ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บัญชารักจอมเถื่อน

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 6 (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.79K
      44
      8 ส.ค. 64

     

    หลังจากผ่านเมื่อวานที่เธอคิดว่าเป็นวันซวยสุดๆ ไปแล้ว และปลอบใจตัวเองว่าวันนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นเหมือนท้องฟ้าที่แจ่มใสหลังพายุเข้า ทว่าวันนี้กลับไม่ใช่วันดีๆ อย่างที่เธออยากให้เป็น

     หลังจากถูกตรวจข้อมืออย่างละเอียด ซักถามหาสาเหตุและอาการ ถูกส่งไปเอ็กซเรย์ ตามด้วยเอ็มอาร์ไอ หมอก็ระบุว่าอาการที่เธอเป็นอยู่คือกล้ามเนื้อฉีก และถึงจะไม่มีเอ็นฉีกขาด ไม่มีกระดูกชิ้นไหนแตกหรือร้าว แต่เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดนั้นอยู่นิ่งๆ เมื่อแผลหายดีแล้วจะได้กลับมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิ์ภาพ จากวันนี้ไปจนอีกสองอาทิตย์ข้างหน้ามือข้างขวาของเธอจึงจำเป็นต้องเข้าเฝือกอ่อนเอาไว้

    พอหลังจากออกจากตึกสีขาวพร้อมกับสิ่งที่จะทำให้การใช้ชีวิตอีกสองอาทิตย์ต่อจากนี้ลำบากขึ้น ก็ถูกบังคับให้ขึ้นไปนั่งบนโรลส์รอยซ์สีน้ำเงินที่ไม่คิดว่ามันจะยังจอดอยู่หน้าโรงพยาบาลอีกครั้ง

    รัตน์วลีดึงแขนเสื้อสูทตัวใหญ่ที่คนหน้านิ่งเสียสละเอามาให้ใช้คลุมสภาพที่ดูไม่ได้ขึ้นเพื่อดูนาฬิกา เวลาที่บ่งบอกว่าอีกสิบนาทีกำลังจะเที่ยง และถนนในย่านธุรกิจที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ต่างสายพันธุ์ในช่วงพักกลางวันทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองถนนอย่างร้อนรน

     ความจริงเวลาหนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบนาที เหลือเฟื้อด้วยซ้ำสำหรับการขับรถไปบริษัทโรยัลเฮาส์ดีไซน์ แต่สภาพเธอตอนนี้มันต้องได้รับการจัดการอะไรหลายๆ อย่างก่อนจะไปสัมภาษณ์ได้ เพราะถึงเสื้อที่เปียกจะแห้งหมดแล้ว แต่กลิ่นเบียร์ก็ไม่ได้หายไปด้วย สายตาคนในโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ พยาบาล หมอที่มองเธอด้วยแววตาแปลกประหลาดเธอไม่สนใจหรอกเพราะเธอไม่ได้รู้จักพวกเขา แต่คนบริษัทที่เธออยากทำงานด้วยน่ะเธอไม่สนใจไม่ได้

    โอ้ย! คิดแล้วอยากหากระป๋องเบียร์มาปาใส่หัวเขาสักสองสามกระป๋องชะมัด 

    ในรถเขามีทั้งขวดน้ำ กระป๋องเบียร์ แต่เขากลับเลือกเบียร์ เป็นใครใครก็โมโหเชื่อสิ 

    “เดี๋ยวพี่จอดให้รัตน์ลงหน้าเซ็นทรัลฯ ด้วยนะคะ” หลังจากใช้สมองประมวลผลหนักๆ การลงที่ห้างที่ใกล้ที่สุด ซื้อเสื้อผ้า แล้วหาโรงแรม หรือหอพักใกล้ๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไป น่าจะทำให้เธอไปทันแบบเฉียดฉิวที่สุดแล้ว

    “ขับรถเร็วๆ หน่อยได้ไหมคะ”

    หญิงสาวก้มลงมองนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย ใช่เธอกำลังร้อนรนจนนั่งแทบไม่ติด ซึ่งผิดกับคนที่ทำหน้าที่ขับรถลิบลับ เขายังคงนิ่งเฉยและขับรถสบายๆ ราวกับไม่ได้เร่งรีบอะไร แน่นอน ก็เขาไม่ได้รีบไปไหนจริงๆ นี่ 

