คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
Chapter 2
ทาคาสึกิพอใจมากกับท่าทีของคาซึระตอนนี้
ร่างบางหอบหายใจถี่ ทว่าไม่เคยขอให้เขาหยุด คงหลาบจำแล้วว่าคำขอร้องของตนยิ่งนำมาสู่ความรุนแรง เสียงคราง ทั้งจากอารมณ์และความเจ็บปวดดังผะแผ่ว ผิวกายขาวเนียนไม่สมเป็นนักรบมีรอยจ้ำสีแดงๆอยู่ทั่วไปหมด เส้นผมสีดำยาวกระเซอะกระเซิงเพราะผ่านการออกกำลังกาย(ในร่ม)มาอย่างหนัก ชายหนุ่มสางเส้นผมของคนที่โมเมเอาว่าเป็นคนรักโดยเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืน ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเบาๆ
“วันนี้ทำตัวแปลกๆนะ”
ทาคาสึกิไม่ตอบ เพียงแค่เอามืออีกข้างจัดผมที่ยังยุ่งอยู่ให้เรียบร้อย พร้อมเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ฉันชอบผมแกจัง” แต่คาซึระกลับไม่ดีใจที่ได้ยินคำชมนั้นเลย
รู้ดีว่าทำไมถึงชอบ ในเมื่อคนที่อีกฝ่ายรักก็มีผมแบบนี้เหมือนกัน
อาจารย์โชโย
ใบหน้าคมก้มลงกระซิบข้างหูอีกครั้ง พลางแตะแก้มนิ่มๆอย่างทะนุถนอมผิดปกติ “ทำตัวน่ารักอย่างนี้แหละดี เผื่อฉันจะใจดี เอายาแก้พิษมาให้” นิ้วโป้งเกลี่ยขอบตาคล้ำจากการอดนอนซึ่งพลันเบิกขึ้นหลังได้ยินประโยคที่ให้ความหวัง ริมฝีปากประทับจูบลงมาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้คาซึระกลับไม่ได้ขัดขืน ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อย หรือจะทำตัวน่ารักให้ได้ยาแก้พิษจริงๆดังปากว่า อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้ทาคาสึกิพอใจ จนเริ่มรุกเข้ามาอีกครั้ง แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายอย่างออดอ้อน ทั้งที่ใจจริงเจ็บแทบตาย สะโพกบางๆอยากส่งเสียงประท้วง แต่ที่ทำ กลับเพียงแค่กัดฟันและทนต่อไปเท่านั้น
เพื่อจะได้กลับมามองเห็น และไม่เป็นภาระของใครอีก...แค่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาอยู่แล้ว
“อ๊ะ อ๊า!”
เจ็บ…เจ็บมาก
รู้สึกเหมือนร่างกายร้อนไปทั้งตัว ท่อนล่างก็ระบมไปหมด ปวดหัวด้วยสิ คิดอะไรไม่ออกแล้ว
ไข้ขึ้นอีกแล้วล่ะสิ คราวนี้โดนกินโทกิด่าตายแน่ๆ
ขอโทษนะ เป็นภาระให้อีกแล้ว
“อะไรน่ะ” ตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำหนักไม่น้อยที่ทับลงมาบนตัว พร้อมเสียงเพื่อนแบบอารมณ์ไม่ดีบ่นแว่วเข้ามาให้ได้ยิน
“ดูไอ้เป็ดนี่สิ ตื้อฉันให้พามาหาแกให้ได้ แล้วไล่ลูกค้าไปหมดเลย ทีนี้จะเอาอะไรกินล่ะเนี่ย” แม้มองไม่เห็นก็คาดเดาได้ว่าตอนนี้เอลิซาเบธต้องใช้ป้ายตอกกลับไปอย่างเผ็ดร้อนอยู่แน่ๆในที่สุดมันก็มาหาเขาได้สักที คิดว่าหลงทางไปที่ไหนซะแล้ว
มือเรียวลูบหัวเป็ดสีขาวอย่างรักใคร่ จนกินโทกิหมั่นไส้ขึ้นมาจึงบรรจงตบหัวงามๆของเขาไปสักที ทำให้อลิซาเบธมองตาเขียวแล้วเอาป้ายตบกลับ ก่อสงครามขนาดย่อม ๆ ขึ้นในห้อง จนคาซึระต้องหัวเราะออกมา
แม้มองไม่เห็น แต่แค่เสียงก็เห็นภาพ ตอนนี้ในห้องคงฝุ่นฟุ้งตลบเพราะคนกับเอเลี่ยน(เป็ด) ตีกันแน่ๆ
“ว่าแต่ซึระ แกเป็นไงบ้าง” หลังตบตีกันไปได้หลายนาที ไอ้เพื่อนเวรก็สำนึกได้ว่าควรจะถามอาการเขาสักหน่อย ตอนแรก กะว่าจะบอกไปว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่ไม่ทันได้พูดอะไรออกไป มือของอีกฝ่ายก็จับลงที่หน้าผาก ก่อนเสียงเค้นหัวเราะจะตามมา “หนักกว่าเมื่อวานอีก ไปทำอะไรมาล่ะ”
