ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Seventeen] Vanilla Twilight #minwon #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 594
      76
      15 ก.ค. 62

    Matcha
      

    Chapter 9 

     

     

    ฮันโซล เวอร์นอน ชเว กำลังหงุดหงิด

     

    มันเป็นความรู้สึกที่น่ารำคาญไม่น้อยสำหรับเขา

     

    อันที่จริงแล้ว เรียกได้ว่ามีแค่น้อยครั้งที่เด็กหนุ่มจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่ใช่สิ ตามปกติแล้วเวอร์นอนแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยมากกว่า

     

    ลูกครึ่งปีศาจอย่างเขาหาได้ยากที่จะมีอารมณ์และความรู้สึกเหมือนมนุษย์ทั่วไป มันคงจะมาจากพันธุกรรมหรืออะไรประมาณนั้น

     

    ใช่แล้ว... เขาเป็นลูกครึ่งปีศาจ

     

    แต่เดี๋ยวก่อน ปีศาจในที่นี้ไม่ได้หมายถึงปีศาจแบบในความเชื่อของศาสนาหรือในจินตานาอันหลากหลายพวกนั้นหรอกนะ

     

    ปีศาจในความเป็นจริงน่ะ ก็คือเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่สปีชี่ส์ Homo sapiens sapiens ไง

     

    เอ่อ...

     

    เอาเป็นว่าปีศาจก็คืออีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์แค่นั่นแหละ

     

                แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในความเป็นจริงแล้วพวกมนุษย์ก็ไม่เคยมองว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมโลกหรอก

     

                อาจเป็นปีศาจคือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่า งดงามกว่า และเต็มไปด้วยเวทมนต์อันน่าพิศวง

     

                และนั่น... ก็ทำให้สงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจดำเนินมาอย่างยาวนานนับพันปี โดยเป็นสงครามที่รุนแรงกว่าการล่าแม่มด พ่อมด มนุษย์หมาป่า หรือแม้กระทั่งแวมไพร์เสียอีก

     

    จะว่าไป มีอะไรบ้างที่มนุษย์ไม่ทำสงครามด้วยบ้าง?

     

    และนั่นก็ทำให้ความรู้สึกของเด็กหนุ่มต่อบรรดานักล่ารุนแรงกว่าสมาชิกของบ้านเสมอ

     

    คนอื่นอาจพยายามหลบเลี่ยงเมื่อมีนักล่ามาใกล้ หากเวอร์นอนกลับเลือกที่จะวิ่งเข้าหาแทน

     

    และในตอนนี้เขาก็พอเดาได้ว่าทำไมบรรดาสมาชิกรุ่นใหญ่ถึงมีท่าทีแบบนั้น

     

    ซึ่งมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบอารมณ์จนถึงขั้นยอมโดดซ้อมว่ายน้ำกลับมาที่บ้านก่อน

     

     “ไม่อยู่แฮะ” เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หลังจากเดินสำรวจไปรอบบ้านแล้วไม่พบร่างโปร่งใสที่ตามหาแม้แต่เงา “ไปบ้านคุณอีอีกแล้วเหรอ?”

     

    เวอร์นอนคิดอย่างฉงน ตามปกติแล้วเป้าหมายของเขาหรือวิญญาณประจำบ้านอย่างซูนยอง มักจะไม่ค่อยออกไปไหน มีเพียงบ้านข้างเคียงอย่าง mocha dawn เท่านั้นที่เจ้าตัวจะออกไปหาเพื่อนคุยในเวลาที่รู้สึกเบื่อ

     

    แต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มกลับไม่คิดว่าเพื่อนร่วมบ้านของเขาจะอยู่ที่นั่น

     

    ไม่ใช่ว่ามีลางสังหรณ์อะไรหรอก แค่เมื่อกี้ตอนเดินผ่าน เห็นว่าบ้านหลังนั้นปิดเงียบ แสดงให้เห็นว่าไม่มีคนอยู่ก็เท่านั้น

     

    แล้วถ้างั้นซูนยองจะหายไปไหนกันนะ?

