คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 2 จนกว่าเราจะได้พบกันอีก (2)
แม็กซิมัสนิ่งขึงเมื่อใบหน้าสวยเลื่อนเข้ามาหา
หัวใจของเขากระตุกวูบตอนที่เธอกดริมฝีปากลงบนกลีบปากของเขาเป็นสัมผัสเพียงแผ่วเบา แต่กลับทำให้เลือดในกายหนุ่มเดือดพล่าน
ริมฝีปากของเธอนุ่มนิ่มและชวนให้ลิ้มลอง
แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนองอย่างที่ควรทำ เธอก็ถอนริมฝีปากออกไปเสียก่อน
และวินาทีถัดมาก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายดึงเธอเข้ามาจูบ
เนิ่นนานกว่าเขาจะยอมปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ
และถ้าหากไม่ใช่เพราะหญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทันเขาคงไม่ยอมถอยออกมาจากริมฝีปากหวานละมุนง่ายๆ
ความรู้สึกประหลาดแล่นเข้าจู่โจมหัวใจ หากทว่าเขาก็ปัดมันออกไปอย่างไม่ใยดี
เขาจ้องมองริมฝีปากเห่อช้ำนิดๆ อย่างละสายตาไม่ได้
และอยากก้มลงไปกวาดชิมความหวานอีกรอบ
เขาเกือบได้ทำอย่างที่ใจต้องการแล้วหากเสียงของบุคคลที่สามจะไม่ดังขึ้นเสียก่อน
“เกล้า”
บ้าฉิบ! แม็กซิมัสสบถในใจ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ตั้งแต่เกิดมา
เขาไม่เคยขาดสติแบบนี้มาก่อน
เขาลืมไปด้วยซ้ำว่าเขากำลังจูบผู้หญิงแปลกหน้าในที่รโหฐาน
ในประเทศที่การจูบในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องทั่วไปและเป็นที่ยอมรับได้
แถมยังมีชายหนุ่มอีกคนจ้องมองอยู่อย่างไม่กระพริบตา
และดูเหมือนไม่ใช่แค่เขาที่รู้ตัว
เสียงของชายหนุ่มคนนั้นยังจะทำให้หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาที่ยังตกอยู่ในภวังค์จากจุมพิตหวานรู้สึกตัวด้วย
“ปะ...ปล่อยค่ะ” เสียงของรัดเกล้าสั่นระริกและพร่าน้อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้
“แน่ใจนะว่าคุณยืนเองได้” แม็กซิมัสก้มลงมองหญิงสาวในอ้อมแขน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยสะดุดตาแบบสาวสวย
ดารา นางแบบที่เขามักควงประจำ แต่ยิ่งมองเขาก็ยิ่งละสายตาจากเธอไม่ได้
ยิ่งตอนนี้ตอนที่ดวงตาสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรีหวานฉ่ำไปด้วยแรงปรารถนาที่ยังค้างคายิ่งสะกดสายตาของเขาไว้ได้อย่างเหลือร้าย
รัดเกล้าอดยอมรับไม่ได้ว่าสิ่งที่เจ้าของอ้อมแขนที่กึ่งกอดกึ่งประคองเธอไว้พูดมันเป็นความจริง
เพราะตอนนี้แขนขาของเธอสิ้นไร้เรี่ยวแรง ถ้าไม่มีแขนแข็งแรงที่พยุงเธอไว้เธอคงลงไปกองกับพื้นไม่ได้ยืนอยู่อย่างนี้แน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพยักหน้าให้เขาพร้อมกับดันตัวเองออกห่างจากร่างสูงใหญ่
ร่างของเธอเซน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ล้มลงไปกองบนพื้นอย่างที่เธอหวั่นใจ
รัดเกล้าไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกันแน่กับเรื่องที่เกิดขึ้น...