คาซึระก้มหน้า เลี่ยงที่จะตอบ หรือไม่รู้ว่าจะตอบยังไง อีกข้างหนึ่งของเตียง อลิซาเบธก็มายืนอยู่ข้างๆ แล้วเอามือจับหัวเขาเช่นกัน ตอนนี้คงพลิกป้ายพยายามถามอาการเขาล่ะมั้ง แต่...อ่านไม่ออกนี่ จะให้ตอบได้ไงล่ะ ตอนนี้ที่ทำได้คงเป็นรอให้คนใจร้ายคนนั้นกลับมาใจดีแล้วเอายาแก้พิษมาให้เท่านั้นกระมัง
กินโทกิมองภาพผู้เป็นเพื่อนมีสีหน้าซีดเซียว ก้มหน้าต่ำ ไม่อยากสบตากับเขาแล้วก็อดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ มือใหญ่กระชากคอเสื้อร่างบางขึ้นมา แล้วจ้องลงไปในดวงตาไร้แวว กดเสียงให้ต่ำน่ากลัวแล้วปรายตาไปมองเป็ดสีขาวให้อยู่นิ่งๆ แม้มันจะชูป้ายด่าเขาอยู่ก็ตาม
“ฟังนะคาซึระ สารภาพออกมาให้หมด เมื่อคืนแกออกไปหามันหรือมันมาหาแก ตอบมาตามตรง อย่าโกหกแม้แต่คำเดียว ไม่งั้นฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่ ‘คนเดียว’ เข้าใจมั้ย...”
คำขู่พร้อมเรียกชื่อจริงคงได้ผล อีกฝ่ายสะดุ้งขึ้นมาทันที พร้อมกับคว้าแขนเขาไม่ให้ไปไหนเด็ดขาด ดวงตาไร้แววดูตื่นกลัว ผิดกับปกติ ตอนที่ยังดี ๆ อยู่ลิบลับ เสียงหวาน ๆ สั่นขณะเอ่ยคำขอร้องเหมือนจะร้องไห้เต็มที
“อยะ อย่าไปนะ ได้โปรด ถ้านายไป ฉันต้องทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลย” มือเล็ก ๆ กำเสื้อกินโทกิแน่นขึ้น ประโยคที่เหมือนเห็นแก่ตัวอยู่หน่อย ๆ ทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายลง แล้วกดให้นอนบนเตียงดีๆเหมือนเดิม
สุดท้ายในสายตาคาซึระ...เขาก็มีค่าแค่นี้
เป็นเพื่อน...ที่จะอยู่ข้างๆเสมอ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ จะร้องไห้ อึดอัด หรือมีความสุข ก็ระบายกับเขาให้หมด
เป็นเพื่อนผู้แสนดีที่เป็นได้แค่นั้น ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนมันเป็นอย่างอื่นเลย
เขาคิดยังไง อีกฝ่ายก็คงรู้อยู่ แต่ไม่สนใจ กลับทุ่มเททุกอย่างไปให้คนที่พร้อมทำร้ายกันได้ทุกเวลาอย่างนั้น... เสร็จแล้วก็จะแอบร้องไห้ ให้เขาอดรู้สึกเจ็บแทนไม่ได้ทุกที
‘จะเลือกมันหรือจะเลือกฉัน’ เก็บมันไว้ในใจตลอดมา ไม่เคยกล้าถาม เพราะกลัว...ว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ การหักใจเลือกระหว่างเพื่อนรักกับคนที่แอบรัก มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น
เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขาจะทำ...คือเก็บมันต่อไป
“อธิบายมาได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น” กินโทกิลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง เท้าแขนอย่างที่ชอบทำ และจดจ้องไปที่คาซึระ รอให้คำบอกเล่าออกมาจากปากคนปากแข็งซึ่งเม้มปากเหมือนพยายามเรียบเรียงวิธีพูดให้ฟังดูดีที่สุด จนเขาต้องขัดอีกรอบ “เอาความจริง อย่าคิดแต่งเรื่องมา เพราะ ฉัน-ไม่-เชื่อ”
เน้นเสียงขู่อีกรอบจนคนโดนขู่รอบสองหน้าซีด หัวเราะแหะ ๆ กลบเกลื่อน ก่อนจะกลอกตาไปมา คิดหาข้ออ้างต่อ
“ถ้าโกหกฉันทิ้งทันที”
คนฟังแทบอยากร้องไห้ ทำไมมันถึงจะรู้ใจกันดีขนาดนี้วะ!
