คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : บทที่ 9 (4)
กลิ่นกุหลาบของครีมอาบน้ำลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศเมื่อรัตน์วลีเปิดประตูห้องน้ำออกมา หญิงสาวอยู่ในชุดคลุมผ้าฝ้ายสีขาวสะอาด ผมเปียกๆ ถูกห่อไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว เพราะเกรงว่าคนที่ต้องใช้ห้องน้ำต่อจะรอนานเธอจึงถือไดร์เป่าผมติดมือออกมาจากห้องน้ำด้วย
ตึง!
แก้วเซรามิกสีขาวที่มีไอพวยพุ่งถูกวางไว้ตรงโต๊ะเตี้ยๆ ที่ทำจากไม้โอ๊คแดงที่ตั้งอยู่หน้าโซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มโดยไร้คำพูดใดๆ พอวางเสร็จร่างสูงก็หายลับเข้าไปในห้องน้ำ แม้ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นด้วยจังหวะที่แปลกไปได้อยู่ดี
หลังจากหาปลั๊กเจอ และพบว่ามันอยู่ใกล้ๆ โซฟา เธอก็เดินไปทรุดกายลงนั่ง จิบน้ำอุ่น สลับกับเป่าผมด้วยไดร์ที่หยิบติดมือมา พอผมของเธอแห้งสนิทร่างสูงก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในชุดคลุมไม่ต่างจากเธอ ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งอีกมุมหนึ่งของโซฟาตัวยาวที่เธอนั่งอยู่
“เป่าผมไหมคะ” เพราะอยากทำลายความเงียบที่ครอบคลุมบรรยากาศเสียงหวานจึงพูดขึ้น
“ขี้เกียจ”
“ปล่อยผมเปียกแบบนั้นเดี๋ยวไม่สบายนะ”
“ถ้ากลัวว่าจะป่วย ก็ทำให้สิ”
นัยน์ตากลมโตกระพริบมองเขาด้วยแววตาแปลกใจแบบนั้น แต่กลับตกใจกับคำตอบของตัวเองมากกว่า...
“มานั่งตรงนี้สิคะ” รัตน์วลีลุกขึ้นเต็มความสูง ขยับกายไปอยู่ข้างโซฟา เพื่อให้เขามานั่งแทนที่ตัวเองซึ่งอยู่ชิดกับที่เท้าแขนฝั่งหนึ่งของโซฟา เพราะสายไดร์เป่าผมมันยาวไม่ถึงตำแหน่งที่เขานั่งอยู่
นานนับนาทีที่ร่างสูงนั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูป ตัวเธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี หนึ่งนาทีนั้นจึงตกอยู่ในความเงียบ... ความเงียบงันที่ชวนให้อึดอัด และทำให้หัวใจรู้สึกจี๊ดๆ อย่างไม่มีสาเหตุ
ทว่าท้ายที่สุดความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงสวบสาบของผ้าฝ้ายที่เสียดสีเบาะหนังน้ำตาลเข้มเมื่อร่างสูงขยับกายมานั่งในตำแหน่งที่เธอเพิ่งลุกขึ้น
“เออ...” คนอาสาที่ไม่เจียมตัวเองทำหน้าเหยเมื่อไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไรดี
“ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ช่วย...ถือไดร์ให้หน่อยได้ไหมคะ” รัตน์วลีว่าพลางยกแขนข้างขวาที่ใส่เฝือกขึ้น
“แล้วแบบนี้มันต่างจากฉันทำเองตรงไหน” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ชายหนุ่มก็ยังรับไดร์ไปไว้ในมือแต่โดยดี เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่ความเงียบงันนั้นจะถูกทำลายลงด้วยเสียงไดร์ที่เริ่มทำงาน
“ซ้ายหน่อยค่ะ” รัตน์วลีค่อยๆ สางเส้นผมนุ่มเบาๆ ขณะที่บอกเขาให้ขยับตามไดร์เป่าลมตาม
แม้มันจะทุลักทุเลพอสมควร แต่เขาก็เป็นคนแรกที่เธอทำแบบนี้ให้ ความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้ เธอจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะไม่เหมือนกัน หากเธอทำให้กับคนอื่น
แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้หัวใจของเธอเต้นด้วยจังหวะแบบนี้ได้ หลายครั้งที่หัวใจของเธอสั่นระรัว หลายครั้งที่มันเต้นราวกับจะหลุดออกมาเพราะคำพูดของเขา หรือเพราะสิ่งที่เขาทำ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอจะฉุกใจคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร
แต่ตอนนี้เธอฉุกคิดแล้ว... และได้คำตอบแล้วด้วย เป็นคำตอบที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นจับใจ
พรึบ!
