ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Gintama fanfic) Cannot fly away Yaoi

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 54


    Chapter 1


                   
    ในห้องนอนของผู้ป่วย


                   
    “อย่าสำออย กินเข้าไปให้หมด เร็ว ๆ เข้า” คาซึระทำหน้าทรมานเต็มที่ พยายามเบือนหน้าหนี แต่คนป่วยหรือจะสู้แรงคนปกติได้ ปกติแรงของเขาก็แพ้มันอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง...


                   
    กินโทกิไม่สนใจท่าทางเหมือนอยากตายไปให้รู้แล้วรู้รอดของอีกฝ่าย ยังคงใช้กำลังสั่งอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจคำประท้วงโวยวายพร้อมดิ้นหนีอย่างเต็มที่เลยสักนิด มือข้างหนึ่งใช้รวบข้อมือที่พยายามผลักไส มืออีกข้างหนึ่งก็ถือ
    อาวุธ เข้าไปจ่อปากร่างบาง พร้อมส่งยิ้มหวานทั้งที่รู้ว่ามองไม่เห็น


                   
    “ให้หมดนะซึระ จะได้หายไว้ๆไงล่ะ”


                   
    “ไม่ใช่ซึระ
    ! คาซึระต่างหา... อุ๊บ!


                   
    ยาน้ำขมๆถูกยัดพรวดเข้าไปในปากอย่างไร้ความอ่อนโยน คนสวยที่ซวยโคตรๆถึงกับไอแค่ก ๆ ร้องหาน้ำเป็นการใหญ่ ซวยจริงที่ได้กินโทกิมาพยาบาลให้ รู้ดีว่าวิธีป้อนยาของฝ่ายนั้นขึ้นชื่อว่าเฉียบขาดไร้ความปรานี หวังให้ค่อย ๆขอให้เปิดปาก ดื่มยาเข้าไปช้ าๆ เสร็จแล้วส่งน้ำตามมาให้แล้วบอกว่า “เก่งมาก” คือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ของคนตรงหน้า สะกดคำว่า “สุภาพ อ่อนโยน” เป็นรึเปล่าก็ไม่รู้


                   
    แต่อย่างน้อยก็อาจดีกว่า
    หมอนั่นก็ได้


                   
    เผลอแค่ครู่เดียวก็หลุดเข้าไปในภวังค์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย จนคนดูแลต้องมองด้วยท่าทีเหนื่อยใจปนเอือม แต่หากมองเห็นและมองลึกลงไปในดวงตาปลาตายคู่นั้น กลับได้เห็นความรวดร้าวที่แฝงอยู่ข้างใน ไม่เคยจางหายนับตั้งแต่แยกทางกัน


                   
    “แกไม่ต้องมาบ่นเลยนะ ทีฉันป่วยก็ป้อนยาวิธีนี้เหมือนกันนี่”


                   
    ชายหนุ่มเอ่ยดึงสติของอีกฝ่ายให้กลับมา แต่คาซึระกลับสะบัดหน้าหนี ทำทีเป็นงอน ไม่ยอมคุยด้วย ดูน่ารักน่าหมั่นไส้ และน่าแกล้งเป็นที่สุด กินโทกิจึงทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียงโดยหันหน้าเข้าหาคนป่วย แขนข้างหนึ่งเอื้อมไปจับไหล่ในลักษณะที่คล้ายๆโอบกอด อีกมือหนึ่งหยิบน้ำตรงโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาถือไว้


                   
    “คราวนี้จะป้อนดีๆก็ได้นะ หันมาสิ” พอคนสวยเผลอตัวหันมาตามคำสั่ง เขาก็ยกน้ำขึ้นดื่ม วางแก้วลงเป็นเชิงเยาะเย้ยจนอีกฝ่ายเบะปากใส่ ทำนองว่าเสียรู้ แต่แล้ว มันก็ไม่จบแค่นั้น เมื่อมือข้างที่เคยถือแก้วน้ำเปลี่ยนมาจับแก้มขาวเนียนให้เงยหน้าขึ้น แล้วแนบริมฝีปากเข้าหากันเบา ๆ
    อย่างอ่อนโยน


                   
    “อื้อ!”