     

                คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างหงุดหงิด ความรู้สึกอันน่ารำคาญนี้ดูราวจะเกาะกุมไปทั่วตัวของเขาจนสลัดไม่ออก

     

                ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจยอมแพ้

     

                ไว้เย็นนี้ค่อยหาโอกาสคุยกับวิญญาณประจำบ้านก็แล้วกัน

     

                แต่จะให้เขากลับไปซ้อมตอนนี้ เวอร์นอนก็บอกได้เลยว่าเขาคงไม่มีสมาธิหรอก แถมหมดอารมณ์แล้วด้วย

     

                ไปเดินเล่นในเมืองน่าจะดีกว่า

     

                ตกลงกับตัวเองได้แล้ว เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจออกมาจากบ้าน นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับอากาศฤดูร้อนภายนอก

     

                เวอร์นอนอาจจะสามารถเดินไปถึงจุดหมายของตัวเขาเองได้อย่างสงบสุข ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มเผลอไปสบตากับใครบางคนเสียก่อน

     

                ภายใต้ร่มเงาของต้นเมเปิ้ลข้างทาง ผู้ชายคนนั้นคล้ายกับกำลังยืนรอเขาอยู่

     

                ชายหนุ่มในชุทสูททางการสีดำนั่นดูโดดเด่นเสียจนเวอร์นอนเผลอชะลอฝีเท้าของตัวเองลง

     

                ใครกันจะใส่ชุดสูทเต็มยศในวันที่อากาศแบบนี้...

     

                แน่นอนว่าดูออกไม่ยากเลยว่าจะเจ้าตัวคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เห็นได้จากผิวบนใบหน้าทีเปลี่ยนจากสีขาวเป็นชมพูด้วยความร้อนของอากาศ

     

                และชั่วขณะที่พวกเขาสบตากัน ริมฝีปากสีสดนั่นก็คลี่เป็นรอยยิ้มอันสว่างไสวคล้ายกับกำลังที่ดีใจที่ได้เห็นเด็กหนุ่ม

     

                “ขอโทษนะครับ” ผู้ชายคนนั้นเข้ามาขวางเวอร์นอนเอาไว้

     

                “ครับ?”

     

                “ช่วยบอกทางผมหน่อยได้รึเปล่า” ชายแปลกหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนอธิบาย “คือผมคิดว่าตัวเองกำลังหลงทาง”

     

                คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย หากเวอร์นอนยังคงจ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้า ริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน ยามเมื่อสังเกตเห็นสัญลักษณ์บางอย่างบนกระดุมของคนแปลกหน้า

     

                “คุณจะไปไหนล่ะครับ” เด็กหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                มินกยูไล้นิ้วไปตามสันหนังสือที่วางอยู่บนชั้นตรงหน้าของเขาด้วยความตั้งอกตั้งใจ

     

    คิ้วเรียวของเด็กหนุ่มขมวดมุ่นเข้าหากัน ในขณะที่ดวงตาคมฉายแววเคร่งเครียด ริมฝีปากบางขยับคล้ายกำลังพึมพำกับตัวเอง

     

    มันเป็นภาพที่ทำให้คนที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจ

     

    “หาเลขอะไรอยู่?”

     

    วอนอูที่ยืนมองเพื่อนร่วมบ้านของตัวเองยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือมาสักพักเอ่ยถามออกมาเบา ๆ หลังจากที่เล็กเห็นแล้วว่าถ้าเขาไม่เข้ามาช่วย มินกยูคงไม่มีวันหาที่อยู่ของหนังสือในมือตัวเองเจอแน่ ๆ

     

    “ไม่บอกครับ” คำตอบสั้น ๆ ที่เรียกให้คนฟังต้องหรี่ตามองอย่างสงสัย ก่อนถอนหายใจอีกครั้งกับคำอธิบายที่ตามมา “ก็ผมอยากหาเจอด้วยเองนี่นา”

