คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 5 ไม่ได้ต่างกัน (3)
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วอึดใจ
แต่เป็นความเงียบที่เกือบทำให้รัดเกล้าสติแตก เพราะตอนที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเธอบังเอิญเห็นสายตาของทิพย์มณฑาที่สบกับเสี่ยสมภพอย่างมีความหมาย
สายตาแบบที่ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่ก็ตาม
“เอาล่ะ
ฉันพูดตรงๆ เลยก็แล้วกันนะจะได้ไม่เสียเวลา ฉันจะให้แกไปอยู่กับเสี่ยสมภพ” ทิพย์มณฑาเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อรัดเกล้าวางแก้วที่น้ำส้มพร่องไปเกือบครึ่งแก้วลงบนโต๊ะ
น้ำเสียงที่ถูกดัดให้หวานก่อนหน้านี้กลับมากระชากห้วนเหมือนที่เคยใช้กับหญิงสาวตรงหน้าเป็นประจำ
เพราะตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว
“ไป...ไปทำไมคะ”
“ฉันเป็นหนี้เสี่ยอยู่
แกต้องไปใช้หนี้แทนฉัน”
คำพูดชัดถ้อยชัดคำที่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปของอีกฝ่าย
ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อและเย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็ง
“ไม่ค่ะเกล้าไม่ไป
ทำไมเกล้าต้องทำอย่างนั้นด้วย” รัดเกล้าเหลือบมองร่างท้วมของเสี่ยสมภพแวบหนึ่ง
รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความสดชื่นอย่างน่ารังเกียจ และนั่นทำให้รัดเกล้าเข้าใจได้ไม่ยากว่าการที่ต้องไปอยู่กับเสี่ยสมภพเธอต้องไปอยู่และทำหน้าที่อะไร
“แกต้องไป
แกอยากให้ฉันตายหรือไง”
“อาเป็นหนี้เสี่ยเท่าไรคะ”
“แกจะรู้ไปทำไม”
“เกล้าจะหาเงินมาใช้หนี้ให้เอง
แต่เกล้าจะไม่ไปอยู่กับเสี่ยเด็ดขาด”
“คนอย่างแกเนี่ยนะจะมีปัญญาใช้หนี้แทนฉัน
ขนาดขายขายบ้านหลังนี้กับสวนผลไม้ทั้งหมดยังไม่พอเลย”
“ขายบ้านกับสวน
ขายทำไมคะ เกล้าไม่ให้ขาย ยังไงก็ขายไม่ได้” รัดเกล้าร้องขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ
“คนนอกสายเลือดอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันไม่ให้ขาย”
ทิพย์มณฑาตวาดเสียงอย่างฉุนเฉียว
“แต่คุณย่ารักบ้านกับสวนมากนะคะคุณอาก็รู้บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาแต่รุ่นพ่อแม่ของคุณย่า
แล้วก็เต็มไปด้วยความทรงจำ ยังไงเกล้าก็ไม่เห็นด้วยค่ะที่อาจะขายบ้านหลังนี้”
รัดเกล้าว่าอย่างไม่สนใจท่าทางไม่ฮึดฮัดเดือดดาลของทิพย์มณฑา
“รักมากแล้วจะทำไม
ยังไงตอนนี้ย่าแกก็ตายไปแล้ว”
“คุณอาพูดแบบนี้ได้ยังไงคะ”
“ฉันจะพูดแกจะทำอะไรฉัน”
“ตกลงนี่อาเป็นหนี้เขาเท่าไรกันแน่คะ
ทำไมถึงต้องขายบ้าน ขายสวน”
“เรื่องนั้นแกไม่จำเป็นต้องรู้
รู้แค่ว่าแกต้องไปอยู่กับเสี่ยสมภพก็พอ”
“ไม่ค่ะ
เกล้าไม่ไป เกล้าไม่ใช่คนก่อหนี้เกล้าไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบด้วยการทำเรื่องบ้าๆ
แบบนั้น” รัดเกล้าว่าพลางลุกพรวดจากโซฟา
ร่างกายทีหนักอึ้งและสติที่อยู่ๆ
ก็วูบหายทำให้ร่างบางโงนเงนจนแทบล้มลงไปบนโซฟาที่เพิ่งลุกขึ้นถ้าหากเธอคว้าพนักพิงไว้ไม่ทัน
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ฝืนตัวเองอย่างที่สุดเพื่อทรงตัวไว้
แม้จะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เธอก็ไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญมากนัก
“หัดสำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของตระกูลพุฒิอนันต์บ้าง
ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายฉันเก็บแกมาเลี้ยง แกจะอยู่สุขสบายอย่างเช่นทุกวันนี้เหรอ”
“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตอบแทนด้วยวิธีนี้ไม่ใช่เหรอคะ” รัดเกล้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเต็มทน
เธอคิดว่าตระกูลพุฒิอนันต์มีบุญคุณกับเธอเสมอ เพราะเธอรู้ดีถ้าหากพัลลภบิดาเลี้ยงไม่พาเธอออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและรับเธอเป็นลูกบุญธรรม
และหลังจากท่านเสียคุณย่านวลจันทร์ก็รักและดูแลเธอเป็นอย่างดี
เธอคงไม่ใช่เธออย่างทุกวันนี้ และถึงคนที่มีบุญคุณกับเธอจะไม่ได้รวมทิพย์มณฑาเข้าไปด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่เคยคิดไม่เคยทำกับเธออย่างคนในครอบครัวเลยสักครั้ง
แต่สำหรับเธอทิพย์มณฑาก็เป็นลูกของย่านวลจันทร์และเป็นน้องสาวของพ่อพัลภล และเธอก็รู้ว่าถ้าหากท่านทั้งสองยังอยู่ท่านก็คงไม่ปล่อยให้ทิพย์มณฑาเผชิญกับเรื่องร้ายๆ
ตามลำพัง แม้ว่าเรื่องนั้นทิพย์มณฑาจะก่อเรื่องขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่เคยสำนึกเลยก็ตาม
“แต่ฉันอยากให้แกตอบแทนด้วยวิธีนี้”
“ไม่ค่ะ
ยังไงเกล้าก็ไม่...” เสียงของเธออ่อนแรงเหลือเกิน แถมพูดยังไม่ทันจบร่างของรัดเกล้าทรุดลงที่โซฟาอย่างที่เธอฝืนเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
บ้าชะมัด! รัดเกล้าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิดกับร่างกายของตัวเอง
“ถึงแกจะยอมหรือไม่
แกก็ต้องไปอยู่ดี ที่ฉันบอกก่อนก็เพื่อให้แกรู้ตัวเท่านั้นว่าไปอยู่กับเสี่ยเพราะมีหน้าที่ใช้หนี้
แล้วก็ทำตัวดีๆ ด้วยล่ะให้สมกับความกรุณาของท่าน” ทิพย์มณฑาว่าอย่างไร้ความเห็นใจก่อนจะหันไปมองกับเสี่ยสมภพที่นั่งเงียบรอเวลาของตัวเอง
“เอาตัวไปเลยค่ะเสี่ย คงหมดฤทธิ์แล้ว ยานอนหลับของเสี่ยนี่แรงจริงๆ
ขนาดกินไปแค่ครึ่งแก้ว”
เป็นตอนนี้นี่เองที่รัดเกล้ารู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับสติและร่างกายของเธอไม่ใช่เพราะพักผ่อนน้อยหรือเรื่องที่ได้รับรู้
เธอพยายามสะบัดตัว ฟาดมือ ทั้งเตะทั้งถีบ และหวีดร้อง แต่ความหนักอึ้งที่เข้าเกาะกุมร่างกายก็ทำให้เรี่ยวแรงของเธอหดหายจนการกระทำของเธอแทบไม่ระคายผิวชายฉกรรจ์ที่ตรงเข้ามายกร่างของเธอขึ้นพาดบ่าด้วยซ้ำ
ความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเข้าครอบงำจนร่างกายสะท้านเมื่อเข้ามาอยู่ในรถตู้สีดำติดฟิล์มทึบที่เธอไม่ได้สังเกตก่อนหน้านี้ว่าจอดอยู่ข้างรถตู้สีบรอนซ์ที่เธอเพิ่งใช้งานเมื่อหลายนาทีก่อน
รัดเกล้าพยายามฝืนสติไว้และฝืนร่างกายขยับลงจากรถ แต่ร่างกายของเธอก็ไม่เป็นใจเลยสักนิดแถมร่างท้วมที่ขวางกั้นอยู่ก็เป็นอุปสรรคเหลือเกิน
“หลับเถอะหนูเกล้าอย่าฝืนเลย”
เสียงหื่นกระเส่าและปลายนิ้วที่ลูบไล้อยู่ข้างแก้มน่าสะอิดสะเอื้อนและน่าหวาดหวั่นจนจนร่างสะท้าน
“สารเลว!” เสียงด่าทอของเธอแหบแห้งและแทบไม่หลุดออกมาจากปาก หญิงสาวพยายามขยับกายหนีเมื่อสัมผัสถึงรอยอุ่นร้อนที่ลากไล้ลงตามซอกคอ
แต่สติที่เธอยื้อยุดอย่างสุดกำลังก็เจือจางลงทุกที
ภาพที่เคยชัดเจนกลับกลายเป็นภาพเบลอๆ เหมือนมองผ่านม่านหมอกหนาทึบ แล้วสุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรับรู้ก็จางหายเข้าไปในความมืดมิดอย่างที่เธอไม่อาจต่อต้านได้อีกต่อไป...
__________________________
ความคิดเห็น