คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10
10
“ ทำแบบนี้กับเพื่อนทุกคนเลยหรือไง? ”
“ เอ่อ จงอินโกรธเราหรอ ”
จ้องตาแป๋วแบบนี้เห็นแล้วมันยิ่งน่าหงุดหงิดชะมัด
หงุดหงิด….ที่เห็นแล้วโกรธไม่ลง
เอาจริงๆคนที่สมควรจะถามคำนี้คงจะเป็นเขามากกว่า ให้มานั่งรอแถมยังจะคิดหวงไม่เข้าเรื่องอีก
“ ช่างมันเถอะ อ่ะ! ใส่ซะ ” พูดปัดแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนคงไม่เข้าใจ ถอดผ้าพันคอที่หยิบมาจากสตูดิโอที่เพิ่งไปถ่ายแบบมาเมื่อกี้ออกมาก่อนจะเอามันไปพันรอบๆคอของร่างบางที่ดูจะสั่นกับอากาศหนาวอยู่นิดๆ พันเสร็จก็ไม่ลืมรับไอศกรีมโคนที่คนตรงหน้าตั้งใจซื้อมาเอาไว้ในมือ
“ ขอบคุณนะ ” ริมฝีปากรูปหัวใจดวงเล็กๆนั้นคลี่ยิ้มส่งไปให้คนตัวสูงกว่าจนอีกคนต้องเบนหน้าไปทางอื่น
อีกแล้ว รอยยิ้มนั่นอีกแล้ว จะยิ้มอะไรเยอะแยะพร่ำเพื่อ!
เหอะ!
ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ดูไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักอย่างคยองซูจะมีอิทธิพลกับตัวเขามากขนาดนี้ ยิ่งได้รู้จักได้ก็ดูเหมือนว่าในหัวของเขาจะยิ่งมีแต่ไอ้มิลอยวนไปวนมาเต็มไปหมด จะทำอะไร เป็นยังไง อยู่กับใคร อยากรู้อยากเห็นไปหมดทั้งๆที่เมื่อก่อนก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นพวกที่เห็นคนอื่นสำคัญไปกว่าตัวเองซักเท่าไหร่
“ ทำไมเมื่อกี้ไม่รับโทรศัพท์ ” ถามในขณะที่เริ่มเดินไปตามทาง
“ แบตหมดหน่ะ ” กระชับผ้าพันคอให้แน่นก่อนจะเอามือล้วงไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่นอนจอดำอยู่ในกระเป๋าแต่กว่าจะเจอก็ทำให้จงอินต้องหยุดเดินคว้ากระเป๋าไปถือไว้ให้แทน พอเจอก็ไม่ลืมยกมันให้จงอินดูว่าแบตหมดจริงๆอย่างที่บอกเอาไว้
“ ไอ้มิ! นี่ในกระเป๋าใส่หนังสือหรือก้อนหิน สะพายเข้าไปได้ยังไงวะ หนักชิบ! ” ดีนะที่กระเป๋าของเขาให้ลู่หานเอาไปเก็บไว้ให้ที่คอนโดก่อนที่จะมาที่นี่ ไม่งั้นคงเกะกะและหนักยิ่งกว่านี้ มือนึงถือไอศกรีม อีกมือถือกระเป๋าสะพาย
“ ที่จงอินหนักเพราะว่าในกระเป๋าของจงอินไม่มีอะไรมาเรียนเลยมากกว่า เอากระเป๋าเรามาได้แล้วเดี๋ยวเราถือเอง ”
“ เดี๋ยวนะ! นี่ว่ากูหรอ? ” ก่อนมือเล็กจะยื่นมาคว้ากระเป๋าของตัวเองไปก็เอากระเป๋าอ้อมไปไว้ข้างหลังจนคนตัวเล็กเกือบจะหน้าทิ่มอก
“ จงอิน! กระเป๋าเรา เดี๋ยวเราถือเอง ”
“ เปลี่ยนเรื่อง! ”
“ เราเปล่านะ ”
“ เถียง! ”
“ เราไม่ได้เถียงจงอินนะ! ” ปากบอกไม่ได้เถียงแต่คิ้วได้รูปที่โดนแว่นตาหนาเต่อบังเอาไว้ก็ผูกกันจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว จมูกเล็กยู่รั้นขึ้นริมฝีปากได้รูปที่ก็เบะลงอย่างที่เรียกว่าไม่พอใจ
แต่จะรู้หรือเปล่า มันดูน่าแกล้งมากกว่า
“ ไม่เถียงอะไร นี่แหละเถียง ”
“ เราไม่อยากคุยกับจงอินแล้ว อยากถือกระเป๋าเรานักก็ถือไปเลย! ”