คาซึระเล่าเรื่อง...มันไม่ยาวเท่าไร เพียงแค่ไม่กี่ประโยค แต่เป็นไม่กี่ประโยคที่อ้อมแอ้มสุด ๆ กระนั้นก็พอจับใจความได้ ยิ่งฟัง ตาเหมือนปลาตายยิ่งฉายแววหงุดหงิดหนักขึ้น ๆ จนสุดท้าย ขนาดอลิซาเบธยังวางป้ายยอมแพ้ หลบสายตาน่ากลัวเสไปมองคนสวยแทนแบบจ้องเอาจ้องเอา
“ทาคาสึกิ จะมาคืนนี้อีกใช่มั้ย” กินโทกิยิ้ม ลุกพลางหยิบดาบไม้ที่พกติดตัวตลอดยกขึ้นพาดบ่า “งั้นฉันจะรอพบเพื่อนเก่าสักหน่อย มีเรื่องให้คุยเยอะเลยแหละ”
‘คุยด้วยดาบน่ะ’ ไม่ได้พูดออกไปแต่คิดว่าร่างบางก็คงรู้อยู่ เพราะฝ่ายนั้นรีบร้องห้ามโวยวาย กระชากแขนเขาไว้ ไม่ให้ขยับไปไหนอีก หันไปสั่งอลิซาเบธให้ไปขวางหน้าประตูไว้ด้วยเผื่อหลุดมือ ท่าทางตกใจอย่างน่ารักนั่นทำให้ชายหนุ่มในอารมณ์เคร่งเครียดหลุดขำ แล้วลูบหัวเขาเบาๆ
“ทำไมถึงไม่อยากให้เจอกันล่ะ กลัวฉันฆ่ามันหรือไง”
คาซึระไม่อยู่ในอารมณ์ล้อเล่น พยักหน้าทีหนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ “ยังไงก็ขอให้ได้ยาแก้พิษมาก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องหลังจากนั้น...”
คนสวยชะงักไป เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี กินโทกิเลยตัดสินใจต่อให้
“หลังจากนั้น นายก็จะมาคบกับฉันใช่มั้ยล่ะ”
เป็นแค่คำล้อเล่น แค่มุขตลกฝืด ๆ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมตอบรับ รอยยิ้ม ซึ่งในสายตาของเขาดูฝืดฝืน ปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม
“หลังจากนั้น...ฉันจะพยายามตัดใจ จะลืมหมอนั่นให้ได้แล้วคบกับนายแทน ต้องตอบแทนที่นายดูแลฉันตอนนี้ด้วย”
ว่ากันว่าคนดีต้องได้ดี
แต่ถ้าได้ดีแบบนี้...เขาขอไม่รับดีกว่า
ถึงการได้คบกับคนที่รักจะเป็นความฝันที่อยากให้สักวันเป็นจริง แต่ถ้าคน ๆ นั้น พูดประโยคนี้ด้วยใบหน้าขมขื่นขนาดนั้น...