                   
    เป็นการป้อนที่ประหลาดที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา

    คาซึระใจเต้น ความขมของยาดูเหมือนจะหายไปจนหมด หัวสมองว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออกจนกระทั่งอีกฝ่ายถอนปากแล้วเอาผ้ามาซับให้เบา ๆ หน้าเปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำจนต้องรีบหันหนีแล้วกระชากผ้าห่มขึ้นคลุมโปง โชคดีที่มองไม่เห็น ไม่งั้นคงไม่กล้าสู้หน้า ส่งเสียงไล่แก้เขินออกไปแทน จนได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ไกลออกไปพร้อมเสียงปิดประตูห้องจึงกล้าโผล่หัวออกมา กุมแก้มร้อนจัดไว้พลางบีบแน่น

    “อ๊า แกทำบ้าอะไรของแกวะเนี่ย” สะบัดหัวเอาความเขินออกไปให้หมด ไข้ที่เพิ่งขึ้นยังไม่ทำให้รู้สึกร้อนเท่าอุณหภูมิของปากอีกฝ่ายสักนิด เหมือนหัวมันเบลอไปหมด ทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้า กินข้าวเช้าเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้อาบน้ำก็ควรไปจัดการซะ กระนั้นขาก็แข็งค้างเมื่อคิดว่าต้องขอให้อีกฝ่ายมาช่วยพาตัวเองไปห้องน้ำ เขินจัดจนไม่กล้าเรียก เลยตัดสินใจซกมกหมกไว้ซักวัน คงไม่เหม็นมากหรอก...มั้ง



     

    สุดท้ายก็โดนโยนเข้ามาในห้องน้ำอยู่ดี

    แถมเลวร้ายกว่านั้นคือโดนตามเข้ามาคุมซะด้วย

    ทีนี้ทำไงดีล่ะ ถ้ากินโทกิยังไม่ยอมออกไปจะเขินจนเอาหัวโหม่งน้ำในอ่างตายได้แล้วนะ!

    “รีบๆจัดการซะสิ”

    คนแบบเนี่ย เกลียดที่สุดเลย!!!

     

    “ชักช้า”

    หลังอดทนมองเขาจัดการตัวเองแบบเงอะ ๆ งะ ๆ  ได้ไม่กี่นาที กินโทกิก็บ่นออกมาแล้วผลักเขาไปชิดขอบอ่าง ก่อนจะก้าวลงมาตามแล้วหยิบครีมอาบน้ำบีบใส่มือ ตามด้วยละเลงมันลงบนตัวขาว ๆ ของคนที่โวยวายลั่นทั้งที่มองไม่เห็น ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยความอาย ขณะมือของอีกฝ่ายไล่ลงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่คอ อก แผ่นหลัง ไปจนถึงแตะที่บั้นท้ายจนคาซึระสะดุ้งเฮือก

    “ทำบ้าอะไรของแกน่ะ!

    มือเล็กปัดมือของอีกฝ่ายออกเสียงดังเพี้ยะ บ่นงุบงิบบอกว่าจะทำเอง ๆ กินโทกิจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจ ไม่อย่างนั้นเดียวคนเอาแต่ใจจะอาละวาดขึ้นมาให้ปวดกบาลอีก แต่พอเห็นหน้าแดง ๆ แบบนั้นก็แอบรู้สึกอยากแกล้งอยู่เหมือนกันนะ ผิวสีระเรื่อที่เกิดจากการแช่น้ำอุ่นดูน่าประทับร่องรอยไว้เหลือเกิน ดีที่เจ้าตัวไม่เห็นว่าตอนนี้ตัวเองดูยั่วยวนขนาดไหน ไม่งั้นคงต้องไม่พอใจมากแน่ ๆ

