ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัดแต่ง -:-The Knlght of Lodis -:-

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 "ที่พัก"

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 49


    ขะ...ข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วปะ...ปล่อยข้าไปเถอะ” ชายร่างอ้วนร้องขอชีวิต เสียงของเขาอ้อนวอนเหมือนคนที่ไร้ศักดิ์ศรี ต่างกับเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด ..

    “ก็ได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป” เรเซนเด้ให้อภัยที่ชายร่างอ้วนได้สำนึกผิด

    แต่ทว่า จู่ จู่ .....

    “ฮี้ ฮี้ ~ กร่อบ กร่อบ กร่อบ กร่อบ” เสียงเกือกม้าเดินมาตามทางถนนที่ปูด้วยหินสวยงาม พวกอัศวินควบม้ากันมาราวราว 5-6 คน แต่คนที่โดดเด่นสุดเห็นจะเป็น คนที่สวมหมวกสีเขียวที่มีขนนกเหน็บอยู่ข้างหมวก ส่วนคนอื่นดูเหมือนจะเป็นลูกน้องของเขา แต่งตัวเป็นอัศวินสวมชุดเกราะที่ดูแข็งแกร่ง ทั้งหมดเป็นทหหารม้าทั้งสิ้น ..

    “ฮี้ ~ !” เสียงม้าผิวสีดำซึ่งเป็นม้าตัวที่ คนที่โดดเด่นที่สุดควบอยู่ก็ร้องขึ้น และหยุด ..

    ชายผู้ที่ใส่หมวกขนนก กระโดดลงมาจากม้า...

    เขาเดินเข้าไปใกล้ เรเซนเด้ แล้วชะเง้อหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของเรเซนเด้ แล้วเอ่ยปากถามว่า “เจ้ามีอะไรกับไออ้วน คาเชน นี่รึเจ้าหนู แล้วเจ้าชื่ออะไร ?” นัยตาของเขาจ้องไปที่หน้าของเรเซนเด้ อย่างคาดหวังในคำตอบที่เรเซนเด้จะพูดออกมา..

    “ก่อนจะถามคนอื่นบอกชื่อตัวเองก่อนจะดีกว่ามั้ง” เรเซนเด้ ทำท่าทีไม่พอใจกับชายผู้ใส่หมวกขนนก..

    “ก็ได้ ข้าชื่อ อาร์เซ่ ฟารังค์ เป็นผู้ตรวจเมืองประจำเมืองลูท่า หน้าที่ของข้าจัดการทุกคนที่มีปัญหาภายในเมือง เอาล่ะ แล้วเจ้าละเจ้าหนูเจ้าชื่ออะไร” อาร์เซ่พูดยืดยาวเพื่อบอกชื่อของตน ปากของเขาเรียวเล็กทำให้พูดได้เร็วและน้ำเสียงดี ...

    “ข้าราเซนเด้” ราเซนเด้ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และมั่นใจ .. สักครู่เรเซนเด้ก็ยกมือขวาและใช้นิ้วชี้ ชี้ไปยังทิศตะวันตกพร้อมทั้งเอ่ยขึ้น “นั่น คิล สหายรักของข้า”

    คิลเดินมาอย่างนิ่มนวลไม่มีแม้เสียงฝีเท้า รูปร่างเขาผอมแห้ง แต่ทว่าตาของเขาดูคมเปรียบดั่งตาเหยี่ยว เสื้อผ้าของเขาคล้ายกับเรเซนเด้คือมีรูขาดเป็นจุดจุด ในมือของ คิล ถือคันธนูสุดหวงสี เทา ไว้อย่างแน่นเพื่อไม่ให้หลุดมือ ..

