คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : บทที่ 8 ละครฉากใหญ่ (1)
กรุงอาร์มาน
ประเทศเอเดรียน่า
แม้จะไม่ได้เดินทางมาคนเดียวแต่ตอนที่ยืนอยู่ในสนามบิน
อาร์มาน สกาย อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต รัดเกล้าก็ยังรู้สึกเคว้งคว้างอยู่ดี เพราะคนที่ร่วมทางมาด้วยไม่แม้แต่จะพูดกับเธอสักคำตั้งแต่ขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินแล้ว
เธอกับเขานั่งกันคนละมุม เธอสนใจทัศนียภาพที่อยู่นอกหน้าต่างเครื่องบิน
ส่วนเขาก็กำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารอะไรสักอย่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือ
รัดเกล้าชำเลืองมองชายหนุ่มที่อยู่ในความคิดอย่างหมั่นไส้
เขาดูสบายๆ เท่ แล้วก็น่ามองมากกับทรงผมยุ่งๆ แว่นกันแดดเรย์แบน ชุดลำลองสบายๆ อย่างเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีเข้ม
ถึงจะไม่ได้อยู่ในสูทเต็มยศอย่างที่เคย รูปร่างสูงแกร่งบวกกับใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ทำให้สาวๆ
ที่เดินผ่านมาแถวนี้ต้องหันหลังกลับมามองซ้ำสองด้วยแววตาหลงใหล ทว่าเจ้าของรูปร่างราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารก็ยังคงความเย็นชาไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา
อันที่จริงไม่ใช่แค่ตอนที่อยู่บนเครื่องบินส่วนตัวลำหรูด้วยซ้ำที่เธอกับเขาไม่พูดไม่จากัน
หลังจากเหตุการณ์หวามไหวเมื่อสองคืนก่อนเธอก็สามารถรักษาระยะห่างจากเขาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเสียด้วยซ้ำเพราะชายหนุ่มก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับเธออีก
เขาดูนิ่งขรึม และเย็นชากว่าเดิม จนเธอรู้สึกว่าตัวเองเกลายเป็นเพียงอากาศธาตุไร้ตัวตนไปเสียด้วยซ้ำ
ถ้าถามว่าเธอรู้สึกยังไงกับความเฉยชาของเขา...
“รถพร้อมแล้วครับ”
เสียงของโรเจอร์ที่แว่วมาในความคิดทำให้คนที่กำลังใคร่ครวญหาคำตอบหลุดออกจากภวังค์
เธอเหลือบมองคนที่อยู่ในความคิดของตัวเองแวบหนึ่ง
เขาเงยหน้าจากแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยน้ำหมึกเพื่อพยักหน้าให้กับผู้ช่วยคนสนิทเบาๆ
ก่อนจะลุกเต็มความสูง
“คุณกลับไปที่พักก่อน
จะนอนก็ได้ แล้วตอนทุ่มหนึ่งเจอกัน”
“คะ
อ๋อ ค่ะ” รัดเกล้าตอบรับด้วยใบหน้าเหลอหลาที่อยู่ดีๆ คนที่ไม่พูดกับเธอเลยตั้งแต่เครื่องขึ้นหันมาพูดด้วย
“แล้วคุณ...”
รัดเกล้าชะงักคำพูดเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะถามในเรื่องที่ไม่ควรถาม
“ผมมีธุระที่ต้องจัดการนิดหน่อย”
แต่เธอกลับได้คำตอบของคำถามที่เธอยังถามไม่จบ
เป็นคำตอบที่แม้แต่คนตอบยังแปลกใจ เพราะตลอดชีวิตเขาไม่เคยต้องมานั่งสาธยายว่าตัวเองจะไปทำอะไร
ที่ไหน เมื่อไร กับใคร โดยเฉพาะกับผู้หญิงด้วยแล้ว
เขาคิดเสมอว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญและไร้สาระ
แต่ช่างน่าแปลกที่คำตอบกลับหลุดออกไปแทบจะทันทีทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ถามจนจบประโยคด้วยซ้ำ
ประตูไม้ฮอกกานีสลักลายเถาวิจิตรบรรจงถูกเปิดออกเผยให้เห็นห้องทำงานเลิศหรูของผู้บริหารสูงสุดและผู้เป็นเจ้าของโรงแรมเดอะคาริโน
“สวัสดีพี่ชาย”
เสียงผู้มาใหม่เอ่ยทักเจ้าของห้องทำงานหรูหราดังขึ้นทันทีเมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาในห้อง
“มารยาทน่ะรู้จักไหม”
วาเลนไทน์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า แล้วตวัดสายตาวาววับขึ้นมองคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องทำงานของเขาโดยไม่เคาะประตูแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนเข้ม
“...”
แม็กซิมัสไม่ได้ตอบ เขาทำเพียงยักไหล่ขึ้นด้วยท่าทางไม่ยี่หระต่อคำพูดต่อว่าของพี่ชาย
ร่างสูงสง่าเดินเอื่อยเฉื่อยตรงไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ วางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ตรงหน้าของอีกฝ่าย
ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับร่างสูงของวาเลนไทน์
“อะไร?”
เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น
“รูปคู่หมั้นนาย” แม็กซิมัสตอบกลับด้วยโทนเสียงไม่ต่างจากที่อีกฝ่ายใช้ภาม
แล้วเขาก็ได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ตึงเปรี๊ยะขึ้นทันตา
แถมยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้างที่เกือบเป็นการตะคอก
“นายเอามาให้ฉันทำไม!”