     

    มินกยูว่าพร้อมกับถือหนังสือในมือไปซ่อนไว้ด้านหลังของตัวเอง

     

    “ก็ได้ ๆ” วอนอูยอมแพ้ “เอาเป็นว่าถ้าหาไม่เจอจริง ๆ ก็เรียกฉันก็แล้วกัน”

     

    พูดจบบรรณารักษ์ประจำห้องสมุดก็ยอมถอยกลับไปนั่งที่เคาท์เตอร์เพื่อทำงานต่อเหมือนเดิม โดยมีสายตาของมินกยูตามไปด้วย

     

    คราวนี้เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายถอนใจให้กับหนังสือในมือของตัวเองแทน

     

    ใครจะไปคิดว่าการเอาหนังสือกลับเข้าชั้นจะยากได้ขนาดนี้

     

    มินกยูบ่นในใจ ก่อนจะตามหาที่อยู่ของหนังสือในมืออีกครั้ง

     

    ในตอนแรกที่เขาฟังซองยอนกับเวอร์นอนคุยกัน เด็กหนุ่มก็คิดว่าเรื่องที่วอนอูต้องการความช่วยเหลืออาจจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในสายตาของบรรดาสมาชิกรุ่นใหญ่ของบ้านเท่านั้น

     

    หากแต่พอทั้งเขาและซองยอนย่างเท้าเข้ามาในห้องสมุดแห่งนี้ ก็กลับกลายเป็นว่ามีงานมากมายที่เพื่อนร่วมบ้านต้องการให้ช่วยจัดการ

     

    ดูเหมือนว่าห้องสมุดกำลังจะขาดคนจริง ๆ แฮะ

     

    “เจอแล้ว” มินกยูพึมพำกับตัวเองอย่างดีใจ เมื่อสามารถนำหนังสือในมือกลับเข้าชั้นของมันได้ในที่สุด

     

    เด็กหนุ่มขยี้ตาเล็กน้อย งานง่าย ๆ อย่างขนหนังสือกลับเข้าชั้นที่วอนอูขอให้เขาช่วยกลับกลายเป็นงานยากได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ตัวหนังสือเล็ก ๆ พวกนั้นทำเขาตาลายไปหมด

     

    มินกยูเหลือบมองไปทางด้านหน้าของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ

     

    ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เด็กหนุ่มค้นพบว่าวิธีการพักสายตาที่ดีที่สุดของเขาคือการมองลอดผ่านชั้นหนังสือเพื่อมองผ่านไปยังเคาท์เตอร์บรรณารักษ์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักนั่น

     

    มันอาจฟังดูแปลก แต่การได้มองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าอ่อนโยนยามมองหนังสือ หรือรอยยิ้มจาง ๆ เวลาคุยกับคนที่มาใช้บริการห้องสมุดทำให้มินกยูอดยิ้มตามไม่ได้

     

    ถึงจะบอกกับตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะตรงนั้นเป็นที่เดียวที่มีสีเขียวของต้นไม้ซึ่งอยู่บนโต๊ะทำงานของบรรณารักษ์อยู่เถอะ แต่เด็กหนุ่มก็พบว่าสายตาของเขาถูกดึงดูดไปหาคนที่นั่งทำงานอยู่นั่นบ่อยเกินไปแล้ว

     

    ดังจะรู้ตัวว่าถูกแอบอยู่ วอนอูเงยหน้าขึ้นมามองหาเขาอีกครั้ง

     

    ชั่วขณะหนึ่งที่ดวงตาสองคู่สบตากัน ก่อนที่มินกยูจะเป็นฝ่ายหลบตาอย่างรวดเร็ว

     

                เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนแอบอู้งานแล้วโดนจับได้อย่างไรอย่างนั้น

     

