ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Gintama fanfic) Cannot fly away Yaoi

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 11

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 55


    Chapter 11
     
                   วันเวลาผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า ทว่า คาซึระก็ยังทำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่ต้องไปเยี่ยมทาคาสึกิทุกวัน เอาขนมกับดอกไม้ไปฝากคนที่ไม่เคยตื่นขึ้นมารับ นั่งพูดและหัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า โดยที่ทุกครั้งกินโทกิต้องเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน นั่งฟังเสียงหวานเจื้อยแจ้วอย่างปวดร้าว ได้แต่สมเพชตัวเองที่แม้คนที่บาดเจ็บไม่ได้สติยังเอาชนะไม่ไหว แต่ก็ตัดใจไม่ได้จนต้องเจ็บเอง
     
                   ทว่า วันนี้ต่างออกไป
     
                   คาซึระไม่ได้เข้าไปนั่งข้างเตียงเหมือนทุกวัน แต่กลับวางช่อดอกไม้ไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากฝ่ายนั้นเบา ๆ ส่งยิ้มให้ แล้วเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
     
                   “...วันนี้ไม่คุยกับตัวเองเหรอ” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ ขณะที่คาซึระแค่ส่ายหน้า เปลี่ยนรอยยิ้มให้กลายเป็นท่าทางเคร่งเครียด สบตาเขา พลางเอ่ยประโยคอำลาด้วยเสียงแหบแห้ง
     
                   “ฉันจะไปแล้ว”
     
                   “ไปไหน!”
     
                   ไม่มีคำตอบ ขณะที่คาซึระหันหลังหนี เดินออกไปจนถึงประตู ก่อนจะหันหน้าครึ่งหนึ่งมาให้ พร้อมรอยยิ้มเศร้าสร้อย
     
                   “ฉันไม่อยากเห็นหน้าหมอนั่นอีกแล้ว”
     
                   อาจจะเป็นเพราะตัดใจได้แล้ว หรืออาจจะแค่อยากหนีหน้า กินโทกิไม่แน่ใจเท่าไร ทว่า ก็ไม่ได้คิดเข้าไปห้ามมากไปกว่านั้น แค่โบกมือบ้ายบาย ปรับสีหน้าตื่นตกใจให้เป็นปลาตายเหมือนเดิม รอจนประตูปิดสนิท ริมฝีปากเหยียดตรงจึงค่อยแสยะขึ้น ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ หึ ๆ ก่อนจะดังก้องด้วยความสะใจ
     
                   “ว่าไง ทาคาสึกิคุง โดนทิ้งซะแล้วล่ะน้า”
     
                   กินโทกิยิ้มยิงฟันใส่พร้อมพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงยียวน ทำให้ผู้ฟังอดไม่ได้ ลืมตาขึ้นมาทำตาขวางใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้มกลับ ชันตัวขึ้นพิงหมอน แล้วถามด้วยเสียงแหบ ๆ
     
                   “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
     
                   เขาไม่พูด แต่ชี้ไปที่แก้วน้ำข้างเตียงเป็นคำตอบแทน “ซึระมันตาถั่วเลยมองไม่เห็น...โง่จริง ๆ เลยเนอะ” ทำให้ทาคาสึกิได้แต่หัวเราะเบา ๆ นึกสมเพชคาซึระขึ้นมาหน่อย ๆ ขณะหยิบแก้วเจ้าปัญหาขึ้นมาดื่ม แล้วกระแอมเบา ๆ เรียกเสียงให้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง มองสายน้ำเกลือแล้วยักไหล่ ถ้าไม่ติดว่าเอาออกเองไม่ได้เขาคงดึงมันทิ้งไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ความรู้สึกที่ถูกรั้งไว้ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับคนป่วยยากอย่างเขาแล้ว...มันช่างน่ารำคาญเสียจริง
     
                   แต่ที่ทำให้คาซึระทำหน้าตาน่ารัก ๆ พูดคุยกับเขาดี ๆ ทุกวันนั่นก็ต้องขอบใจมันนั่นแหละ
     
                   “นอนมองมันเป็นคนโง่มากี่วันแล้วล่ะ” กินโทกิประชดก่อนจิ๊กขนมที่คาซึระเอามากักตุนไว้กินเล่น มองคนป่วยหยิบช่อดอกไม้ไปวางไว้ข้างเตียงขณะทำท่าคิดคำนวณ
     
                   “น่าจะประมาณอาทิตย์หนึ่งหรือมากกว่านั้น”
     