อายไหม? แน่นอนเธออับอาย
โกรธไหม? แน่สิ! ใครจะไม่โกรธ ก็นี่เป็นจูบแรกของเธอนี่
แถมยังเป็นจูบในแบบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนด้วย
เพราะเธอกำลังจูบกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเขา
แต่ที่เธอยังไม่แน่ใจอยู่ตอนนี้คือใครกันแน่ที่เธอควรโกรธมากกว่ากัน
ระหว่างชายแปลกหน้าที่ฉกฉวยจูบแรกไปจากเธอ หรือตัวเธอเองที่ตัดสินใจเลือกทางนี้
แต่ที่แน่ๆ
คนที่เธอสมควรโกรธที่สุดคือคนที่เป็นสาเหตุให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้น
“แค่นี้คงชัดเจนแล้วใช่ไหมรุจ
พอใจหรือยัง” รัดเกล้าตะโกนใส่หน้าวิศรุจระบายอารมณ์อัดอั้นที่อยู่ในใจ
“พอเถอะเกล้า
ยังไงเราก็...”
“โอ้ยรุจ! จะดื้อด้านไปถึงไหน
แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง ต้องให้เกล้านอนกับเขาให้รุจดูเลยไหมถึงจะเชื่อว่าเกล้ากับเขารักกัน”
“เรา...”
“เกล้าเตือนไว้ก่อนนะรุจจะพูดอะไรคิดให้ดีก่อนที่จะปล่อยให้มันหลุดออกมาจากปาก
เพราะแฟนเกล้าหวงเกล้ามาก และขี้หึงเป็นที่สุด แถมเขายังเป็นมาเฟีย
มีบอดี้การ์ดเป็นมือปืนชุดดำที่สามารถฆ่าคนได้โดยที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้อีกด้วย” รัดเกล้าพูดแทรกขึ้นก่อนที่วิศรุจจะทันได้พูดอะไรออกมาอีก
เธอพูดรวดเดียวจบจนและแทบไม่หายใจเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะดื้อดึงไม่ยอมหยุด
อีกอย่างเธออยากให้ทุกอย่างจบเร็วๆ เธอไม่อยากยืนอยู่ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนระหว่างเธอกับชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแต่ดันไปจูบกับเขา
และเพื่อนรวมคณะที่ตั้งใจจะฉุดเธอไปทำอะไรต่อมิอะไร
“ก็...ถ้าเขาเป็นแฟนเกล้าจริง
ทำไมไม่พูดอะไรสักอย่าง” วิศรุจเถียงข้างๆ คูๆ
แม้ว่าความเชื่อมั่นของเขาลดฮวบลงไปอีกจนจนกลายเป็นติดลบไปแล้ว
รัดเกล้าขมวดคิ้วกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย
และไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น
เธอจึงไม่มีโอกาสนัดแนะให้คนรักอุปโลกน์ของเธอช่วยรับสมอ้างว่าเธอกับเขารักกันปานจะกลืนกิน
อีกทั้งเธอกับวิศรุจก็สื่อสารกันเป็นภาษาไทยมาโดยตลอด ถ้าหวังจะให้เขาเข้าใจว่าเธอกำลังต้องการให้เขาช่วยเหลือ
ต้องการให้เขารับสมอ้าง เธอคงหวังพึ่งปาฏิหาริย์ได้อย่างเดียว
บ้าจริง! นี่สิ่งที่ทำไปทั้งหมดกำลังจะหมดความหมายอย่างนั้นเหรอ
รัดเกล้าโอดครวญในใจ
สมองของเธอกำลังแล่นเร็วจี๋เพื่อหาทางออกให้ตัวเอง
แต่จนแล้วจนรอดสมองของเธอก็ยังหาทางออกไม่ได้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะมีจริงสำหรับเธอ...
