอ้เพื่อนดำตัวแสบที่แม่งต้องทำให้ลูกๆของเขาตกอยู่ในอันตราย
ฝากไว้ก่อนนะไอ้ดำ แกล้งแหย่ให้หงุดหงิดเล่นก็แค่นั้น
ถึงกับแก้แค้นกูแบบนี้เลยนะ เดี๋ยววันหลังมึงเจอกูแน่
“ มองแบบนั้นตามไอ้แบคฮยอนมันกลับไปด้วยเลยไหมล่ะ ” พอแบคฮยอนออกไป หันไปหาคนตัวเล็กก็เห็นว่าชะเง้อคอมองตามแบคฮยอนไม่หยุดถึงแม้ว่าประตูจะผิดลงแล้วก็ตาม
“ จงอินพูดแบบนี้ทำไม ก็เราอยู่ที่นี่จะให้เราไปกับแบคฮยอนได้ไง ” คยองซูก็แค่เป็นห่วง เห็นแบคฮยอนรีบร้อนออกไปแบบนั้น ทำไมจงอินจะต้องพูดเหมือนประชดแบบนี้ด้วย คยองซูว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ
“ ก็เมื่อกี้ใครวะบอก เราชอบแบคฮยอนมากๆเลย ”
“ ก็เราชอบจริงๆนี่ ” ผิดอะไรถ้าจะบอกว่าชอบ ในเมื่อแบคฮยอนนิสัยดีน่ารักคุยเก่งทำไมคยองซูถึงจะพูดแบบนั้นกับแบคฮยอนไม่ได้ ก็ในเมื่อคยองซูชอบนิสัยของแบคฮยอนจริงๆนี่หน่า
“ ไอ้มิ! ” เหอะ! อะไรกัน ปฎิเสธสักนิดก็ไม่มีเลยหรือไง
“ หว่าววว ง่วงนอนมากเลย ” คนตัวเล็กเลือกที่จะเมินก่อนจะลุกขึ้นเก็บโต๊ะเพื่อเอาไปล้างจาน คยองซูง่วงแล้ว รีบล้างจานรีบอาบน้ำรีบนอนดีกว่า
“ ไม่ให้นอน ตามไอ้แบคฮยอนไปนอนที่บ้านมันโน่น ” และก็ต้องหันไปมองจงอินที่เดินเข้ามาหยิบจานไปถือแล้วเอาไปล้างเอง จะไม่ให้ก็ไม่ได้เลยต้องปล่อยเลยตามเลยให้จงอินได้จานไปครอบครอง
“ ไม่เอาา จงอินเป็นอะไร ของเราอยู่นี่จะให้เราไปไหน ” จงอินเดินไปไหน คยองซูก็จะตามไป มือเล็กจับเข้าที่ปลายเสื้อยืดของจงอินแล้วเดินตามร่างสูงไปที่อ่างล้างจาน ตอนแรกก็ว่าจะไม่สนใจหรอกแต่เห็นไอ้มิมันเริ่มอ้อนเล็กๆก็เริ่มคลายความหงุดหงิดที่ไอ้มิมันเห็นแบคฮยอนดีกว่าเขาลง
“…” แต่ถ้าจะให้พูดว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะกำลังงอนอยู่ก็กระดากปาก เงียบไว้อ่ะดีแล้ว
“ จงอินอย่าเป็นแบบนี้สิ ไหนบอกเราว่ามีอะไรให้พูดไง ”
“ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้? ”
“ อื้มม ”
“ งั้นคืนนี้นอนบนเตียงด้วยกัน เดี๋ยวหายเลย ”
55555555555555555555555555555
ขอขำให้กับตอนนี้ แบคมิ มั้ยล่ะแกรรรรรรรรรรรร!
ตอนนี้ดูวุ่นวายเน้อะะ อะไรก็ไม่รู้
ตอนนี้คู่ชานแบคเขามีบทบาทแล้วนะเออ
ค่อยๆค่ะ ยังไม่อยากให้มีบทมาก เดี๋ยวจะเด่นเกินคู่หลักของเรา
ตอนนี้แต่งยาวมาก อ่านกันให้ตาแฉะไปเลยคะ อิอิ
ปล.เพิ่งสอบซัมเมอร์เสร็จคะ เฟลมากบอกเลยยากมาก
ทำไม่ได้ทำไมมันยากขนาดนี้ ไม่เข้าใจ
ยังไงถ้าอ่านแล้วติดขัดหรือรู้สึกเปล่าๆอย่าแปลกใจ
สมองอิไรท์ไปหมดแล้วตอนนี้ มันน้อยใจ น้อยใจจจจจจจจ T^T
เอ้อออออ!! เก๊ามี แฟนเพจแล้วนะะะะะ
เข้าไปกดไลค์กันได้นะก้ะะะะะ
อย่าลืมอ่านแล้วเม้นท์&สกรีมในแท๊กให้เราด้วยนะคะ
เพราะหนึ่งคอมเม้นหรือหนึ่งแท๊กของคุณคือหนึ่งกำลังใจของเรา
รักจากมิชชช
ความคิดเห็น