“ หึหึ ” ไม่รู้เป็นไร เห็นหน้าบูดๆของไอ้มิแล้วมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นี่ถือว่าคยองซูเริ่มคุ้นเคยกับเขาแล้วใช่ไหม
“ เข้าบ้านไปกินยาด้วยแล้วนอนเร็วๆ เข้าใจหรือเปล่า? ” สั่งกันข้ามรั้วแบบนี้เลยเนี่ยแหละ ย้ำให้คนตัวเล็กที่เพิ่งเข้าไปในรั้วบ้านของตัวเองทำตามที่ตัวเองบอก เพราะระหว่างทางที่เดินกลับมาเขาแอบเห็นอาการฟืดฟัดฮัดชิ้วจากคยองซูอยู่ อาการแบบนี้… เหมือนคนที่กำลังจะเป็นหวัด
“ เราไม่เป็นอะไร จงอินไม่ต้องห่วง ฮ..ฮัดชิ้ว!! เอ่ออ แหะๆ ”
ยังไม่ทันจบประโยคก็ฮัดชิ้วซะเสียงดังจนแว่นหนาที่สวมอยู่แทบจะหลุดร่วงลงพื้น พอจามเสร็จนิ้วเล็กค่อยๆยกขึ้นถูไปที่จมูกแดงๆนั้นไปมาจนจงอินกลัวว่าจากที่เมื่อกี้มันแดงอยู่แล้วจะยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมปลายจมูกแดงระเรื่อส่งยิ้มแฉ่งมาให้เขา เนี่ยนะที่บอกว่าไม่เป็นไร
“ หึ จามจนจมูกแดงแบบนี้คงเชื่อยาก ”
“ เราไม่เป็นอะไรจริงๆนะ เราทนหนาวเก่งจะตายจงอินไม่รู้หรอก ”
“ เอออ กูรู้ ทนหนาวเก่งแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สบายไม่ได้ ” ตัดสินใจเดินไปเอื้อมมือข้ามรั้ววางแปะไว้บนหัวของอีกคน ขยี้ผมนุ่มเบาๆโดยที่ร่างบางก็ดูเหมือนจะนิ่งไปเมื่อได้เงยขึ้นมาสบตากับเขาตรงๆ
“ ทำตามที่กูบอก ถ้ามึงไม่สบายขึ้นมากูจะรู้สึกแย่มากเข้าใจหรือเปล่า ”
“ อ..อืม ”
“ คยองซู นั่นลูกหรือเปล่า ” เสียงขัดที่ดังออกมาจากด้านในบ้านก่อนประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นคุณแม่ยังสาวที่จงอินดูแวบเดียวก็รู้ว่าใบหน้าน่ารักๆของไอ้มิได้มาจากใคร คุณแม่ยังสาวเมื่อเห็นว่าใช่ลูกตัวเองแน่แล้วจึงเดินเข้ามาหาแต่ก็ต้องร้องอ๋อออกมาเมื่อเห็นว่าลูกชายของเธออยู่กับใคร บรรยากาศที่มันดูกระอักกระอ่วงทำอะไรไม่ถูกกันแบบนี้มันจึงทำให้โดยองอาต้องนึกอยู่ในใจ
นี่ หม่าม๊าเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเนี่ย
“ เอ๊ะ! อ๋อ สุดหล่อที่มารับลูกของหม่าม๊าทุกวันนี่เอง ”
“ สวัสดีครับคุณน้า ” รีบละมือออกจากร่างบางทันทีก่อนจะโค้งทักทายส่งยิ้มที่คิดว่าดูเท่ที่สุดไปให้หม่าม๊าของไอ้มิ ความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญแล้วยิ่งเป็นหม่าม๊าของไอ้มิแล้วด้วย เรื่องทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูนี้ขอให้บอก
“ เอ่อ..นี้จงอินฮะม๊า ”
“ จงอินเรียกหม่าม๊าเหมือนคยองซูนี้แหละลูก คนกันเอง ”
“ เอ่อ ครับหม่าม๊า ”
“ ดีมากจ่ะ ขอบคุณมากนะจงอิน ที่อุตส่าห์มาส่งคยองซู ”
“ ผมต้องขอโทษมากกว่าครับที่ทำให้คยองซูต้องกลับบ้านดึก ”
