คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - PART I -
“วันนี้ผมต้องอยู่ค้างที่หอ บังเอิญติดทำงานด่วนน่ะครับ”
“งั้นเหรอ” น้ำเสียงแฝงความผิดหวังดังขึ้นแผ่วๆ ทำเอาคนที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์หัวใจกระตุกวูบ
“ขอโทษฮะพี่” ยูตะเสียงสั่น รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นนิดหน่อย มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเป็น
แม้เขาจะเข้าใจความรู้สึกของพี่ชาย แต่ก็ทำอะไรที่ดีกว่าการขอโทษไม่ได้
เวลาพี่ชายเขาน้อยใจ ไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่าตอนโกรธซักนิด แต่นับว่าโชคยังเข้าข้างที่ฟูจิ ชูสึเกะ เป็นคนมีเหตุผลมากพอ
ถึงหลังๆจะหัวเสียด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยๆก็เถอะ
“ไม่เป็นไรหรอกยูตะ ตั้งใจทำงานล่ะ” ฟูจิคนพี่เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเป็นฝ่ายตัดสายไปดื้อๆตามปกติ
ยอมรับว่าผิดหวังที่ยูตะไม่กลับบ้านในสัปดาห์นี้ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อย
ในฐานะพี่ชาย ตัวเขาควรจะหนักแน่นให้มากกว่านี้ ทว่าดูเหมือนยิ่งนานวันเข้า ยูตะก็ยิ่งตีตัวออกห่างมากขึ้นทุกทีๆ
หรือจะเป็นวัยต่อต้านกันนะ?
ฟูจิถอนหายใจเนือยๆ ก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเอง หวังจะนอนเอาแรงสักงีบ
แกร๊ก..
ประตูห้องสีเข้มถูกเปิดช้าๆ เขาเดินผ่านเตียงของตัวเองไปยังโต๊ะส่วนตัวที่มุมห้อง
ทันทีที่พาร่างมาถึงเก้าอี้ เจ้าตัวก็ก้มหน้าแนบติดกับโต๊ะไม้ราวกับสิ้นเรี่ยวแรง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องอยู่กับต้นกระบองเพชรแสนรักของตน พลางปล่อยความคิดให้ล่องลอยในห้วงภวังค์
นี่ก็ครึ่งปีแล้วสินะนับจากวันที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันทั่วประเทศ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงแจ่มชัดราวกับเกิดขึ้นตรงหน้า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งรอยยิ้ม น้ำตา และความปิติ ที่ไม่เคยลางเลือนลงแม้กระแสเวลาจะแล่นผ่าน
ฟูจิกวาดสายตามองไปยังกรอบรูปที่บนชั้นหนังสือ
ภาพถ่ายของตัวจริงเซงาคุยืนเรียงเข้าแถวหน้ากระดานด้วยใบหน้าอาบยิ้ม ธงสีแดงแห่งชัยชนะ ในมือโบกปลิวเสมือนการประกาศศักดาของเหล่าขุนพล ใบหน้าของทุกคน เหมือนกับเด็กๆที่ดีใจเพราะได้ของเล่น
ไม่เว้นแม้แต่เทะสึกะที่มักจะตีหน้าเครียดเสมอๆ
เอย์จิหัวเราะร่า พร้อมกระโดดเกาะโออิชิซึ่งยืนน้ำตาซึม
โมโมชิโระยืนชูกำปั้นโห่ร้อง มีเอจิเซ็นกับไคโดยิ้มเงียบๆอยู่ข้างๆ
อินูอิที่พันผ้าเป็นมัมมี่ ทำท่าขยับกรอบแว่ว แต่ไม่ว่าใครๆก็คงมองออกว่าจ้าวแห่งเทนนิสข้อมูลคนนี้ ซ่อนสีหน้าไว้ใต้ผ้าพันแผลผืนนั้น
คุณทากะที่ยังไม่หายดี มีสีหน้าปั้นยาก หากแต่ว่าความจริงก็ดีใจอยู่ไม่น้อย
ตรงกลางภาพถ่าย มีอาจารย์ริวซากิยืนขนาบกับเทะสึกะ แล้วก็เขา
เจ้าของอัจฉริยะแห่งเซชุนขยับรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้
‘หึ… นายก็ยิ้มแบบนั้นเป็นด้วยเหรอเทะสึกะ’
พลันใบหน้านิ่งใต้กรอบแว่นก็ชักรอยยิ้มกลับเข้าไปใต้หน้ากากเย็นชาแทบจะทันที
กัปตันแห่งเซงาคุกระแอมเบาๆ เดาอารามได้ว่ากำลังแก้เขิน
‘ทำเป็นไม่เห็นซะ ฟูจิ…’
