คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : บทที่ 11 (2)
โรลส์รอยสีน้ำเงินแล่นเข้ามาตามถนนกว้างของคฤหาสน์อย่างเชื่องช้า
ใบหน้าของคนขับเงยขึ้น นัยน์ตาสีเทาจับจ้องไปที่หน้าต่างกระจกใสของห้องห้องหนึ่ง...
ทุกครั้งที่เขาขับรถกลับบ้าน
ไม่ว่าเวลานั้นจะดึกดื่นขนาดไหน แสงไฟจากในห้องนั้นจะลอดออกมานอกหน้าต่างเสมอ
และทันทีที่เขาออกมาจากโรงรถหลังจากเอารถเข้าไปจอด
ไฟจากหน้าต่างห้องนั้นก็ถูกดับไปแล้ว
ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่รอให้เขากลับมา เขาเองทั้งๆ
ที่พยายามจะไม่กลับมาที่บ้าน พยายามจะออกไปเที่ยว พยายามอยู่ให้ห่างจากเธอ
แต่ไม่ว่ากี่คืนต่อกี่คืนเขาก็ไม่เคยทำสำเร็จ ไม่มีสักคืนที่เขาจะไม่กลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อมองแสงไฟที่ลอดออกมาทางหน้าต่าง
แต่วันนี้ไฟห้องนอนห้องนั้นกลับมืดสนิท
เธออาจจะหลับไปแล้วก็ได้... เอริคบอกตัวเอง ขณะบังคับโรลส์รอยซ์ไปจอดในโรงจอดรถ
มือหนาบิดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์ แล้วก้าวรถ ตรงไปยังประตูบ้าน แต่ทว่าเมอซิเดสเบนซ์สีขาวที่แล่นเข้ามาในบ้านก็ทำให้เขาต้องชะงักมือที่กำลังจะวางบนแท่นแสกนลายนิ้วมือ
“ทำไมเพิ่งมาถึงล่ะครับ”
เอริคถามชายสูงวัยที่ก้าวลงมาจากรถ เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนขับรถเร็วแต่เร็วยังไงก็ไม่น่าจะมาถึงบ้านก่อนคนที่ออกจากโรงพยาบาลมาก่อนเกือบสองชั่วโมงแบบนี้
ขณะที่ถามนัยน์ตาคมเข้มก็จ้องไปที่รถที่จอดอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร เพราะแค่กลับมาเอาของพร้อมพงศ์จึงไม่เอารถไปจอดที่จอดรถ
ทว่าเขากลับไม่พบคนที่ควรกลับมาพร้อมกับอีกฝ่าย
ริมฝีปากหยักได้รูปอ้าขึ้นตั้งใจจะถามหาคนที่มองหา
แต่ไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายก็ตอบออกมาเสียก่อน เป็นคำตอบของคำถามที่เขาถามออกมา
ซึ่งมันก็ช่วยไขข้อข้องใจของคำถามที่ไม่ได้ถามออกไปด้วย
“อ้อ ผมวกกลับไปส่งคุณรัตน์หาเพื่อนน่ะครับ”
“เพื่อน
ใคร ทำไมต้องไปหาดึกดื่นแบบนี้ แล้วไป...” คำว่า ‘ส่งที่ไหน’
ถูกกลืนลงในลำคอฉับพลันเมื่อนึกได้ว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเอง
บ้าฉบ! เขาไม่ควรสนใจว่าเธอจะไปไหน กับใคร ไม่ว่าตอนนี้จะดึกดื่นแค่ไหนแล้วก็ตาม
“คุณโอมครับ
พอดีว่าคุณ...”
“ช่างเถอะ”
เอริคเอ่ยเสียงเรียบเพื่อเบรกการตอบคำถามที่ไม่ควรถามออกไปของตัวเอง
“ลุงมาเอาเสื้อผ้าใช่ไหม ไปเถอะครับ ดึกแล้ว
เดี๋ยวต้องขับรถกลับอีก” สีหน้าฉงนของอีกฝ่ายทำให้เอริคพูดขึ้นอีกครั้ง
พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวแสกนฝ่ามือแล้วเปิดประตูออก เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรอีก
เพราะเขากลัวว่าหากอยู่ตรงนี้ต่ออีกวินาทีเดียว
จะห้ามใจตัวเองไม่ไหว เขาเป็นฝ่ายห้ามเธอเข้าใกล้ เป็นคนเลือกผลักไสเธอออกห่าง ในเมื่อเธอก็ยินยอมทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอน
เขาก็ไม่ควรเป็นคนแหกกฎเสียเอง
เมอซิเดสเบนซ์สีขาวแล่นฝ่าแสงไฟหลากสียามค่ำคืนของใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จนเกือบจะถึงปลายทางแล้วตอนที่โทรศัพท์ของเธอสั่นครืดคราดอยู่ในกระเป๋า...
“ว่าไงโอม โทรมาดึกๆ มีอะไรหรือเปล่า” เพราะเธอไปขลุกอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่หลายชั่วโมง
เพราะต้องรอปาลิตาด้วย ทำให้ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว
“ตอนนี้รัตน์อยู่ไหน”
“กำลังจะกลับบ้านมีอะไรหรือเปล่า”
“มาหาเราก่อนได้ไหม มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
“โอมอยู่ที่ผับเหรอ” เพราะเสียงเพลงอึกทึกที่ลอดเข้ามาในโทรศัพท์ทำให้เธอลองเดาดู
แต่เพราะน้ำเสียงร้อนใจปนหงุดหงิดของอีกฝ่ายทำให้เธอถามต่อโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“น้ำตาลมีปัญหากับพี่หมอน่ะ
หนีมากินเหล้าตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ โทรหาเราพอเรามาถึงก็เจอนั่งดื่มเอาดื่มเอาร้องไห้
โวยวาย จะพากลับก็ไม่ยอมกลับ บอกถ้ารัตน์มาหาแล้วจะยอมกลับ”
“ปกติทะเลาะกันไม่เคยเป็นแบบนี้นี่”
“มันจับได้ว่าพี่หมอมีคนอื่น”
“พี่หมอเนี่ยนะ
เรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า”
“ไม่น่าใช่นะ
น้ำตาลมันเสียใจมากเลย”
“แล้วอยู่ผับไหน”
“นอนสต็อป”
พอรู้สถานที่รัตน์วลีก็กดวางสายก่อนจะพบว่ายลดาโทรมาหาตัวเองเกือบสิบสาย
เป็นเพราะตอนทำงานเธอปิดเสียงไว้
แล้วพอไปโรงพยาบาลเธอก็ทิ้งกระเป๋าไว้ห่างตัวเลยไม่ได้ยินเสียงสั่นตอนมีสายโทรเข้า
___________________
ความคิดเห็น