คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 09
09
“ เลิกเรียนแล้วลงมารอหน้าโรงเรียนนะ ”
“ อื้ม ”
“ ห้ามลืมนะ ”
“ อื้อ ”
“ ตอนเย็นป.. ”
“ ไม่ลืม เรารู้แล้ว จงอินบอกเรามาจะสิบรอบแล้วนะ ” ยิ้มขำเมื่อดูเหมือนว่าวันนี้ตลอดทางที่เดินมาโรงเรียนด้วยกันคนตัวสูงจะกลัวว่าตอนเย็นเขาจะลืมที่นัดกันเอาไว้ คอยพูดเตือนเขามาเรื่อยๆจนเดินเข้าโรงเรียนด้วยกันมา วันนี้จงอินไม่ได้เดินผ่านมาที่หน้าบ้านของเขาเหมือนอย่างวันก่อนแต่ตอนที่คยองซูกำลังเดินออกมาเลี้ยวจนจะพ้นซอยของบ้านก็เห็นว่าจงอินยืนพิงกำแพงอยู่ จงอินบอกว่าวันนี้ก็เดินผ่านมาแถวนี้พอดีเลยยืนพิงกำแพงรอเขาอยู่ตรงนี้ คยองซูก็ไม่เข้าใจนักหรอกว่าทำไมจงอินผ่านมาตรงแถวบ้านเขาบ่อยจัง ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ไม่ยักเห็นจงอินมาเดินอยู่แถวนี้
“ อ..อะไร กูก็แค่อยากกินไอติมเท่านั้นแหละ ไม่มีเพื่อนไปกิน ”
“ เราก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ”
“ เออนั่นแหละ ไปๆ ขึ้นไปเรียนได้แล้วป่ะ ”
“ จงอินเด็กไม่ดี ไม่ยอมขึ้นเรียน ”
“ อะไรนะ พูดอะไรวะมิ กูไม่ได้ยิน ” พูดเสียงดุก่อนจะแกล้งเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วก้มลงไปเอียงหูฟังว่าร่างบางพูดว่าอะไรจนคนโดนแกล้งสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อไม่คิดว่าจงอินจะได้ยินคำพึมพำเบาๆของตัวเอง ถึงเมื่อกี้ไอ้มิมันจะพูดเบาๆก็เถอะแต่บอกเลยได้ยินชัดทุกคำ
“ เปล่านะ เราขึ้นแล้วดีกว่า ” เมื่อโดนจับได้ว่าแอบบ่นพึมพำก็รีบผละออกจากจงอินให้ไกลที่สุด คนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะร้อนตัวรีบพาร่างกลมก้อนจิ๋วๆนั้นขึ้นตึกไปทำให้จงอินต้องยืนหัวเราะขำๆอยู่คนเดียวแบบนี้ เพี้ยนชะมัด
“ โอ้โห เดินมองทางด้วยครับมึง นี่จะเดินขึ้นหัวกูอยู่แล้ว ” เสียงเอ่ยทักของปาร์คชานยอลทักเพื่อนดำที่เพิ่งเข้ามาในห้องชมรม แม่งเดินเข้ามาแล้วเตะกูที่นั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆประตู กูก็ว่ากูนั่งไม่ได้เกะกะใครนะ
“ อ้าวหรอ เออ โทษๆ ฮ่าๆ ”
“ เอออ ไม่เป็นไร ”
“ เออ ขอบใจ ฮ่าๆ ”
ขอบใจพ่อมึงอะจงอิน แม่งเป็นอะไรของมันวะ
“ …”
“ อะไรวะ ”
“ ไอ้เชี่ย! นี่มึงกินยาไม่เขย่าขวดใช่ไหม! ยิ้มฟันขาวมาแต่ไกลแล้วนะมึงอะ มีความสุขอะไรนักหนา! ”
