เงาพระจันทร์ - เงาพระจันทร์ นิยาย เงาพระจันทร์ : Dek-D.com - Writer

    เงาพระจันทร์

    สาวน้อยคนหนึ่งซึ่งหนีออกจากบ้านได้ไปเจอะเจอกับชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นแล้วได้รับความช่วยแต่จู่ๆเค้าคนนั้นก็หายตัวไปอย่างลึกลับ แล้วอย่างนี้ 2 คนนี้จะได้เจอกันอีกไหมเนี่ย

    ผู้เข้าชมรวม

    196

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    196

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.ค. 51 / 14:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    น้ำเด็กสาวที่หนีพ่อออกจากบ้านได้รับความช่วยเหลือจากทาเคชิ และเธอก็เริ่มตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว แต่อยู่ดีๆทาเคชิก็หายตัวไปทำให้น้ำเสียใจเป็นอย่างมากแต่เมื่อเธอเริ่มจะลืมเขาคนนั้นเขาคนนั้นก็โผล่มา....
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เปลือกตาของน้ำหรือณรีรัตน์ค่อยๆลืมตาขึ้นและเธอก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้านของตัวเองและเมื่อเธอมองไปรอบๆห้องก็พบผู้ชายคนหนึ่งนั่งจ้องเธออยู่
       “เอ่อ ที่นี่ที่ไหนค่ะ แล้วคุณเป็นใครค่ะ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไงค่ะ” ฉันถามเขาเป็นชุด
       “แหม ตื่นขึ้นมาแล้วถามเป็นชุดเลยน่ะ”
        “เอ่อ..งั้นที่นี่ที่ไหนค่ะ”
       “ที่นี่อ่ะ บ้านผมเอง แล้วผมก็เป็นคนช่วยคุณไว้เมื่อคืนนี้”
       “แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะค่ะ”
       “ก็เมื่อคืนคุณโดนพวกวัยรุ่นซ้อมผมเลยเข้าไปช่วยแล้วคุณก็สลบไปพบเลยให้คุณมานอนที่บ้านผมก่อนเพราะผมไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหนด้วย”
       จริงสิน่ะเมื่อคืนนี้เธอทะเลาะกับพ่อ เธอเลยหนีออกมาจากบ้านแล้วก็เจอกับพวกวัยรุ่น แล้วเธอก็โดนพวกนั้นรุมทำร้ายแล้วอยู่ๆก็มีคนมาช่วยเธอ จากนั้นมันก็เกิดอะไรขึ้นต่อเธอก็จำไม่ได้เลย
       “เอ่อเมื่อคืนคุณเป็นคนช่วยฉันใช่ไหมค่ะ”
       “อือ”
       “ขอบคุณค่ะ แล้วกระเป๋าฉันอยู่ไหนหรอค่ะ”
       “อยู่ตรงปลายเตียงนั่นแหละ ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ”
       “ณรีรัตน์ค่ะหรือเรียกว่าน้ำก็ได้ค่ะ”
       “อือ ส่วนฉันชื่อ ทาเคชิ”
       “เอ๊ะ ! เป็นคนญี่ปุ่นหรอค่ะ ทำไมพูดไทยได้ชัดจัง”
       “เป็นลูกครึ่งน่ะ พอเป็นคนไทยส่วนแม่เป็นคนญี่ปุ่นนะ”  เอ๊ะ ทำไมเขาดุเสร้าจังล่ะเหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องครอบครัว
       “ว่าแต่เธอล่ะเมื่อคืนมาทำอะไรแถวนั้นตอนดึกๆดื่นๆ  อย่าบอกน่ะว่าหนีออกจากบ้าน”
       (-_-)(_ _)(-_-) ฉันก้มหัวหงิกๆแสดงให้รู้ว่าฉันหนีออกจากบ้านแล้วไอเดียฉันก็ปิ๊งขึ้นมา “นี่ๆ ทาเคะจังให้ฉันอยู่กับเธอได้ป่ะ”
       “เฮ้ย เธอจะมาอยู่กับฉันได้ไง ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันว่าทางที่ดีเธอควรจะกลับบ้านไปดีกว่าแล้วอีกอย่างดูๆเธอน่าจะอยู่ม.ปลายนะแล้วจะไม่ไปโรงเรียนรึไง”
       “อือ เรื่องโรงเรียนอ่ะไม่เป็นไรหรอกเพราะตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม”
       “แต่......”
       “ใจคอคุณจะให้สาวม.ปลายนอนอยู่ข้างถนนรึไง ฮืออออออ”ฉันเริ่มร้องไห้โวยวาย
       “ใจเย็นๆ โถ่เว้ย! เออก็ได้ ก็ได้หยุดร้องไห้ได้แล้วน่า”
       “จริงนะ จริงๆนะ ขอบคุณมากค่ะ อาริงาโตะ ^-^”