    เอาเถอะ สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปก็คงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้เหมือนกัน

    “ซึระ แกเนี่ย...ถ้าไม่เป็นผู้ชาย ฉันจับขึ้นเตียงไปแล้วนะ” ว่าแล้วก็ประทับริมฝีปากลงบนแก้มเบาๆ แบบหยอกเล่น ทว่า ลูกแมวขี้อายตัวนี้กลับมีปฏิกิริยาตอบรับแรงเกินคาดโดยการสาดน้ำในอ่างใส่เขาจนเปียกปอนทั้งตัว เสร็จแล้วก็ไม่ยอมรับผิดชอบ เบือนหน้าหนีและเปิดน้ำฝักบัวล้างตัว ทิ้งให้เขาได้แต่โวยวาย

    “ไอ้ซึระ! แก แค่เล่นก็ไม่ได้เลยนะ ฮึ้ย!

    “คาซึระต่างหากล่ะ”

    เจ้าของชื่อแก้ ควานหาผ้าเช็ดตัวขึ้นคลุมตัวแล้วสะบัดผมให้น้ำไปโดนตัวกินโทกิให้มากขึ้นอีก

    “นี่...ก็แค่เล่นเหมือนกัน”

    รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดูยียวนกวนตีนจนอยากลุกขึ้นมาถีบงามๆซะที กินโทกิเสียอารมณ์จนมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายซ่อนอะไรไว้ใต้ใบหน้านั้นบ้าง อย่างเช่น...ความอายนั่นไง

    ให้ตาย...ไอ้เพื่อนบ้า...เล่นอะไรบ้า ๆ

    คำพูดแบบนั้นไปฝึกมาจากไหน น่าอายที่สุดเลย!

     


    การอาบน้ำอันวุ่นวายสุดท้ายก็จบลงด้วยดี ขณะที่กินโทกิต้องอาบน้ำใหม่อีกครั้งเพราะเปียกมะลอกมะแล่ก ตัวต้นเหตุกลับมานอนเล่นที่เตียงเรียบร้อย พยายามคิดหางานอดิเรกที่ทำได้ขณะที่มองไม่เห็น

    ฟังเพลง...เป็นอย่างเดียวที่คิดออก

    ปกติเขาไม่ค่อยได้ฟังบ่อยนักเพราะไม่มีเวลา บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสดีให้เขากลับมาผ่อนคลายหลังต้องจับดาบสู้อยู่ตลอดเวลาก็ได้

    เป็นความคิดที่มองโลกในแง่ดีที่สุดที่สามารถเค้นออกมาได้

    วิทยุตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ เตียง เอื้อมมือไปสักหน่อยก็ถึง มือเรียวกดปุ่มเปิดแล้วหาคลื่นที่ตัวเองชอบ ฟังไปฟังมาก็เริ่มฮัมเพลงตามอย่างมีความสุข ทำนองหลากหลายแตกต่างกันไปให้ความบันเทิงได้ต่างกัน บางเพลงที่เคยได้ยินก็ร้องตามบ้าง แม้บางทีจะร้องผิด ร้องเพี้ยนก็ไม่เป็นไร แค่มีความสุขก็พอ

    ทว่า...เขาคงลืมบางอย่างไป

    กินโทกิอาบน้ำเสร็จแล้ว แถมยังจงใจปิดประตูห้องน้ำดังๆให้เขารู้ตัวอีกด้วย ร่างบางสะดุ้งเฮือก อายขึ้นมาทันทีจนต้องซุกลงไปนอนพร้อมห่มผ้าคลุมโปง จงใจหลบหน้า ผู้ฟัง เต็มที่ เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนตัวสูงขณะที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียง

    “อยากร้องก็ร้องต่อก็ได้ ไม่ห้ามหรอก”

    “รู้ว่าร้องเพี้ยน! ไม่ต้องมาล้อกันเลยนะ” คาซึระแห้ว แล้วมุดหัวลงไปให้ต่ำกว่าเดิม กินโทกิได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวมองไม่เห็น เอามือลูบส่วนที่คิดว่าเป็นหัวอย่างอ่อนโยนแล้วลุกขึ้น พลางถอนหายใจ