“ก็เอามาให้ดูน่ะสิ”
“ทำไมต้องดู”
“ฉันก็แค่หวังดี”
“ตรงไหนที่เรียกว่าหวังดี
แบบนี้เขาเรียกว่ากวนประสาทมากกว่า แล้วนี่ว่างมากหรือไงถึงได้แส่ไม่เข้าเรื่อง”
“ฉันหวังดีจริงๆ
นายจะได้รู้ไงว่าเธอสวยมาก แล้วก็เลิกเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
และรีบแต่งงานไปเสียที”
“ถ้าหวังดีขนาดนั้นนายก็แต่งเองเสียเลยสิ”
วาไลน์ไทน์สวนกลังด้วยเสียงคุกรุ่นกว่าเก่า
อีกครั้งที่แม็กซิมัสยกไหล่ขึ้นไม่ยี่หระกับคำว่าของพี่ชาย
“ฉันจะแต่งงานกับว่าที่พี่สะใภ้ของตัวเองได้ยังไง ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”
“ทำไมจะไม่ได้ เพราะถ้าไม่ใช่ฉัน
ก็ต้องเป็นนายอยู่ดี”
“เป็นฉัน?”
แม็กซิมัสถามกลับ
ไม่ใช่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่พี่ชายคนโตพูด เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำๆ
นี้ออกมาจากปากของวาเลนไทน์จริงๆ ตอนแรกเขายังสองจิตสองใจว่าสิ่งที่เซเกรพูดจะเป็นเพียงตลกร้ายที่ทำให้เขาหัวเสียหรือเปล่า
แต่พอมาได้ยินมันออกมาจากปากของวาเลนไทน์ด้วยตัวเอง มันก็ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่คิดจะป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข
“ใช่ เป็นนาย”
“ทำไม?”
“ก็เพราะเซเกรมันแต่งงานไปก่อนแล้วนะสิ
และถ้าฉันถูกใจใครสักคน
ก็เป็นนายนั่นแหละที่ต้องรับหน้าที่แต่งงานกับแม่นั่นต่อจากฉัน”
แม็กซิมัสย่นหน้าผากเหมือนเครียดจัด
เขาเห็นมุมปากวาเลนไทน์ยกขึ้นนิดๆ แล้ววินาทีต่อมาก็เป็นเขาด้วยที่กระตุกมุมปากขึ้น
“อ้อ
ถ้าเป็นเรื่องนั้น ก็เสียใจด้วยนะ เพราะนายคงโยนหน้าที่นั้นมาให้ฉันไม่ได้แล้วล่ะ”
น้ำเสียงของแม็กซิมัสราบเรียบ ทว่าเยียบเย็นพอๆ กับรอยยิ้มมุมปาก
“ทำไม”
“เดี๋ยวนายก็รู้”
แม็กซิมัสว่าพลางลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะพูดต่อ...
“เจอกันเย็นนี้ตอนมื้อค่ำนะพี่ชาย หวังว่านายจะไม่พลาด” พูดจบแม็กซิมัสก็หมุนตัว
สาวเท้าตรงไปยังประตูห้องที่เขาเข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“เดี๋ยว!
แต่เสียงเกรี้ยวกราดที่ดังขึ้นเบื้องหลังก็ทำให้เขาต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับวาเลนไทน์อีกครั้ง
ชายหนุ่มสบประสานกับนัยน์ตาสีน้ำเงินวาววับของพี่ชายอย่างไม่กลัวเกรง และรออย่างใจเย็นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“เอาของนายคืนไปด้วย”
“นั่นของของนาย
ไม่ใช่ของฉัน”
ทันทีที่จบประโยควาเลนไทน์ก็กัดกรามจนขึ้นสัน
ร่างสูงใหญ่ไม่แพ้เขาเกร็งเขม็งราวกับว่าแรงอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ภายในกำลังจะระเบิดออกมาในไม่กี่วินาทีข้างหน้า
“ฉันไม่ได้อยากได้”
มือหนาหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมา แรงบีบจากมือหนาทำให้ซองยับยู่ยี่ ก่อนที่จะเขาฉีกทึ้งทั้งรูปและซองในมือจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปาเศษซากลงถังขยะอย่างไม่ใยดี
ใบหน้าของแม็กซิมัสยังคงนิ่งเฉยแม้ว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดจัดและแทบจะกระโจนเข้ามากระแทกหมัดบนใบหน้าของเขาอยู่แล้ว
มันคงเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมาดามเทเรซ่า ความรู้สึกของมารดาเป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับผู้ชายในตระกูลคาริโนเสมอ
พวกเขาจะทำอะไรก็ได้แต่สิ่งนั้นต้องไม่ทำให้มารดาเสียใจ และการต่อยกันเองก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้นายหญิงของตระกูลใหญ่รับไม่ได้
ความเงียบเข้ามาเยือนอยู่ชั่วครู่เมื่อดวงตาสีเดียวกันมองสบกันอย่างไม่ลดละ
ก่อนที่แม็กซิมัสจะไหวไหล่ขึ้นน้อยๆ ตามด้วยวาจาเรียบเรื่อยอย่างที่เป็นประจำ
“ถ้านายอยากได้เมื่อไรก็บอกแล้วกัน
ฉันมีไฟล์เก็บไว้”
-------------------------------
ขอบคุณทุกยอดวิว ทุกกำลังใจ และทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการเริ่มต้นปั่นเรื่องใหม่ ยังไงก็ฝากรักเรื่องรีไรท์ไปก่อนนะคะ
ความคิดเห็น