ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เถื่อนรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #40 : บทที่ 9 การทำงานวันแรก (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.22K
      35
      10 ธ.ค. 64


         สงแดดยามเช้าแสนสดใสของเอเดรียน่าที่สาดผ่านหน้าต่างกระจกทรงสูงเข้ามาในห้องนอนกว้างและเสียงนกร้องคล้ายจะขับขานเพลงหวานปลุกให้หญิงสาวที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลทองให้ตื่นจากนิทรา รัดเกล้าปรือตาขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดตาก่อนจะชำเลืองมองไปที่เตียงกว้างที่ตั้งอยู่กลางห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบหรู

    เช่นทุกเช้า...

    เจ้าของห้องที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว เขาตื่นก่อนเธอเสมอ แน่ล่ะ! การอยู่ในห้องนอนที่มีเตียงกว้างนุ่มสบาย กับผู้ชายที่มีพลังงานทางเพศสูงเป็นอะไรที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับได้ กว่าจะนอนได้แต่ละคืนก็เลยค่อนคืนไปแล้วเป็นชั่วโมงและนั่นก็เป็นสาเหตุให้เธอตื่นสายโด่งแทบทุกวัน

    แต่วันนี้เธอจะตื่นสายไม่ได้เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของเธอ...

    ระหว่างที่รวบผมขึ้นเป็นมวย เดินหยิบข้าวของเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ รัดเกล้าก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปถึงช่วงเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหลายวันที่เธอรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างไร้ค่าและน่าเบื่ออย่างสุดบรรยาย วันๆ เธอแทบไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ นอกจากเดินไปทั่วคฤหาสน์สำรวจห้องโน้นห้องนี้ หรือไม่ก็ทอดน่องไปตามสนามหญ้า ชมนกชมไม้ หายใจทิ้งไปวันๆ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่คิดทำอะไรสักอย่างกับชีวิตของตัวเอง

    เธอสมัครงานไว้สิบสองที่ ไม่เกี่ยงเรื่องตำแหน่งและเงินเดือน แม้จะรู้ดีว่าเด็กจบใหม่และไม่มีประสบการณ์ไม่ควรคาดหวังอะไรมากนัก แต่ลึกๆ แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าจะมีสักบริษัทที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์

    หลังจากเช็คอีเมล์ทุกเช้า-เย็น ลุ้นระทึกว่าอีเมล์ที่รอคอยจะอยู่ที่อินบ็อก แล้วก็ผิดหวังแทบทุกครั้งเมื่อในอีเมล์มีแต่เมล์ขยะหรือไม่ก็เมล์แจ้งโปรโมชั่นเของบัตรสมาชิกที่เธอเคยสมัครไว้ แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เธอรอคอยก็มาถึง...

    รัดเกล้าแทบกรีดร้องและกระโดดจนตัวลอยเมื่อมีเมล์จากบริษัทออแกไนซ์เซอร์เล็กๆ แห่งหนึ่งเรียกให้เธอไปสัมภาษณ์  แม้จะยังไม่ถือว่าได้งานแล้ว แต่หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอไม่หยุดหย่อนเรื่องนี้ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องดีในรอบเดือนเลยทีเดียว

    แต่กว่าเธอจะผ่านด่านสามีในนามและอีกในหนึ่งคือเจ้านายเบอร์หนึ่งไปได้ก็แทบจะบ้าตายเหมือนกัน ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นตอนเช้าเมื่อวานไหลเอื่อยเฉื่อยเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำที่ไหลตามกระแส...

    ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องนอนออกมา รัดเกล้าก็ผละถอยแทบหลังไม่ทันเพราะเจ้าของร่างสูงในชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่หน้าห้อง เขากำลังเอื้อมมือมาเปิดประตู แต่คงชะงักไว้เพราะเธอที่อยู่ในห้องเป็นฝ่ายเปิดมันออกเสียก่อน

    “ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอคะ” รัดเกล้าถามขึ้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่านั้น

    “ผมลืมโทรศัพท์”

    “อ้อ...ค่ะ” รัดเกล้าว่าพลางเบี่ยงตัวเดินผ่านเขาออกจากห้อง

    “แล้วนั่นคุณจะไปไหน” แต่เสียงเรียบเรื่อยที่เอ่ยถามก็ทำให้เธอต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเขาที่ยืนอยู่ในห้อง สวนเธอออกมายืนอยู่นอกห้อง

    คงเป็นเพราะการแต่งตัวที่ดูเรียบร้อยและเป็นทางการของเธอละมั้งที่ทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหนสักที่  

                “ไปสัมภาษณ์งานค่ะ”