“ต้องให้ฉันพูดอะไรอีก
สิ่งที่เธอพิสูจน์ให้นายดูยังไม่เพียงพออีกหรือไง
แต่จะให้เธอนอนกับฉันให้นายดูคงไม่ได้นะ เพราะของของฉัน ฉันหวง ฉันดูได้ สัมผัสได้
แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์”
เสียงทรงอำนาจและเฉียบขาดที่ออกมาจากปากหนุ่มแปลกหน้าต่างเชื้อชาติทำเอารัดเกล้าสะดุ้ง
อ้าปากค้าง และหันไปมองชายหนุ่มข้างกายพลางกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอเฮือกใหญ่
แม้คำพูดที่เขาพูดออกมาจะเป็นภาษาอังกฤษ
แต่ทุกถ้อยทุกคำก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาเข้าใจบทสนทนาที่เธอกับวิศรุจพูดคุยกันก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี
ส่วนวิศรุจ
คำพูดที่ได้ยินทำให้เขาเย็นเยือกไปทั้งกายเพราะแม้คำพูดนั้นจะออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ก็แฝงไปด้วยการข่มขู่อย่างชัดเจน
“ชัดเจนแล้วนะรุจ แล้วก็ช่วยรักษาคำพูดด้วย
แล้วก็อย่าคิดทำบ้าๆ แบบนั้นกับเกล้าอีกไม่งั้นแค่คำว่าเพื่อนเกล้าก็ให้รุจไม่ได้” รัดเกล้าสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามตั้งสติให้มั่นคงก่อนจะหันไปพูดกับวิศรุจ
“ไม่นะเกล้า” วิศรุจครางเสียงอ่อนพลางตรงเข้าหาร่างบางตั้งใจจะคว้ามือของหญิงสาวไว้
แต่หญิงสาวกลับดึงมือหนี เป็นปฏิกิริยาที่แทบจะพร้อมกันกับชายแปลกหน้าที่ดึงร่างของเธอหลบไปด้านหลังร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง
“ได้ยินที่เธอพูดชัดเจนแล้วนี่” แม็กซิมัสว่าด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจก่อนรั้งร่างบางให้ถอยเข้าไปในลิฟต์
รัดเกล้าก้าวตามแรงดึงอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ถ้าเธอขืนตัวออกจากการเกาะกุมของเจ้าของมือหนาที่รั้งแขนของเธอให้ก้าวตามเขา
ทุกอย่างที่เธอลงทุนทำไปก็จะไร้ความหมาย...
ส่วนวิศรุจแม้จะหวั่นเกรงต่อคำขู่ของผู้ชายแปลกหน้าที่ดูท่าทางเต็มไปด้วยอำนาจและอันตราย
แต่เขาก็ทนมองหญิงสาวที่ตนแอบรักมาตลอดสี่ปีโดนผู้ชายคนอื่นฉกไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้
เขาจึงเดินตรงเข้าหาลิฟต์ตัวที่ชายแปลกหน้าดึงรัดเกล้าเข้าไปเพื่อแย่งหญิงสาวกลับมา
โดยไม่สนว่าเธอจะมีคนรักอยู่แล้ว
แต่เพียงก้าวเดียวเขาก็ต้องชะงักฝีเท้า
เพราะทันทีที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่ากำลังจะทำอะไรบอดี้การ์ดสี่คนที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวตรงไหนจู่ๆ
ก็โผล่มาด้วยท่าทางข่มขู่ ทำให้เขาต้องยอมแพ้อย่างไม่มีทางทำอะไรได้อีก
และเพราะประตูลิฟต์ที่กำลังเลื่อนปิดสนิททำให้รัดเกล้าไม่ทันได้เห็นว่าสิ่งที่เธอพูดไปเพราะอยากข่มขู่วิศรุจจะเป็นความจริงอย่างที่เรียกได้ว่าบังเอิญอย่างสุดขั้ว
“เกล้าเตือนไว้ก่อนนะรุจจะพูดอะไรคิดให้ดีก่อนที่จะปล่อยให้มันหลุดออกมาจากปาก
เพราะแฟนเกล้าหวงเกล้ามาก และขี้หึงเป็นที่สุด แถมเขายังเป็นมาเฟีย
มีบอดี้การ์ดเป็นมือปืนชุดดำที่สามารถฆ่าคนได้โดยที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้อีกด้วย”
มาต่อให้แล้วจ้า
ความคิดเห็น