“ ดีที่คยองซูโทรมาบอกหม่าม๊าก่อนว่าจะกลับดึก กลับมาปลอดภัยม๊าก็พอใจแล้วล่ะ ป่ะๆ เข้าบ้านกันลูก ” ตอนแรกโดยองอาก็แอบอดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกันเพราะลูกของเธอไม่เคยกลับบ้านดึก แต่ก็เบาใจลงเมื่อได้รับโทรศัพท์จากคยองซูว่าจะกลับดึกเพราะอยู่กับจงอินจึงยอมปล่อยเพราะนานๆทีลูกชายของเธอก็ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวบ่อยซะเมื่อไหร่ บางทีไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็คงจะดีไม่น้อย
“ ลูกครับ คืนนี้ลูกก็ให้จงอินค้างที่นี่เลยแล้วกันนะ มันดึกแล้ว ” เมื่อกี้ก่อนจะออกจากบ้านมองดูเวลาก็เป็นเวลาจะใกล้ห้าทุ่มเข้าไปทุกที เลยคิดว่าจะดีกว่าถ้าจะให้เพื่อนคยองซูเดินกลับไปคนเดียวเพราะยังไงก็ยังเด็กอยู่ ยองอาจึงดันให้คยองซูเดินไปเปิดประตูรั้วพาจงอินให้เข้ามาในบ้านด้วยกัน
“ เอ่อ ไม่รบกวนดีกว่.. ”
“ รบกวนอะไรกัน ดีซะอีก คยองซูจะได้ไม่เหงา ใช่ไหมครับลูก? พาสุดหล่อเข้ามาเร็ว หนาวๆ แบบนี้ยืนตากลมแบบนี้ไม่สบายล่ะแย่เลย ” เมื่อเห็นว่าลูกชายยังคงยืนเฉยไม่ยอมดึงอีกคนเข้ามาในบ้านซักที จึงเร่งโดยการเดินไปเปิดประตูรั้วให้ซะเองเลย
“ ครับม๊า งั้นเดี๋ยวคืนนี้จงอินนอนกับเราก็ได้ ”
อย่ามาจ้องเขาด้วยตากลมๆใสซื่อแบบนั้น
ถึงไอ้มิมันบริสุทธิ์ใจที่จะให้เขานอนด้วย
แต่ได้ถามหรือเปล่าว่าเขาบริสุทธิ์ใจที่จะนอนกับมันไหม!
“ ตามสบายนะจ๊ะจงอิน ถือว่าเป็นบ้านของตัวเอง มีอะไรเรียกได้เลยนะ คยองซูม๊าอยู่ข้างล่างนะลูก ”
“ เอ่อ ครับหม่าม๊า ” พอได้ยินเสียงตอบรับที่ขานออกมาจากแขกสุดหล่อของลูกชาย หม่าม๊าคนสวยพูดจบก็ค่อยๆปิดประตูห้องนอนของลูกชายเหลือไว้แต่คนในห้องทั้งสองคนที่ดูเหมือนว่าต่างคนต่างก็ทำตัวไม่ถูก
จะว่าไปนี้คงเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้งที่มีใครได้เข้ามาในห้องนอนของคยองซูแบบนี้ ไม่รู้ว่าจงอินจะรู้สึกอึดอัดหรือเปล่าที่ห้องของเขาไม่ได้กว้างขวางเหมือนอย่างคอนโดของจงอินถ้าจะให้เทียบห้องเขาก็คงประมาณแค่ห้องน้ำในห้องจงอินเห็นจะได้ ถึงหม่าม๊าไม่เอ่ยปากชวนให้จงอินนอนค้างคยองซูก็ตั้งใจว่าจะชวนอยู่แล้ว เพราะคยองซูเป็นห่วงจงอิน กลับคนเดียวตอนกลางคืนแบบนี้มันน่ากลัวไม่ใช่หรอ แล้วแถวบ้านเขายิ่งดึกแท็กซี่ก็ยิ่งหายากด้วย จงอินอุตส่าห์มาส่งคยองซูคิดว่าคงปล่อยให้จงอินกลับไปทั้งที่เขาต้องเป็นห่วงแบบนี้ไม่ได้
คยองซูเดินไปเปิดเครื่องทำความร้อนที่อยู่ตรงมุมห้องให้ทำงานเพราะเหมือนว่าอากาศในห้องจะดูไม่ต่างจากข้างนอกสักเท่าไหร่ ตาก็คอยมองไปรอบๆเพื่อดูความเรียบร้อยของห้องตัวเองไปด้วย ดีหน่อยที่คยองซูเพิ่งเก็บกวาดจัดห้องไปเมื่อวานนี้ ไม่งั้นจงอินคงจะต้องเดินแตะกองหนังสือที่เขาชอบเอามาวางกองๆอยู่ที่พื้นเข้าแน่ๆ
“ อ..เอ่อ จริงสิ! เดี๋ยวเราไปหาชุดมาให้จงอินเปลี่ยนดีกว่า ”
“ จริงๆกูกลับไปนอนคอนโดก็ได้นะ ”
“ ดึกแล้ว กลับคนเดียวมันอันตรายนี่หน่า ”
“ …นี่เป็นห่วง ? ”