       และแล้วในที่สุดฉันก็มีที่อยู่ที่อาศัย หลังจากที่ทุกครั้งที่ฉันทะเลาะกับพ่อ ฉันมักจะไปอาศัยที่บ้านของ เขมิกาหรือข้าวฟางเพื่อนสนิทของฉันแต่คราวนี้ถ้าจะไปรบกวนอีกก็เกรงใจ ดีจริงที่ได้เจอกับทาเคะจัง (ที่เรียกว่าทาเคะจังเพราะว่ามันฟังแล้วน่ารักดีถึงเจ้าตัวจะไม่ชอบเพราะฟังแล้วเหมือนผู้หญิงก็เถอะ อิอิ)
       “นี่ๆทาเคะจัง”
       “ก็บอกว่าอย่าเรียกว่าทาเคะจังไง มันฟังแล้วเหมือนผู้หญิง”
       “นี่ๆแล้วฉันจะนอนไหนอ่ะ”ฉันทำเป้นไม่สนใจที่ทาเคะจังพูด
       “เธอก็นอนที่ห้องฉันนั่นแหละ  เดี๋ยวฉันไปนอนตรงโซฟาเอง”
       “ไม่ได้น่ะ!...ฉันจะนอนโซฟาเอง”
       “จะบ้ารึไง ฉันไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ผู้หญิงนอนหนาวอยู่แล้วตัวเองหลับสบายนะ”
       “ก็เดิมห้องนั้นก็เป็นห้องนอนของนายนี่แล้วอยู่ๆฉันก็มาแย่งนายนอนมันรู้สึกไม่ดีอ่ะ”นี่ฉันรู้สึกไม่ดีจริงๆน่ะ สาบานได้
       “เถอะน่า เธออ่ะนอนๆไปเถอะนอนที่ห้องฉันเนี่ยแหละดีที่สุด”
       “ตะ...แต่”
       “นอนไปเถอะ ถ้าเธอไม่นอนมันจะทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีน่ะ”
       “อะ..เอ่อถ้านายพูดอย่างนั้นงั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะราตรีสวัสดิ์”
       “อือ หลับฝันดีนะ”พอเค้าพูดจบเค้าก็หยิบหมอนและผ้าห่นไปนอนที่โซฟา เฮ้อรู้สึกไม่ดีจังเหมือนเรามาทำให้เขาลำบากแต่เขาก็ไม่ว่าอะไร งั้นช่างมันเถอะ

       เช้าวันต่อมา
       ฉันตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีเบลอๆ เฮ้อที่นี่มันที่ไหนนะ เอ๊ะกลิ่นอะไรหอมๆนะ ว่าแล้วฉันก็เดินตามกลิ่นไป แล้วก็พบกับอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะที่คาดว่าน่าจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร แล้วสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารอยู่( ย้ำ!ว่าใส่ผ้ากันเปื้อนมานดูตลกยังไงไม่รู้ )เออแล้วเขาเป็นใครล่ะ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง
       “อ้าวตื่นแล้วหรอ” ผู้ชายคนนั้นถามอย่างปกติ
       “นี่..นี่นายมาอยู่ที่บ้านฉันได้ไงอ่ะ  ออกไปจากบ้านฉันน่ะ” พอฉันพูดจบฉันก็เริ่มหยิบข้าวของมาปาใส่ผู้ชายคนนั้น
       “นี่ๆเธอจะทำอะไรนะนี่ๆหยุดปาของก่อนจะได้ไหม!”
       พอผู้ชายคนนั้นพูดตวาด ฉันจึงหยุดปาข้าวของแล้วหันมาฟังเขา
       “อย่างแรกนะนี่บ้านฉัน”  พอฉันทำท่าจะพูดเขาก็รีบพูดต่อ  “เธอจำไม่ได้รึไงก็เมื่อวานอ่ะ เธอโดนพวกวัยรุ่นทำร้ายแล้วฉันช่วยไว้ แล้วเธอก็ขออยู่ที่บ้านนี้ ฉันก็ให้เธออยู่ ที่นี้จำได้ยัง”
       “อือ จำได้หมดและ ทาเคะจัง ^-^”
       “ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกทาเคะจัง!”
       “โถ่ น่ารักออก”
       “แต่ฉันไม่ชอบ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
       “ไม่เอาอย่างไงฉันก็จะเรียก ทาเคะจัง”
       “นี่เธอ โถ่เว้ย!ทำไมฉันต้องแพ้เธออีกแล้วน่ะ “
       “งั้นหมายความว่า ฉันเรียกว่าทาเคะจังได้แล้วใช่ม่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
       “แล้วแต่เธอ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
       “เออ มีคนมาหาเธอนะ รออยู่ที่หน้าบ้าน”
       “อือ”
       ฉันวิ่งไปที่หน้าบ้าน เฮ้อใครมาหานะแต่น่าจะเป็นยัยข้าวฟางนะเพราะฉันบอกเรื่องนี้กับข้าวฟางคนเดียวจึงไม่น่าจะเป็นคนอื่น
       แต่เมื่อฉันไปถึงก็พบบุคคลที่ไม่น่าจะเจอและไม่อยากเจอนั่นก็คือลูกน้องของพ่อฉัน เหอะงั้นแปลว่าพ่อฉันรู้หมดแล้วซิว่าฉันอยู่ที่ไหน
       “พวกนายมาทำอะไรที่นี่”
       “คุณหนูครับ กลับไปบ้านกับพวกผมเถอะครับ คุณผู้ชายกับคุณนายเป็นห่วงคุณหนูมากเลยนะครับ”ลูกน้องคนหนึ่งของพ่อเอ่ยขึ้นมา
       “อย่างคุณพ่อกับคุณแม่หรอจะเป็นห่วงฉันไม่มีทาง”
       “จริงนะครับคุณหนู  คุณนายเป็นห่วงคุณหนูมากจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยนะครับ”
       “คุณแม่นะ หรอ” จริงซิคุณแม่ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ไม่รู้เป็นไงบ้าง ฉันเริ่มเป็นห่วง
       “ถึงยังไงฉันก็ไม่กลับ ตราบใดที่พ่อยังไม่ยกเลิกการหมั้น”
       “โถ่คุณหนูกลับไปเถอะครับ คุณนายป่วยหนักจริงๆนะครับ แล้วอีกอย่างคุณผู้ชายก็สัญญาแล้วครับว่าจะไม่จับให้คุณหนูหมั้นอีกเป็นครั้งที่ 2”
       ฉันลังเลอยู่พักนึงแล้วก็ได้ยินเสียงคนๆนึงเอ่ยขึ้นมาทางด้านหลังของฉัน
       “ไปเถอะ”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นทาเคชิ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างหลังฉัน
       “เอ๊ะ!หมายความว่าไง”
       “เธอควรจะไป”
       “แต่...”ฉันทำท่าจะร้องไห้เพราะรู้สึกเหมือนไม่มีใครต้องการ
       “ฟังฉันก่อน ตอนนี้แม่เธอกำลังป่วยอยู่เธอควรจะไปดูแลท่าน แล้วอีกอย่างพ่อของเธอก็ยกเลิกงานหมั้นไปแล้วไม่ใช่หรอ”
       “แต่ว่าฉันยังไม่อยากเจอหน้าพ่อตอนนี้นี่น่า”
       “น่านะเธอควรจะไป”
        ทาเคชิพูดพร้อมกับผลักหลังให้ฉันเดินหน้าไป
       “ไว้มาเยี่ยมกันบ้างนะ”
       “อือ”
       “ขอบคุณที่ดูแลคุณหนูนะครับ” ลูกน้องของพ่อพูดแล้วเปิดประตูให้ฉันขึ้นรถแล้วพวกเราก็จากทาเคชิไป  นี่ทาเคะจังฉันสัญญานะว่าจะกลับมาหานาย