คนถูกปรามกลั้นหัวเราะ
ทั้งๆที่ดีใจมากกว่าใครแท้ๆ ยังจะปั้นหน้ายักษ์อยู่อีก
มือบางเลื่อนกรอบรูปมาหยุดอยู่ที่ระดับสายตา ดวงเนตรจดจ้องอยู่ที่ภาพกัปตันแห่งเซงาคุ
สุดท้ายก็แอบยิ้มออกมาอยู่ดีนั่นแหละ…ไม่ไหวเลยนะ เทะสึกะ
ฟูจิเอนหลังทิ้งตัวลงบนเตียง วางกรอบรูปคืนบนชั้นอย่างเบามือ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงในบรรยากาศเงียบงัน
RRRR…
ขณะที่กำลังเคลิ้มจะหลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำเอาร่างที่นอนกลิ้งบนเตียงสะดุ้งตื่น
ฟูจิขยับตัวลุกจากเตียง คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย แม้จะไม่อยากตื่น แต่การเมินเฉยกับเสียงโทรศัพท์เพราะง่วง ก็ไม่ใช่นิสัยของเขา
“สวัสดีครับ ฟูจิครับ”
“ไงสบายดีมั้ย ฟูจิ”
เสียงอันคุ้นเคยของปลายสายทำเอา ผู้ถูกทักกระพริบตาปริบๆ
“โออิชิ?” มีคนโทรมาหาในบ่ายวันหยุดก็ว่าแปลกแล้ว แต่กลับเป็นโออิชิ ยิ่งน่าแปลกใจกว่า
ปกติถ้าไม่ใช่ยูตะก็จะเป็นพ่อกับแม่ นอกจากนั้นก็แทบไม่มีใครติดต่อมาเลยนี่นา
“แปลกจังนะที่โออิชิโทรมา มีธุระอะไรเหรอ”
“เมื่อวานเอจิเซ็นกลับจากอเมริกาแล้ว”
โออิชิว่า ฟังดูเหมือนเจ้าตัวเองก็คงจะตื่นเต้น ที่รุ่นน้องคนสนิดกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง
“งั้นเหรอ ดีจังนะ”ฟูจิเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เขาเองก็ดีใจน้อยซะเมื่อไหร เมื่อได้ยินข่าวคราวของเอจิเซ็น ก็รู้สึกหายเหงาขึ้นมาบ้าง
อย่างน้อยๆก็รู้สึกเหมือนได้อดีตส่วนหนึ่งกลับคืนมา
“เย็นนี้ว่างมั้ย พวกเราจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเอจิเซ็นที่ร้านของคุณทากะ”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหวาน ชำเลืองมองมองฬิกาแขวนที่หัวโต๊ะ นิ้วเรียวยกขึ้นทัดเส้นผมที่ปรกข้างแก้มออก ก่อนจะเอ่ยบทสนทนาต่อ
“ว่างสิ แล้วจะไปกี่โมงดีล่ะ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง บางทีคงกำลังใช้ความคิดอยู่
“เอาเป็นหกโมงตรงนะ อย่ามาสายล่ะ ฟูจิ”
“อื้อ ได้สิ”
อดีตรองกัปตันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบได้สักพัก ก็ขอตัวไปเตรียมการเรื่องงานเลี้ยงต่อ
ฟูจิยันร่างขึ้นนั่งเท้าคางหลังจากสายถูกตัดไปด้วยอารมณ์ขัดใจเล็กน้อย
ให้ตายสิ ตาสว่างเลยแฮะ
สายลมเย็นโบกพัดผ่านบานหน้าต่างที่เปิดแง้ม แม้จะเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ทว่าอากาศในยามนี้ยังคงเย็นจนกรีดผิวกายให้หนาวสั่นได้ แดดอ่อนๆคอยประคองอุณหภูมิในห้องให้ไม่ยะเยือกจนเกินไปนับว่ายังดีนักที่ญี่ปุ่นก็ไม่ใช่ประเทศที่มีฤดูหนาวยาวนาน
ดวงเนตรสีน้ำทะเลทอดสายตาออกไปที่ท้องฟ้าคราม
ที่เยอรมัน จะหนาวมากมั้ยนะ?
ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มเล็กๆ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่ารอยยิ้มนี้มีเพื่อใคร
--------------------------------------
“ไง ขอโทษที่มาช้านะ”
ประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นถูกเปิดออก เมื่อฟูจิเดินทางมาถึงร้านซูชิ สมาชิกชมรมเทนนิสเซงาคุ ทั้งอดีต และปัจจุบันนั่งรายล้อมกันเต็มร้าน ถาดอาหารบนโต๊ะถูกสวาปามไปแล้วมากกว่าครึ่ง
...เดาได้ไม่ยากเลย ดูเหมือนเขาจะมาถึงเป็นคนสุดท้าย..