“ จ..จงอินใช้ห้องน้ำนี้ไปเลยนะ เดี๋ยวเราไปอาบห้องหม่าม๊า เอ่อ เดี๋ยวเราไปหาเสื้อมาให้นะ ตามสบายเลย ” เหมือนว่าคยองซูจะทำเป็นไม่ได้ยินประโยคคำถามที่เมื่อกี้ถามออกไป คนตัวเล็กรีบพูดก่อนจะพาตัวเองออกไปจากห้องที่จงอินคิดว่าคงจะไปหาชุดมาให้ตามที่บอกจนร่างสูงต้องส่ายหน้าและหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแก้มแดงๆระเรื่อของคยองซู
แสดงว่าที่เขาถามไปมันก็…ใช่ สินะ
คยองซูหาชุดนอนไซส์ใหญ่ที่สุดที่พอจะให้จงอินใส่ได้แล้วก็รีบเดินออกมาจากห้องแต่งตัว พอเดินไปหาใครอีกคนในห้องก็เห็นว่าจงอินกำลังนั่งเล่นหมีน้อยที่เป็นตุ๊กตาที่อยู่กับคยองซูมาตั้งแต่เด็กๆที่เขารักมันมากๆ
“ ไอ้มิ เปลี่ยนชุดให้มันหน่อยไหม? ” จับๆขากางเกงที่ตุ๊กตาหมีสวมอยู่แล้วให้ไอ้มิดู ไม่รู้ว่าหมีตัวนี้มันโตขยายได้หรือไปเอาเสื้อรัดๆมาใส่ให้มันกันแน่ ดูแล้วมันตลกดี
เมื่อกี้ตอนที่ไอ้มิมันออกไปเอาเสื้อผ้าก็พอจะมีอะไรสะดุดตาให้จงอินได้ดูและหยิบเล่นข้ามเวลาบ้าง นั้นก็คือไอ้หมีเท็ดดี้แบร์สีน้ำตาลเข้มที่หน้ามันบึ้งบูดจนเขาอดไม่ได้ที่จะต้องหยิบมาดูแต่ก็ยังไม่ตลกเท่าชุดนอนของมันที่ดูเหมือนจะรัดแน่นจนกระดุมแทบจะกระเด็นปริเข้าตา
“ น่ารักจะตาย เราชอบให้เสื้อมันรัดๆ เพราะจะได้เห็นว่ามันโตขึ้น น่ารักดี ” พอไอ้มิวางผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่ไปหามาให้ไว้กับเตียงเสร็จก็เดินมาหาเขาและนั่งลงบนโซฟานั่งมองเขาจับแขนจับขาตุ๊กตาหมีเล่น อย่างที่บอก คยองซูชอบที่จะเห็นน้องหมีของเขากินดีอยู่ดีอุดมสมบรูณ์มากกว่าเลยหาเสื้อรัดๆมาใส่ให้จะได้เห็นว่ามันโตขึ้นอ้วนขึ้นมาจนใส่ชุดนอนไม่ได้ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงตัวของตุ๊กตาหมีมันจะตัวเท่าเดิมก็เถอะ
“ จงอินน! ” อยู่ๆ ไอ้มิมันก็ร้องขึ้นมาจนต้องหันไปถาม
“ อะไร ”
“ ดึงขามันทำไมม ”
“ ไม่ได้ดึง แค่จับดู ”
“ จงอินดึงจนขาหมีเราจะฉีกอยู่แล้วเนี่ย ไปอาบน้ำเลยย ” ไอ้มิมันไม่ปล่อยให้เขาได้ยุ่งกับน้องหมีสุดรัก รีบจับน้องหมีไปกอดเอาไว้แนบอกพลางลูบขาหมีที่เมื่อกี้เขาแกล้งดึงๆไปมาทำอย่างกับว่าหมีมันจะเจ็บมากที่ถูกเขาทำร้าย ทำอย่างกับว่าอยากเล่นตายแล้วล่ะ ไม่จับก็ได้
“ ไม่อยากให้เล่นก็บอก ไม่ต้องทำมาไล่ไปอาบน้ำ ”
“ ไม่ใช่สักหน่อย ดึกแล้วอาบน้ำดึกๆไม่ดีเดี๋ยวไม่สบาย ”
“ ขี้โม้ ” ลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูที่ไอ้มิเป็นคนเอามาวางไว้ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องน้ำโดยแกล้งไม่ฟังเสียงเล็กที่กำลังจะพูดกลั้นยิ้มจนปวดกราม ถึงจะเข้ามาในห้องก็ยังได้ยินเสียงไอ้มิอยู่ดี
“ จงอินน! ฮื่อ! นิสัยไม่ดี ”
“ มิกูว่าเสื้อมัน… ”
หยุดประโยคเอาไว้แค่นี้เมื่อเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ เดี๋ยวนะ..
