ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เถื่อนรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 5 ไม่ได้ต่างกัน (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14K
      25
      19 พ.ย. 64


    “ลูกสาวคุณทิพย์สวยสมคำร่ำลือจริงๆ” บทสนทนาถูกต่อขึ้นอีกครั้งหลังจากชะงักไป

    “คนนี้เด็กที่บ้านเก็บมาเลี้ยงค่ะไม่ใช่ลูก” ทิพย์มณฑาสะบัดเสียงอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกเมื่อเห็นสายตาของเสี่ยสมภพที่มองร่างเล็กๆ ของรัดเกล้าอย่างไม่ละสายตา แม้ว่าเด็กสาวจะหายลับไปจากสายตาแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่ละสายตาจากจุดที่ร่างบอบบางลับหายไป “สนใจหรือคะเสี่ย”

    แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคาดคิด เพราะทั้งแววตา ทั้งริมฝีปากที่แย้มขึ้น และคำพูดไม่อ้อมค้อมของอีกฝ่ายก็ทำให้ทิพย์มณฑารู้ว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด

    “ผมจะยินดีเป็นอย่างมากถ้าคุณทิพย์จะให้เด็กในบ้านมาใช้หนี้ในส่วนที่ขาดไปแทน อืม...เอาอย่างนี้ดีกว่าผมจะให้เงินคุณทิพย์อีกสักก้อน เผื่อคุณทิพย์จะเอาไปทำทุนต่อ”

    “มันจะดีเหรอคะ”

    “ก็แค่เด็กในบ้านไม่ใช่เหรอ จะต้องไปสนใจอะไร”

    ทิพย์มณฑาถามเม้มปากแน่นอย่างไม่แน่ใจ ไม่ใช่เพราะเธอห่วงใยกาฝากที่พี่ชายตัวเองเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก แต่เป็นเพราะ... “ทิพย์กลัวตำรวจ”

    “คิดว่าตำรวจจะทำอะไรผมได้งั้นเหรอ คุณทิพย์ก็รู้ดีนี่ว่าไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้ายุ่งกับผม ผมให้สองล้านถ้าคุณทิพย์ตกลง”

    “ทิพย์ขอห้าล้านค่ะ” สุดท้ายความโลภก็เข้าครอบงำปัดความกลัวในความผิดออกไปจนหมดสิ้น

    “ผมให้ได้แค่สองล้านห้า”

    “สองล้านห้ามันไม่น้อยไปหรือคะ เพิ่มอีกหน่อยเถอะค่ะ”

    “ไม่รู้จะคุ้มหรือเปล่าสินะสำหรับผู้หญิงคนเดียว”

    “เสี่ยก็เห็นแล้วนี่ค่ะ อีกอย่างของใหม่สดๆ ไม่เคยผ่านมือใครทำไมจะไม่คุ้ม”

    “หลอกกันหรือเปล่าคุณทิพย์  โตขนาดนี้แล้วนะยังไม่เคย”

    “ย่าเขาเลี้ยงมาอย่างคนสมัยก่อนค่ะ รักนวลสงวนตัว กุลสตรีไทย แล้วที่รู้มาเด็กมันก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง สามล้านนะคะเสี่ยสองล้านห้ามันน้อยไปจริงๆ” ทิพย์มณฑาร่ายสรรพคุณเด็กสาวนอกสายเลือดที่มีศักดิ์เป็นหลานตามที่มารดาเคยอวดอ้างสรรพคุณเอาไว้ แม้จะจงเกลียดจงชังเพียงใดแต่เพื่อเงินเธอทำได้ทุกอย่าง แม้แต่พูดชื่นชมด้วยถ้อยคำที่เธอเคยบิดปากใส่เพราะความรำคาญเธอก็ยอม

    “ผมจะถือว่าเห็นแก่คุณทิพย์ล่ะกัน สามล้านก็สามล้าน แต่ผมต้องได้ตัวเธอตอนนี้นะ”

    “ตอนนี้เหรอคะเสี่ย”

    “หรือว่าไม่ได้”

    “ได้น่ะได้แน่ค่ะเสี่ย แต่เสี่ยคงต้องใช้กำลังนิดหน่อยนะคะ อย่างที่บอกเด็กมันไม่เคย”

    “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา คุณทิพย์ก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าไม่มีอะไรที่เสี่ยสมภพทำไม่ได้”