    “หมอนี่ใคร ราเซนเด้ ?” คิลถามทันทีเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปยัง อาร์เซ่

    ทันทีที่ คิล ถามสายตาของอาร์เซ่ ก็หันไปจับจ้องคิลแทนในทันที สายตาของเขาดูดุดันเหมือย!ร้ายที่กระหายเลือด ทั้งสองยังคงจ้องมองกันอยู่อย่าง กระเ!้ยนกระหือ

    สายตาของเรเซนเด้ ส่ายไปซ้ายทีขวาที ทั้งคิลทั้งอาร์เซ่จ้องตากันอย่างดุดัน “เห็นทีแบบนี้ไม่ดีแน่สงสัย สองคนนี้สัญชาติญาณเดียวกันแหง ต้องอย่าให้จ้องหน้ากัน” เรเซนเด้นึกในใจ สีหน้าของราเซนเด้เต็มไปด้วยความกังวล และเหงื่อที่เริ่มไหลย้อยลงมาด้านซ้ายของใบหน้า..

    “เฮ้ เฮ้ จะจ้องกันทำไมนักหนา คิล เลิกจ้องได้แล้ว เฮ้!คิล” ราเซนเด้พูดตัดบท
    มือของราเซนเด้ยื่นไปจับที่หัวไหล่ของคิลและเขย่าเล็กน้อย

    ทว่าคิลกับปัดมือของราเซนเด้ออกไป ใบหน้าของคิลดุดันกว่าเดิม สักพักเขาก็เอ่ยปากขึ้น “แกมาอยู่ที่นี่เองรึ ไอคนทรยศ !!”

    “แกก็ทรยศเหมือนกันนั่นแหละ !” อาร์เซ่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยสายตาของเขาก้มต่ำลงมาที่คิลแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ..

    ทั้งสองยังคงจ้องตากันไม่เลิก ...
    พวกทหารที่ติดตามอาร์เซ่ เริ่มหันหน้าไปสุมหัวเพื่อพูดคุยอะไรบางอย่าง ..

    “นี่หัวหน้าเป็นอะไรไป เราไม่เคยเห็นสายตาของท่านหัวหน้านานแล้วนะ ” ทหารผมทองพูดเปิดประเด็น

    “สายตา นั่น สายตาที่ฆ่าแม่ทัพ คอร์ส แห่งกองทัพอสูร ดาร์คเกอร์ นี่นา” ทหารผมดำที่ดูอายุน้อยที่สุดพูดเสริม

    และทหารอีกคนที่หน้าตาดูมีอายุเยอะคนนึงก็ส่ายหน้าไปมาซ้ายขวา ซ้ายขวา แล้วเอ่ยขึ้น “ถ้าท่านหัวหน้ามองใครด้วยสายตาแบบนั้นยากแล้วละที่จะรอด ...”

    “เอ๋ทำไมละ” ทหารที่เป็นคนพูดเปิดประเด็นถามอย่างสงสัยกระวนกระวายอยากรู้

    “ก็เพราะ .....” ขณะที่ทหารที่ดูมีอายุกำลังจะบอก เสียงหัวหน้าพวกเขาก็ดังขึ้น

    “กลับ ....!” อาร์เซ่ควบม้าดำของตนและบังคับหันไปทางข้างหลัง แล้วขี่ไปอย่างช้าช้า เสียงดังเป็นจังหวะ “กร่อบกร่อบ กร่อบกร่อบ” ทหารที่มากับอาร์เซ่ทั้งหมดก็หันหน้าควบม้ากลับไปพร้อมกับอาร์เซ่โดยไม่รีรอ ..

    “คิล นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

    “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของชั้นนานมาแล้วล่ะไว้ชั้นจะเล่าให้ฟังตอนนี้ชั้นว่า เราไปหาที่พักก่อนเถอะ...” คิลเดินจากไปจาก ณ จุดนั้น ท่าทางของเขาสงบเยือกเย็น แต่แท้ที่จริงคิล ร้อนลุ่มไปทั้งตัวเพราะ .....

    “เห้อ ” ราเซนเด้ถอนหายใจ และพูดกับตัวเองขึ้น “มันเรื่องอะไรกันนะช่างเถอะฟะ ไปหาที่พักก่อนก็ดีหวังว่า คินแซนจะหาที่พักได้แล้ว”

    ทั้งราเซนเด้ และ คิล ต่างเดินไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาได้นัดเจอกันไว้ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 2โมง45 แล้วได้เวลาที่นัดไว้พอดี ...