‘จะทนได้เหรอ’
กินโทกิได้แต่ถามตัวเอง และคำตอบมันก็เหมือนเดิม
‘ทนไม่ได้ และไม่มีทางทนให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป’
สักวัน เขาจะทำให้คาซึระรักเขาให้ได้ จะรอ...แม้ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ตาม
จูบที่หน้าผาก แปลว่า เป็นห่วง
งั้นใครที่กำลังเป็นห่วงเขาอยู่ล่ะ
กินโทกิ...ใช่มั้ย... เพราะอย่างทาคาสึกิไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆ
อยากลืมตาขึ้นมาดู แต่ความง่วงมันปิดเอาไว้ ไม่ให้ขยับตัวได้อีก แต่จะว่าไป ถึงลืมตาได้ก็มองไม่เห็นอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้น อย่าสนใจแล้วนอนต่อน่าจะดีกว่า
“ไข้สูงอยู่นะซึระ นอนต่อเถอะ”
“ไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก” ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมา ก่อนผ้าเย็น ๆ ผืนหนึ่งจะวางลงบนหน้าผาก อีกผืนลูบไล้ไปทั่วตัว เช็ดตัวให้เผื่อให้ความร้อนลดลง เสื้อถูกถอดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่คาซึระก็เลือกที่จะเชื่อผู้เป็นเพื่อนแล้วหลับสนิทต่อไป โดยไม่รู้ว่า ขณะนี้ กินโทกิกำลังจ้องมองรอยแดงทั่วตัวของเขาด้วยดวงตาเป็นประกายแปลกๆ
“รอยพวกนี้ของหมอนั่นน่ะ...ให้ฉันลบมันแล้วกันนะ”
ลมหายใจของคาซึระสม่ำเสมอบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทราที่ไม่อาจรบกวนได้ง่ายๆ ชายหนุ่มก้มหน้าลง มองซ้ำอีกครั้งว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่นขึ้นมากลางคันให้เขาทำตัวไม่ถูก ก่อนจะจรดริมฝีปากลงเช็ดร่องรอยพวกนั้น...โดยการย้ำมันลงไปด้วยฝีมือของตัวเอง
เขาเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าเห็นแบบนี้ก็ยากจะห้ามใจเหมือนกันนะ
ขอให้ร่างกายหยุด... อย่าทำต่อให้ต้องมาเสียใจภายหลังเลย
กระนั้น คำสั่งของสมองกลับแพ้สัญชาตญาณ รอยจ้ำแดงๆทั้งของเก่าของใหม่ปนเปกันทั่วไปหมด คาซึระส่งเสียงครางอือเหมือนยั่วเย้า สติของเขา ค่อยๆจางหายไป ทุกที...ทุกที
“ซึระ...แกหวานกว่าพาเฟ่ต์ของฉันอีกว่ะ”
แล้วคำพูดทุกอย่างก็จบลง แทนที่ด้วยการกระทำทั้งหมดแทน
_____________________________________________________________________________________________________
คุณกินเริ่มเผยธาตุแท้ วะฮะฮ่า
จะเอา 3P จริงๆ แน่นะ?
แต่ก่อนหน้านั้น...มาดราม่ากันก่อน เอาสัก 20ตอน แล้วค่อย 3P//โดนกระทืบ
เดี๋ยวรอบหน้า ทากะจะออกมาเรียกคะแนน
ไม่รู้จะเรียกให้เพิ่มหรือเรียกให้ลดนะ 55+
______________________________________________________
โหมด ไดอารี่ ข้ามไปได้ มันไม่มีอะไรหรอก
ก็แค่บ่น ตามนิสัยเสียเดิม อัพนิยาย ฟิค ทีไรมีเรื่องให้พล่ามทุกที (แก้ไม่หายด้วย orz)
ช่วงนี้...อยู่ใน 'ช่วงนั้น' ของปีอีกแล้วแหละ
หมายถึง ช่วงที่เฟลอ่ะนะ
ตอนเขียนตอนนี้ ยังสภาพจิตใจปกติอยู่
แต่ประมาณตอนที่ 4...เริ่มไม่ไหวแล้ว
เจอมรสุมชีวิตเล็กน้อยถึงปานกลาง...
ฝนตกเนี่ย ตกหนัก ๆ ก็ไม่ดีเลยเนอะ
น้ำก็ท่วม แต่สภาพจิตใจหนักกว่า ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย แอ้ก!