“ วันนี้กูขอโดดซ้อมวันนึงนะ ”
“ มึงจะไปไหน ”
“ จะพานกไปเดินเล่น ”
คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจงอินลงทุนนั่งนับชั่วโมงเพื่อที่จะได้ให้ถึงเวลาเลิกเรียนไวๆ จนเมื่อเสียงออดดังเขาก็ต้องรออีกสักพักใหญ่ๆกว่าจะตรงดิ่งไปหาไอ้มิ ก่อนพวกเขาทั้งคู่จะมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนแบบนี้ มาถึงก็เดินเล่นรอบๆห้างไปสักพักก็รู้สึกว่ามันเร็วไปถ้าจะไปกินไอศกรีมกันเลย วัตถุประสงค์ของการชวนมากินไอศกรีมครั้งนี้เอาจริงๆแล้วเขาก็แค่อยากหาเวลาให้ได้อยู่กับไอ้มิให้ได้นานที่สุดก็เท่านั้นเอง
เดินไปเรื่อยๆพวกเขาก็เดินผ่านพวกร้านขายกำไรข้อมือกระจุกกระจิก จงอินเห็นว่าคยองซูจ้องมองไปที่สร้อยข้อมือเส้นหนึ่งแต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปดูอะไร
“อยากได้หรอ” พอถามไปแบบนั้น ไอ้มิก็ส่ายหน้าไปมา ดูก็รู้ว่าอยากได้ แต่ก็ยังทำเหมือนไม่อยากได้ คยองซูบอกเขาเพียงแค่ว่า แค่มองเพราะมันน่ารักดี ก่อนจะเดินไปดูร้านอื่น
“ สลัดมะเขือเทศได้แล้วค่ะ ” เสียงพนักงานสาวดังขึ้นข้างๆโต๊ะก่อนจะเสริฟท์จานสลัดไว้บนโต๊ะ ยังไม่ทันจะวางดีมือใหญ่ก็จับส้อมตักมะเขือเทศที่หันเป็นแว่นๆบนจานสลัดที่สั่งมาไปวางเอาไว้บนจานเปล่าของคยองซู ตอนนี้ทั้งเขาและคยองซูเลยเข้ามากินร้านอาหารง่ายๆ รองท้องก่อนที่จะไปกินของหวานตามที่ตั้งใจกันไว้ตั้งแต่แรก
“ ไหน ลองกินมะเขือเทศแบบไม่ต้องบีบจมูกให้ดูหน่อย ”
“ ม..ไม่เอา ” ถึงจะกินแบบไม่บีบจมูกได้ แต่ยังไงคยองซูก็ไม่เคยคิดที่จะชอบกลิ่นของมะเขือเทศลูกแดงๆได้สักที ไม่เข้าใจเลยทำไมคนอื่นถึงได้เห็นว่ามันอร่อยนักหนาทั้งๆที่ไม่ว่าคยองซูจะลองพยายามกลั้นใจกินกี่ครั้งมันก็ไม่ได้ทำให้ความชอบเพิ่มขึ้นเลยสักนิด และที่ไม่เข้าใจสุดๆคือว่าทำไมจงอินจะต้องชอบใจอะไรนักหนาที่แกล้งเขาโดยการเอามะเชือเทศตักมาวางไว้ที่จานของคยองซูแบบนี้
“ ไอ้มิ ไม่กล้าก็บอก ”
“ จงอินแกล้งกันนี่!! ไม่เอา เราไม่กินหรอก! ” อยากจะถ่ายรูปให้ดูเหลือเกินว่าหน้าบูดๆของคยองซูในตอนนี้มันน่ารักมากแค่ไหน ยอมรับก็ได้ว่าที่สั่งจานนี้มาน่ะ สั่งมาแกล้งไอ้มิโดยเฉพาะ
“ เร็วๆ อุตส่าสั่งมาให้กิน ”
Rrrrrr
ยังไม่ทันที่จะได้ทะเลาะกันต่อเสียงสั่นบนโต๊ะของโทรศัพท์ที่จงอินเอาวางไว้บนโต๊ะดังขึ้นแต่ร่างสูงก็ทำแค่เหลือบตาไปมองเท่านั้นโดยที่ไม่คิดจะรับจนทำให้คยองซูต้องเอียงคอถามอย่างสงสัย