เปรี้ยง!!!
ไฟดับลงอย่างเฉียบพลัน แสงแสบตาจะสว่างวาบเข้ามาทางประตูระเบียงที่เป็นกระจก เสียงฟ้าร้องสนั่นทำให้หัวใจของรัตน์วลีแทบหยุดเต้น เธอผวาเกาะต้นแขนหนาไว้แน่น หากแต่สติสัมปชัญญะที่กลับมาก็ทำให้เธอรีบปล่อยมือจากแขนล่ำสัน เธอไม่ได้กลัวความมืด ไม่ได้กลัวเสียงฟ้าร้อง แต่ตกใจมากว่า
“ขอโทษค่ะ” รัตน์วลีบอกเขาก่อนจะค่อยๆ เดินสุ่มท่ามกลางความมืดอ้อมโต๊ะไม้โอ๊คแดงเพื่อไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง แต่คงเป็นเพราะสายตายังไม่ชินกับความมืด อีกทั้งไม่ชินสถานที่ เท้าของเธอจึงเตะเข้ากับขาโต๊ะเต็มแรง
“โอ้ย!”
“รอให้สายตาชินกับความมืดก่อนสิ ค่อยเดิน”
เสียงดุที่ดังขึ้นทำให้คนเท้าเจ็บมุ่ยหน้า แต่ก็ทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งดวงตาก็เริ่มปรับชินกับความมืด หญิงสาวจึงเริ่มขยับกายอีกครั้ง พร้อมๆ กับเอริคที่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ไฟเป็นอะไร” จนกระทั่งเสียงทุ้มพูดขึ้นนั่นแหละเธอถึงรู้ว่าเขาโทรหาใคร “อีกนานไหม...อืม”
“ไฟเป็นอะไรคะ”
“หม้อแปลงระเบิด แจ้งช่างแล้ว เดี๋ยวทางโรงแรมจะเอาเทียนมาให้”
“อ้อ ค่ะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ไม่ถึงนาทีหลังจากที่เขาบอก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เอริคเป็นคนเดินไปเอาเทียนแท่งใหญ่สีขาวมาจากพนักงานที่ขอโทษขอโพยกับเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นการใหญ่
แสงวิบวับจากเปลวเทียนที่ไหวไปมาตามจังหวะการก้าวเดินสะท้อนเข้ากับใบหน้าคมคายได้รูปของเขา เอริคเป็นคนที่ดูดีตลอดเวลา ไม่ว่าจะในความมืดหรือในที่สว่าง ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อยืดธรรมดา สูทเต็มยศ หรือแค่เสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวเดียวแบบตอนนี้
ผู้ชายแบบเขาทำให้ผู้หญิงหวั่นไหวได้ไม่ยาก แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนที่ไม่เคยมองเขามากไปกว่าผู้ชายนิสัยแย่คนหนึ่ง ที่ไม่ควรญาติดีด้วย แล้วเธอล่ะมีดีมากพอที่จะทำให้เขาหวั่นไหวได้ไหม?
เทียนแท่งใหญ่ถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดกายนั่งลงที่เดิมอย่างเงียบเชียบ
“ผมพี่ยังไม่แห้งเลย” รัตน์วลีชวนคุย
“ช่างมัน เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”
ทั้งๆ ที่อยากทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นในบรรยากาศสลัวที่ทำให้ใจเธอเต้นแรง ทว่ากลับไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ หญิงสาวเม้มปากก่อนจะเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
ความสลัวราง อากาศที่เย็นสบาย ความเงียบสงบที่มีเสียงสายฝนหล่นกระทบสิ่งต่างๆ ขับกล่อมให้รู้สึกง่วงงุน และสุดท้ายเธอก็ต้องปล่อยให้นิทราเข้าครอบครองการรับรู้ทั้งหมดที่มี
ความคิดเห็น