       3  ปีต่อมา
        ฉันได้เจอกับทาเคะจังเมื่อตอน ม.4 จนบัดนี้เรียนอยู่ปี 1 ฉันไม่ได้เจอกับทาเคะจังอีกเลยตั้งแต่ฉันออกจากบ้านเขามาตอนนั้น หลังจากฉันออกมาจากบ้านของเขามาซัก1อาทิตย์ฉันก็ลองไปหาเขาที่บ้านแต่ไม่พบเขาเลยซักครั้ง จนฉันมารู้ทีหลังว่าเขาย้ายออกไปหลังหลังจากที่ฉันออกไป 2-3 วัน ถึงอย่างไรตอนนี้ฉันก็เริ่มลืมเรื่องทาเคะจังแล้วล่ะ  จนกระทั่งฉันพบกับเขาอีกครั้งตอนที่ฉันย้ายมาอยู่หอเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อน
       1 อาทิตย์ที่แล้ว
       “นี่ๆทำไมเธอขนของเยอะจริงเลย”เสียงข้าวฟางบ่นอยู่ข้างๆฉัน
       “ก็ของแต่ละอย่างมันจำเป็นต้องใช่นี่น่า”
       ตอนนี้ฉันจะเริ่มเรียนที่มหาลัยฉันจึงย้ายมาอยู่หอเพราะมันสะดวกต่อการไปมาถึงคุณพ่อจะห้านฉันก็เถอะแต่ฉันก็ยังจะรั้นที่จะมา ความจริงที่ฉันอยากมาอยู่หอนั่นก็เพราะฉันเบื่อที่ต้องอยู่บ้าน ฉันเบื่อที่เวลาทำอะไรต้องมีลูกน้องพ่อมาเฝ้าฉันตลอดเวลาฉะนั้นการมาอยู่หอจึงดีที่สุด
       “เออแกเดี๋ยวไปเที่ยวกันม่ะอยู่หอเฉยๆก็เบื่อ”ข้าวฟางชวนฉันไปเที่ยว(ฉันอยู่หอนอกจึงออกไปเที่ยวได้ แต่จะเรียกว่าหอก็ไม่ถูกนะเพราะมันเป็นคอนโด ที่พ่อฉันซื้อให้อยู่เลย )
       “อือก็ไปดิ”

       ระหว่างทางกลับไปหอ
       “เฮ้อออ เหนื่อยจังซื้อของกับเสื้อผ้ามาตั้งเยอะ” ข้าวฟางบ่น
       “ก็แกเล่นเดินไม่หยุดเลยถ้าไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว”
      “นี่น้องมาทำอะไรกันดึกๆดื่นๆเนี่ย มาแค่สองคนซะด้วย” อยู่ๆก็มีพวกกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาทักฉันกับข้าวฟาง
      เมื่อฉันกับข้าวฟางเห็นท่าไม่ดีจึงจะวิ่งหนีแต่ปรากฏว่าพวกมันล้อมพวกเธอไว้แล้วพวกเธอไม่รู้จะทำไงจึงได้แต่ตะโกนร้องให้คนช่วย
      “นี่ น้องสาวเธอจะร้องไปทำไมกัน ถึงร้องไปก็ไม่มีใครช่วยหรอกน่า ทางที่ดีเงียบดีกว่าน่า”
      “เงียบให้โง่ซิ”ข้าวฟางโต้กลับ
      “ฮึ่ย นางนี่”
      เพี๊ยะ!!!
      เสียงนี้เกิดขึ้นเพราะข้าวฟางโดนหัวหน้าพวกกลุ่มวัยรุ่นตบ
      จากนั้นก็ตามด้วยเสียง ผัวะ!! ตุ้บตั้บ!! เสียงพวกนี้คือเสียงที่พวกนั้นโดนผู้ชายสองคนกำลังต่อยซ้าย ต่อยขวาอยู่ อึยยถ้าจะเจ็บแหะ น่ากลัวชะมัดแล้วเมื่อเวลาผ่านไปซัก 2-3 นาทีการชกต่อยจึงยุติลงผลปรากฏว่าผู้ชายสองคนที่มาช่วยพวกเธอชนะ
      “ขอบคุณนะค่ะที่ช่วย” ฉันพูดขอบคุณพร้อมทั้งหันไปทางพวกเขาแล้วพบว่าหนึ่งในนั้นคือทาเคะจัง
      “ทาเคะจัง.../ น้ำ...” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
      “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ / ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้”ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันอีกเช่นเคย
      “ฮึๆ...ฮ่าๆ”ทั้งสองหัวเราะขึ้น
      “นี่ๆ น้ำรู้จักเขาด้วยหรอ”ข้าวฟางถามขึ้นด้วยความสงสัย
      “อือก็นี่ทาเคะจังที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไง”
      “อ๋อ คนที่เมื่อ 3 ปีก่อนแกไปนอนบ้านเขาใช่ม่ะ”
      “อือ คนนี้แหละ”
      “เออ ว่าแต่ทาเคะจังอ่ะทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”ฉันถามทาเคะจังด้วยความสงสัย
      “เอ่อ  คือฉันอยู่แถวนี่นะ ว่าแต่เธอเถอะทำไมมาอยู่แถวนี่”
      “คือ ตอนนี้ฉันอยู่แถวนี้เหมือนกัน”
      “อือ แล้วเธออยู่ที่ไหนละ”
      “ฉันอยู่คอนโดวลันอ่ะ”
      “ที่เดียวกันเลย”เสียงเพื่อนของทาเคะจัง(ไม่แน่ใจว่าใช่เพื่อนทาเคะจังหรือป่าว)แทรกขึ้นมา
      “เออ..ว่าแต่คุณเป็นใครค่ะ”ว่าแล้วฉันก็ถามเขาออกไป
      “เออ นั่นซินะลืมแนะนำตัว ผมชื่ออธิศหรือเรียกว่าไม้ก็ได้ครับ ผมเป็นเพื่อนซี้ของเจ้าทาเคชินะ” เพื่อนของทาเคะจังแนะนำตัวเอง
      “ฉันชื่อณรีรัตน์หรือเรียกว่าน้ำก็ได้ค่ะ ส่วนนี่เพื่อนของน้ำเองค่ะเธอชื่อเขมิกาหรือจะเรียกเธอว่าข้าวฟางก็ได้ค่ะ” เมื่อแนะนำตัวเสร็จพวกเราก็เดินไปคุยไปกันเรื่องต่างๆ

      นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ฉันพบกับทาเคะจังหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานถึง 3 ปี และฉันก็จะชอบไปห้องของทาเคะจังบ่อยๆเวลาฉันมีเรื่องกลุ้มใจ(ฉันเพิ่งรู้มาไม่นานว่าห้องของทาเคะจังอยู่ชั้นเดียวกับห้องของฉัน)และตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่หน้าห้องของทาเคะจัง
      ก๊อกๆๆ
      “ทาเคะจังอยู่หม่ายยยยยยยย ทาเคะจางงงงง”
      ฉันเคาะประตูอยู่ซักพักถึงจะมีคนมาเปิดประตู
      “นี่เธอมาทำไรเนี่ย”
      “ฉันเบื่ออ่ะอยู่ที่ห้องไม่มีไรทำ”
      “นี่เธอ! ห้องฉันไม่ใช่ที่พักผ่อนนะและตอนนี้ฉันก็ไม่ว่างด้วย” ทาเคชิเริ่มพูดตวาดใส่ฉัน
      “แหม แค่นี้ก็ต้องมาตวาดด้วย! ความจริงฉันแค่จะมาชวนนายไปทุ่งดอกทานตะวันกับพวกฉันนะแล้วไม้กับข้าวฟางก็ไปด้วยแต่ถ้านายไม่ว่างก็ไม่ต้องไปก็ได้!” เมื่อพูดจบฉันก็รีบวิ่งกลับมาที่ห้อง แล้วฉันก็พบว่าฉันกำลังร้องไห้ ทำไมนะ ทำไมแค่โดนผู้ชายคนเดียวตวาดทำไมฉันถึงต้องร้องไห้ด้วยนะ แล้วทำไมทาเคะจังต้องมาตวาดใส่ฉันด้วยทั้งๆที่ปกติทาเคะจังไม่เคยตวาดฉันแท้ๆ

      ก็อกๆๆๆๆๆๆๆ!!!! 
      เสียงเหมือนมีใครเคาะประตูทำให้ฉันที่กำลังหลับอยู่ตื่นขึ้นมา
      ฉันมองไปที่นาฬิกาพบว่าตอนนี้เป็นเวลา เที่ยงคืน ใครกันนะมาเคาะประตูเรียกดึกป่านนี้แล้วนะเนี่ยเสียเวลานอนชะมัด แล้วเธอก็ไปเปิดประตูพบว่าคนที่มาเคาะประตูตอนดึกคือ ทาเคะจังนี่เอง
      “มาทำไม” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
      “นี่เธอโกรธฉันหรอเนี่ย โถ่อย่าโกรธกันเลยนะ ที่ฉันมาเรียกเธอเนี่ยเพราะว่าฉันจะบอกว่าฉันจะไปทุ่งดอกทานตะวันด้วยนะ”
      “อ๋อ หรอไม่ว่างไม่ใช่หรอ ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้นะ”
      “นี่โกรธจริงๆหรอ อย่าโกรธเลยนะๆๆๆเดี๋ยวพาไปเลี้ยงไอติมนะๆๆ”
      “จริงหรอ”ฉันถามด้วยความอยากกิน อิอิ
      “อือ นะหายโกรธนะ”
      “อือ หายโกรธก็ได้”
      “แหม เห็นแก่กินจริงๆ เลยนะเธอนี่” เมื่อพูดจบเขาก็เดินกลับห้องไป

       2 วันต่อมา
       “นี่เธอเหมารถตู้มาหรอ” เสียงไม้ถามข้าวฟาง
       “ป่าว หรอกนี่มันรถตู้บ้านฉันนะ”
       “โห้งั้นแปลว่าบ้านเธอก็รวยมากนะสิ มีรถตู้ด้วย”
       “อือ ก็รวยนะ” เสียงข้าวฟางตอบไปความจริงบ้านข้าวฟางกับบ้านของฉันจะเรียกว่ามหาเศรษฐีก็ได้นะ เพราะพ่อแม่ของเราเป็นนักธุรกิจใหญ่โตพอสมควร

