ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Gintama fanfic) Cannot fly away Yaoi

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 55


    Chapter 10
    ทาคาสึกิรู้สึกว่าร่างกายของตนเย็นเฉียบทั้งตัว ถ้าให้เปรียบ ก็คงเหมือนเนื้อเย็นชืดไร้ชีวิต มีเพียงแค่ส่วนเดียวที่ยังอบอุ่นในร่างกาย คือมือข้างขวาที่ได้รับความอบอุ่นจากอะไรสักอย่างอย่างอ่อนโยน ลูบและบีบมันแผ่ว ๆ ราวกับต้องการให้กำลังใจ

    หากขณะนี้เขากำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูนรก สิ่งที่จับเขาอยู่ก็คงเหมือนแสงสว่างเดียวที่คอยรั้งไว้ หยุดเท้าไม่ให้ก้าวไปสู่โลกหลังความตาย และรอนิ่ง ๆ อยู่ในความมืดมิดนั้นนั่นเอง

    ของเหลวหยดหนึ่งหยดลงมาที่หลังมือ ขณะที่อีกฝ่ายจับเขาแน่น ราวกับกำลังดึงเขาไว้ด้วยแรงทั้งหมด แม้เป็นแรงอันน้อยนิด แต่กลับน่าหลงใหลซะจนปล่อยไปไม่ได้ อยากจะบีบกลับไปให้อีกฝ่ายรู้ว่าคนที่ตัวเองจับอยู่รู้สึกทุกการกระทำ แต่ไม่รู้ทำไม ร่างกายถึงไม่ขยับไปตามความคิดซะที

    “ชินสุเกะ...”

    เสียงหวานอ่อนแรงเรียกชื่อเขาเบา ๆ ชื่อที่ไม่ได้ยินจากปากนั้นมานาน ดึงสติเลื่อนลอยให้กลับมาช้า ๆ เพียงแค่ดวงตาไม่อาจเปิด ได้แต่ฟังเสียงเรียกซ้ำไปซ้ำมาอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เสียงนั้นจะหยุดซะที

    “ซึระ”

    ใครอีกคนเรียกชื่อคนที่เรียกชื่อเขา พร้อมถอนหายใจเบา ๆ เรียกความสนใจของคาซึระออกไปจากเขา ทำให้อีกฝ่ายปล่อยมือแล้วซุกเข้าไปในอ้อมกอดของคน ๆ นั้นแทน

    “เขาจะเป็นอะไรมั้ย” คำถามที่ไร้คำตอบ มีเพียงการถอนหายใจเท่านั้นที่เป็นคำตอบรับ และความเงียบซึ่งเข้ามาแทนที่ พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นจังหวะเท่าเดิม แต่เริ่มแผ่วลงทุกทีเหมือนกำลังจะนอนหลับ

    หัวใจ... ถ้านอนหลับไปแล้ว ก็เท่ากับตายนี่เอง
    กินโทกิมองเพื่อนเก่าควบตำแหน่งศัตรูหัวใจนอนนิ่งพร้อมเครื่องมือแพทย์ระโยงระยางอย่างเคร่งเครียด ไม่เคยคิดว่าผู้ก่อการร้ายมืออาชีพอย่างมันจะพลาดท่าให้กับระเบิดที่กินรัศมีไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ยิ่งฟังสิ่งที่คาซึระเล่ายิ่งแล้วใหญ่ ถ้าให้เลือก ระหว่างมันระเบิดฆ่าตัวตายกับมันปกป้องคนรักจากระเบิด เขาว่าเขาเชื่อเหตุผลแรกมากกว่า แต่ในเมื่อรูปการณ์ออกมาอย่างนี้ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ

    ทาคาสึกิรักคาซึระมากขนาดไหนเขาไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำร้ายคนที่ตัวเองรักได้มากขนาดนั้น ทั้งที่หากเป็นเขา จะทะนุถนอมให้มากที่สุด ไม่ต้องเสียน้ำตาสักหยดแท้ ๆ

    แต่บางที จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้เปิดมุมมองใหม่ขึ้นมา

    “ซึระ” กินโทกิยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าของชื่อ พร้อมกับให้อีกฝ่ายซบอก “มันตายยากจะตาย อย่าร้องไห้ให้มันเยอะขนาดนั้นสิ ฉันอิจฉานา...” พยายามพูดติดตลกไปอีกฝ่ายก็ไม่แสดงสีหน้าอื่น เอาแต่ซุกอยู่อย่างนั้น ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ จนเขาไม่รู้จะพูดต่อไปยังไงดี