“ ไอ้มิ ยิ้มอะไร! ”
พอออกมาจากห้องน้ำยังไม่ทันจะติดกระดุมชุดนอนดีก็เหลือบไปเห็นไอ้มิที่อยู่ในชุดนอนแขนยาวจ้องมองมาที่เขาแถมยังอมยิ้มนั่งกอดหมีอยู่ที่ปลายเตียง คงไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องหม่าม๊าตามที่บอกไว้ พอดูดีๆก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้มิมันตัวเล็กหรือชุดนอนมันตัวใหญ่เพราะแขนเสื้อของชุดนอนมันไม่ค่อยจะเห็นมือเล็กโผล่พ้นออกมา นี่หม่าม๊าซื้อชุดนอนมาเผื่อไอ้มิมันโตขึ้นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ผิดกับตัวเขาที่เหมือนว่าเสื้อมันจะดูไม่ค่อยพอดีกับตัวเลยสักนิด กะจะออกมาบอกไอ้มิเนี่ยแหละว่ามันไม่พอดีแต่ก็ต้องหยุดเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กมองมาเหมือนกลั้นหัวเราะ
“ ป..เปล่า ฮ่าๆ เราแค่คิดว่าตอนนี้จงอินเหมือน น้องมู้ ของเราเลย ”
ห้ะ อะไรนะ?
“ ใคร! ”
น้องมู้ของไอ้มินี่ใคร ใครมันคือน้องมู้วะ!!
“ อ..อะไรหรอ ”
“ ไอ้น้องมู้ไง!! ”
“ ก..ก็น้องหมีของเราไง ” ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงเศษหน้าที่แตกแล้วร่วงลงพื้น เมื่อเห็นไอ้มิทำหน้าเหวอเมื่ออยู่ๆเขาก็ขึ้นเสียง พอถามก็รีบยกน้องมู้ที่กอดอยู่ในอก ยกขึ้นมาให้ดู จนทำให้คนอารมณ์ไวต้องปรับสีหน้าก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน
ก้มมองเสื้อกับกางเกงที่สั้นเต่อขึ้นมาเล็กน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรที่คยองซูว่าเขากับไอ้หมีเน่านั้นเหมือนกัน ก็มันช่วยไม่ได้เสื้อที่ให้มามันพอดีกับรูปร่างของเขาซะที่ไหน ถึงจะไม่คับอะไรมากแต่ปัญหามันอยู่ที่ความยาวของช่วงตัวที่ต่างกันมันเลยทำให้ตอนนี้จงอินดูเหมือนยักษ์ในชุดนอนของคนแคระ ก็ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำก็กำลังจะมาบอกไอ้มิเรื่องชุดมันไม่พอดีเนี่ยแหละ
“ ไม่เหมือน ”
“ เหมือน ไม่เชื่อจงอินลองดู นี่ไงๆ ” รีบชูตุ๊กตาหมีเน่าๆขึ้นมาให้เขาดู ตุ๊กตาหมีที่กำลังทำหน้าบึ้งมาให้พร้อมกับชุดนอนรัดๆบนตัวมันก็ยิ่งทำให้จงอินเริ่มรู้สึกว่าได้ส่องกระจกยังไงไม่รู้ แต่เขามั่นใจว่าเขาดูดีกว่ามันเยอะ
“ เออ เหมือนก็เหมือน แล้วถ้ากูเหมือนมัน… ”
“ ??? ”
“ งั้นกู…น่ารักป่ะ ” กลั้นใจถามออกไปทั้งๆที่หน้าก็ยังไม่กล้าจะมอง ก็ทำไมล่ะเมื่อกี้ไอ้มิมันยังบอกอยู่เลยว่าไอ้มู้หมีเน่าน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้ที่ใส่ชุดนอนสั้นเต่อติดตัวขนาดนั้น ถ้าหมีมันน่ารักได้แล้วทำไมเขาจะน่ารักไม่ได้เพราะไอ้มิเพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้ว่าเขากับมันเหมือนกันตอนถามเสร็จก็ไม่ลืมเอาหมีเน่าในมือไอ้มิขึ้นมาให้ไอ้หมีมันหันหน้าไปทางเดียวกับเขา เทียบกันไปเลยว่าเหมือนขนาดไหน
“….”
“….”