       3 ชั่วโมงต่อมา
       ในที่สุดตอนนี้พวกเราก็อยู่ที่ทุ่งดอกทานตะวัน ตอนนี้พวกเรากำลังขนของไปที่บ้านพักของข้าวฟางซึ่งเป็นบ้านพัก 2 ชั้นข้างในมีห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอน ซึ่งในห้องนอนมีห้องน้ำส่วนตัวอยู่แล้วและที่ดีที่สุดคือบ้านพักหลังนี้ติดกับทุ่งดอกทานตะวัน ที่บ้านพักนี้ฉันจะมากับข้าวฟางและครอบครัวของข้าวฟางเสมอฉันจึงรู้จักทางในละแวกนี้ดี  ความจริงทุกปีพ่อ แม่ของข้าวฟางจะมาด้วยแต่ปีนี้พ่อ แม่ของข้าวฟางไปติดต่องานที่ต่างประเทศจึงมาไม่ได้ข้าวฟางจึงให้ฉันชวนไม้กับทาเคะชิมาด้วย ฉันเข้าไปนอนในห้องเดิมที่ทุกปีนอนนั่นคือห้องริมสุดที่มองผ่านหน้าต่างแล้วจะเห็นทุ่งดอกทานตะวันและห้องนี้ฉันอยู่กับข้าวฟาง ข้าวฟางให้พวกผู้ชายไปนอนที่ห้องนอนที่ไว้สำหรับแขก
       “นี่ข้าวฟางลงไปที่ทุ่งดอกทานตะวันกัน”ฉันชวนข้าวฟาง
       “อือ เอาสิ”
       พอออกไปหน้าห้องของพวกเรา  พวกเราก็เจอกับไม้และทาเคะจัง
       “ฉันเปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า”อยู่ข้าวฟางก็พูดขึ้นมา แล้วข้าวฟางก็พูดกระซิบข้างหูฉันว่า”นี่ๆแกไปกับทาเคชิแค่ 2 คนเถอะฉันรู้นะว่าแกชอบทาเคชิ”
       “นี่...”
       ข้าวฟางพูดต่อ “เดี๋ยวฉันจะให้เธอ 2 คนไปที่ทุ่งดอกทานตะวันแล้วเธอก็สารภาพรักซะส่วนนายไม้อ่ะฉันจัดการเอง”
       “นี่ไม้ อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”ข้าวฟางชวนให้ไม้อยู้เป็นเพื่อน
       “เอ๊ะ! แต่ฉันไม่อยากอยู่นี่”
       “เถอะน่านายมาอยู่กับฉัน ส่วนพวกเธอ 2 คนนะไปกันเถอะ บ๊ายบาย”พูดจบข้าวฟางก็ผลักไม้เข้าไปในห้อง แล้ว 2 คนนั้นก็เดินไปด้วยกัน
       “นี่เธอผลักฉันเข้ามาทำไมหรือว่าเธอจะ...ไม่น้า!”
       “นี่จะบ้ารึไงฉันจะไปทำอะไรนายอย่างนั้น”
       “ถ้างั้นเธอลากฉันออกมาทำไมเล่า ฉันก็อยากไปดูทุ่งดอกทานตะวันนะ”
       “นี่นายโง่รึไง นายไม่รู้รึไงว่าน้ำชอบทาเคชิอยู่นะ”
       “จริงอ่ะ”
      “ก็จริงซินายนี่โง่จริงๆ”
      “อ้าว ว่ากันซะงั้น”
       “เฮ้อออ จะเป็นไงกันเนี่ย ขอให้เป็นราบรื่นเถอะ”
       “นี่ทาเคะจัง ดอกทานตะวันนี่สวยจริงๆเลยนะ”
       “อือ”
       ตอนนี้พวกเราอยู่กลางทุ่งดอกทานตะวันมันสวยมากๆเลยละ คิดดูซิมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกทานตะวันทั้งนั้นเลย
       จริงสิฉันมีเรื่องจะพูดนี่น่า อ้ายยยยยทำไงดีมันตื่นเต้นอ่ะ ทำไงดี ใจเย็นไว้น้ำใจเย็นไว้ หายใจเข้า หายใจออก
       “อะ...เออ...ทะ...ทาเคะจัง.งคือฉันมีเรื่องจะบอกอ่ะ”
       “ฮือ เรื่องไรล่ะ”
       “อะ...เออ คือว่าฉัน...ฉัน...ฉันชอบนายทาเคะจัง ฉันชอบนาย! >///<“
       “....”
       “>///<”
       “....”
       “นะ...นี่ทาเคะจัง”
       “อะ..ฮะ เออคือฉัน ฉันขอโทษนะ ฉันไม่สามารถรักเธอได้นะ ขอโทษนะ”
       “อะอือไม่เป็นไรหรอก ฮิๆ เรื่องแค่นี้เอง^-^ฉันขอกลับไปที่ห้องก่อนนะ” พอพูดจบฉันก็รีบวิ่งไปที่ห้อง ต้องกลั้นไว้นะ กลั้นไว้นะขอร้องละขอร้องละเจ้าน้ำตาอย่าเพิ่งไหลออกมานะ ฮึ..แต่มานไม่ทันแล้วน้ำตาฉันไหลออกมาแล้วฮึ..ฮือออออ ฉันรีบวิ่งตรงไปยังห้องโดยที่ไม่สนใจข้าวฟางที่รออยู่ข้างล่าง พอมาถึงห้องฉันก็ได้แต่ฟุบหน้าร้องไห้จนฉันเผลอหลับไป
       แล้วฉันก็ตื่นขึ้น ฉันพบว่าตัวเองร้องไห้จนหลับไป ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นนี้ข้าวฟางคงจะไปอยู่ไหนสักแห่ง ข้าวฟางเป็นคนที่เข้าใจดีที่สุดว่าเวลาฉันเสียใจฉันชอบที่จะอยู่คนเดียวด้วยเหตุผลนี้มั้งที่ข้าวฟางไม่ยอมมาปลุกฉัน ฉันลุกขึ้นเพื่อที่จะไปล้างหน้าล้างตา  นี่ฉันหลับไปตั้ง 4  ชั่วโมงแน่ะข้าวฟางจะเป็นไงบ้างนะพอฉันกำลังจะลงไปข้างล่างอยู่ดีๆมีมือจากข้างหลังโผล่มามันเอามีมาโปะที่ปากฉันแล้วฉันก็สลบไป
       
