คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : บทที่ 9 การทำงานวันแรก (1)
แสงแดดยามเช้าแสนสดใสของเอเดรียน่าที่สาดผ่านหน้าต่างกระจกทรงสูงเข้ามาในห้องนอนกว้างและเสียงนกร้องคล้ายจะขับขานเพลงหวานปลุกให้หญิงสาวที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลทองให้ตื่นจากนิทรา
รัดเกล้าปรือตาขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดตาก่อนจะชำเลืองมองไปที่เตียงกว้างที่ตั้งอยู่กลางห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบหรู
เช่นทุกเช้า...
เจ้าของห้องที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว เขาตื่นก่อนเธอเสมอ
แน่ล่ะ! การอยู่ในห้องนอนที่มีเตียงกว้างนุ่มสบาย
กับผู้ชายที่มีพลังงานทางเพศสูงเป็นอะไรที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับได้
กว่าจะนอนได้แต่ละคืนก็เลยค่อนคืนไปแล้วเป็นชั่วโมงและนั่นก็เป็นสาเหตุให้เธอตื่นสายโด่งแทบทุกวัน
แต่วันนี้เธอจะตื่นสายไม่ได้เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของเธอ...
ระหว่างที่รวบผมขึ้นเป็นมวย เดินหยิบข้าวของเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
รัดเกล้าก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปถึงช่วงเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นหลายวันที่เธอรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างไร้ค่าและน่าเบื่ออย่างสุดบรรยาย
วันๆ เธอแทบไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ นอกจากเดินไปทั่วคฤหาสน์สำรวจห้องโน้นห้องนี้
หรือไม่ก็ทอดน่องไปตามสนามหญ้า ชมนกชมไม้ หายใจทิ้งไปวันๆ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่คิดทำอะไรสักอย่างกับชีวิตของตัวเอง
เธอสมัครงานไว้สิบสองที่ ไม่เกี่ยงเรื่องตำแหน่งและเงินเดือน
แม้จะรู้ดีว่าเด็กจบใหม่และไม่มีประสบการณ์ไม่ควรคาดหวังอะไรมากนัก แต่ลึกๆ
แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าจะมีสักบริษัทที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์
หลังจากเช็คอีเมล์ทุกเช้า-เย็น
ลุ้นระทึกว่าอีเมล์ที่รอคอยจะอยู่ที่อินบ็อก แล้วก็ผิดหวังแทบทุกครั้งเมื่อในอีเมล์มีแต่เมล์ขยะหรือไม่ก็เมล์แจ้งโปรโมชั่นเของบัตรสมาชิกที่เธอเคยสมัครไว้
แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เธอรอคอยก็มาถึง...
รัดเกล้าแทบกรีดร้องและกระโดดจนตัวลอยเมื่อมีเมล์จากบริษัทออแกไนซ์เซอร์เล็กๆ
แห่งหนึ่งเรียกให้เธอไปสัมภาษณ์ แม้จะยังไม่ถือว่าได้งานแล้ว
แต่หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอไม่หยุดหย่อนเรื่องนี้ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องดีในรอบเดือนเลยทีเดียว
แต่กว่าเธอจะผ่านด่านสามีในนามและอีกในหนึ่งคือเจ้านายเบอร์หนึ่งไปได้ก็แทบจะบ้าตายเหมือนกัน
ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นตอนเช้าเมื่อวานไหลเอื่อยเฉื่อยเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำที่ไหลตามกระแส...
ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องนอนออกมา รัดเกล้าก็ผละถอยแทบหลังไม่ทันเพราะเจ้าของร่างสูงในชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่หน้าห้อง
เขากำลังเอื้อมมือมาเปิดประตู แต่คงชะงักไว้เพราะเธอที่อยู่ในห้องเป็นฝ่ายเปิดมันออกเสียก่อน
“ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะ” รัดเกล้าถามขึ้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่านั้น
“ผมลืมโทรศัพท์”
“อ้อ...ค่ะ” รัดเกล้าว่าพลางเบี่ยงตัวเดินผ่านเขาออกจากห้อง
“แล้วนั่นคุณจะไปไหน” แต่เสียงเรียบเรื่อยที่เอ่ยถามก็ทำให้เธอต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเขาที่ยืนอยู่ในห้อง สวนเธอออกมายืนอยู่นอกห้อง
คงเป็นเพราะการแต่งตัวที่ดูเรียบร้อยและเป็นทางการของเธอละมั้งที่ทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหนสักที่
“ไปสัมภาษณ์งานค่ะ”
“ไปทำไม”
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะ ว่านอกจากฉันจะทำหน้าที่ภรรยาในนามให้คุณ
ฉันก็จะทำงานใช้หนี้คุณไปด้วย”
“บอกตอน...ไหน”
แม็กซิมัสชะงักคำพูด เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอบอกเขาแล้ว
แต่เป็นเขาเองที่ไม่ได้ใส่ใจจริงจัง
บ้าชะมัด!