                   คนฟังแค่นเสียงหึ หุบยิ้ม โยนกล่องขนมหมดลงถังขยะ พร้อมทิ้งความขี้เล่นของตัวเองไปด้วยคำถามสั้น ๆ ที่เก็บเอาไว้นาน ทุกครั้งที่เห็นคนไม่รู้เรื่องเจ็บปวด เขาเองก็ทรมานไม่ต่างกัน
     
                    “สนุกมากมั้ยที่เห็นมันร้องไห้”
     
                   “น้ำตาของมันที่ให้ฉัน... ไม่ว่ายังไงก็มีค่ามากกว่าให้คนอื่น โดยเฉพาะ แก”
     
                   นอกจากจะตอบไม่ตรงคำถามแล้วยังกวนกลับโดยไม่กลัวตายอีกต่างหาก ทาคาสึกิเหยียดยิ้ม ขณะกินโทกิตาวาวโรจน์ รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ตอนนั้นไม่เอามีดปอกผลไม้ฆ่ามันทิ้งไปซะ พอปล่อยไว้ถึงตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ได้แต่เก็บความแค้นไว้ฉะกันในโอกาสหน้า ก่อนจะกลั้นใจถามคำถามต่อไป
     
                   “แล้วแกจะเอาไงต่อ”
     
                   มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เขาต้องหายใจเข้าแบบยุบหนอพองหนอขนาดไหน เริ่มเห็นประโยชน์ของการที่อาจารย์สั่งให้ฝึกนั่งสมาธิตอนเด็ก ๆ เพราะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ให้ไปแบะหัวอีกฝ่ายได้...แต่ไม่รู้ว่าจะนานเท่าไหร่
     
                   “แน่อยู่แล้ว ก็ต้องไปเอามันคืนมาน่ะสิ” ทาคาสึกิหัวเราะชั่ว ๆ ก่อนทำหน้ามั่นใจในตัวเองเอ่ยสำทับไปอีกที “มันเป็นของฉัน ยังไงมันก็หนีฉันไม่พ้นหรอก”
     
                   ไม่รู้ว่าเขาไม่รู้สถานะตัวเองหรืออย่างไร ถึงไม่รู้ว่าถ้ากินโทกิคิดจะเชือดเขาด้วยความหงุดหงิด เขาคงตายไปนานแล้ว ชายหนุ่มพยายามสงบสติ ก่อนจะประชดกลับ
     
                   “คนที่ทำร้ายมันมากขนาดนั้น คิดเหรอว่ามันจะไม่หนี แค่มันบอกว่ามันจะไปแค่นี้ยังไม่ใช่คำตอบอีกหรือไง แกไม่มีทางได้มันกลับมาหรอก”
     
                   ทาคาสึกิชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีจากสบาย ๆ เป็นแข็งกร้าว “ถ้ามันไม่ยอมกลับดี ๆ ฉันก็จะลากมันกลับมา จะไม่ยกให้ใครที่ไหนเด็ดขาด ต่อให้คนที่ว่า คือ แก ที่มันก็รักเหมือนกันก็ตาม”
     
                   ดวงตามุ่งมั่นนี้คือสิ่งที่กินโทกิไม่ได้เห็นมานานแล้วนับจากตอนที่อาจารย์ตาย จนเขาแทบจะฟันธงได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางกลับมามีไฟกับอะไรอีกเหมือนการแก้แค้นครั้งนั้น ทว่า บางที โอกาสนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนใจ
     
                   “ฉันไม่เคยเข้าใจแกเลย...” ชายหนุ่มเอ่ยแผ่วเบา “แกทำให้มันอยู่เหมือนตายแต่กลับช่วยชีวิตมันไว้จากระเบิด แกทำให้มันเจ็บตั้งไม่รู้กี่ครั้งแต่ยังให้ความหวังเสมอว่าแกยังรักมันอยู่... แกต้องการอะไรจากมันกันแน่”
     
                   ทาคาสึกิเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีออกไปมองลมฟ้าอากาศข้างนอก
     
                   “อย่างแกไม่เข้าใจหรอก” บรรยากาศแข็งกร้าวเมื่อครู่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก จนกระทั่ง คนป่วยชี้ไปยังแจกันข้างหน้าต่างซึ่งเป็นที่อยู่ของดอกไม้ช่อที่คาซึระเอามาให้เมื่อวาน... พร้อมกับผีเสื้อสวยตัวหนึ่ง
     
                   “แกคิดว่า... ถ้าอยากให้ผีเสื้อตัวนั้นอยู่ข้าง ๆ ตลอดไปต้องทำยังไง”
     