    “เอาเหอะ เดี๋ยวนายก็ได้อยู่คนเดียวแล้ว ฉันต้องกลับไปที่ร้านก่อนละ เดี๋ยวโดนไอ้สองคนนั้นบ่นแย่” ชายหนุ่มมองผู้เป็นเพื่อนก่อนจะดึงผ้าห่มที่ปิดหน้าไว้ออกมาทั้งแรงยื้อของอีกฝ่าย จับแก้มขาว ๆ ข้างหนึ่งไว้ แล้วค่อยหอมแก้มเบาๆเป็นการบอกลา

    “ไปล่ะ บ้ายบาย”

    “อะ อะ ไอ้บ้า! แกทำบ้าอะไรของแกอีกวะ!” ได้ยินเสียงโวยวายแว่วมาแทนคำบอกลา เขาเพียงแค่ยักไหล่ ก่อนจะหันหลังกลับ ตรงไปที่ร้าน กะว่าคงไม่แวะที่ไหนอื่นอีก

    อ้อ...แต่วันนี้ซีคิดส์ออกนี่...แวบไปร้านหนังสือแปบนึงคงไม่เป็นไรมั้ง

     


    เวลากลางวันผ่านไปรวดเร็วกว่าที่คิด หลังผู้เป็นเพื่อนกลับไปเขาก็นอนต่อตลอด รู้สึกเหมือนผ่านไปไม่นาน ตอนที่ถูกปลุกขึ้นมาด้วยสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก

    “ทาคาสึกิเหรอ” คาซึระงัวเงียพลางขยี้ตาเหมือนเด็ก เจ้าของชื่อเพียงแค่ยิ้มอย่างเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะประกบจูบลงไปอีกครั้งให้เร้าร้อนกว่าเดิม เนิ่นนานกว่าจะยอมผละออกเหมือนยังตักตวงความหวานไม่เพียงพอ

    “คิดถึงกันไหมล่ะที่รัก” คำหวานด้วยน้ำเสียงโรคจิตทำให้ความรู้สึกใจเต้นที่ควรจะมีหายหมด ร่างบางลืมตาขึ้น พยายามเพ่งมองคนตรงหน้า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่อาจมองเห็นอีกแล้วจึงเสหันหน้าไปทางอื่นแทน ทาคาสึกิโอบเอวของเขาไว้ด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างจับหัวให้ซบลงมาบนไหล่ ทำทีเหมือนคู่รักจอมปลอมดังที่ได้กล่าวเอาไว้ตอนแรก

    “พูดอะไรหน่อยสิ เหงามั้ยเวลาฉันไม่อยู่” นิ้วเรียวลูบริมฝีปากบอบบางเล่น ก่อนผู้เป็นเจ้าของจะอ้าปากงับ...เหมือนจะยั่ว ถ้าไม่ติดว่าแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง

    “ชอบความรุนแรงเหรอ” กดอีกฝ่ายให้นอนราบไปกับเตียงแล้วขึ้นคร่อม ดันนิ้วให้ลึกเข้าไปอีกพร้อมบีบกรามให้อ้าปากออก คาซึระดิ้น กระนั้นมันก็ไร้ผล เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแออย่างน่าสมเพช อึดอัดจนน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาคู่สวย ซึ่งไม่ได้เรียกความเมตตาจากคนข้างบนเลยแม้แต่น้อย นอกจากการทำให้รุนแรงมากขึ้นย้ำกลับไป

    “ไม่ ไม่ชอบ เอาออกไป!” ร่างบางผลักไหล่อีกฝ่ายออก เอามือปิดปากตนไม่ให้ทำอะไรบ้า ๆ ได้อีก ที่ไหนได้ สิ่งที่ทำไปตอนแรกเป็นเพียงแค่การกลั่นแกล้ง ของจริง...มันต้องต่อจากนี้ต่างหาก

