คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 2 จนกว่าเราจะได้พบกันอีก (3)
ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดสนิททุกสรรพสิ่งก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด
บรรยากาศที่น่าอึดอัดทำให้รัดเกล้าขยับตัวไปมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี
รัดเกล้ารู้สึกว่าอุณหภูมิในลิฟต์เพิ่มขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะเธอคิดไปเอง แต่ที่แน่ๆ
คือเธออยากให้เหตุการณ์อันน่าอึดอัดนี้จบลงเสียที
“ขอโทษ
แล้วก็ขอบคุณนะคะ”
“เท่าไร?”
รัดเกล้าขมวดคิ้วให้กับคำพูดที่พูดขึ้นแทบจะพร้อมกับคำว่า
‘ขอโทษ และขอบคุณ’ ของเธอก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
“ขอโทษค่ะฉันไม่เข้าใจที่คุณถาม?”
“ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงเข้าหาผมด้วยวิธีนี้”
“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคุณหมายถึงเรื่องอะไร”
“คุณต้องการเท่าไรแลกกับการนอนกับผม”
รัดเกล้าหน้าชากับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า
เธอเม้มริมฝีปากแน่น เพื่อข่มอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองเอาไว้ แต่ถึงเธอจะรู้สึกโกรธเขาเพียงใด
เธอก็รู้ดีว่าทั้งหมดจะโทษว่าเป็นความผิดของเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
เป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายจูบเขาก่อน ถึงแม้ว่านั่นจะเรียกว่าจูบจริงๆ ไม่ได้ก็ตาม
“ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ
ฉันไม่ได้ต้องการเงินของคุณแม้แต่บาทเดียว
แล้วก็ไม่ได้อยากนอนกับคุณด้วย” รัดเกล้าพ่นลมหายใจออกเพื่อบรรเทาอารมณ์ที่ขุ่นมัวก่อนจะพูดออกมา
พอพูดจบเธอก็มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด
แม้จะรู้สึกโกรธ แต่ความอายในสิ่งที่ตัวเองพูดก็มีมากไม่ต่างกัน
สิ้นคำตอบของเธอภายในลิฟต์ทรงสีเหลี่ยมก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เป็นความเงียบที่แสนทรมานและน่าอึดอัดยิ่งกว่าเก่าหลายร้อยหลายพันเท่า
“คุณชื่ออะไร” แม็กซิมัสลูบคางอย่างครุ่นคิด นัยน์ตาสีน้ำเงินมองร่างเล็กอย่างประเมิน ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง
แต่เป็นคำถามที่ต่างออกไป
รัดเกล้ามองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจกับการเปลี่ยนบทสนทนาของเขา
แต่เช่นเดิม ใบหน้าของเขายังคงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ และราวกับบทสนทนาก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และในเมื่อเธอไม่เข้าใจเธอจึงเลือกพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดและสมควรพูดมากกว่า
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยฉัน”
“ผมถามว่าคุณชื่ออะไร” น้ำเสียงของเขาฟังดูคุกคามเล็กน้อยเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“รัดเกล้าค่ะ
แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะที่ฉัน...จูบ...คุณ...” เธอหน้าแดง
น้ำเสียงแผ่วเบาอ้อมแอ้มตะกุกตะกักขอโทษอย่างอับอาย
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจคำขอโทษของเธอมากนัก
“พักที่นี่เหรอ”
“เออ...” รัดเกล้าอ้ำอึ้ง รัดเกล้ากระพริบตางุนงงหนักไปอีก
เธอไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรจากคำถามเหล่านั้น
“ผมถามว่าพักที่นี่หรือเปล่าหรือเป็นพนักงาน
แต่ดูจากการแต่งตัวไม่น่าจะใช่”
“เปล่าค่ะ
ฉันไม่ใช่พนักงานที่นี่”
“แล้ว?”