“ จงอินไม่รับโทรศัพท์หรอ ”
“ ไม่อยากรับ ”
“ ทำไมล่ะ เขาอาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้นะ ”
" งั้น มิรับให้หน่อยดิ ” เลื่อนมือถือไปตรงหน้าอีกคนเพื่อให้รับแทนแต่กลับโดนมือเล็กดันให้มันกลับไปที่เดิมทันที
“ ไม่เอา โทรศัพท์จงอินไม่ใช่โทรศัพท์เราซักหน่อยนี่ ”
“ ก็นั่นดิ งั้นไม่รับ ”
“ จงอินน ” เสียงบวกกับตาโตๆเหมือนนกฮูกของคยองซูที่จ้องมาราวกับตัดพ้อกับการกระทำของเขามันทำให้จงอินต้องถอดหายใจออกมาอย่างพ่ายแพ้ ทั้งๆที่เขาจะไม่ทำตามก็ได้แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ค่อยอยากให้ไอ้มิมันทำหน้าบูดเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่นแบบนี้ใส่เขานานๆ
“ เออๆ! รับก็ได้ พอใจยัง? ” ยังมีการพยักหน้ารับจนแว่นหนาๆนั่นจะหลุดก่อนจะยิ้มกว้างอย่างพอใจจนทำให้จงอินอยากจับไอ้มิมาขย้ำให้ช้ำคามือเสียจริงๆให้ตายสิ
สายเรียกเข้า ‘ลู่หาน’
[จงอิน ตอนนี้ว…]
“ ไม่ว่าง ” ฟังแค่นี้ก็รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายโทรมาจะพูดอะไร ตาก็คอยมองคนตรงข้ามที่กำลังทำหน้าปุเลี่ยนๆมองมะเขือเทศที่เขาเป็นคนตักไปให้ในจานของตัวเองอย่างนึกขำในใจ
[วันนี้ทางผู้ใหญ่เขาอยากให้นายรับงานนี้ พี่ปฎิเสธไม่ได้จริงๆ]
“….”
[เดี๋ยวอีก 15 นาทีพี่จะไปรับตอนนี้เราอยู่ไหน]
“…”
[จงอิน ]
“…”
[จงอิน จะต้องให้พี่สืบเองว่าอยู่ไหนกับใคร หรือว่าจะบอกดีๆ]
“ ห้าง xxx ใกล้ๆโรงเรียน ” ในที่สุดก็ต้องยอม เขารู้ว่าลู่หานพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว ถึงเขาไม่บอกลู่หานก็ตามตัวเขาเจออยู่ดี
[ก็แค่เนี่ย อีก 15 นาทีเจอกัน]
“ ไม่น่ารับเลยให้ตายสิ! ” วางสายเสร็จก็ต้องมานั่งหงุดหงิด ไม่ใจอ่อนเชื่อไอ้มิเสียตั้งแต่แรกก็ดี
“ ธุระด่วนหรอ ”
“ อืม งานมันเข้ามากระทันหันต้องไปจริงๆน่ะ แต่คงจะแปปเดียว จะกลับก่อนหรือเปล่า นี่ก็จะห้าโมงแล้ว กูไม่อยากให้รอนาน.. เอาอย่างงี้เดี๋ยวกูโทรให้ไอ้ชานยอลส่ง... ”
“ ไม่ต้องหรอก ” มือเล็กเอื้อมไปจับมือของจงอินที่กำลังยกโทรศัพท์หมายจะกดต่อสายไปยังชานยอลขึ้นแนบหูจนร่างสูงจำใจต้องกดตัดสายแล้วลดมือลงข้างตัวเหมือนเดิม
“…”
“ จงอินไปเถอะ เรารอได้ ”
“….”
