ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บัญชารักจอมเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 3 (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.42K
      37
      26 ก.ค. 64

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวผู้มีใบหน้าหวานซึ้งที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำชะงักมือที่กำลังใช้ผ้าขนหนูสีขาวเนื้อนุ่มค่อยๆ หยาดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนใบหน้า นัยน์ตากลมโตสีนิลพราวระยับสดใสราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจับจ้องไปที่ประตูไม้สีเข้ม ก่อนจะรีบร้องถามออกไปเมื่อเสียงประตูหน้าห้องยังถูกเคาะรัวๆ ไม่ยอมหยุด

    “ใครคะ?”

     “น้าเอง เปิดประตูหน่อย” 

    เสียงที่ดังอยู่นอกห้องทั้งกระวนกระวายและพึงพอใจปะปนกันจนคนได้ยินต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ 

    “แป๊บหนึ่งนะคะน้ากานต์” รัตน์วลีร้องบอกคนนอกห้องก่อนจะสาวเท้าไปที่ห้องแต่งตัว หยิบกางเกงชั้นในมาใส่ ก่อนจะหยิบชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตตัวยาวที่ตัดเย็บจากผ้าซาตินสีขาวแต่งขอบสีดำมาสวมโดยไม่ใส่บราเซีย

    ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร่งรีบ แต่ดูเหมือนความเร่งรีบของเธอจะไม่ทันใจคนใจร้อนที่อยู่นอกห้อง เสียงร้อนรนจึงดังเข้ามาอีก

    “เร็วๆ สิ”

    “มาแล้วๆ เสร็จแล้วค่ะ”

    “มัวทำอะไรอยู่”

    “รัตน์เพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะ น้ากานต์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ท่าทางหงุดหงิด ปนร้อนรนของอีกฝ่ายทำให้รัตน์วลีต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง

    แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ตอบคำถามของเธอ กานต์สินีผู้เป็นน้าสาวยังเอื้อมมือมายึดข้อมือของเธอไว้ แล้วดึงให้เธอก้าวตามออกจากห้องนอน

    “น้ากานต์นี่มันอะไรกันคะ จะพารัตน์ไปไหน” รัตน์วลีร้องถามผู้เป็นน้าสาวขณะที่กำลังสาวสาวตามแรงรั้งของอีกฝ่ายไปตามทางเดินในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่วันนี้เงียบกริบกว่าทุกวัน

    “ตามมาเถอะน่า อย่าเพิ่งถาม” 

     เป็นคำตอบที่ไม่ได้ช่วยทำให้รัตน์วลีเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิมเลยสักนิด

    “งั้นให้รัตน์หยิบเสื้อคลุมก่อนได้ไหมคะ” รัตน์วลีพูดขึ้น เพราะเห็นว่าอยู่ในห้องส่วนตัวและคนที่มาเคาะก็เป็นน้าสาว อีกอย่างเพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูร้อนรนจึงทำให้เธอรีบเสียจนไม่ได้หยิบบราเซียมาสวมก่อนเปิดประตู

    “ไม่ต้องใส่หรอก”

    “...” นัยน์ตากลมโตมองแผ่นหลังของคนที่ลากตัวเองให้เดินตามอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมวันนี้น้าสาวถึงมีท่าทางแปลกๆ มันแปลกมาตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายแล้ว หลังกินอาหารมื้อเที่ยง คนงานในบ้านเกิดอาหารเป็นพิษกันทั้งบ้าน อาการหนักจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่นายหญิงของบ้านอย่างกานต์สินีกลับไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนเลยสักนิดกับอาการเจ็บป่วยของคนในบ้าน ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือคนที่ไม่ชอบทำงานบ้าน กลับยอมเข้าไปในครัวลงมือทำอาหารเย็นด้วยตัวเอง ไม่สิ! ต้องเรียกว่า เข้าครัวเป็นลูกมือให้เธอทำอาหารน่าจะถูกมากกว่า 

    กานต์สินีไม่ชอบการเข้าครัวทำอาหารมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ชอบงานบ้าน ไม่ชอบการบ้านการเรือน ผิดกับมารดาของเธอที่ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ แม่ของเธอกับผู้เป็นน้าสาวแตกต่างกันลิบลับ ในขณะที่แม่ของเธอชอบงานเป็นงานเรือน แต่ผู้เป็นน้าสาวกลับเป็นผู้หญิงเก่ง กานต์สินีทำงานเป็นเลขาของประธานบริษัทใหญ่ข้ามชาติ น้าสาวทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ได้รับเงินเดือนที่ทำให้เด็กกำพร้าที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความรู้ที่พยายามไขว้คว้ามาด้วยตัวเอง ทั้งด้วยการสอบชิงทุน และทำงานหาเงินทุกอย่างระหว่างเรียน มีบ้านอยู่ มีรถขับ มีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ และถึงแม้ว่าแม่ของเธอและผู้เป็นน้าแตกต่างกันมากเพียงใดแต่ทั้งสองก็รักกันมาก