….กริบ
“ อุ๊บ! ฮ่าๆ น่ารักสิ จงอินหน้าเหมือนหมีมู้เลย ”
คนตัวเล็กเหมือนจะงงไปกับคำถามของจงอินไปพักนึง เอาจริงๆคยองซูก็ตามอารมณ์ของจงอินไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่ อยู่ๆเมื่อกี้ก็เสียงดัง อารมณ์ขึ้นๆลงๆจนคยองซูมึนนิดหน่อย ก่อนจะคิดได้แล้วค่อยปล่อยเสียงหัวเราะออกมา หัวเราะซะจนจงอินอายตัวเองที่เผลอถามบ้าอะไรเมื่อกี้ออกไป อะแห่มเรียกความมั่นใจไปซักสองสามทีเรียกฟอร์มตัวเองกลับมาก่อนจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นส่งหมีคู่แฝดของตัวเองคืนไปไว้ในอ้อมกอดไอ้มิ
แต่พอได้ยินเสียงฮัดชิ้วดังมาจากคนตัวเล็กบนเตียงทำให้นึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นไอ้มิมันกินยา เดินออกมาจากพื้นที่หน้าห้องน้ำก่อนจะตรงเข้าไปเอามืออังที่หน้าพากเนียนไม่สนใจคยองซูที่สะดุ้งขึ้นมานิดๆเมื่ออยู่ๆเขาก็พุ่งไปหาแบบนี้
“ ที่กูบอกให้ไปกินยา กินหรือยัง? ”
“ ก..กินแล้ว ”
“ โกหก ”
“ เราเปล่า ” เปล่าแต่หลบตาจงอินไปมาเป็นว่าเล่น ไอ้มิมันโกหกไม่ได้ก็ยังจะโกหก ตัวรุ่มๆแบบนี้ถ้ายังจะไม่รีบกินยาเพื่อดักเอาไว้คงไม่พ้นพรุ่งนี้ได้เป็นหวัดแน่ๆ
ปล่อยไว้ไม่ได้เลยคั้นถามจนได้รู้ว่ากล่องยาอยู่ในลิ้นชักข้างเตียงก็จัดแจงหายาแก้ไข้เองเสร็จก่อนจะยัดยาเม็ดใส่ไปในมือเล็กของคนตัวเล็กที่หน้าบูดมาตั้งแต่ตอนที่เขาจับมานั่งดีๆบนโซฟา บอกให้ไปกินเองไม่ยอม นี้แหละกินกันให้เห็นต่อหน้าไปเลยจะได้เบาใจว่ายาคงจะไม่ทำให้คยองซูอาการหนักไปกว่าการจามแล้วก็คัดจมูกที่เขาเห็น
“ จงอิน เราไม่กินได้ไหมนะ เราไม่ชอบ ”
“ ไม่ได้ ” พอได้ฟังคำตอบมาจากจงอิน คยองซูก็อยากจะร้องไห้เพราะสิ่งที่คยองซูไม่ชอบรองลงมาจากมะเขือเทศมันก็คือ ยาเม็ด ไม่ใช่ว่าจะกินไม่ได้ แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็อยากจะเลี่ยงไม่กินมันลงไป
“ นะจงอินน ร..เราไม่ชอบกิน ตอนเด็กๆเราเคยกลืนยาลงไปแล้วมันก็ยังติดอยู่ที่คอ มันขมเราไม่ชอบ ” พูดเสียงอ่อยอย่างน่าสงสารจนคนฟังอดใจอ่อนไม่ได้ แต่ก็ต้องทำใจแข็งเข้าไว้เพราะสิ่งที่เขาให้ไอ้มิทำก็เพื่อตัวร่างบางเองนั้นแหละ
“ อ่ะ น้ำ ” จงอินแสร้งทำเป็นไม่สนใจเรื่องเล่าน่าสงสารของคนตัวเล็ก เลื่อนขวดน้ำที่เขาบอกให้คยองซูออกไปเอาตั้งแต่ตอนที่กำลังหายาไปให้คล้ายจะบอกว่ายังไงก็ต้องกินไม่ได้สนใจสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจของคยองซูเลยสักนิด
“ ต..แต่ ”
“ จะกินดีๆหรือจะให้ป้อน ? ”
“…”
“ ป้อนที่ว่าเนี่ยกูใช้ตรงนี้นะ ” พูดเสร็จก็ชี้ไปที่ริมฝีปากปากของตัวเองให้เด็กดื้อไม่ยอมกินยาได้ดู และเมื่อเห็นว่าอีกคนมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยท่าทางตื่นตระหนกก็ยิ่งทำให้จงอินยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ก็ดี เขาก็จะได้กินยากันไว้ด้วยเหมือนกัน
“ ม..ไม่ๆ เราจะกินเอง นี้ไง ร..เรากินหมดแล้ว ”
บทจะกินก็รีบซะเหลือเกิน ทีตอนให้กินเองไม่ยอมกิน
“ ไหน อ้าปากให้หมอตรวจซิ เดี๋ยวหมอมีรางวัลให้ ” พอเห็นไอ้มิมันเอายาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม จงอินก็เลยเข้าไปใกล้ๆแต่ก็โดนไอ้มิผลักออกเบาๆ
“ จงอินอ่ะ ไม่ต้องเลย ”
“ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ยื่นมือมาเร็ว มีของขวัญจะให้ หลับตาด้วย ” เมื่ออีกคนไม่ยอมง่ายๆก็เลยต้องจับมือไอ้มิให้ยื่นมาหาเขาเสียเอง พอบังคับให้คนตัวเล็กหลับตาเสร็จก็เอาของที่ซ่อนมาใส่ให้ไอ้มิแบบที่พยายามทำให้เสียงมันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ อ่ะ ลืมตาได้แล้ว ”
“ สวยจังเลย ” พอเปิดตามาคยองซูที่เห็นว่าตรงข้อมือของเขามีสร้อยข้อมือเส้นเล็กห้อยอยู่ ตรงกลางมีจี้รูปแว่นตาอันเล็ก มันน่ารักมากและเดาไม่ยากว่าแว่นตาตรงกลางนั่นคงแทนลักษณะของคยองซูแน่ๆ
“ เส้นที่มึงชอบกูซื้อให้ไม่ทัน เลยได้เส้นที่กูชอบมาแทน ชอบหรือเปล่า ” อาศัยจังหวะที่ไอ้มิมันกำลังชื่นชมสร้อยอยู่มือใหญ่ก็เนียนรวบเอวเล็กเข้ามากอดไว้ เชยคางไว้ที่ไหล่เล็กแล้วกระซิบถาม กลิ่นหอมของไอ้มิทำให้จงอินรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ
จริงๆแล้วจงอินจะซื้อเส้นที่คยองซูมองนั่นแหละแต่พอไปถึงร้านก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่อยู่แล้วเลยตั้งใจซื้อเส้นที่คิดว่าไอ้มิน่าจะชอบและเขาก็ชอบมาซะเลย เห็นคนตัวเล็กยิ้มดีใจขนาดนี้คนซื้อให้อย่างเขาก็มีความสุขแล้ว
“ ชอบสิ ขอบคุณนะจงอิน เราสัญญาเราจะเก็บไว้อย่างดีเลย จงอินไปซื้อมาตอนไหนหรอ ขอบคุณนะที่ซื้อมา เราชอบมากจริงๆ " คนตัวเล็กฉีกยิ้มมาให้เขาอย่างมีความสุขจนทำให้จงอินต้องยิ้มตาม มือเล็กก็วนเวียนอยู่กับสร้อยเส้นเล็กที่อยู่ในข้อมือไปมาไม่หยุด
ดูเหมือนว่าไอ้มิมันจะชอบสร้อยเส้นนี้มากจริงๆ
ไปๆมาๆพอบังคับให้ไอ้มิมันกินยาได้จงอินก็เป็นฝ่ายถูกบังคับบ้าง โต๊ะญี่ปุ่นที่เก็บพิงผนังเอาไว้ถูกกางออกเพื่อใช้งาน บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือและบรรดาชีทเรียนทั้งหลายที่เพิ่งจะเรียนมาทั้งสัปดาห์ ที่บอกว่าถูกบังคับก็โดนบังคับให้นั่งทำโจทย์ที่มองแปปเดียวเขาก็ตอบได้แต่ก็ต้องยอมทำแต่โดยดีเพียงเพราะมีคุณครูจำเป็นบอกว่าจะรอตรวจให้ก่อนถึงจะไปนอน ไม่อย่างงั้นถ้าเขาไม่ทำก็ไม่ยอมนอน
“ มิ กูทำเสร็จหมดล… ”
พอเงยหน้าขึ้นมาจากกองโจทย์ที่นั่งทำอยู่นานสองนานก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กตรงข้ามฟุบหลับหน้าแนบไปกับโต๊ะแบบที่ว่าจะหลับสนิทซะด้วย ไหนเมื่อกี้ใครบอกว่าจะอยู่ตรวจโจทย์ให้ หลับตาพริ้มขนาดนี้สงสัยคงต้องพักเอาไว้ก่อน
วางปากกาวางโจทย์เอาไว้บนโต๊ะมองไอ้มิที่กำลังลงดิ่งอยู่ในห้วงความฝันก่อนจะค่อยๆช้อนร่างเล็กไปวางเอาไว้บนเตียงที่อยู่ไม่ไกลนัก พอจัดแจงห่มผ้าห่มเสร็จเรียบร้อยก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปถอดแว่นตากรอบหนาของไอ้มิออกอย่างเบามือ เอาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง พยายามไม่ทำเสียงดังให้คยองซูตื่น…
อะไรบางอย่างมันทำให้เขาต้องนั่งลงไปที่ขอบเตียงข้างๆคนที่กำลังนอนหลับ ใบหน้าเล็กเวลาหลับมันดึงดูดเขาอย่างประหลาด ใบหน้าที่ปราศจากกรอบแว่นเห่ยๆนั่น ยิ่งได้ไล่มองไปตั้งแต่ดวงตากลมโตที่ตอนนี้ปิดสนิท จมูกเล็กๆที่รั้นขึ้นนิดๆและจนมาถึงริมฝีปากบางรูปหัวใจสีสวยที่ตอนตื่นชอบคลี่รอยยิ้มส่งมาให้ใจของเขาเต้นแรงอยู่บ่อยๆ นิ้วเรียวของเขายกขึ้นเกลี่ยแก้มขาวของไอ้มิอย่างเบามือก่อนจะยกข้อมือเล็กที่ใส่สร้อยเส้นเล็กๆที่เขาซื้อขึ้นมากดจูบเบาๆ ยอมรับว่าตอนนี้เขาชอบไอ้มิมากจริงๆ นอกจากใบหน้าน่ารักที่อยู่ภายใต้แว่นโตๆหนาๆนั่นความคิดของไอ้มิเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับจงอิน เขาไม่เคยเจอใครที่จะมองโลกในแง่ดีมากขนาดนี้มาก่อน ทั้งๆที่เท่าที่ดูโลกก็มักจะทำให้เจ้าตัวโดนแกล้งโดนรังแกอยู่เสมอ