    “จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อคนที่เธอพูดด้วยไม่ยอมทำตามที่เธอบอก หรือแม้แต่ตอบกลับมาสักคำ เป็นแบบนี้เสมอ ถ้าเขาไม่อยากพูด หรือไม่อยากทำ ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีใครสามารถทำให้เขาพูด หรือทำตามที่เขาไม่อยากทำได้

    “หยุดแกล้งรัตน์สักทีได้ไหม” รัตน์วลีหันไปมองร่างกำยำในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนสีเข้มตรงๆ เขากำลังบังคับพวงมาลัยรถด้วยมือซ้ายข้างเดียว ส่วนแขนอีกข้างเท้าอยู่ที่ขอบกระจกด้วยท่าทางสบายๆ แรงหายใจทำให้ซิกแพคภายใต้เนื้อผ้าบางเบาพอดีตัวกระเพื่อมอย่างน่ามอง

    เอริคเป็นแบบนี้เสมอ เขาไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่ชอบกฎเกณฑ์ที่มากเกินไป หากวันไหนที่ไม่ต้องประชุมสำคัญ หรือต้องพบปะกับลูกค้า ชายหนุ่มมักจะแต่งตัวสบายๆ เมื่อบวกกับเคราครึมที่ล้อมกรอบใบหน้าอยู่ ทำให้ลุคของเขาดู เท่และดิบเถื่อน ไม่เหมือนนักธุรกิจผู้ปราดเปรื่อง ที่วันๆ เคร่งเครียด คิดหาแต่ผลกำไรเข้ากระเป๋าเลยสักนิด

    “คิดว่าฉันแกล้งอีกแล้ว”

    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ หน้าของเธอร้อนเห่อเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องที่ไม่สมควรควรในเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย

    โอ้ย! ไม่สิ ไม่ว่าเวลาไหนก็ไม่สมควรคิดทั้งนั้น

    “ไม่ได้แกล้งก็จอดสิคะ” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับเบนหน้าออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่คนข้างตัวจะหันมาเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเธอที่ตอนนี้มันร้อนเห่อไปหมดและคงแดงก่ำอย่างไม่ต้องสงสัย

    “จะให้จอดทำไม” เสียงเรียบพูดขึ้นอย่างตัดรำคาญมากกว่าอยากจะตอบ

    “เดี๋ยวรัตน์นั่งมอเตอร์ไซค์ปเร็วกว่า” 

    “ถึงแล้วจะนั่งมอเตอร์ไซค์ไปทำไมอีก” เอริคว่าพลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดที่จอดรถพิเศษข้างทางเข้าตึกสูงระฟ้า... 

    เดอะริทซ์ แกรนด์ เรสซิเดนท์เซส บางกอก คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ธุรกิจในเครือแกรนด์เอ็นเตอร์ไพรส์

    “มาที่นี่ทำไมคะ”

    “อาบน้ำ”

    “แต่รัตน์ไม่มีเสื้อผ้า” คำตอบสั้นแสนสั้นของเขาไม่ได้เฉลยข้อข้องใจของเธอเลยสักนิด

    “ลงไปเถอะน่า”

    คำตอบต่อมาก็ไม่ได้ทำให้เธอเข้าใจอะไรมากขึ้นเช่นกัน เธอมองตามร่างสูงกำยำที่เปิดประตูลงจากรถแล้วก้าวตรงไปยังประตูกระจกที่มีพนักงานชายในชุดแบบฟอร์มสีดำและทองที่ออกแบบตัดเย็บผสมผสานความเป็นไทยกับความเป็นสากลได้อย่างลงตัวทันทีที่พูดจบอย่างงงๆ ไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร กว่าจะรู้ตัวอีกทีคนที่เดินไปจนถึงประตูทางเข้าก็สาวเท้ากลับมาแล้วกระชากประตูฝั่งของเธอให้เปิดออกเสียแล้ว

    “เอ้า ยึกยักอะไรอีก ลงมาสิ อยากไปสัมภาษณ์ไม่ทันหรือไง”

    *************************

    มาแล้วจ้า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×