    “งั้นรอสักครู่นะคะเสี่ย” ทิพย์มณฑาว่าพลางประสานสายตากับสมภพอย่างรู้กัน

    แม้จะโมโหที่ถูกอีกฝ่ายโกงและอยากจะแจ้งความให้รู้แล้วรู้รอด แต่สัญญากู้ยืมและอิทธิพลที่อีกฝ่ายมีก็ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางชนะคดีแน่ ดีไม่ดีเธออาจจะตายและหาศพไม่เจอก็เป็นได้ ทำแบบนี้อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตรอด ได้ใช้หนี้ แถมยังมีเงินอีกสามล้านเอาไว้ตั้งตัว

     

              ร่างบอบบางในชุดเดรสแขนกุดสีดำไว้ทุกข์ชุดเดิมเหมือนกับตอนที่กลับเข้ามาก้าวลงมาจากบันไดที่เดินขึ้นไปเมื่อห้านาทีก่อนด้วยท่าทางงุนงง

    ที่ผ่านมาสำหรับทิพย์มณฑาแล้ว เธอเป็นได้แค่อากาศธาตุที่ไร้ตัวตนในบ้านหลังนี้เท่านั้น หากมีความจำเป็นจริงๆ ก็นับคำได้ด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายจะพูดกับเธอ แต่วันนี้ผู้เป็นอากลับให้คนไปตามบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย มันช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาดและน่าสงสัยจนเธอปัดมันทิ้งไม่ได้ และยิ่งได้เห็นสายตาของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาตัวยาวชุดเดียวกับทิพย์มณฑา สายตาจาบจ้างที่คล้ายกับจะสำรวจและประเมินสินค้าอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอแทบไม่อยากก้าวเท้าต่อเพื่อพาตัวเองเข้าไปใกล้คนทั้งสอง สิ่งที่เธออยากทำคือการถอยหนีไปให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เป็นเพราะมารยาทที่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กๆ และเสียงเรียกของผู้ที่มีศักดิ์เป็นอานั่นแหละที่ทำให้รัดเกล้าจำใจต้องสาวเท้าไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับทิศทางที่สัญชาตญาณสั่งอย่างไม่มีทางเลี่ยง

    “มานั่งนี่สิยัยเกล้า”

    “ค่ะ” รัดเกล้าตอบรับพลางสาวเท้าตรงไปนั่งโซฟาตัวเล็กๆ ที่ใช้สำหรับนั่งคนเดียว

    “นี่เสี่ยสมภพ สวัสดีเสี่ยเสียสิ”

    “สวัสดีค่ะเสี่ย”

    รัดเกล้าทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่ท่าทางและน้ำเสียงที่แปลกไปของทิพย์มณฑาแทบทำให้เธออยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลด้วยซ้ำ

    “นี่รัดเกล้าค่ะเสี่ย หลานสาวของฉันเอง”

    รัดเกล้าหันควับกลับไปมองทิพย์มณฑาที่เรียกเธอว่าหลานด้วยแววตาสงสัย อีกฝ่ายไม่เคยแนะนำเธอให้ใครรู้จักในสรรพนามนี้ ไม่สิ ไม่เคยนับว่าเธอเป็นคนในครอบครัวเลยต่างหาก แต่เสียงของเสี่ยสมภพก็ทำให้เธอต้องละสายตาจากหญิงสาววัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นอาไปมองใบหน้ายิ้มกริ่มของเสี่ยสมภพอีกครั้ง

    “สวัสดีจ้ะ หนูเกล้า”

    “คุณอามีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะถึงให้คนไปตามเกล้ามาพบ” รัดเกล้าเผยยิ้มบางๆ อย่างมีมารยาทให้กับคำทักทายของเสี่ยสมภพก่อนถามขึ้นเพื่อจะได้พาตัวเองออกไปจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี่เร็วที่สุดและเพื่อเลี่ยงการประสานสายตากับดวงตาของชายกลางคนที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกชันไปทั้งตัว

    “มีสิ สำคัญมากด้วย”

    “เรื่องอะไรคะ” รัดเกล้ารีบเข้าเรื่องเพราะไม่อยากอยู่ตรงนี้นานนัก

    “ดื่มน้ำส้มก่อนสิเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

    รัดเกล้ามองแก้วน้ำส้มเย็นเจี๊ยบที่ถูกเลื่อนมาตรงหน้า เธอไม่กระหายเลยสักนิด แต่เพราะคำคะยั้นคะยอของทิพย์มณฑาและท่าทางว่าจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเรียกให้เธอมาพบหากเธอไม่ยอมยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มทำให้รัดเกล้าจำใจต้องดื่มมัน


    ____________

    อัปต่อค่ะ ใครรออยู่บ้าง???

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×