       เปลือกตาของฉันค่อยๆลืมขึ้นแล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่ห้องนอนในบ้านของตัวเอง นะ..นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะเท่าที่จำได้ฉันอยู่ในห้องนอนที่บ้านพักของข้าวฟางนี่  แล้วฉันโผล่มาที่บ้าน ที่ห้องนอนตัวเองได้ไงเนี่ย
       ก๊อกๆๆๆ
       “คุณหนูครับ”
       “เข้ามา”
       “คุณหนูตื่นแล้วหรอครับ ทานข้าวไหมครับ”ลูกน้องของพ่อเปิดประตูเข้ามาแล้วถามขึ้น
       “ไม่ฉันไม่ต้องการที่จะทานข้าวก่อนจะมีใครบอกว่านี่เกิดอะไรขึ้น”
       “คุณหนูก็ลองไปถามคุณผู้ชายสิครับ คุณผู้ชายรอคุณหนูอยู่ข้างล่าง”
       “อือ”
       
       เมื่อฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร๊จฉันก็ลงมาข้างล่าง ฉันพบว่าตอนนี้คุณพ่อกำลังรับประทานอาหารพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
       “คุณพ่อคะ อรุณสวัสดิ์คะ”
       “เมื่อคืนหลับสบายดีไหม”
       “อือ ก็ดีคะ แต่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นค่ะทำไมหนูมาอยู่ที่นี่”ฉันถามด้วยความสงสัย
       “ลูกจะต้องแต่งงาน”
       “อะไรนะคะ พ่อจะให้หนูแต่งงานเนี่ยนะคะ!”
       “ตอนนี้แค่หมั้นไว้ก่อนนะ”
       “ถึงยังไงหนูก็จะไม่หมั้นและไม่แต่งคะ”
       “ถึงยังไงลูกก็หมั้น! ธเนศมานี่ซิ”พ่อเรียกลูกน้องคนโปรดของพ่อมา
       ธเนสรับคำสั่งจากพ่อมาแล้วก็มาจับตัวฉันไว้แล้วลากให้ฉันเข้าไปในห้อง แล้วก็ขังฉันไว้ในห้อง
       “ปล่อยฉันออกไปนะ!”
      ”ไม่ได้ครับคุณหนู คุณผู้ชายไม่ให้คุณหนูออกไปไหน”
       ฉันตะโกนอยู่สักพัก เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรฉันจึงหยุดเคาะประตูแล้วหันมาหาวิธีหนีแล้วฉันก็พบว่าตัวเองมีโทรศัพท์มือถืออยู่ ฉันจึงรีบกดเบอร์ของข้าวฟางออก
       “ฮัลโหล น้ำแกอยู่ไหนเนี่ยคนที่นี่เขาเป็นห่วงแกมากนะ”ข้าวฟางพูดรัวเป็นชุด
       “แกช่วยฉันด้วย ฉันจะถูกจับให้หมั้นแกช่วยฉันด้วยฉันอยู่ที่บ้าน ฉัน..”พอฉันพุดได้แค่นี้โทรศัพท์ก็ถูกแย่งไปโดยนายธเนศนี่แหละ
       “ฮัลโหล ฮัลโหลน้ำ น้ำ”
       “ฟางเป็นไงบ้างน้ำโทรมาบอกไรบ้างแล้วน้ำเขาอยู่ที่ไหน”ทาเคชิถามใส่ข้าวฟางเป็นชุด
       “ใจเย็นทาเคชิ คือว่าตอนนี้น้ำอยู่ที่บ้านแต่เรื่องที่ไม่ดีคือ น้ำมันกำลังจะถูกจับให้หมั้นนะสิ”
       “อะไรนะ! ฉันจะไปช่วยน้ำ”ทาเคชิบอกพร้อมกับวิ่งออกไป
       “เดี๋ยวก่อน ทาเคชิฉันไปด้วย”ไม้ที่เงียบไปนานพูดขึ้น
       “ฉันไปด้วย”คราวนี้ข้าวฟางพูดขึ้น
       “ไม่ต้องหรอกฉันไปคนเดียวพอ”ทาเคชิพูดขึ้น
       “นายรู้หรอว่าบ้านของน้ำอยู่ไหน”ข้าวฟางพูดขึ้น
       “นั่นสินายรู้หรอว่าบ้านน้ำอยู่ไหน แล้วเรื่องนั้นอีก”ไม้พูดเสริมขึ้น
       “ไม่เป็นไรหรอกเรื่องนั้นนะไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องบ้านของน้ำอ่ะคิดหรอว่าฉันจะไม่รู้”
       “แต่...”ข้าวฟางจะพูดต่อ
       “งั้นนายไปเถอะ”ไม้พูดขึ้น
       “แต่...”ข้าวฟางพูดขึ้น
       “เธอเชื่อใจทาเคชิเถอะ” ไม้หันไปพูดกับน้ำ
       “แต่..อือก็ได้อ่ะนายเอากุญแจไปสิ”ข้าวฟางส่งกุญแจรถให้ทาเคชิ
       “ขอบใจมากนะ”พูดจบทาเคชิก็รีบวิ่งออกไป
       “นี่ทำไมนายถึงให้ฉันเชื่อใจทาเคชิล่ะ  แล้วเรื่องนั้นอ่ะเรื่องอะไร”
       “คือว่าความจริงทาเคชิอ่ะมัน...”

       ตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว เฮ้อออออออทำไมถึงไม่มีใครมาช่วยฉันเลยนะตอนที่ฉันโทรไปหาข้าวฟางตอนนั้นเพิ่งแปดโมงครึ่งเองทำไมไม่มีใครมาช่วยฉันเลยนะ เอ๊ะ!หรือฉันจะปีนหน้าต่างออกไปดี ไม่ดีกว่ามันสูงจะตายแถมข้างล่างยังมีคนเฝ้าอยู่ด้วย
       ป๊อกๆๆๆ
       เอ๊ะ เสียงใครมาเคาะหน้าต่างละ พอฉันหันกลับไปดูที่หน้าต่างก็พบว่า
       “ทาเคะจัง ฮืออออดีใจจัง ในที่สุดก็มีคนมาช่วยฉัน” ฉันรีบเปิดประตูให้ทาเคะจังเข้ามา
       เอ๊ะ!อยู่ดีๆเมื่อฉันเปิดหน้าต่าง ทาเคะจังก็เข้ามากอดฉัน
       “ดีใจจัง ดีใจจริงๆที่เธอไม่เป็นไร”ทาเคะจังพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้
       ทำไมนะ แค่อ้อมกอดธรรมดาแต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นรู้สึกปลอดภัย
       “เราหนีไปด้วยกันเถอะนะ”ทาเคะจังถามฉัน
       “อือ”ฉันตอบด้วยน้ำเสียงยินดี
       “แต่ฉันไม่ให้แกไป!”เสียงของใครพูดขึ้นมา ฉันกับทาเคะจังหันไปดูก็พบว่าเป็น
       “คุณพ่อ ! /พ่อ!” เอ๊ะทำไมทาเคะจังเรียกคุณพ่อว่า ‘พ่อ’ ละ
       “แกจะไปไหนไม่ได้!”เสียงพ่อตวาดลั่นห้อง
       “ทำไมล่ะคะคุณพ่อ ในเมื่อหนูรักทาเคะจัง แล้วหนูก็จะหนีไปกลับเขา”ฉันพูดโดยน้ำตาคลอเบ้า
       “แกจะรักกับมันไม่ได้”
       “ทำไมละคะ”
       “ที่แกรักกับมันไม่ได้เพราะมันเป็นพี่แกไงล่ะ!!!!”พ่อพูดตวาดเสียงดังลั่น นะ..นี่ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม
       ทาเคะจังเป็นพี่ฉันหรอ  ไม่จริงใช่ไหม ไม่จริง!!!!!!!
       ตอนนี้น้ำตาฉันไหลเต็มใบหน้า มันไม่จริงใช่ไหมทำไมคนที่ฉันรักต้องเป็นพี่ชายของฉันด้วย
       “นี่ๆ น้ำ น้ำ!!!”เสียงของทาเคะจังทำให้ฉันได้สติขึ้นมา ฉันค่อยๆหันหน้าไปที่ทาเคะจัง
       “นี่...ทาเคะจังมันไม่จริงใช่ไหมสิ่งที่คุณพ่อพูดมันไม่จริงใช่ไหม” ฉันถามทาเคะจังด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ตอนนี้น้ำตาฉันไหลนองหน้า
       ฉันกลัวตอนนี้ฉันกลัวมาก ฉันกลัวว่าคนที่ฉันรักจะเป็นพี่ชายของฉันอย่างที่พ่อพูด ฉันกลัวข้อร้องล่ะขอให้มันไม่ใช่ความจริง ขอร้องล่ะทาเคะจังปฏิเสธเถอะ ขอให้เรื่องที่พ่อพูดมาเป็นเรื่องโกหกเถอะ
       “ฉันขอโทษ” คำตอบที่ทาเคะจังพูดออกมามันทำให้คำพูดที่พ่อพุดเป็นเรื่องจริง และมันก็ทำให้หัวใจของฉันแตกสลาย ทำไมล่ะทำไมต้องเป็นอย่างนี้ทั้งๆที่ฉันไว้ใจทาเคะจังมาตลอดแท้ๆ
       “นี่น้ำขอร้องนะเธอเชื่อใจฉันนะ” ทาเคะจังพูดด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
       เพราะคำพูดของทาเคะจังและสีหน้าของทาเคะจังจึงทำให้ฉันเชื่อใจเขาอีกครั้ง “อือฉันเชื่อใจเธอ”
       เมื่อฉันพูดจบทาเคะก็อุ้มฉันแล้วปีนหน้าต่างลงไปแล้ววิ่งหนีไป ทาเคะจังอุ้มฉันและวิ่งหนีไปโดยที่ไม่สนใจเสียงของพ่อและพวกลูกน้องของพ่อ

        “นี่น้ำเธอเป็นไรมากไหม”ทาเคะจังถามด้วยความเป็นห่วง
       “มะ...ไม่เป็นไร”
       ตอนนี้พวกเราอยู่บนรถ ซึ่งตอนนี้พวกเรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่บ้านพักทุ่งดอกทานตะวัน ทาเคะจังบอกว่าไม้กับข้าวฟางรออยู่ที่นั่น
       “ฉันขอโทษกับเรื่องทั้งหมดนะ”ทาเคะจังอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา
       “.....”
       “ที่ฉันต้องทำแบบนี้เพราะว่า...” ทาเคะจังหยุดไปพักหนึ่งแล้วก็พูดต่อว่า
       “พ่อทิ้งฉันกับแม่ไปตั้งแต่ฉันอายุเพียงแค่ 1 ปี หลังจากพ่อทิ้งแม่ไปแม่ก็ทำงานอย่างหนักเพียงหาเงินมาเลี้ยงฉัน จนกระทั่งฉันอายุได้ 6 ปีแม่ก็ตายจากไปฉันเลยต้องมาอยู่บ้านเด็กกำพร้าจนฉันอายุ 19 ปีฉันก็สืบเรื่องของพ่อจึงรู้ว่าพ่อแต่งงานใหม่และมีลูกใหม่ซึ่งก็คือเธอฉันก็เลยวางแผนที่จะแก้แค้นพ่อที่ทิ้งแม่ไปทำให้แม่ต้องทำงานหนักจนตายโดยใช้เธอเป็นเครื่องมือ โดยการที่ฉันจะทำให้เธอชอบฉันและฉันก็จะทิ้งเธอดังนั้นเพื่อนฉันจึงร่วมมือด้วยเพื่อนฉันจึงปลอมเป็นพวกกลุ่มวัยรุ่นและเข้ามาจี้แล้วฉันก็จะทำเป็นเข้าไปช่วย และพอฉันรู้ว่าเธอหนีออกจากบ้านก็เลยให้เธอพัก แต่แผนมันก็พังเพราะพ่อสืบเรื่องของฉันพ่อจึงรู้ว่าฉันเป็นลูกของเขาเขาก็เลยไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้เธอจึงให้ฉันย้ายบ้านไปอยู่ที่คอนโดแทน และ3 ปีต่อมาฉันก็ได้เจอเธอโดยบังเอิญอีกครั้ง ฉันเลยคิดว่าจะดำเนินแผนการแก้แค้นต่อ แต่ฉันทำไม่ได้เพราะว่าฉันรักเธอ” เมื่อทาเคะจังพูดจบฉันก็หันไปมองหน้าทาเคะจัง และฉันก็พบว่าตอนนี้ทาเคะจังกำลังร้องไห้
       “นี่ทาเคะจัง..”ฉันพูด
       ตอนนี้พวกเราถึงบ้านที่ทุ่งดอกทานตะวันแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่ลงจากรถ
       “นี่ทาเคะจัง..” ฉันค่อยๆกอดทาเคะจัง ทาเคะจังดูสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้กอด
       “ไม่เป็นไรนะทาเคะจัง ถึงนายจะคิดแก้แค้นฉัน ถึงนายจะเป็นพี่ชายฉัน ฉันก็ไม่สนใจฉันขอแค่ให้เรารักกันก็พอ” แล้วพวกเราก็กอดกันอยู่ซักพัก พวกเราถึงลงมาจากรถ เมื่อลงมาจากรถข้าวฟางก็วิ่งเข้ามากอดฉันแล้วถามเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมื่อพวกเราคุยกันจบแล้วพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันไปนอน ฉันนอนห้องเดิมซึ่งนอนกับข้าวฟาง
       