“ ก็นัดกันไว้แล้วนี่หน่า จงอินยังไม่ได้กินไอศกรีมเลย ”
“ งั้น..รอกูก่อนนะ ”
“ ขอโทษนะคะ สามทุ่มกว่าแล้วทางร้านเราใกล้จะปิดแล้วนะคะคุณลูกค้า ”
เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะใกล้เวลาห้างปิด ดวงตากลมโตก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนที่จะเห็นว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆแล้ว เท่าที่จำได้ตอนจงอินไปมันยังห้าโมงเย็นอยู่เลย คยองซูยังคงรออยู่ที่เดิมโต๊ะเดิมรอเวลาด้วยการอ่านหนังสือที่มีอยู่ติดกระเป๋าของตัวเองเพื่อรอจงอิน จากที่คนเต็มร้านก็เริ่มเหลือเพียงไม่กี่โต๊ะที่ยังคงนั่งทานอาหารมื้อดึกกันอยู่
“ อ๊ะ! งั้นคิดเงินเลยก็ได้ฮะ ”
อ่า ถ้าร้านปิดแล้วจะไปรอจงอินที่ไหนดีนะ
“ อ้าวแบตหมดซะแล้ว ” กะว่าจะส่งข้อความไปหาจงอินซักหน่อยว่าร้านใกล้จะปิดแล้วคงรออยู่ที่เดิมไม่ได้แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันมาแบตหมดซะก่อน คยองซูไม่น่าลืมชาร์จมาเลยจริงๆ ทั้งๆที่ปกติไม่ใช่คนที่ติดโทรศัพท์เท่าไหร่เลยคิดว่าสองวันชาร์จทีก็ได้ แต่เอาเข้าจริงพอจะใช้งานกลับมาแบตหมดซะได้ แต่ยังดีหน่อยที่เมื่อครู่คยองซูโทรไปบอกหม่าม๊าแล้วว่าอยู่กับเพื่อนไม่ต้องเป็นห่วง
“ อืมมม หนาวจัง ” มือเล็กกอดอกซุกมือกอดตัวเองไว้หวังจะคลายความหนาวจากลมเย็นที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวที่นับถอยหลังหนาวขึ้นเรื่อย เขาเดินออกมาหยุดอยู่ที่ลานกว้างหน้าห้างสรรพสินค้าที่เมื่อตอนเย็นตอนที่มาถึงเต็มไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือนักเรียนนักศึกที่เพิ่งเลิกงานเดินกันขวักไขว่ แต่ตอนนี้ดูบางตาลงไปเยอะเพราะมันเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เท้าเล็กตัดสินใจเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ที่เหมือนว่าเป็นโชคดีที่มันยังเหลือที่วางพอให้คยองซูได้นั่งและวางกระเป๋ารอจงอินอยู่บ้าง นั่งรอตรงนี้แหละเผื่อยังไงคยองซูก็คิดว่าจงอินจะต้องเดินผ่านตรงลานกว้างนี้เพื่อจะไปยังร้านอยู่ดี ถ้าเจอก่อนก็จะได้บอกจงอินว่าร้านต่างๆภายในห้างมันเริ่มจะปิดหมดแล้วเลยต้องออกมารออยู่แบบนี้
แต่ว่าตอนนี้เขาหนาวมากจริงๆ แถมยังลืมเอาผ้าพันคอหรืออะไรสักอย่างที่ช่วยป้องกันความหนาวติดกระเป๋ามาอีกทั้งๆที่เมื่อเช้าหม่าม๊าก็เตือนเอาไว้แล้วว่าช่วงนี้จะเริ่มหนาวแล้วแท้ๆ
คยองซูหวังว่าจงอินจะรีบกลับมาหาเขาเร็วๆนะ