                   กินโทกิไม่ตอบ แต่จ้องเขานิ่ง ปล่อยให้เขาถามเองตอบเองเหมือนคนบ้า เมื่อคิดถึงคำตอบตัวเองก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ อย่างนึกสมเพช
     
                   “ถ้าเป็นฉันคงจับมันขังไว้ในขวดแก้ว บังคับให้มันอยู่ในนั้นชั่วชีวิตอันแสนสั้น จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายนึง... ไม่ขวดแก้วแตก ก็ผีเสื้อตายจาก ถึงจะพรากมันไปได้” ทาคาสึกิยังคงยิ้มจิต ๆ เหมือนเช่นเคย... ทว่า รอยยิ้มคราวนี้กลับต่างไปจากครั้งอื่นแม้ไม่อาจบอกได้ว่ามันต่างไปอย่างไรก็ตาม
     
                        "แต่ว่าวันหนึ่ง..." น้ำเสียงของชายหนุ่มยังคงราบเรียบเช่นเคย มีเพียงดวงตาที่สั่นไหวแปลก ๆ "ถ้าบ้านที่ขวดแก้วนั้นอยู่ไฟไหม้ ขวดแก้วที่ถูกไฟคลอกจะมีปัญญาปกป้องผีเสื้อที่อยู่ข้างในรึเปล่า ถึงขวดจะไม่หลอมละลายไปกับความร้อน แต่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อย่างผีเสื้อน่ะเหรอจะมีชีวิตรอดออกมาได้ ถ้าแกเป็นขวดแก้วนั่นแกจะทำยังไง จะดื้อขังมันไว้ให้ตายคามือหรือจะปล่อยไปให้มันรอด ถ้าแกฉลาด ก็น่าจะรู้ดี””””””
     
                        เขาพูดแค่นั้นแล้วเงียบ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีกครั้ง โดยทุกการกระทำอยู่ใต้สายตาของกินโทกิตลอดเวลา ก่อนที่ผู้ฟังเงียบ ๆ เมื่อครู่จะแค่นเสียงหัวเราะเบา ๆ สวนกลับประโยคน้ำเน่าของคู่แข่งด้วยน้ำเสียงออกเยาะเย้ย
     
                               "จะบอกว่าเลือกทำตัวเป็นพระเอกงั้นสิ" ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีที่อีกฝ่ายทำสักนิด เสียงของกินโทกิลดต่ำลงจนกลายเป็นความเย็นชา "ต่อให้แกเลือกทำดีชดเชยความผิด มันก็ไม่ได้หมายความว่าบาปที่ทำไว้ของแกมันจะหายไปกับสายลม ต่อให้แกช่วยชีวิตมันอีกกี่ครั้ง ความจริงที่บอกว่าแกนั่นแหละที่เป็นคนทำให้มันเกือบตายก็ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าแกไม่ใช่คนทำร้ายมันจนทำให้มันต้องหนีมา จะเป็นไปได้ยังไงที่มันจะไม่รู้ว่ามีระเบิดอยู่ในบ้านของตัวเอง ต่อให้อ้างอะไรก็ช่าง สุดท้าย ความผิดทุกอย่างมันก็เกิดเพราะแกนั่นแหละ"
     
                        แม้ได้รับคำกล่าวโทษ แต่ทาคาสึกิก็ไม่โต้ตอบต่อ เพียงแค่หยิบกล้องยาสูบประจำตัวที่อยู่ที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาโดยไม่มีสาระสำคัญใด ๆ เมื่อได้ปลดปล่อยสิ่งที่คิดออกไปแล้ว ทั้งคู่ต่างก็นั่งเงียบ ไม่ต่อบทสนทนาอะไรอีก จนในที่สุด เสียงแหบแห้งของคนแกล้งป่วยก็ดังขึ้นมาต่อ
     
                                           "แต่สุดท้ายมันก็ได้ผลใช่มั้ยล่ะ" มุมปากหยักยิ้มขึ้นอย่างผู้ชนะ "ต่อให้ฉันเป็นต้นเหตุทั้งหมด สุดท้าย มันก็ยังเกลียดฉันไม่ลง และจะยังรักมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉัน... คือคนที่ช่วยชีวิตมันไว้ ไม่ว่ามองในมุมไหน ความจริงที่แกบอกก็ยังไม่เปลี่ยน คือ... สุดท้าย ฉันก็ยังชนะอยู่ดี"
     
                                               "แกอาจมองว่ามันเป็นการโกง แต่ คนอย่างฉันก็ทำได้แค่นี้แหละ ถึงแกจะคิดว่าฉันแค่หลอกมันไปวัน ๆ ก็ช่างสิ!"
     
