ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เถื่อนรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 5 ไม่ได้ต่างกัน (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.12K
      32
      20 พ.ย. 64



    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วอึดใจ แต่เป็นความเงียบที่เกือบทำให้รัดเกล้าสติแตก เพราะตอนที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเธอบังเอิญเห็นสายตาของทิพย์มณฑาที่สบกับเสี่ยสมภพอย่างมีความหมาย สายตาแบบที่ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่ก็ตาม

    “เอาล่ะ ฉันพูดตรงๆ เลยก็แล้วกันนะจะได้ไม่เสียเวลา ฉันจะให้แกไปอยู่กับเสี่ยสมภพ” ทิพย์มณฑาเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อรัดเกล้าวางแก้วที่น้ำส้มพร่องไปเกือบครึ่งแก้วลงบนโต๊ะ น้ำเสียงที่ถูกดัดให้หวานก่อนหน้านี้กลับมากระชากห้วนเหมือนที่เคยใช้กับหญิงสาวตรงหน้าเป็นประจำ เพราะตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว

    “ไป...ไปทำไมคะ”

    “ฉันเป็นหนี้เสี่ยอยู่ แกต้องไปใช้หนี้แทนฉัน”

    คำพูดชัดถ้อยชัดคำที่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปของอีกฝ่าย ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อและเย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็ง

    “ไม่ค่ะเกล้าไม่ไป ทำไมเกล้าต้องทำอย่างนั้นด้วย” รัดเกล้าเหลือบมองร่างท้วมของเสี่ยสมภพแวบหนึ่ง รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความสดชื่นอย่างน่ารังเกียจ และนั่นทำให้รัดเกล้าเข้าใจได้ไม่ยากว่าการที่ต้องไปอยู่กับเสี่ยสมภพเธอต้องไปอยู่และทำหน้าที่อะไร

    “แกต้องไป แกอยากให้ฉันตายหรือไง”

    “อาเป็นหนี้เสี่ยเท่าไรคะ”

    “แกจะรู้ไปทำไม”

              “เกล้าจะหาเงินมาใช้หนี้ให้เอง แต่เกล้าจะไม่ไปอยู่กับเสี่ยเด็ดขาด”

              “คนอย่างแกเนี่ยนะจะมีปัญญาใช้หนี้แทนฉัน ขนาดขายขายบ้านหลังนี้กับสวนผลไม้ทั้งหมดยังไม่พอเลย”

    “ขายบ้านกับสวน ขายทำไมคะ เกล้าไม่ให้ขาย ยังไงก็ขายไม่ได้” รัดเกล้าร้องขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ

    “คนนอกสายเลือดอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันไม่ให้ขาย” ทิพย์มณฑาตวาดเสียงอย่างฉุนเฉียว

    “แต่คุณย่ารักบ้านกับสวนมากนะคะคุณอาก็รู้บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาแต่รุ่นพ่อแม่ของคุณย่า แล้วก็เต็มไปด้วยความทรงจำ ยังไงเกล้าก็ไม่เห็นด้วยค่ะที่อาจะขายบ้านหลังนี้” รัดเกล้าว่าอย่างไม่สนใจท่าทางไม่ฮึดฮัดเดือดดาลของทิพย์มณฑา

    “รักมากแล้วจะทำไม ยังไงตอนนี้ย่าแกก็ตายไปแล้ว”

    “คุณอาพูดแบบนี้ได้ยังไงคะ”

    “ฉันจะพูดแกจะทำอะไรฉัน”

    “ตกลงนี่อาเป็นหนี้เขาเท่าไรกันแน่คะ ทำไมถึงต้องขายบ้าน ขายสวน”

    “เรื่องนั้นแกไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่าแกต้องไปอยู่กับเสี่ยสมภพก็พอ”

    “ไม่ค่ะ เกล้าไม่ไป เกล้าไม่ใช่คนก่อหนี้เกล้าไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบด้วยการทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น” รัดเกล้าว่าพลางลุกพรวดจากโซฟา

    ร่างกายทีหนักอึ้งและสติที่อยู่ๆ ก็วูบหายทำให้ร่างบางโงนเงนจนแทบล้มลงไปบนโซฟาที่เพิ่งลุกขึ้นถ้าหากเธอคว้าพนักพิงไว้ไม่ทัน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ฝืนตัวเองอย่างที่สุดเพื่อทรงตัวไว้

     แม้จะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เธอก็ไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญมากนัก

    “หัดสำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของตระกูลพุฒิอนันต์บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายฉันเก็บแกมาเลี้ยง แกจะอยู่สุขสบายอย่างเช่นทุกวันนี้เหรอ”

    “แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตอบแทนด้วยวิธีนี้ไม่ใช่เหรอคะ” รัดเกล้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเต็มทน