“ เสร็จแล้วใช่ไหม ขอโทรศัพท์คืนด้วย ”
“ รีบร้อนอะไรขนาดนั้น ”
“ ลู่หาน เอาโทรศัพท์มา ” ไม่ต้องให้พูดซ้ำก็ได้สิ่งที่ต้องการมาวางไว้บนมือ ต่อสายไปที่เบอร์ของใครบางคนที่กำลังรอเขาอยู่ทันที มือที่ยังว่างก็ปลดแกะกระดุมเสื้อผ้าที่ใช้ถ่ายแบบออกอย่างไม่ใส่ใจ รีบเปลี่ยนกลับเป็นชุดของตัวเองอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการโทรหาใครอีกคนอย่างรีบเร่งจนลู่หานได้แต่ส่ายหน้าให้กับความใจร้อนของจงอินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะในตอนนี้เมื่องานจบเรียบร้อยดีมันก็เป็นเวลาของร่างสูงที่จะสามารถไปไหนทำอะไรก็ได้ ขอแค่รับผิดชอบงานที่ทำอย่างสมบูรณ์แบบได้เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องห้าม
ก่อนหน้านั้นลู่หานไม่รู้หรอกว่าจงอินทำอะไรและอยู่กับใครแต่งานก็คืองานเขาปฎิเสธที่จะไม่รับงานจากทางต้นสังกัดที่เจาะจงให้เด็กในความดูแลของเขาอย่างจงอินมาถ่ายแบบแฟชั่นเสื้อผ้าไม่ได้ถึงแม้จะรู้ว่ามันกระทันหันไปหน่อยแต่จงอินก็ยังมีความรับผิดชอบพอที่จะถ่ายแบบออกมาได้สมบูรณ์แบบ
[เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]
“ โถ่เว้ย! ทำไมติดต่อไม่ได้วะ!! ”
ไม่มีเวลาแล้ว เขาต้องไปหาไอ้มิเดี๋ยวนี้!!
ทั้งๆที่คิดว่าน่าจะทันเลยบอกให้คยองซูรอแต่พอมันเลทจนดึกแบบนี้กว่าจะได้โทรศัพท์คืนก็เลิกงาน พอได้มาก็โทรไปหาไอ้มิก็ไม่รับสายจนต้องรีบให้แท็กซี่รีบบึ่งรถมาที่นี่ให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปหาคยองซูให้เร็วที่สุด
พอเข้ามาในห้างที่ใกล้จะถึงเวลาปิดได้ก็รีบวิ่งไปยังร้านที่บอกให้คยองซูนั่งคอยทันที แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเครียดหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าภายในร้านปิดไฟเกือบหมดแล้ว
“ ขอโทษนะครับ พอจะเห็นผู้ชายตัวเล็กใส่แว่นหนาๆที่นั่งอยู่ในร้านหรือเปล่า ” เอ่ยถามพนักงานร้านที่กำลังจัดแจงเก็บของอยู่หน้าร้านทันที
“ เอ่อ ออกไปได้สักพักแล้วน่ะค่ะ เขานั่งรอคุณตั้งนานแหน่ะค่ะ ” พนักงานสาวคิดอยู่ไม่นานก็จำได้ว่าคงจะเป็นลูกค้าที่เธอเป็นคนเดินไปบอกเองว่าร้านใกล้จะปิดแล้ว ผู้ชายตัวเล็กๆที่เธอเห็นและจำได้ว่ามาด้วยกันกับร่างสูงตรงหน้าจึงเอ่ยบอกออกไป
“ แล้วพอจะทราบไหมครับว่าเขาไปไหนต่อ ” เพื่อพนักงานสาวจะรู้แต่ทว่ากลับได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าไม่รู้กลับมา จงอินเอ่ยขอบคุณอย่างรีบๆก่อนจะกึ่งเดินกึ่งหาไปทั่ว