“เฮ้ ฟูจิ นายมาสายนะ nya~” คิคุมารุ เป็นคนแรกที่เอ่ยทักขึ้น
น้ำเสียงของเจ้าตัวยังสดใสคงความเป็นเอกลักษณ์ได้ไม่เปลี่ยนแปลง
“ตามที่ชั้นคาดการณ์มีเปอร์เซ็นต์23.6% ที่ฟูจิจะมาเป็นคนสุดท้าย ถือเป็นเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นจากตอนปี3 ประมาณ 1.8 เท่า”
ประโยคหลังเป็นของอินูอิที่นั่งกินซูชิปลาดิบอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์พร้อมกับท่าขยับกรอบแว่นขึ้นในจังหวะที่หมดประโยคสนทนาพอดิบพอดี
ก็ยังบ้าข้อมูลไม่เปลี่ยนจริงๆ...
“ขอโทษที บังเอิญแวะถ่ายรูประหว่างทาง ก็เลยช้าไปหน่อย”
เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้ายิ้มเป็นเนืองนิจ เลือกที่จะแก้ตัวง่ายๆ แล้วเดินไปนั่งโต๊ะตัวในสุดของร้าน
“ยังอ่อนหัดอยู่นะครับ รุ่นพี่ฟูจิ”
ฟูจิเบนสายตาไปยังร่างของเด็กชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอีกฝั่งนึง
ดวงตาสีฮาเซลนัท กับใบหน้าอวดดีที่ไม่เห็นมานาน ทำเอามุมปากกระตุกขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ เอจิเซ็น เหมือนว่าตัวจะสูงขึ้นนิดหน่อยรึเปล่า”
ฝ่ายคนถูกทักทำหน้าเหมือนไม่พอใจ แล้วกระตุกบ่าทำท่าเมินเฉย
เรียวมะรู้ดี แม้อยากเถียงแทบขาดใจ การเถียงกับรุ่นพี่คนนี้ ไม่ว่าจะประเมินสถานการณ์ยังไงก็คาดได้ว่าตัวเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะเถียงไม่ออก
“เฮ้ยๆ เอจิเซ็น นี่นายกินข้าวห่อสาหร่ายหมดเลยนี่หว่า”
เสียงแหกปากลั่นร้านเรื่องของกิน คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโมโมชิโระ หนึ่งในแกนหลักคนปัจจุบันของเซชุน
เด็กหนุ่มร่างสูงยืนจังก้าอยู่ข้างหลังอดีตเด็กปีหนึ่งอัจฉริยะ ดวงตาสีน้ำตาลบนใบหน้าฉายแววกรุ่น พลางจ้องถาดข้าวห่อสาหร่ายเขม็ง
ผ่านไปครึ่งปี ก็ยังห่วงเรื่องกินอย่างเดียว
“ก็รุ่นพี่ช้าเองนี่ฮะ อีกอย่างวันนี้ผมเป็นเจ้าภาพงานนะ”เรียวมะยังคงกินซูชิในถาดต่อไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวาย
“หนอย เอจิเซ็นได้ทีก็เอาเลยเรอะ”โมโมชิโระโต้กลับ ไม่ว่าเปล่ายังยกถาดซูชิที่เรียวมะกำลังกินขึ้น พร้อมกับโกยเข้าปากรวดเดียวหมดอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า แล้วตบท้ายด้วยการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนเป็นเจ้าภาพงาน
“รุ่นพี่โมโมะ!!”เรียวมะจ้องคนที่แย่งซูชิเขาไปต่อหน้าต่อตาด้วยแววตาขุ่นเคือง
“ชิ ทำอะไรไร้สาระเป็นบ้า ไม่รู้จักโตซักที”คราวนี้ไคโดที่นั่งเงียบอยู่นานสองนานเป็นฝ่ายเปิดศึก
“ว่าไงนะเจ้าอสรพิษ”
โมโมะหันไปกระชากคนเสื้อไคโด ซึ่งแน่นอนว่าไคโดก็กระชากคอเสื้อโมโมะกลับ
เป็นฟอร์เมชั่นเดิมๆ ที่ยังคงไม่พัฒนา
“อย่าน่า โมโมะชิโระ ไคโด วันนี้เรามาฉลองกันนะ”
โออิชิปรามขึ้น เมื่อเห็นว่าคู่ไม้เบื่อไม้เมาเริ่มจะเปิดสงครามกลางร้าน
“ชิ” กัปตันคนปัจจุบันของเซงาคุสบถอย่างขัดใจ
ในเมื่ออดีตรองกัปตันถึงกับเป็นคนออกปากห้าม รุ่นน้องที่เคยอยู่ในโอวาทมีรึจะขัดคำ
ไคโดกับโมโมะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของอีกฝ่าย แล้วสะบัดหน้าไปคนละทาง