    เวลายังคงเดินต่อไปต่อไปตอนนี้คงช้ามาได้ราวราว10นาทีแล้วจากที่นัดกันไว้กับคินแซน เด็กหนุ่มทั้ง2ที่มีชื่อ ว่า คิล และ เรเซนเด้ยังคงซอยเท้าเดินต่อไปเพื่อให้ถึงยังจุดนัดหมายโดยเร็ว ....

    “เฮ้ ! คิลนายเป็นอะไรรึป่าว ?“ เรเซนเด้มองดูมใบหน้าของคิลที่เต็ม ไปด้วยเหงื่อแล้วถามขึ้น

    “......“ คิลไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งสิ้น คิลยังคงกัดฟันไว้แน่นเหมือนโกรธแค้นอะไรบางอย่าง ..

    “เห้ออออ ~“ เรเซนเด้หาวอ้าปากกว้างด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขณะที่หาวอยู่นั้นดวงตาของเรเซนเด้ก็เบิกขึ้น ตรงเข็มปัดหอคอยนาฬิกาพอดี แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลา 3.00 โมงแล้ว....

    .“เฮ้ คิล เฮ้ เรเซนเด้ ~ ทางนี้โว้ย ~“ ชายคนหนึ่งรูปดูกำยำใหญ่โต
    สวมชุดเกราะและอุปกรณ์ป้องกันพร้อมครบเซ็ต ตะโกนเรียก มือของเขาทั้งสองข้างยกมาไว้ที่บริเวณปากและถูที่ปากเพื่อเช็ดน้ำลายที่กระเด็นออกมาจากปากของเขา ...

    หูของราเซนเด้ขยับ ยึกยัก เพราะสัมผัสได้ถึงเสียงของสหาย และกวาดสายตาไปรอบรอบ บริเวณที่พวกเขานัดพบกัน ..


    เวลายังคงเดินต่อไปต่อไปตอนนี้คงช้ามาได้ราวราว10นาทีแล้วจากที่นัดกันไว้กับคินแซน เด็กหนุ่มทั้ง2ที่มีชื่อ ว่า คิล และ เรเซนเด้ยังคงซอยเท้าเดินต่อไปเพื่อให้ถึงยังจุดนัดหมายโดยเร็ว ....

    “เฮ้ ! คิลนายเป็นอะไรรึป่าว ?“ เรเซนเด้มองดูมใบหน้าของคิลที่เต็ม ไปด้วยเหงื่อแล้วถามขึ้น

    “......“ คิลไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งสิ้น คิลยังคงกัดฟันไว้แน่นเหมือนโกรธแค้นอะไรบางอย่าง ..

    “เห้ออออ ~“ เรเซนเด้หาวอ้าปากกว้างด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขณะที่หาวอยู่นั้นดวงตาของเรเซนเด้ก็เบิกขึ้น ตรงเข็มปัดหอคอยนาฬิกาพอดี แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลา 3.00 โมงแล้ว....

    .“เฮ้ คิล เฮ้ เรเซนเด้ ~ ทางนี้โว้ย ~“ ชายคนหนึ่งรูปดูกำยำใหญ่โต
    สวมชุดเกราะและอุปกรณ์ป้องกันพร้อมครบเซ็ต ตะโกนเรียก มือของเขาทั้งสองข้างยกมาไว้ที่บริเวณปากและถูที่ปากเพื่อเช็ดน้ำลายที่กระเด็นออกมาจากปากของเขา ...

    หูของราเซนเด้ขยับ ยึกยัก เพราะสัมผัสได้ถึงเสียงของสหาย และกวาดสายตาไปรอบรอบ บริเวณที่พวกเขานัดพบกัน ..

    บริเวณที่พวกเขานัดพบกันเต็มไปด้วย อาคารไม้โอ๊ค และอาคารไม้เก่าเก่า แต่ส่วนใหญ่เป็นอาคารไม้โอ๊ค ตรงใจกลางในบริเวณนั้น มีน้ำพุอยู่ตรงกลางและมีดอกไม้ล้อมรอบอยู่ตรงบริเวณน้ำพุ ผู้คนมักขนานนามให้น้ำพุนี้ว่า น้ำพุ “ลูท่า“ ว่ากันว่าน้ำพุนี้มีมาตั้งแต่สร้างเมืองเลยทีเดียว..