เป็นเรื่องผู้หญิงคนนี้ทีไรเขาไม่เคยรอบครอบได้อย่างทุกเรื่องในชีวิตเลยสิน่า “คนอื่นจะว่ายังไง
หากว่าผมปล่อยให้ภรรยาไปทำงานนอกบ้านทั้งๆ รายได้เดือนเดียวของผมคุณใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด”
“ก็ยังไม่มีใครรู้นี่คะว่าฉันเป็นอะไรกับคุณ”
“แต่ครอบครัวผมรู้ แล้วคุณก็น่าจะรู้ว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
“คุณก็บอกว่าฉันเบื่อ ไม่อยากอยู่บ้าน
ไม่อยากนั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ สิ”
เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้ผสมคำโกหกแม้แต่คำเดียว
“งั้นก็มาทำงานที่บริษัทผม ผมให้เงินเดือนสองเท่าที่คุณจะได้จากบริษัทที่คุณจะไปสัมภาษณ์”
“ไม่ค่ะ” รัดเกล้าลังเลนิดนึงก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ข้อเสนอของเขาน่าสนใจไม่น้อย
แต่เพราะเธอคิดว่าการทำงานใกล้เขาอาจมีปัญหาหลายๆ อย่างตามมา ทำให้เธอปฏิเสธเขาไป
“คุณปฏิเสธทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้งานไหม”
“ถึงฉันสัมภาษณ์ที่นี่ไม่ผ่าน ฉันก็จะสมัครที่อื่น
แต่ที่นั่นต้องไม่ใช่บริษัทของคุณ”
“ทำไม!?” แม็กซิมัสขมวดคิ้ว เขาทั้งหงุดหงิดและสงสัยไปในคราวเดียวกัน
“เพราะฉันไม่อยากมีปัญหาเรื่องเส้นสายน่ะสิ”
แค่คิดเธอก็ปวดหัวแล้วหากมีใครรู้ว่าเธอกับเขาเป็นอะไรกัน
หรือสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา อย่างแรก..อาจจะทำให้ไม่มีใครกล้ามอบหมายงานให้เธอ
ส่วนอย่างที่สอง...น่ากลัวกว่าหลายเท่า
นั่นคือเธออาจกลายเป็นผู้หญิงไม่เจียมตัวอยากตกถังข้าวสารด้วยการใฝ่สูงคิดจะจับเจ้าของบริษัท
“ก็ไม่มีคนรู้ว่าคุณเป็นภรรยาของผมอยู่แล้วนี่”
“แต่ถ้าพี่ชาย แม่คุณ หรือใครก็ตามไปเจอฉันที่บริษัทแล้วทักฉันเข้าฉันจะตอบเพื่อนร่วมงานยังไง
อีกอย่างคุณก็ไม่อยากให้เรื่องนี้ถูกลือออกไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ
แล้วคุณก็บอกฉันว่านอกจากทะเบียนสมรสและการเล่นละครให้คนในครอบครัวคุณเชื่อจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น
นอกจากเรื่องที่คุณย่าฉันเสีย คุณก็จะมีอีกเหตุผลเพื่อใช้อ้างกับครอบครัวของคุณว่าฉันเพิ่งเรียนจบใหม่
ไฟแรง อยากทำงาน และไม่อยากใช้นามสกุลคาริโนในการเข้าทำงานด้วย ฉันรู้นะว่านามสกุลของคุณยิ่งใหญ่แค่ไหน
คุณคิดว่าถ้าฉันไปทำงานที่บริษัทคุณ หัวหน้าแผนกที่ฉันทำหรือเพื่อนร่วมงานรู้ว่าฉันเป็นอะไรกับคุณขึ้นมา
หรือไม่แค่ใครสักคนในตระกูลคุณเข้ามาทักทายฉัน พวกเขาจะมอบหมายงานให้ฉันไหม
จะกล้าพูดคุยกับฉันเหมือนปกติไหม” รัดเกล้าร่ายเหตุผลยาวเหยียดจนแทบลืมหายใจ
“ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ” รัดเกล้าพูดขึ้นอีก เมื่อไม่มีคำพูดโต้แย้งใดๆ
ถูกโต้กลับมาอีก หญิงสาวก็หมุนตัวเพื่อเดินไปยังบันไดที่ทอดลงไปชั้นหนึ่ง
“เดี๋ยว...” เสียงเรียกที่ดังขึ้นอีกหนทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
เธออ้าปากเตรียมจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องหุบฉับลงเมื่อถ้อยคำของเขาไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้
“แล้วจะไปยังไง”
“เรียกแท็กซี่ค่ะ”
“เอารถไปใช้คันหนึ่ง”
“ฉันไม่มีใบขับขี่ของที่นี่”
“ผมหมายถึงเดี๋ยวให้คนไปส่ง”
“แต่...”