(ป.ล. ไม่ได้อยู่ในเขตน้ำท่วมนะ แต่เจอเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่มา)
เดี๋ยวจะแต่งนิยายส่งโครงการเอ็นเตอร์อ่ะค่ะ มีใครส่งบ้างเปล่า
แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่า คงไม่ได้อ่ะ
ตอนแรกแต่งเรื่องแฝดไป... แต่เพื่อนบอกมันโหล ก็เลย... (เนื่องจากส่งได้เรื่องเดียว) ไม่ส่งก็ได้วะ!
พอเล่าพล็อตอื่นให้มันฟัง... ก็บอกน่าเบื่ออีก
เวร...ตูจะไม่เล่าอะไรให้ฟังแล้วเว้ย!
(ก็รู้อยู่ว่าพล็อตมันไม่มีอะไร แต่มันขึ้นอยู่กับวิธีนำเสนอไม่ใช่เรอะ = =++)
โปรดเข้าใจว่าจริงๆแล้วเราไม่ใช่คนใจแข็ง และก็ไม่ได้ใจอ่อนขนาดเจอคำวิจารณ์ไม่ได้
ถ้าได้คำวิจารณ์จะยอมรับด้วยความยินดี แต่ไม่ใช่คำง่าย ๆ แล้ว จบ อันนั้นไม่เรียกวิจารณ์
แถวบ้านเรียกตัดกำลังใจ-*-
กำลังใจเราหมดค่อนข้างง่ายด้วยนะรู้มั้ย ตอนนี้เขียนอะไรก็เน่า บทบรรยายก็กาก เนื้อหาก็ซ้ำไปซ้ำมา อ้า! ดราม่ากำลังดี= =
(กำลังพยายามทำลายสถิติความโกรธที่ทำให้เครียดอยู่ อันนี้นี่น่าจะอยู่ต้นๆแล้วนะ ปกติไม่ได้โกรธง่าย ไม่คิดมากขนาดนี้นี่หว่า...)
ตอนนี้ได้พล็อตใหม่ที่จะส่งมาแล้ว ติดอยู่ที่...เขียนยังไงดีไม่ให้มันน่าเบื่อ
ตอนแรกมันจะน่าเบื่อมากๆ อ่ะสิ
แล้วมันไม่ใช่วาย ไม่ใช่ดราม่าที่บิวต์อารมณ์พอแล้วไป
เจือกเป็นแฟนตาซี-ไซไฟอีกแน่ะ
55+ (เขียนไม่ได้แล้วยังดันทุรังก็เงี้ย)
ถ้าบ่นยาวกว่าฟิคจะทำไงดีเนี่ย 55+
ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคนที่ยอมอ่านตรงนี้ด้วย ถือว่าฟังคนบ้าสติไม่เต็ม โง่ๆ คนนี้ระบายด้วยเหอะ
____________________________________________________
หลังจากบ่นมานาน... ไม่มีหน้าไปขอคอมเมนท์แล้วอ่ะ TwT
แล้วแต่นะคะ ถ้าชอบก็เมนท์ ถ้าน่าเบื่อก็ไม่ต้อง
(แต่ไอ้คำว่าน่าเบื่อนี่อาจฉุดเราลงสู่ห้วงดราม่าได้)
ย้าก!!!
กรูเก่งที่สุดในโลกเว้ยเฮ้ย!!!<<< เตรียมยัดตัวเองเข้ารพ.บ้า=w=;;
สุดท้ายนี้...ขอบคุณมากๆค่ะ
ทุกคอมเมนท์เลยนะ
ถ้าไม่มีคอมเมนท์...อาจจะหมดกำลังใจเขียนตั้งแต่เข้าโหมดเฟลแล้วค่ะ 55+
เอาล่ะ ไปจริงๆแล้ว
บ้ายบาย
เจอกันตอนหน้า
เตรียมขนลุกกันด้วยนา
เพราะตอนหน้า...ทากะของเรา เอ๊ย ซึระ เอ๊ย คาซึระ จะหลุดคาแรกเตอร์เยอะมาก
แบบ...อารมณ์พาไปน่ะตัว อย่าคิดมาก ๆ =w=
ความคิดเห็น