    และแล้วสายตาของราเซนเด้ ก็พบเข้ากับสหายของเขานาม คินแซน คินแซนควบม้าอยู่ตรงหน้าโรมแรมแห่งหนึ่งที่ดูเก่าเก่าโทรมโทรมซึ่งมีอยู่แค่อาคารเดียวในแถบนั้น ..

    พอเห็นสหายเข้าก็รีบตะโกนเรียกในทันที“เห้ย คินแซนโว๊ย ข้าอยู่นี่!“ ราเซนเด้ตะโกนพลางยกมือโบกไปมาพลางเพื่อให้ คินแซน สหายของเขาเห็น

    “อ้อ เอ็งอยู่นั่นเองเหรอวะ ~“ เสียงตะโกนจากคินแซนตอบกลับมา พร้อมทั้งซอยเท้าอย่างเร่งรีบ ..

    “กึก“ คินแซนหยุดต่อหน้าของราเซนเด้และคิล ...

    เมื่อหยุดต่อหน้าของราเซนเด้และคิล คินแซนก็ทำหน้าโกรธขึ้นมาทันที และด่าสหายของเขาทั้ง2ว่า“นี่แกไปไหนมาวะหายไปตั้ง15 นาทีนะโว๊ย รู้ไหมข้ารอแทบแย่ส่วนห้องพักเราข้าก็ได้แล้วเขาให้ข้าฟรีด้วยแหละ “

    “เอ๋ เพราะอะไรทำไมถึงฟรี ?“ ราเซนเด้ถามอย่างสงสัยดวงตาของเขาจดจ้องที่คินแซนโดยหวังจะรู้คำตอบ ณ ที่ตรงน้ำพุนั้น ..

    “เพราะ ชั้น เป็นลุงของคินแซนน่ะสิ โฮะโฮะ ~~ “ ชายร่างท้วมดูแล้วอายุน่าจะราวราว55 ปีขึ้น ไว้หนวดสีขาว ผมเพร่าสีดำแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยไม่หรูหราเกินไป กล่าบอกคำตอบไปกับ ราเซนเด้

    “ใช่แล้วล่ะ เพราะเจ้าของอาคารเป็นลุงของข้าเอง“ คินแซนพยักหน้าหงึกหงึก ในคำตอบที่ราเซนเด้ได้ยิน ..

    “เอาล่ะ รีบเข้ามาดูห้องพักของพวกเจ้าสิ ..“ ลุงของคินแซน กวักมือเรียกเด็กๆทั้งหมดมาดูห้องพักในอาคารของตนเอง ..

    “เออ นี่เจ้าหนูคนนั้นน่ะอย่าช้าสิ รีบมาเร็วเข้า“ ลุงของคินแซนเรียก คิล อีกทีเพราะดูคิลจะเชื่องช้าเหลือเกิน ..

    แล้วทั้งหมดก็ได้ซอยเท้าไปยังอาคารของลุงคินแซน อาคาร ของคุณลุงคินแซนนั้น เป็นไม้เก่าเก่า ห้องพักไม่ได้มากมายอะไร มีแค่พออยู่ได้ ข้างซ้ายอาคารแห่งนี้ เป็น ร้านขายยา ส่วน ข้างขวา เป็นร้านขายตรงผัก ..

    พอถึงประตูของอาคารลุงคินแซนก็เอามือล้วงหากุญแจในกระเป๋ากางเกง พอคว้าได้ก็ยื่นไปเสียบที่ประตู “แกร่ก แกร่ก “ “แก๊ก“ ประตูไม้เก่าเก่าบานนั้นเปิดออก ..
    “เอาล่ะ เด็กเด็กเข้าไปข้างในสิ อ้อ คินแซนพาเพื่อนเจ้าไปดูห้องด้วยล่ะ ..“

    คินแซนตอบรับปากรับคำตามแบบฉบับของตน... “คร้าบลุง บิล ~ “

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×