                “ไปทำไม”

                “ฉันบอกคุณแล้วไงคะ ว่านอกจากฉันจะทำหน้าที่ภรรยาในนามให้คุณ ฉันก็จะทำงานใช้หนี้คุณไปด้วย”

                “บอกตอน...ไหน” แม็กซิมัสชะงักคำพูด เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอบอกเขาแล้ว แต่เป็นเขาเองที่ไม่ได้ใส่ใจจริงจัง

    บ้าชะมัด! เป็นเรื่องผู้หญิงคนนี้ทีไรเขาไม่เคยรอบครอบได้อย่างทุกเรื่องในชีวิตเลยสิน่า “คนอื่นจะว่ายังไง หากว่าผมปล่อยให้ภรรยาไปทำงานนอกบ้านทั้งๆ รายได้เดือนเดียวของผมคุณใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด”

                “ก็ยังไม่มีใครรู้นี่คะว่าฉันเป็นอะไรกับคุณ”

                “แต่ครอบครัวผมรู้ แล้วคุณก็น่าจะรู้ว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

                “คุณก็บอกว่าฉันเบื่อ ไม่อยากอยู่บ้าน ไม่อยากนั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปวันๆ สิ” เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้ผสมคำโกหกแม้แต่คำเดียว

    “งั้นก็มาทำงานที่บริษัทผม ผมให้เงินเดือนสองเท่าที่คุณจะได้จากบริษัทที่คุณจะไปสัมภาษณ์”

    “ไม่ค่ะ” รัดเกล้าลังเลนิดนึงก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ข้อเสนอของเขาน่าสนใจไม่น้อย แต่เพราะเธอคิดว่าการทำงานใกล้เขาอาจมีปัญหาหลายๆ อย่างตามมา ทำให้เธอปฏิเสธเขาไป

    “คุณปฏิเสธทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้งานไหม”

    “ถึงฉันสัมภาษณ์ที่นี่ไม่ผ่าน ฉันก็จะสมัครที่อื่น แต่ที่นั่นต้องไม่ใช่บริษัทของคุณ”

    “ทำไม!?” แม็กซิมัสขมวดคิ้ว เขาทั้งหงุดหงิดและสงสัยไปในคราวเดียวกัน

    “เพราะฉันไม่อยากมีปัญหาเรื่องเส้นสายน่ะสิ” แค่คิดเธอก็ปวดหัวแล้วหากมีใครรู้ว่าเธอกับเขาเป็นอะไรกัน หรือสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา อย่างแรก..อาจจะทำให้ไม่มีใครกล้ามอบหมายงานให้เธอ ส่วนอย่างที่สอง...น่ากลัวกว่าหลายเท่า นั่นคือเธออาจกลายเป็นผู้หญิงไม่เจียมตัวอยากตกถังข้าวสารด้วยการใฝ่สูงคิดจะจับเจ้าของบริษัท

    “ก็ไม่มีคนรู้ว่าคุณเป็นภรรยาของผมอยู่แล้วนี่”

    “แต่ถ้าพี่ชาย แม่คุณ หรือใครก็ตามไปเจอฉันที่บริษัทแล้วทักฉันเข้าฉันจะตอบเพื่อนร่วมงานยังไง อีกอย่างคุณก็ไม่อยากให้เรื่องนี้ถูกลือออกไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ แล้วคุณก็บอกฉันว่านอกจากทะเบียนสมรสและการเล่นละครให้คนในครอบครัวคุณเชื่อจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น นอกจากเรื่องที่คุณย่าฉันเสีย คุณก็จะมีอีกเหตุผลเพื่อใช้อ้างกับครอบครัวของคุณว่าฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ ไฟแรง อยากทำงาน และไม่อยากใช้นามสกุลคาริโนในการเข้าทำงานด้วย ฉันรู้นะว่านามสกุลของคุณยิ่งใหญ่แค่ไหน คุณคิดว่าถ้าฉันไปทำงานที่บริษัทคุณ หัวหน้าแผนกที่ฉันทำหรือเพื่อนร่วมงานรู้ว่าฉันเป็นอะไรกับคุณขึ้นมา หรือไม่แค่ใครสักคนในตระกูลคุณเข้ามาทักทายฉัน พวกเขาจะมอบหมายงานให้ฉันไหม จะกล้าพูดคุยกับฉันเหมือนปกติไหม” รัดเกล้าร่ายเหตุผลยาวเหยียดจนแทบลืมหายใจ