ที่ยอมก็เพราะรุ่นพี่โออิชิห้ามหรอกนะ
“เห นึกว่าจะได้เห็นอะไรสนุกๆซะอีก”เหมียวเอย์จิร้องขึ้นอย่างเสียดายโอกาส ยกแขนขึ้นพาดต้นคอสบายๆ
“เอย์จิ!!” โออิชิหันไปเอ็ดอีกหนึ่งดอก ใส่คนที่ยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาว
คิคุมารุปั้นสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่หลังจากที่โออิชิส่งสายตาขุ่นๆกลับมาก็ยอมก้มหน้าสำนึกผิดแต่โดยดี
“เอ้านี่ฟูจิ”
คาวามูระยกถาดซูชิสีแดงมาวางตรงหน้าฟูจิ ของที่เสิร์ฟมาให้เค้าก็คงไม่พ้นจะเป็น…
“วาซาบิซูชิเหรอ?” ฟูจิเอ่ย
“ขอบคุณครับ คุณทากะ”
คุณทากะยิ้มตอบ เงียบๆไม่ได้พูดอะไร ซ้ำยังมีท่าทีขัดๆเขินๆ
เพราะไม่ได้ถือแร๊กเก็ตสินะ
“โหยๆ ฟูจิ กินคนเดียวไม่มีใครแย่งดีจังเลยน้า”เอย์จิร้องโอดโอย พลางอุบอิบเบาๆ
ถึงจะอยากแย่ง แต่ก็กินไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
“เอย์จิจะกินด้วยกันมั้ยล่ะ?”ฟูจิหยอกเจ้าแมวเล่น
คิคุมารุหน้าซีด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าครั้งสุดท้ายที่แอบกินซูชิของเพื่อนรักคนนี้แล้วตัวเขาต้องทรมานเพราะความแสบฉุนของวาซาบิถึงขนาดน้ำตาไหลพรากวิ่งหาน้ำเหมือนคนใกล้ตาย
“ไม่เอาล่ะ nya~”
เจ้าของสมญานามอัจฉริยะหันมาจัดการกับวาซาบิซูชิของในถาดตน พลางมองภาพเพื่อน และรุ่นน้อง ร่วมกันฉลองต้อนรับการกลับมาของเสาหลักต้นน้อยๆ
ครึ่งปี ทุกคนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ทั้งเปลือกนอก และ นิสัย
โออิชิ ยังสุขุมใจเย็นเหมือนเดิม
เอย์จิเองก็ร่าเริง แล้วก็ชอบตามโออิชิแจ
ไคโด เป็นผู้ใหญ่ขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังละนิสัยเดิมไม่ได้
อินูอิ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่กรอบแว่นด้วยซ้ำ
เอจิเซ็น ถึงจะสูงขึ้นนิดหน่อย ทว่าความอวดดีไม่ได้ลดน้อยลง
ทากะซัง ใจดี แล้วก็ขี้อายเหมือนเดิม
โมโมชิโระ ก็ไม่เห็นจะยอมเปลี่ยนนะ
ราวกับความรู้สึกอบอุ่นบางเบาพลันเกิดขึ้นในหัวใจส่วนลึกที่ขาดหายไป
ช่องว่างบางอย่าง ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน และทุกครั้งที่ตระหนักถึงความโดดเดี่ยวช่องว่างนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นใบมีดคมคอยกรีดบาดแผลให้ทรมานกับความเดียวดายที่ไร้ก้นบึง
ฟูจิไล่ความคิดแปลกๆของตัวเองทิ้งไป แล้วเปลี่ยนมาเพ่งสมาธิกับการกินซูชิของตนเองต่อ
แค่ตอนนี้ มีความสุขก็พอ
แก้วน้ำชาถูกแจกจ่ายให้กับเหล่าขุนพลเซงาคุ
โออิชิลุกขึ้นกล่าวประโยคต้อนรับเรียวมะ พร้อมๆกับเสียงโหวกเหวกความยินดีจากคนอื่นๆ
และแล้ว งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเอจิเซ็น เรียวมะ ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
-------
ภาษาแอบแย่แฮะ
เป็น Part ที่กลวงมาก... แค่อยากจะพยายามลากเรื่องเข้าหากัน...
ไม่ได้ Login มา 4 แล้ว ตกใจที่ยังจำ password ไ้ด - -"
ฝาก ติ-ชม ด้วยนะคะ เรื่องนี้ตั้งใจแต่งสั้นๆ แต่ดันยืดซะได้ คงไม่เกิน 3 Part
ขอบคุณที่แวะเวียนค่ะ
ความคิดเห็น