“เลือกเอาว่าจะให้คนของผมไปส่ง
หรือไม่ได้ไปเลย”
แล้วเธอจะทำอะไรได้นอกจากยอมรับคำสั่งของเขาโดยดุษฎี แม้ว่าการก้าวลงจากรถคันสวยราคาหลายสิบล้านที่มีคนขับรถให้จะดูประหลาดเกินไปสำหรับการไปสัมภาษณ์งานกับบริษัทเล็กๆ
แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ
เสียงกุกกักที่ดังมาจากห้องน้ำดึงรัดเกล้าให้หลุดจากวังวนความคิด ตอนนี้นี่เองที่รัดเกล้ารู้ว่าเธอเข้าใจผิดไปถนัด...
ตอนแรกเธอคิดว่าแม็กซิมัสออกไปจากห้องนี้แล้ว แต่กลับไม่ใช่ เขาอยู่ในห้องน้ำต่างหาก
หญิงสาวหันไปมองประตูห้องน้ำ จ้องมองลูกบิดที่หมุนช้าๆ ไม่มีเสียงปลดล็อกของลูกบิดด้วยซ้ำก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก
ให้ตายเถอะ! ช่วยล็อกประตูหน่อยได้ไหม
ไม่รู้หรือไงว่าห้องนี้มีหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยทั้งตัวอยู่ด้วย
รัดเกล้าต่อว่าต่อขานคนในห้องน้ำอยู่ในใจ ก่อนจะเบิกตากว้าง
นิ่งงันอยู่กับที่ราวกับคนที่ไร้ความคิด เมื่อเห็นร่างสูงที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับนายแบบนิตยสารแฟชั่น
แม้จะเริ่มเคยชินแล้วกับการมีเขาอยู่ร่วมห้อง แต่ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ทำใจให้ชินกับไหล่กว้าง
สะโพกสอบ และหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยไม่ได้อยู่ดี ริมฝีปากของเธอแห้งผาก
ลมหายใจขัดเมื่อหลุบตาลงมองผ้าขนหนูผืนเดียวที่เกาะสะโพกสอบไว้อย่างหมิ่นเหม่และเหมือนพร้อมจะหลุดได้ตลอดเวลาเพียงเขาขยับตัวแรงๆ
“ถ้าคุณอยากให้ผมดึงมันออกผมยินดี”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้รัดเกล้ารู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังจ้องเขาอยู่ตาไม่กระพริบแต่ไม่รู้ว่าด้วยสายตาแบบไหนถึงทำให้ถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากปากของเขา
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ สองสามทีเพื่อรวบรวมสติสตังที่กระเด็นหายกลับคืนมา ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากไว้แน่นเมื่อเห็นนัยน์ตาที่ทอประกายแรงกล้าเผยสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของใจออกมา
ใบหน้าเรียวร้อนเห่อขึ้นทันที
และแม้ว่าจะไม่ได้ส่องกระจกอยู่เธอก็รู้ว่ามันคงแดงก่ำอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้ววินาทีต่อมาเธอก็เบี่ยงตัวพุ่งผ่านร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูดังปึง ร่างระหงหันหลังพิงประตูด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่งและแทบทรุดกายลงตรงนั้น
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นอยู่ในแววตาของแม็กซิมัสเท่านั้นที่ทำให้เธอเธอหายใจถี่รัวอย่างตระหนก
แต่เพราะสายตาแบบนั้นของเขาทำให้ความปรารถนาบางอย่างก่อตัวขึ้นแล้วบิดเกลียวปั่นป่วนอยู่ในช่องท้องด้วยที่ทำให้เธอหวั่นใจ
_________________________
ขอบคุณที่ทักมานะคะ ตอนที่แล้วเค้าอัปผิด แงๆ
ความคิดเห็น