    “ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ” รัดเกล้าพูดขึ้นอีก เมื่อไม่มีคำพูดโต้แย้งใดๆ ถูกโต้กลับมาอีก หญิงสาวก็หมุนตัวเพื่อเดินไปยังบันไดที่ทอดลงไปชั้นหนึ่ง

                “เดี๋ยว...” เสียงเรียกที่ดังขึ้นอีกหนทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะกลอกตา เธออ้าปากเตรียมจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องหุบฉับลงเมื่อถ้อยคำของเขาไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้ “แล้วจะไปยังไง”

                “เรียกแท็กซี่ค่ะ”

                “เอารถไปใช้คันหนึ่ง”

                “ฉันไม่มีใบขับขี่ของที่นี่”

                “ผมหมายถึงเดี๋ยวให้คนไปส่ง”

                “แต่...”

                “เลือกเอาว่าจะให้คนของผมไปส่ง หรือไม่ได้ไปเลย”

    แล้วเธอจะทำอะไรได้นอกจากยอมรับคำสั่งของเขาโดยดุษฎี แม้ว่าการก้าวลงจากรถคันสวยราคาหลายสิบล้านที่มีคนขับรถให้จะดูประหลาดเกินไปสำหรับการไปสัมภาษณ์งานกับบริษัทเล็กๆ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ 

    เสียงกุกกักที่ดังมาจากห้องน้ำดึงรัดเกล้าให้หลุดจากวังวนความคิด ตอนนี้นี่เองที่รัดเกล้ารู้ว่าเธอเข้าใจผิดไปถนัด...

    ตอนแรกเธอคิดว่าแม็กซิมัสออกไปจากห้องนี้แล้ว แต่กลับไม่ใช่ เขาอยู่ในห้องน้ำต่างหาก หญิงสาวหันไปมองประตูห้องน้ำ จ้องมองลูกบิดที่หมุนช้าๆ ไม่มีเสียงปลดล็อกของลูกบิดด้วยซ้ำก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก

    ให้ตายเถอะ! ช่วยล็อกประตูหน่อยได้ไหม ไม่รู้หรือไงว่าห้องนี้มีหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยทั้งตัวอยู่ด้วย

    รัดเกล้าต่อว่าต่อขานคนในห้องน้ำอยู่ในใจ ก่อนจะเบิกตากว้าง นิ่งงันอยู่กับที่ราวกับคนที่ไร้ความคิด เมื่อเห็นร่างสูงที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับนายแบบนิตยสารแฟชั่น

    แม้จะเริ่มเคยชินแล้วกับการมีเขาอยู่ร่วมห้อง แต่ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ทำใจให้ชินกับไหล่กว้าง สะโพกสอบ และหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยไม่ได้อยู่ดี ริมฝีปากของเธอแห้งผาก ลมหายใจขัดเมื่อหลุบตาลงมองผ้าขนหนูผืนเดียวที่เกาะสะโพกสอบไว้อย่างหมิ่นเหม่และเหมือนพร้อมจะหลุดได้ตลอดเวลาเพียงเขาขยับตัวแรงๆ

    “ถ้าคุณอยากให้ผมดึงมันออกผมยินดี”

    เสียงที่ดังขึ้นทำให้รัดเกล้ารู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังจ้องเขาอยู่ตาไม่กระพริบแต่ไม่รู้ว่าด้วยสายตาแบบไหนถึงทำให้ถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากปากของเขา หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ สองสามทีเพื่อรวบรวมสติสตังที่กระเด็นหายกลับคืนมา  ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากไว้แน่นเมื่อเห็นนัยน์ตาที่ทอประกายแรงกล้าเผยสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของใจออกมา

    ใบหน้าเรียวร้อนเห่อขึ้นทันที และแม้ว่าจะไม่ได้ส่องกระจกอยู่เธอก็รู้ว่ามันคงแดงก่ำอย่างไม่ต้องสงสัย แล้ววินาทีต่อมาเธอก็เบี่ยงตัวพุ่งผ่านร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูดังปึง ร่างระหงหันหลังพิงประตูด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่งและแทบทรุดกายลงตรงนั้น

    ไม่ใช่แค่สิ่งที่เห็นอยู่ในแววตาของแม็กซิมัสเท่านั้นที่ทำให้เธอเธอหายใจถี่รัวอย่างตระหนก แต่เพราะสายตาแบบนั้นของเขาทำให้ความปรารถนาบางอย่างก่อตัวขึ้นแล้วบิดเกลียวปั่นป่วนอยู่ในช่องท้องด้วยที่ทำให้เธอหวั่นใจ

    _________________________

    ขอบคุณที่ทักมานะคะ ตอนที่แล้วเค้าอัปผิด แงๆ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×