“ฉันมาเที่ยว”
“สกายผับแอนด์เรสซิเด้นท์” แม็กซิมัสถามพลางขมวดคิ้ว
และคิ้วที่ขมวดไว้ก็ขมวดแน่นขึ้นอีกเมื่อเสียงหวานเอ่ยตอบรับในสิ่งที่เขาคาดเดา
“ค่ะ”
“อายุเท่าไร
ถึงมาเที่ยวที่แบบนี้”
“...” รัดเกล้าไม่ได้ตอบ
เพราะถึงเขาจะเป็นคนช่วยเธอไว้ แต่เรื่องที่เขาถามก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอไม่จำเป็นต้องตอบ
แต่พอเธอไม่ตอบอีกฝ่ายก็หันมามองเธอตรงๆ โน้มหน้าลงมาใกล้จนใบหน้าของเขาห่างจากเธอแค่เพียงคืบเดียว
แล้วถามประโยคเดิมซ้ำด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเยียบเย็นไม่ต่างจากนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ใช้จ้องมองมา
“ผมถามว่าคุณอายุเท่าไร”
“มะ...มากพอที่จะเข้าผับได้แล้ว
พอใจหรือยังคะ” รัดเกล้าผละหน้าออกห่างใบหน้าคมเข้ม เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
ยิ่งได้สบตากับดวงตาสีน้ำเงินในระยะที่ต้องใช้ลมหายร่วมกันแบบนี้หัวใจเธอยิ่งเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา
“อืม”
รัดเกล้าแทบพ่นลมหายใจออกมาเพราะตอนที่เขาได้คำตอบที่ต้องการชายหนุ่มก็ถอยห่างออกไป
เธอเหลือบตามองเขา และถ้ามองไม่ผิดเธอเห็นริมฝีปากของเขากระตุกขึ้น
บ้าชะมัด! ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ทำให้เธออึดอัดได้มากขนาดนี้นะ
อาจเป็นเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาขั้นรุนแรง
หรืออาจจะเป็นสายตาที่เขาใช้มองเธอ
หรือเป็นเพราะมือหนาที่ยกขึ้นจับคางแล้วใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากล่าง
ริมฝีปากที่น่าจูบ...
‘น่าจูบอย่างนั้นเหรอ’ แล้วความคิดนั้นก็นำพาภาพจุมพิตเร่าร้อนระหว่างเธอกับชายหนุ่มแปลกหน้าให้ไหลบ่าเข้ามาในห้วงคำนึงอีกหน
รัดเกล้ารู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ไปทั่วใบหน้า
และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัวไม่เป็นจังหวะของตัวเองได้อย่างถนัดถนี่ จนเธอต้องรีบปัดความคิดส่วนลึกทิ้งด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ติ้ง!
เสียงเตือนตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออกทำให้รัดเกล้าแทบพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เออ ขอโทษนะคะ ฉันต้องกลับแล้ว
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วย” พูดจบรัดเกล้าเดินออกจากลิฟต์
ก่อนจะชะงักฝีเท้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาต่างหากที่ควรออกจากลิฟต์
เพราะตอนนี้ลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นที่เขาเป็นคนกดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนเธอน่ะสมควรอยู่ในลิฟต์แล้วรอให้มันเคลื่อนตัวลงไปชั้นล่างต่างหาก
แม็กซิมัสกระตุกยิ้มตอนที่เห็นร่างเล็กๆ
พุ่งออกจากลิฟต์ และแทบขำพรืดตอนที่ร่างเล็กที่หมุนกลับมา ใบหน้าหวานแดงก่ำ
เธอเม้มปากแน่น มือบางยกขึ้นทัดผมที่หูอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น เขาสาวเท้าเดินออกมาจากลิฟต์แล้วผายมือให้เธอเดินเข้าไปในนั้นแทน
รัดเกล้าเม้มปากแน่นตอนที่เดินข้าไปในลิฟต์
ก่อนจะเอื้อมมือสั่นๆ ไปกดปุ่มให้ประตูลิฟต์ปิด เธออยากไปให้พ้นๆ
สถานการณ์น่าอายและชวนใจสั่นนี่เสียที เธอก้มหน้าต่ำมองเท้าตัวเอง
ไม่กล้ามองหน้าเขา และอยากไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่
หญิงสาวรอฟังเสียงเตือนตอนที่ประตูปิดดังอย่างร้อนรน
แต่ไม่มีท่าทีว่าประตูลิฟต์จะยอมปิดลงเสียที จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาสาเหตุ
แล้วเธอก็รู้คำตอบทันทีเมื่อเห็นร่างสูงของหนุ่มแปลกหน้าที่ซักประวัติเธอราวกับนายทะเบียนกำลังยืนพิงประตูลิฟต์ไว้
“เออ... ลาก่อนค่ะ”
รัดเกล้ามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรอีก
ก่อนจะตัดสินใจบอกลา เพื่อบอกเขาแบบอ้อมๆ ว่าให้เขาถอยออกห่างจากประตูลิฟต์เสียที
“จนกว่าเราจะได้พบกันอีก”
เป็นคำพูดบอกลาธรรมดาๆ
และน้ำเสียงของเขาฟังดูสุภาพ
แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นการคุกคามมากกว่าการบอกลาทั่วๆ ไป อะไรบางอย่างในตัวร้องเตือนดังลั่นว่าประโยคลานั้นเป็นเหมือนถ้อยคำที่คล้ายจะเป็นการเริ่มต้นอะไรบางอย่าง
และเป็นบางอย่างที่จะนำพาความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตของเธอ
_____________________
มาต่อให้แล้วจ้า
ความคิดเห็น