บางทีจงอินก็แค่คิดว่าคยองซูเปราะบางเกินไปที่จะอยู่คนเดียว
อยากดูแล อยากปกป้อง
“ มิ ตอนนี้อย่าเพิ่งตื่นนะ ” ค่อยๆโน้มหน้าลงไปพูดใกล้ๆหู พูดบอกให้คนหลับได้รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำเขาไม่อยากให้คนตัวเล็กรับรู้ เพราะถ้าไอ้มิตื่นมาแล้วรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรมันคงไม่ดีแน่
ทำตอนตื่นไม่ได้ ตอนหลับก็ยังดี
ถือว่าเป็นจูบขอบคุณจากเขาสำหรับวันนี้แล้วกัน
ไวเท่าความคิดริมฝีปากของเขาก็ก้มลงกดประทับไปที่ริมฝีปากรูปหัวใจสีสดที่มันอุ่นและนิ่มจนเขาไม่อยากจะถอดสัมผัสออกกดจูบย้ำลงไปเบาๆไม่มีการลุกล้ำ กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ลอยออกมาจากไอ้มิมันทำให้จงอินต้องรีบเรียกสติของตัวเองให้กลับมา พอจูบซับริมฝีปากเล็กนั้นจนคนข้างใต้เริ่มขยับตัวก็ต้องทำให้เขาผละออกมาเพื่อดูให้แน่ใจก่อนว่าไอ้มิมันจะไม่ตื่นขึ้นมาแน่แล้วจึงก้มลงแนบริมฝีปากลงไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องจำใจผละออกมาจริงๆสักที
แค่นี้ก่อนไอ้จงอิน ห้ามใจตัวเองไว้!
พอสะกดจิตสั่งตัวเองได้ก็ตีเนียนลุกจากเตียงด้วยหัวใจที่พองโตและเต้นระรัว ตอนนี้เลือดในร่างกายของจงอินสูบฉีดทำงานตีกันเสียงดังไปหมดจนตอนนี้เขาคิดว่าเขาควรจะนอนได้แล้ว ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องว่าตรงไหนพอจะมีแต่ว่างสำหรับหย่อนตัวลงนอนได้บ้าง
ดีหน่อยที่โซฟาในห้องของไอ้มิยังพอจะมีหมอนให้เขาใช้นอน
ก็นะ ใช่ว่าจงอินจะเป็นสุภาพบุรุษอะไรหรอกแต่การที่จะให้ไปนอนบนเตียงเดียวกันกับคนที่คิดอะไรๆด้วยเนี่ยก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาพอสมควรแล้วยิ่งเป็นวัยที่ฮอร์โมนมันขึ้นๆลงๆแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ …นอนโซฟาน่ะดีแล้ว
“ จงอิน ”
เห้ย! ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ อ..อะไร ”
เสียงงึมงำคล้ายคนกึ่งหลับกึ่งตื่นเบาๆของคนตัวเล็กทำให้จงอินต้องหันหน้าไปจ้องใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับตาพริ้มถึงจะมองไม่ค่อยชัดเพราะเมื่อกี้เขาเป็นคนเดินไปปิดไฟยังไม่ทันที่จะเดินไปนอนที่โซฟาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ก็ถูกคนบนเตียงเรียกไว้ซะก่อน
หวังว่าคงจะไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อกี้เขาทำอะไร
“ ที่จงอิน…ถามเรา ”
“…” ถึงจะไม่รู้ว่าคำถามไหนที่คยองซูหมายถึงแต่ก็ยังคงเงียบรอฟังต่อไปเรื่อยๆ แอบโล่งใจนิดๆที่ไอ้มิมันไม่ได้ตื่นมาเอาเรื่องที่เขาแอบลักจูบไปเมื่อกี้
“ เราไม่ได้ทำแบบนี้กับเพื่อนทุกคน ”
“…”
“ แค่…กับจงอิน ”
ให้ตาย พูดอย่างนี้ไม่อยากนอนใช่ไหมไอ้มิ!
ฮัลลโหลวววววววว กรี๊ดดดดดด มาแล้ววววววว
โหหห รอกันนานไหมเบเบ้ มาแล้วนะๆ ขอโต้ดดดดดดดด
พาน้องมิกะจงอินมาให้เจอแล้วนะคะ อยากบอกว่าตอนนี้จงอินได้กำไรเต็มๆ
อิจฉาจงอินอะะะะ สลับร่างเป็นจงอินแปปนะ 5555555
ไปแล้วดีกว่า เดี๋ยวเจอกันใหม่
รักจากมิช
Song : Park Shin Hye - 팔베개 (Arm Pillow)
ความคิดเห็น