                                                "เพราะว่ามันเป็นของฉัน ฉะนั้น ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ไม่เสียมันให้ใครเด็ดขาด" ทาคาสึกิเงยหน้าขึ้น ใช้ดวงตาหยิ่งอย่างผู้ชนะ พร้อมรอยยิ้มมองอีกฝ่ายอย่างสะใจ
     
                                                "แกแพ้แล้วล่ะ ยอมรับซะเถอะ"
     
                          กินโทกิไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแต่หันกลับไปทางประตู ก่อนจะเหลือบมองคนข้างหลังอย่างกวนส้น ไม่มีท่าทางของคนที่ยอมรับว่าตัวเองแพ้สักนิดเดียว
     
                                                  "ของอย่างนั้นมันก็ไม่แน่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าซึระมันจะไม่รักคนที่ทำดีกับมันมาตลอดสิบกว่าปีแบบฉันมากกว่าคนที่เอาแต่ทำร้ายมันมาตลอดสิบกว่าปีอย่างแก" รอยยิ้มของคาซึระปรากฎขึ้นในห้วงความคิด ก่อนกินโทกิจะเปิดประตูออกสู่ภายนอก ราวกับเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน
     
                                                 "ใครที่ 'ง้อ' มันได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ"
     
     
                         ปัง!
     
                        เขากระแทกประตูปิดราวกับช่วยเร่งผู้ที่ยังเฉื่อยชาอยู่บนเตียง ทว่า แม้ทาคาสึกิจะไม่ไวเท่า เขาก็ไม่คิดว่ามันจำเป็นเท่าไรนัก เพราะไม่ว่ายังไง... ลูกน้องของเขาก็พร้อมจะทำงานให้ เพียงแค่เขาออกปากสั่งเท่านั้นก็พอ
     
                                             "อ้อ... ลืมบอกไป"
     
                        กินโทกิเปิดประตูแง้มหน้าเขามาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์โชว์ฟันขาวอย่างน่าถีบ
     
                                            "ในน้ำที่แกดื่มน่ะ เมื่อเช้าฉันใส่ยาถ่ายไปนะ"
     
                        เพล้ง!
     
                        ราวกับยืนยันคำพูด ทาคาสึกิรู้สึกปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะอย่างสะใจของกินโทกิที่รีบปิดประตูหนีไป
    ก่อนจะกัดฟันกรอด ลงจากเตียงด้วยความเร็วสูงกว่าที่คนป่วยควรจะทำนับสิบเท่า
     
                                           "ไอ้เวรกินโทกิ!"
     
    __________________________________________________________________________________________________
    อันนี้เขาเรียกเผารึเปล่า ?  ' '
    ตอนแรกกะจะดราม่าต่อ...แต่มันไม่ไหวแล้ว
    น้ำเน่าไปแล้ว
     
    พล็อตนี้โผล่ขึ้นในวินาทีก่อนจะนอน
    อา... ในที่สุด ดราม่าก็จากไป 55+
     
    ขอโทษนะทากะ...เค้าเครียดมากไปหน่อยตอนอยู่ ณ ต่างแดน...
    กร๊าก!
     
    (รู้หรอกว่าเนื้อเรื่องไม่ต่อเนื่อง...แต่มันจะเริ่มปาหมอนแล้วอ่ะ เพราะเรียน ม.5 นรกไม่ไหว...)
     
    ตอนหน้าจบแล้ว!
    ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด แม้อาจจะเป็นการฆ่าเวลาเฉย ๆ 55+
    การเขียนเรื่องนี้...ทำให้โตขึ้นอีกแล้ว...
    รู้แล้วว่า...วันหลังอย่าแต่งอะไรส่ง ๆ OTL
     
    แต่เป็นเรื่องยาวที่ใช้เวลาดองน้อยที่สุดแล้วนะ //วิ้ง ๆ 
     
    สักวัน มีนจะโต...และเขียนเรื่องดี ๆ กว่านี้ออกมาให้ได้ค่ะ
    (ก่อนอื่นต้องเอาชีวิตรอดในม.5ให้ได้ก่อน...)
     
    คราวหน้า (ถ้ามีเวลา) อาจจะลงนิยายแหละ! (ออริ)
    ถ้ามีวันนั้น ก็...ฝากอ่านและสับด้วยนะคะ =w=b
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×