หรือว่าจะกลับไปแล้ว
แต่ถ้าเกิดว่ากลับไปแล้วก็ไม่น่าจะนั่งรอเขาอยู่ตั้งนานหลายชั่วโมงขนาดนี้ มันจะทำให้เขารู้สึกดีกว่านี้ถ้าเกิดว่าไอ้มิกลับบ้านไปก่อนแต่ในใจของเขาลึกๆแล้วเชื่อว่ายังไงซะคนตัวเล็กก็ยังคงรอเหมือนที่บอกเอาไว้นั่นแหละ
เขาผิดเอง จงอินผิดที่ต้องทิ้งให้คยองซูมารอตัวเองแบบนี้
‘ แม่เราแค่เป็นห่วงเพราะเวลาเรากลับบ้านดึกๆเราจะชอบหลงทางทุกทีเลย ’
ถึงจะเป็นประโยคบอกเล่าที่เผลอพูดออกมา
แต่ทว่าเขากลับจำได้
รู้ทั้งรู้ว่าไอ้มิเคยบอกว่าชอบหลงทางตอนดึกๆ บวกกับเมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดแล้วความกังวลที่มีอยู่ภายในใจเริ่มเพิ่มสูงขึ้น อากาศหนาวๆแบบนี้ถ้าไม่ได้อยู่ในห้างก็ต้องออกมาทนหนาวอยู่ข้างนอกซึ่งจงอินมั่นใจว่าเขาวิ่งวนหาจนทั่วห้างแล้วไอ้มิไม่ได้อยู่ในนี้แน่ๆ เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่จะรีบทำงานแล้วรีบกลับมาหาแท้ๆแต่งานมันเกิดความล่าช้านิดหน่อยจนมันเลยเวลา แล้วแถมลู่หานก็เป็นคนเก็บโทรศัพท์ของเขาไปอีกเลยแทบไม่มีโอกาสที่จะได้โทรบอกไอ้มิเลยสักนิด
“ ไอ้มิ! เอ่อ ขอโทษครับ ”
เห็นใครเดินผ่านที่ตัวเล็กคล้ายๆคยองซูก็รีบวิ่งไปดึงให้เขาหันหน้ามาหา จะว่าตอนนี้จงอินกำลังรนอยู่ก็ได้ วิ่งหามาก็ตั้งนานแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววของคยองซูเลยสักนิด
ถ้าไอ้มิเป็นอะไรไปเขาจะทำยังไง
“ คยองซู!! โดคยองซู!! ” ตะโกนเรียกอย่างบ้าคลั่งมือก็ยังกดโทรออกหาคนตัวเล็กอยู่เรื่อยๆ หวังแค่ว่าจะได้รับเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงของพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ทำไมไปทางไหนก็เจอแต่ความว่างเปล่า วิ่งหาจนต้องมาหยุดพักหอบหายใจอยู่ใกล้ๆลานน้ำพุหน้าห้าง ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นตัวแต่จงอินก็ยังตะโกนเรียกชื่อของคยองซูอยู่แบบนั้นเพราะถ้าไอ้มิได้ยินจะได้รู้ว่าเขามาแล้ว ถ้าหลงทางจะได้ตะโกนตอบรับเสียงเรียกของเขาได้
ตอนนี้จะไปหาไอ้มิได้ที่ไหนเขาไม่รู้เลยจริงๆ
“ จ..จงอิน! จงอินหรอ? ”
!!!
พอหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นร่างเล็กที่เขากำลังตามหากำลังเดินถือถุงอะไรบางอย่างมา ถึงแม้จะเห็นไม่ชัดนักแต่ลักษณะและน้ำเสียงที่ได้ฟังมันก็ทำให้จงอินรู้ทันทีว่าเป็นใคร
พึ่บบ!