    มือกร้านแหวกสาบเสื้อของคนป่วยออก ได้ยินเสียงร้องห้ามพร้อมกับอาการขัดขืนเหมือนรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่ไม่อาจมองได้เพียงแค่เขาจนต้องบอดสนิทฉายความหวาดกลัวเหมือนทุกคืนที่เขาขืนใจ น่าเสียดายที่ความรู้สึกนี้นี่แหละที่เขาชอบ ริมฝีปากแนบปิดไม่ให้มีเสียงน่ารำคาญอะไรออกมาได้อีก พร้อมมือกดแขนเรียวทั้งสองข้างไว้ ไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนได้เลย

    แม้จะร้องไห้ให้เห็น แต่ก็รู้ดีว่ามันไร้ผล ไม่มีทางที่ทาคาสึกิจะยอมหยุดแน่นอน ที่คาซึระทำได้จึงเป็นเพียงแค่อยู่นิ่ง ๆ ตามความต้องการของอีกฝ่ายเท่านั้น ยอมรับชะตากรรมที่ไม่เคยยอมเข้าข้างกันแล้วปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การชักนำของคนใจร้าย พร้อมหัวใจที่แหลกสลาย...ครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

    ถ้าเขาตัดใจจากอีกฝ่ายแล้วจะมีความสุขมากกว่านี้มั้ยนะ

    ประโยคคำถามเล่นซ้ำไปซ้ำมาในหัวเหมือนเทปเสีย ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จะปล่อยทุกอย่างไปตามที่มันควรจะเป็นแล้วทนทุกข์ หรือจะยอมหยุดแล้วไปหาความสุขแทน กระนั้น ก็รู้ดีว่า ความสุขนั้น ก็ยังมีความขมขื่นซ่อนอยู่ดี

                    เช่นนั้น ควรจะตัดใจ แล้วเลือกคนที่รักเขาจริง ๆ ดีกว่ารึเปล่า?

    ______________________________________________________________________________________________________
    มาแล้ว ๆ
    มาเร็วใช่มั้ยล่ะ ฮ่า ๆ
    เมื่อวานเน็ตล่มเล็กน้อย เลยลงแค่ที่บอร์ด ที่นี่ยังไม่ได้ลง

    ตอนนี้คุณกินทำคะแนนนำลิ่ว หวานแบบไม่เกรงใจใคร
    ซึระก็เริ่มลังเลซะแล้ว...
    ทากะ...เตรียมตกกระป๋องล่ะมั้ง
    ไม่เป็นไร ปัจจุบัน สถานะยังเป็น 3P อยู่ ยังไม่ได้คิดตอนจบ
    ใครจะเป็นพระเอก...ก็ไม่รู้

    รอแต่งตอน 3เสร็จ จะเอาตอน 2มาลงค่ะ
    ป.ล. 3P แบบจริงจังครั้งแรกในชีวิต โคตรยาก!
    ตอนอ่านการ์ตูนรักสามเส้าอะไรอย่างงี้...ไอ้คนที่เชียร์ให้มันเป็นพระเอกไม่เคยเป็น-*-
    ไอ้เนี่ย...พระรองแน่ เสือกกลายเป็นพระเอก มีเคืองนะตัว= =+
    ตอนมาแต่งเอง...พอเข้าใจความรู้สึกที่เลือกใครไม่ได้ขึ้นมาบ้างแล้ว=w=;;//โดนถีบ

    เมนท์กันด้วยนะคะ
    สองเมนท์แรก ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
    ตอนแรกคิดว่าในเด็กดีจะไม่มีคนอ่านซะแล้ว
    เห็นคอมเมนท์ขึ้น นั่งสครีมหน้าคอม

    ป.ล.ล. ไม้ยมกเขียนยากเนอะ ต้องเว้นวรรคทั้งข้างหน้าข้างหลังเนี่ย
    ไม่ชินเลย!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×