    “อย่าคิดมากเลย มันทำเพื่อแก แสดงว่า จริง ๆ แล้ว มัน...รักแกมากนะ” ประโยคออกมาอย่างติด ๆ ขัด ๆ พร้อมกับความรู้สึกของตัวเองที่ใกล้แตกสลาย สังหรณ์เหมือนตัวเองกำลังจะเสียคาซึระไป หากคนที่นอนอยู่บนเตียงฟื้นขึ้นมา

    เอาเถอะ ถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมาเขาก็พร้อมจะไป แล้วเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิม

    “แกน่ะ...ห้ามทิ้งฉันอีกคนนะ” อยู่ดี ๆ คนในอ้อมกอดก็กอดเขาแน่นขึ้น พยายามกลั้นสะอื้นไว้จนสุดความสามารถ เพื่อพูดให้รู้เรื่อง แต่ได้เพียงเสียงแผ่ว ๆ ลอดออกมา

    “ถ้าแกจะไปอีกคน ฉันก็คงไม่เหลือใคร...”

    แก้วเปราะบางที่ร้าวไปแล้ว หากขว้างทิ้งคงแตกสลาย ทว่าหากรั้งไว้ก็ยังใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อยู่ดี

    เขาควรจะทำยังไง...



    คาซึระรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหลายใจ เลือกใครไม่ได้สักคนจนต้องเจ็บ ทั้งที่เคยมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันสามคน ตอนนี้ ความรู้สึกนั้นกับกลับมาทิ่มแทง หนักยิ่งกว่าความสุขที่เคยได้รับเสียอีก ยิ่งได้ยินเสียงแผ่ว ๆ ของเครื่องวัดสัญญาณชีพนั้น...ความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ

    จะให้ตัดใจจากคนที่รักแถมยังช่วยชีวิตเขาอีกน่ะเหรอ... เป็นไปไม่ได้หรอก

    แต่จะให้ทิ้งคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลทุกครั้งที่เขาเสียน้ำตา... ก็ทำไม่ได้อีกเหมือนกัน

    เข็มนาฬิกาใกล้ตายขยับอย่างช้า ๆ พอ ๆ กับเสียงหัวใจที่แผ่วลงทุกที...




    “ซึระ...แกเฝ้ามันไปนะ” กินโทกิเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ฉันจะกลับแล้ว” โดยไม่สนใจสีหน้าซีดเผือดของร่างบาง...ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ทำเป็นไม่สนใจต่างหาก ในเมื่อตัดสินใจว่าจะเป็นคนไป ก็ต้องใจแข็งให้ถึงที่สุด

    ในเมื่อทั้งคู่คงเลือกทางของตนได้แล้ว... เขาจะอยู่เป็นส่วนเกินอีกทำไม

    มือน้อย ๆ เอื้อมมาดึงชายเสื้อไว้โดยไม่รู้ตัว ก่อนเจ้าของจะผงะ เบือนหน้าหนี คลายมือที่กำออกแล้วจับมือตัวเองไว้ กลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ซุกหน้าลงกับผ้าห่มที่คลุม ‘ศัตรูหัวใจ’ ของเขาไว้

    กินโทกิหายใจเข้า กระนั้น ความโหวงในอกก็ยังไม่หายไป แม้พยายามเติมเต็มมันด้วยอากาศเท่าใดก็ตาม เพียงแค่คิดว่าจากนี้จะไม่ได้อยู่ข้างคาซึระในฐานะอื่นมากกว่าเพื่อนอีกแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนโลกมืดลงทันที

    “...”

    หากมีเส้นด้ายใด ๆ ที่ยึดตัวเขาไว้เหมือนหุ่นกระบอก ได้โปรดรั้งมันไว้ อย่าให้ขานี้ก้าวกลับไปอีกเลย

    ทว่า เส้นด้ายเส้นนั้นมันไม่มีจริง

    ชายหนุ่มกอดร่างบางไว้จากด้านหลังโดยไม่มีคำพูด กอดไว้แน่น ๆ ราวกับจะไม่มีวันปล่อยจากไป ทว่า ของที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าของ
    สักวัน ก็คงหลุดมือ

    แต่...เขาจะรอจนกว่าเจ้าของจะมาทวงคืน จะไม่ยอมทิ้งให้อีกฝ่ายต้องทำหน้าเศร้าอยู่คนเดียวเด็ดขาด

    หยดน้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นสู่ผ้าห่ม แล้วทุกอย่างก็เงียบลง ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาอีกเลย

    มีเพียงสัญญาณชีพในเครื่องเท่านั้นที่เปล่งเสียงออกมา




    คาซึระนอนหลับไปแล้ว ที่ข้างโซฟาไม่ห่างจากเตียงมากนัก ทิ้งให้กินโทกิมีสติอยู่คนเดียวในค่ำคืนมืดมน กับคนป่วยใกล้ตายที่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถกลับมามีสติได้หรือไม่ บางที ถ้ามันไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ดี ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงได้ครอบครองคาซึระแค่คนเดียว

    น้ำเกลือหยดลงมาช้า ๆ ซึมตามสายที่เชื่อมแขนของทาคาสึกิไว้ คมมีดปอกผลไม้บนโต๊ะข้างเตียงเป็นประกายวาบ ชั่วขณะ ปีศาจในหัวสมองกำลังคิดหาวิธีกำจัดคู่อริตรงหน้าไปให้พ้น ๆ วิธีไหนถึงจะเจ็บปวดกว่ากัน ดึงสายน้ำเกลือทิ้งหรือเอามีดปักหัวใจไปเลยดี... อันไหนก็ไม่พอถ้าเทียบกับความเจ็บปวดที่คาซึระเคยได้รับ

    ชายหนุ่มหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมา ลูบคมมันอย่างแผ่วเบา รู้ดีว่ามันไม่ใช่มีดที่ทำหน้าที่แล่เนื้อหรือสังหาร หากแต่พยายามสักหน่อยก็คงทำให้คนที่ไร้การป้องกันตัวตายได้ไม่ยาก กินเวลาไม่ถึงนาที หมอนี่ก็จะหายไปจากโลกใบนี้ ไปจากสายตาของเขาสักที

    ลองดูมั้ยล่ะ

    กินโทกิชะงักในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนคมมีดจะเข้าถึงร่างกายของทาคาสึกิ แค่นยิ้ม พลางเหลือบมองคาซึระที่ขยับตัวเปลี่ยนท่านอนอย่างสบายใจ ปีศาจอันบ้าคลั่งยังคงกรีดร้องอยากลิ้มรสเลือด ทว่า โชคดีที่เขายังหยุดมันอยู่ ก่อนที่จะเปลี่ยนฐานะของตัวเองให้กลายเป็นฆาตกร

    ถ้าเขาเป็นคนฆ่าทาคาสึกิกับมือ คาซึระจะตามมาล้างแค้นเขามั้ย จะเกลียดเขาไม่ลงเหมือนที่เกลียดหมอนี่ไม่ลงรึเปล่า นั่นเป็นแค่คำถามที่เขาไม่หวังจะได้คำตอบ... เขาตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้ไม่ได้ครอบครอง อย่างน้อย ขอแค่ได้อยู่ข้าง ๆ ไปเรื่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อนก็พอ

    เหมือนเมื่อก่อน... ไม่มีผิด




    “ซึระไปเล่นกันเหอะ!”

    เด็กน้อยหัวขาวตะโกนเรียกเด็กอีกคนซึ่งนั่งอยู่ในตัวบ้าน ก่อนจะวิ่งตามเข้ามาเมื่อคนถูกเรียกไม่ยอมออกไปสักที และได้พบว่า ผู้เป็นเพื่อนกำลังเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้ ‘คู่แข่ง’ อยู่ แถมพอเขาจะเข้ามากวนก็ทำหน้าดุ ๆ ใส่ พร้อมกับสั่งให้เขาเงียบ ๆ ไปด้วย

    “ทำอะไรก็ไม่รู้อยู่ได้ ไปเล่นกับฉันเหอะ นะ” เด็กชายตื๊อ มองคาซึระน้อยบิดผ้าหมาด ๆ แล้วนำไปเช็ดตามตัวชินสุเกะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเป็นงานที่เหนื่อยและไม่น่าสนุกเอาซะเลย สู้ไปเล่นกับเขายังจะดีซะกว่า

    “ไม่ได้หรอกน่า ชินสุเกะไข้ขึ้น ฉันต้องดูแลก่อน” ดวงตาสีเข้มมองคนบนฟูกที่เหงื่อผุดพราย ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปจับมือของฝ่ายนั้นเอาไว้ ขณะที่กินโทกิน้อยยังคงพยายามก่อกวนเขาอย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดก็ต้องดุ ทำให้แมวขาวทำหูลู่หางตก บุ่ยปากแล้วบ่นงุบงิบ นอนเท้าคางพลางมองคาซึระอย่างเบื่อหน่าย