ไม่รอช้าก็รีบเดินดุ่มๆเข้าไปคว้าคนตัวเล็กมากอดเอาไว้ให้ชิดตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้ความกังวลทั้งหมดถูกแทนที่ไปด้วยความโล่งใจ โล่งใจที่เห็นว่าคนในอ้อมกอดไม่เป็นอะไรอยากจะออกไปหาทั้งๆที่ยังคงใส่ชุดเดินแบบของทางสปอร์นเซอร์ให้รู้แล้วรู้รอดแต่มันทำไม่ได้ไง ก็ไม่รู้ว่าแบบนี้มันเรียกว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งดีใจและหงุดหงิดไปพร้อมๆกัน
ดีใจที่คนตัวเล็กตรงหน้ายังรอ
และหงุดหงิดที่ไม่รู้จักห่วงตัวเองมานั่งหนาวรอเขาเป็นชั่วโมงๆแบบนี้
“ ทำไมตัวเย็นขนาดนี้ ” ไอเย็นที่ได้รับมาจากคยองซูทำให้จงอินต้องกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น เป็นเพราะเขาเอง เขาเองที่ปล่อยให้ไอ้มิรอนานขนาดนี้ ถ้าเขาไม่รับงานนั้น ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนบอกให้คยองซูรอ ก็คงไม่ต้องมาทนหนาวแบบนี้ ยิ่งตัวเล็กๆอยู่แล้วด้วย บ้าชะมัด!
“ ดะ เดี๋ยว จงอินปล่อยเราก่อน เราหายใจไม่ออก ”
เสียงเล็กที่อู้อี๋อยู่ที่กลางอกทำให้จงอินต้องคลายกอดของตัวเองให้นิดหน่อยแต่ก็ยังกักเก็บคนตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมกอดราวกับจะย้ำว่าเขาหาคนตรงหน้าเจอแล้วจริงๆ
“ รู้ว่าอากาศหนาวทำไมยังรอ ทำไมไม่กลับไปก่อน กูเป็นห่วงนะรู้ไหม แล้วนี้ไปไหนมา กูวนหาตั้งหลายรอบนึกว่าจะหลงทางแล้วซะอีก!! ”
“ ก็…จงอินบอกให้เรารอ ถ้าเรากลับก่อนแล้วจงอินจะทำยังไง ”
คิดถึงแต่คนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองต้องทนหนาวเป็นชั่วโมงๆแบบนี้น่ะหรอ
“ ขอโทษนะมิ กูขอโทษ ”
“ เราไม่เป็นไร ยังดีกว่าจงอินไม่มานะ ”
ยังคงกอดอยู่อย่างนั้น จงอินแค่หวังว่าไออุ่นจากเขามันจะทำให้คยองซูหายหนาวลงได้บ้าง คยองซูไม่แสดงท่าทีว่าโกรธหรือไม่พอใจเขาเลยสักนิด ทำไมกัน ยิ่งทำแบบนี้เขาเองที่ยิ่งรู้สึกผิดและคิดโทษตัวเองมากขึ้นไปอีก
“ จ..จงอิน ปล่อยเราก่อน ”
“ หื้ม อะไร? ”
แล้วก็ต้องผละอ้อมกอดออก พอเขาปล่อยคนตัวเล็กก็รีบหยิบอะไรบางอย่างจากถุงร้านสะดวกซื้อริมทางที่อยู่ในมือตัวเองก่อนที่จะยืนมันมาให้ตรงหน้าเขา
ไอศกรีมโคนวนิลา
ทำไม…
“ เอ่อ เราเห็นว่าจงอินคงอยากกินแล้วห้างมันก็ปิดแล้ว ล..เลยเดินไปซื้อแถวๆนี้มาให้ก่อน เอ่อ จงอินไม่ชอบรสนี้หรอ เอาไปเปลี่ยนก็ได้นะ ดีหน่อยที่คุณป้าร้านที่เราไปซื้อแกใจดี ต้องให้เปลี่ยนแน่ๆเลย ก็ยังไม่ได้แกะนี้เน้อะ ” เมื่อเห็นว่าจงอินนิ่งไป คยองซูก็รีบพูดบอกที่มาที่ไปของไอศกรีมโคนแท่งนี้ ยิ่งเห็นร่างสูงยืนเงียบเงยหน้าจากไอศกรีมโคนที่อุตส่าไปซื้อมาให้แล้วมาจ้องตาขนาดนี้มันก็ยิ่งทำให้คยองซูคิดว่าจงอินอาจจะไม่ชอบรสที่ซื้อมาก็ได้