                ก้มลงหยิบหนังสือเล่มใหม่ขึ้นมาเพื่อจะเอาขึ้นชั้นต่อ ทว่าดวงตาเจ้ากรรมของเขาก็ดูเหมือนจะแอบมองลอดชั้นหนังสืออีกครั้ง

     

                มินกยูส่ายหัวเบา ๆ เมื่อรู้ตัว และบอกตัวเองให้จดจ่อกับหนังสือในมือเท่านั้น

     

    ทว่าเด็กหนุ่มก็ต้องยอมรับ... ว่าเขาหยุดสายตาตัวเองไม่ได้จริง ๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เบ ซองยอน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า

     

    นี่เธอคิดไปเองรึเปล่า หรือว่ามันมีอะไรบางอย่างจริง ๆ ระหว่างเพื่อนร่วมบ้านทั้งสองคนของเธอ

     

    บางอย่าง... ที่มากกว่าความสัมพันธ์ต้องคำสาปจากรอยกัดนั่น

     

    เพราะวอนอูขอให้เธอช่วยรวบรวมรายชื่อหนังสือที่ผู้มาใช้บริการอยากให้นำเข้ามาไว้ในห้องสมุดแห่งนี้ ดังนั้นซองยอนจึงได้แยกตัวออกมานั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือพร้อมกองกระดาษและแลปท็อปในมือ และดูเหมือนว่าที่ที่เธอนั่งอยู่จะเป็นมุมที่ดีที่สุดในการสังเกตการณ์ เพราะมันทำให้เธอเห็นแทบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องสมุดแห่งนี้

     

    เด็กสาวกรอกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นมินกยูเหลือมองมายังโต๊ะทำงานของบรรณารักษ์อีกครั้ง

     

                เอาเถอะ...

     

                แต่จะให้เข้าไปยุ่งก็คงยังไงอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ซองยอนทำได้ก็นั่งมองเท่านั้น

     

    จะว่าไป... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเองหรือเรื่องของคนอื่น เธอก็ทำได้แค่เฝ้ามองดูอยู่ห่าง ๆ มาตลอดเท่านั้นสินะ

     

    คิดแล้วหัวใจเจ้ากรรมก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บแปลบขึ้นมา

     

    ซองยอนส่ายหัวเล็กน้อย

     

    จะมีเรื่องอะไรที่วุ่นวายไปกว่าเรื่องของหัวใจอีกไหมนะ

     

    แต่เมื่อเด็กสาวหันไปมองโทรศัพท์ที่ยังคงไร้การติดต่อจากเพื่อนร่วมบ้านอีกคนที่หายไปเพื่อตามหาวิญญาณประจำบ้านแล้ว ซองยอนก็ต้องถอนใจ

     

    ก็คงมีแหละ

     

    ดังราวจะช่วยยืนยันความคิดของเธอ ประตูของห้องสมุดประชาชนก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับที่ผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ

     

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำนั่นดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเด็กสาวไปอย่างช่วยไม่ได้ รังสีอะไรบางอย่างที่ทำให้สัญญาณเตือนภัยในหัวเธอทำงานขึ้นมาแผ่ออกมารอบตัวของเขา

     

    ซองยองเกร็งตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อพบว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นพาเพื่อนร่วมบ้านที่เธอกำลังรอฟังข่าวเข้ามาด้วย

     

    ใบหน้าของเวอร์นอนดูไม่สบอารมณ์กว่าปกติ ดวงตาของเด็กหนุ่มดูราวจะลุกเป็นไฟยามที่ไม่สามารถดึงมือตัวเองให้ออกมาจากผู้มาใหม่ได้

     

    แต่สายตาของซองยอนกลับจับจ้องไปยังเสื้อของคนเป็นเพื่อนร่วมบ้านแทน

     

    เสื้อเชิ้ตสีขาวที่บัดนี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดเปรอะไปทั่วนั่นทำให้แฟรี่สาวต้องยืนนิ่งอย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

     

     เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย!

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×