    “ปล่อยมันไว้คนเดียวก็ไม่ตายหรอกน่า เชอะ”

    งึมงำอยู่คนเดียว ก่อนจะพบว่านั่นยิ่งทำให้เขาเบื่อมากขึ้น ร่างเล็กจึงคลานมาหยุดข้าง ๆ ผู้เป็นเพื่อน เอาหัวขาว ๆ ลอดผ่านใต้แขนแล้วซุกลงบนตักคาซึระ จ้องใบหน้าสวยซะจนเจ้าตัวเริ่มเกิดอาการทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พยายามปั้นสีหน้าให้ดุ ๆ ทว่าไม่ได้ช่วยปิดรอยแดงที่แก้มได้เลย

    “อะ อะไรเล่า อยู่ดี ๆ มาจ้องคนอื่นเขาแบบนี้...”

    กินโทกิน้อยยิ้ม ก่อนจะจ้องลึกเขาไปในตา มือข้างหนึ่งยกขึ้นเล่นผมยาวของอีกฝ่าย ขณะเปล่งคำถามแบบไม่คิดอะไรมากออกมา

    “ถ้าวันนึงฉันป่วย นายจะดูแลฉันเหมือนหมอนี่มั้ย”

    ดวงตาต่างสีสบกัน ก่อนที่ริมฝีปากน้อย ๆ ของผู้ฟังจะเอื้อนเอ่ยออกมา

    “...ไม่หรอก”

    กินโทกิชะงักค้าง คำตอบตรง ๆ แบบนี้ชวนใจเสียแบบสุด ๆ เหมือนกำลังจะถูกเพื่อนทิ้ง ก่อนที่เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายจะตามมาพร้อมมือเล็กดึงแก้มเขาซะยืด

    “ก็ถ้านายไม่ได้เป็นไข้จะเช็ดตัวให้เหมือนกันทำไมล่ะ รักษาตามอาการซะสิ เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ แย่จริง ๆ ฮ่า ๆ ”

    กินโทกิกุมแก้มก่อนจะแลบลิ้นใส่แล้วซุกตัวลงบนตักอีกฝ่ายตามเดิม พร้อมกับคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบตรง ๆ แม้ว่าจะใช้คำพูดอ้อมโลกแค่ไหนก็ตาม

    “สำหรับนาย ฉันกับหมอนี่ ใครสำคัญกว่ากัน...”



    เขามันก็แค่...เด็กขี้อิจฉา...ที่มั่นใจว่าตัวเองจะดูแลคาซึระได้ดีกว่าเท่านั้นเอง
    _________________________________________________________________________________________
    อัพ ณ ต่างแดน 55+
    ซึระน้อยน่ารักน่ากดยิ่งนัก =.,=
    ตัวจริง โตขึ้นมาเสื่อมขนาดนี้ได้ไง - -"

    ตอนนี้...
    เอาจริง ๆ มันไม่มีอะไรหรอก กร๊าก
    ไอ้คำขยายเปรียบเทียบอะไรแบบนั้นน่ะ
    เป็นอะไรที่...ต้องอยู่หน้าคอมพิมพ์ไปเรื่อยๆ ถึงจะเข้าใจ

    สรุปสาระสำคัญจากตอนนี้
    แค่อยากจะบอกว่า คุณกินไม่ใช่เทวดาเท่านั้นแหละ
    แต่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจให้กะจะฆ่าขนาดนี้นา...
    ความจริงแล้ว ทากะต้องขอบคุณที่มีนไม่แต่งเพลิน มีดจมต่างหาก 55+
    ถ้าเผลอกว่านี้อีกนิดสงสัยคงได้บอกลาตำแหน่งพระเอกแล้วล่ะ//โกยลงหลุมหลบภัย

    (ความจริงทุกคนก็น่าจะรู้ว่มีนเพ้อเก่งขนาดไหน พล่ามยาวชิบ...)

    ป.ล. สัญญาณไฟฟ้าที่ออกมาจากคลื่นหัวใจ...ไปเรียนชีวะกันมั้ย
    แต่งตอนใกล้สอบนี่มันอันตรายจริง ๆ นะทุกท่าน//ทำหน้าจริงจัง
    เราทุกคนต้องรักร่างกายเอาไว้ให้มาก ๆ นะ
    หัวใจเราฉลาดกว่าตัวเราเยอะเลยล่ะ =w=;;
    (ทำไมฟังดูน้ำเน่าอีกละ-*-)//ทำใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×