    พอแม่ของเธอเสียชีวิตผู้เป็นน้าก็ไปรับมาอยู่ด้วย ให้ความรัก ให้ความเอาใจใส่ไม่เคยขาด มีเพียงอิสรภาพในเรื่องบางเรื่องเท่านั้นที่เธอถูกจำกัดสิทธิ์

    “มาที่ห้องนี่ทำไมทำไมคะ แล้วน้ากานต์เอากุญแจห้องมาจากไหน” จนกระทั่งถูกดึงมาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งนั้นแหละรัตน์วลีถึงหลุดออกจากภวังค์ความคิด

    “ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ทำตามที่น้าบอกก็พอ”

    “น้ากานต์จะให้รัตน์ทำอะไรคะ”

    “เข้าไปในห้อง แล้วก็อยู่ในนั้นจนกว่าน้าจะเป็นคนมาเปิดประตู เข้าใจไหม”

    “รัตน์ไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยคะ น้ากานต์กำลังจะทำอะไรกันแน่” รัตน์วลีส่งเสียงถามอีกฝ่ายขณะที่มองมือเรียวสะอาดของน้าสาวที่กำลังใช้ลูกกุญแจไขลูกบิดประตูอย่างรีบร้อน

    “ไม่ต้องเข้าใจอะไรทั้งนั้น แค่ทำตามก็พอ” 

    สิ้นประโยคร่างเล็กๆ ของรัตน์วลีก็ถูกผลักผ่านประตูที่ถูกเปิดออก ร่างบอบบางเซถลาเข้าไปในห้อง พอตั้งตัว และตั้งสติได้หญิงสาวก็สาวเท้ากลับไปที่ประตูที่ถูกปิดลง มือเล็กพยายามเปิดประตูออก แต่ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ประตูที่เพิ่งปิดสนิทเปิดอ้าออกได้

    “น้ากานต์ เปิดประตูหน่อยค่ะ รัตน์เปิดประตูไม่ได้” รัตน์วลีส่งเสียงเรียกคนที่อยู่หน้าห้อง 

    “...” แต่เสียงตอบรับกลับมากลับเป็นเสียงกุกกักที่ดังมาจากประตูอีกบานหนึ่งซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ดวงตากลมโตที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างจนดูโตขึ้นอีกขณะที่มองไปยังประตูไม้สีเข้มบานนั้น

    บ้าจริง! เธอเห็นเขาขับรถออกไปแล้วนี่

    ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าห้องนี้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ จนอากาศภายในห้องเย็นฉ่ำ ไม่สิ มันเย็นเกินกว่าจะเรียกว่าอากาศกำลังจะเย็นสบายด้วยซ้ำ

    “น้ากานต์คะ” รัตน์วลีส่งเสียงอีกครั้งแต่ด้วยเสียงที่เบาลง เพราะกลัวว่าเจ้าของห้องจะได้ยิน 

    “...”

    “น้ากานต์” เมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับมารัตน์วลีก็ส่งเสียงขึ้นอีก เธอแนบใบหน้าลงกับบานประตู พยายามฟังเสียงจากด้านนอก แต่สิ่งที่เธอได้ยินกลับมีเพียงความเงียบกริบ

    “น้ากานต์ เปิดประตูเถอะค่ะ” 

    รัตน์วลีส่งเสียงออกไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มทน เสียงกุกกักที่ดังขึ้นตามด้วยเสียงสายน้ำกระทบพื้นทำให้เธอตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวกวาดตาไปรอบๆ สมองแล่นเร็วจี๋พยายามคิดว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี และตอนนี้สิ่งเดียวที่คิดออกก็คือเปิดประตูออกให้ได้

    หญิงสาวหมุนตัวกลับไปที่ประตู มือเล็กกระชากประตูให้เปิดออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทว่าประตูบานที่เปิดออกกลับไม่ใช่ประตูที่เธอพยายามจะเปิดมัน...

    “เธอเข้ามาห้องของฉันได้ยังไง”

    *********

    ฝาก e-book ด้วยค่ะ เป็นนิยายสองเรื่องแรกในซีรีส์ไฟเสน่หา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×