“ ทำไมต้องทำขนาดนี้ ” ถึงเสียงที่จงอินพูดออกมามันเป็นเสียงที่เบามากแต่ทว่าอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบๆข้างของทั้งสองคนมีแต่ความมืดบนท้องฟ้าแสงสว่างจากเสาไฟและไฟประดับระยิบระยับจากบ่อน้ำพุ รอบๆลานที่ยังคงเปิดตกแต่งอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่คอยมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่บวกกับความเงียบยามค่ำคืน มันทำให้คนตัวเล็กที่กำลังพูดอยู่หยุดฟัง
แว่บนึงในความรู้สึกของจงอิน แค่คิดว่าคนที่ได้เป็นเพื่อนกับไอ้มิทุกคนจะได้ในสิ่งที่เขากำลังได้รับแบบนี้มันก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ยิ่งอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวให้คยองซูไม่มีเพื่อนคนอื่นอีก อยากให้มีแค่เขาคนเดียวที่ได้ใกล้ชิด ได้รู้จักตัวตนจริงๆของคยองซูคนเดียว ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูไม่น่าเข้าหาหรือน่าทำความรู้จักมันยังทำให้เขาเบาใจได้ว่าคงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าหาไอ้มิซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดว่ามีใครที่สามารถมองเห็นในสิ่งที่เขาเห็นในตัวไอ้มิได้เหมือนกันแล้วเขาจะทำยังไง
ทำไมถึงรู้สึกหวงขึ้นมา
“ ทำแบบนี้กับเพื่อนทุกคนเลยหรือไง? ”
เห้ยแกรร เรามาแล้ว
รอกันนานไหม ขอโทษจริงๆคะ พอดีมิชเพิ่งสอบเสร็จ
ขอปรับอะไรสักนิดนึง รู้สึกว่าพอหลบไปอ่านหนังสือสอบมา
แล้วกลับมาแต่ง ภาษามันดูเปล่งๆยังไงไม่รู้ 5555555
โธ่ววว ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่าง
น้องมิที่ต้องทนหนาวรอจงอิน กับ จงอินผู้ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเป็นห่วงไอ้มิ
อิอิ แล้วเจอกันคะ
รักมากจากมิช
TALK.2
มาแล้วลงครบ 100% อิอิ
ทำไมมีแต่คนเม้นคิดถึงเก๊าเต็มไปหมดเลยอ่ะ
เขินนะคนบ้าาา /me ทบอกรีดเดอร์อ่อน 55555
เอามาลงให้หายคิดถึงกันแล้วเน้อะ มีคนบอกว่าอยากให้น้องมิของเราป่วยไปเลย
จงอินจะได้รู้สึกผิด โธ่วววววว เอาจริงดิ ทนกันได้แน่นะถ้าเห็นน้องมิน้อยของเราต้องนอนป่วย
น่าสงสารออกนะตัวเธออออ ฟิคเรื่องนี้ใสๆน่ารักๆมิชไม่อยากต้มมาม่าเท่าไหร่
อ่ะๆเอารูปไอศกรีมที่มิซื้อมาให้จงอิน บางคนอาจจะงงว่าทำไมใส่ในถุงไม่เลอะถุงหรอ
(หรือเราสงสัยคนเดียว 55555) มันมีฝานะจ๊ะตัวเทววว์
หารูปชัดๆไม่ได้อ่ะ ดูแบบไม่ชัดกันไปก่อน 5555
ไปแล้วดีกว่าเดี๋ยวเจอกันค่ะ
อย่าลืมคอมเม้นท์+สกรีมในแท็ก #คมชคด เป็นกำลังใจให้มิชด้วยนะคะ
รักรักจากมิช
ความคิดเห็น