     เธอคิดว่าตระกูลพุฒิอนันต์มีบุญคุณกับเธอเสมอ เพราะเธอรู้ดีถ้าหากพัลลภบิดาเลี้ยงไม่พาเธอออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและรับเธอเป็นลูกบุญธรรม และหลังจากท่านเสียคุณย่านวลจันทร์ก็รักและดูแลเธอเป็นอย่างดี เธอคงไม่ใช่เธออย่างทุกวันนี้ และถึงคนที่มีบุญคุณกับเธอจะไม่ได้รวมทิพย์มณฑาเข้าไปด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่เคยคิดไม่เคยทำกับเธออย่างคนในครอบครัวเลยสักครั้ง แต่สำหรับเธอทิพย์มณฑาก็เป็นลูกของย่านวลจันทร์และเป็นน้องสาวของพ่อพัลภล และเธอก็รู้ว่าถ้าหากท่านทั้งสองยังอยู่ท่านก็คงไม่ปล่อยให้ทิพย์มณฑาเผชิญกับเรื่องร้ายๆ ตามลำพัง แม้ว่าเรื่องนั้นทิพย์มณฑาจะก่อเรื่องขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่เคยสำนึกเลยก็ตาม

    “แต่ฉันอยากให้แกตอบแทนด้วยวิธีนี้”

    “ไม่ค่ะ ยังไงเกล้าก็ไม่...” เสียงของเธออ่อนแรงเหลือเกิน แถมพูดยังไม่ทันจบร่างของรัดเกล้าทรุดลงที่โซฟาอย่างที่เธอฝืนเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

    บ้าชะมัด! รัดเกล้าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิดกับร่างกายของตัวเอง

    “ถึงแกจะยอมหรือไม่ แกก็ต้องไปอยู่ดี ที่ฉันบอกก่อนก็เพื่อให้แกรู้ตัวเท่านั้นว่าไปอยู่กับเสี่ยเพราะมีหน้าที่ใช้หนี้ แล้วก็ทำตัวดีๆ ด้วยล่ะให้สมกับความกรุณาของท่าน” ทิพย์มณฑาว่าอย่างไร้ความเห็นใจก่อนจะหันไปมองกับเสี่ยสมภพที่นั่งเงียบรอเวลาของตัวเอง “เอาตัวไปเลยค่ะเสี่ย คงหมดฤทธิ์แล้ว ยานอนหลับของเสี่ยนี่แรงจริงๆ ขนาดกินไปแค่ครึ่งแก้ว”

    เป็นตอนนี้นี่เองที่รัดเกล้ารู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับสติและร่างกายของเธอไม่ใช่เพราะพักผ่อนน้อยหรือเรื่องที่ได้รับรู้ เธอพยายามสะบัดตัว ฟาดมือ ทั้งเตะทั้งถีบ และหวีดร้อง แต่ความหนักอึ้งที่เข้าเกาะกุมร่างกายก็ทำให้เรี่ยวแรงของเธอหดหายจนการกระทำของเธอแทบไม่ระคายผิวชายฉกรรจ์ที่ตรงเข้ามายกร่างของเธอขึ้นพาดบ่าด้วยซ้ำ

    ความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเข้าครอบงำจนร่างกายสะท้านเมื่อเข้ามาอยู่ในรถตู้สีดำติดฟิล์มทึบที่เธอไม่ได้สังเกตก่อนหน้านี้ว่าจอดอยู่ข้างรถตู้สีบรอนซ์ที่เธอเพิ่งใช้งานเมื่อหลายนาทีก่อน รัดเกล้าพยายามฝืนสติไว้และฝืนร่างกายขยับลงจากรถ แต่ร่างกายของเธอก็ไม่เป็นใจเลยสักนิดแถมร่างท้วมที่ขวางกั้นอยู่ก็เป็นอุปสรรคเหลือเกิน

    “หลับเถอะหนูเกล้าอย่าฝืนเลย”

    เสียงหื่นกระเส่าและปลายนิ้วที่ลูบไล้อยู่ข้างแก้มน่าสะอิดสะเอื้อนและน่าหวาดหวั่นจนจนร่างสะท้าน

    “สารเลว!” เสียงด่าทอของเธอแหบแห้งและแทบไม่หลุดออกมาจากปาก หญิงสาวพยายามขยับกายหนีเมื่อสัมผัสถึงรอยอุ่นร้อนที่ลากไล้ลงตามซอกคอ แต่สติที่เธอยื้อยุดอย่างสุดกำลังก็เจือจางลงทุกที ภาพที่เคยชัดเจนกลับกลายเป็นภาพเบลอๆ เหมือนมองผ่านม่านหมอกหนาทึบ แล้วสุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรับรู้ก็จางหายเข้าไปในความมืดมิดอย่างที่เธอไม่อาจต่อต้านได้อีกต่อไป...

    __________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×