       เฮ้อออ ฉันค่อยลืมตาขึ้นพบว่านี้ยังไม่เช้าเลยเพิ่งตีห้าครึ่งเองแล้วแต่ข้าวฟางยังไม่ตื่น ฉันจึงลุกขึ้นไปดูทุ่งดอกทานตะวันที่ริมหน้าต่างเมื่อมองลงไปฉันก็พบทาเคะจังกำลังอยู่ที่ทุ่งทานตะวัน ฉันจึงรีบวิ่งออกไปหาทาเคะจัง เมื่อลงไปถึงแล้ววิ่งไปดูที่ทุ่งทานตะวันก็พบว่าทาเคะจังเป็นลมล้มลงไปฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปดู
       “นี่ๆทาเคะจัง ทาเคะจังนายเป็นไรนะ  ทาเคะจัง!!!!”
       ทาเคะจังค่อยๆลืมตาขึ้น
       “นี่นายเป็นไรมากไหม ทำไมหน้านายดูซีดๆละ”ฉันถามด้วยความเป็นห่วง
       “ฉันไม่เป็นไรหรอก...แค่พักผ่อนไม่พอนะ” ทาเคะจังตอบ ตอนนี้หน้าของทาเคะจังดูซีดมาก
       “งั้นนายไปนั่งตรงหินนั้นก่อนนะ” ฉันค่อยๆพาทาเคะจังไปนั่งตรงหินนั้น
       เมื่อถึงตรงหินนั่นฉันค่อยๆให้ทาเคะจังนั่งแล้วตัวเองก็นั่งตามจากนั้นฉันก็ชวนทาเคะจังคุยไปเรื่อยๆจนพระอาทิตย์ขึ้น
       “นี่ทาเคะจังดูสิ พระอาทิตย์ขึ้นละสวยมากเลย”
       “....”
       “นี่ทาเคะจัง...”
       “....”
       “ทาเคะจัง!!!!!”

       6 ปีต่อมา
       “นี่เธอจะไปไหนอ่ะ”เสียงผู้ชายคนนึงพูดกับฉัน
       “ไปหาคนๆนึง”

       6 ปีที่แล้ว
       “นี่ ข้าวฟาง ไม้ ช่วยด้วยทาเคะจังสลบไป ช่วยทาเคะจังหน่อยสิ”
       ฉันวิ่งกลับมาที่บ้านเพื่อให้เพื่อนช่วย เมื่อได้ยินอย่างนั้นทั้งสองรีบไปเอาตัวทาเคะจังไปส่งโรงพยาบาล และได้รู้ความจริงจากข้าวฟางว่าทาเคะจังเป็นโรคหัวใจ! และฉันก็นั่งรอ รอให้ทาเคะจังออกมาจากห้อง ไอซียู พร้อมกับสวดภาวนาให้ทาเคะจังอยู่กับฉันตลอดไป แต่มันก็เป็นเพียงความฉันของฉัน เมื่อฉันดูความเป็นจริง ความเป็นจริงที่โหดร้าย หมอออกมาบอกกับพวกเราว่าทาเคะจังจากเราไปแล้ว...

       ที่หลุมศพ
       “เธอมาหาใครที่นี่หรอ”เสียงผู้ชายถามขึ้นอีกรอบ
       “ฉันมาหาพี่ชายที่เป็นรักแรกของฉัน”ฉันตอบพร้อมกับเดินไปหยุดที่หน้าหลุมศพของใครคนหนึ่งที่เขียนป้ายเขียนชื่อไว้ว่า ‘ทาเคะชิ   รักษณุ’
       “เอ๊ะ พี่ชายที่เป็นรักแรก??” ผู้ชายที่มากับฉันถามด้วยความสงสัย
       ฉันไม่สนเขาแต่หันไปพูดกับ ทาเคะจังว่า”นี่ทาเคะจังปีนี้ฉันก็มานะ ฉันมีเรื่องจะบอกแหละฉันกำลังจะแต่งงานนะ อย่าเพิ่งโกรธละ ถึงฉันจะแต่งงานแต่ในใจฉันก็ยังรักทาเคะจังเหมือนเดิมนะ รักที่สุดพี่ชายของฉัน”


      -จบ-

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×