คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 2 (2)
(นึกว่าไปฉุดหนุ่มที่ไหนเสียอีก)
“มองอะไรคะเอริค”
แก้มทั้งสองข้างของเขาถูกมือเล็กๆ ตะปบด้วยมือของผู้หญิงข้างกาย ก่อนจะถูกบังคับให้หันกลับไปมองใบหน้าสวยที่ประดับด้วยรอยยิ้มหวานหยด
“เปล่า” เอริคเบี่ยงหน้าหนีออกจากฝ่ามือนุ่ม ก่อนจะยกวิสกี้ขึ้นจิบ เพราะแผ่นหลังของเขากับรัตน์วลีแทบจะชนกัน และเสียงเพลงก็เปลี่ยนเป็นเพลงช้าพอดี เขาถึงได้ยินบทสนทนานั้นอย่างชัดเจน
(รัตน์ไม่ใช่แกนะน้ำตาล)
เสียงแย้งที่เป็นของผู้ชายทำให้เขาต้องหันกลับไปมองทั้งๆ ที่บอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจ เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงเพรียว ดูจากเสี้ยวหน้าที่เห็นจากแสงไฟหมุนวนและกระพริบวิบวับส่ายไปมาของผับนับว่าดูดีไม่น้อย ชายหนุ่มแทรกร่างในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนสีเข้มเข้าไปยืนข้างรัตน์วลี ซึ่งทำได้ไม่ได้ยากเย็นนักเมื่อหญิงสาวก็ขยับแบ่งที่ให้แต่โดยดี
(ชิร์ ไม่มีใครแสนดีเท่ารัตน์ของโอมขาอีกแล้วล่ะค่ะ) เสียงสะบัดสะบิ้งพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ชัดเจน
(เอ้านี่ ดื่มเข้าไปเลยปากจะได้ไม่ว่าง) หนุ่มหน้าตาดีเจ้าของชื่อ ‘โอม’ พูดขึ้นพลางคว้าแก้วเหล้าขึ้นกรอกใส่ปากของคนพูดมาก
(ย่ะ ไม่พูดแล้วก็ได้ มัวชักช้าอยู่นั่น ถ้าหมาคาบไปแดกเมื่อไร ฉันจะสมน้ำหน้าให้หนักเลยคอยดู)
(ไหนบอกไม่พูดแล้ว) รัตน์วลีพูดขึ้นบ้าง
(จ้าๆ ไม่พูดแล้ว เอาชนๆ) สิ้นเสียงดัดหวานหนุ่มสาวรอบโต๊ะก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกันอย่างพร้อมเพรียง (หมดแก้วนะจ๊ะ ไม่หมดมีตบ) น้ำตาลยกนิ้วขึ้นชี้หน้าสาวๆ ในกลุ่มไล่ทีละคน (ส่วนหนุ่มๆ ไม่ต้องกลัวนะคะ น้ำตาลไม่ตบหรอกแต่จะจูบแทน ไม่ใช่แค่ประกบปากนะ แต่จูบแบบล้ำลึกแลกลิ้น) สิ้นประโยคแก้วเบียร์ทุกแก้วต่างก็ถูกยกกระดกทีเดียวจนหมด คงเพราะความคึกคะนองมากกว่าคำขู่ของสาวเทียมที่ดูเหมือนผู้หญิงทุกระเบียดนิ้ว
(ดีมากเลยจ้าทุกคน ดีหมด ยกเว้น แกเลยยัยรัตน์)
(ฉัน... ฉันอะไรอีก)
(ก็แกน่ะเอาเปรียบเพื่อนๆ)
(ฉันไปเอาเปรียบพวกแกตอนไหน)
(ก็ตอนที่แกออกไปคุยโทรศัพท์ ฉันกับเพื่อนๆ หมดแก้วกันมารอบแล้ว เพราะฉะนั้น... นี่เลยจ้ะ แกคนเดียวแล้วก็รวดหมดแก้วด้วย)
(ไม่เอา เดี๋ยวเมา) รัตน์วลีแย้งเสียงดัง
(มาเที่ยวผับ ไม่มาเมา จะมาทำไหมยะ เอ้า! เร็วๆ เลย อย่าให้เพื่อนต้องมีน้ำโห หมดแก้ว)
(หมดแก้ว...หมดแก้ว...หมดแก้ว) สิ้นเสียงหญิงเทียม เพื่อนๆ ในวงก็ร่วมส่งเสียงเชียร์เป็นการกดดัน
(ก็ได้ หมดแก้วก็หมดแก้ว) เสียงหวานตอบรับก่อนที่แก้วเบียร์จะถูกยกขึ้นกระดก (หมดแก้ว...หมดแก้ว...หมดแก้ว) ท่ามกลางเสียงเชียร์คึกครื้นที่ยังดังต่อเนื่อง
ปึง!
แก้วเปล่าถูกวางไว้บนโต๊ะเสียงดัง พร้อมๆ กับเสียงเชียร์ที่เงียบลง
(แบบนี้สิเพื่อนกัน เพื่อนแท้ เพื่อนตายตลอดไป สัญญาได้ไหมว่าถึงเราต้องแยกย้ายกันไป แต่วันนี้ของทุกปีเราจะมาเจอกันที่นี่) เสียงน้ำตาลที่ดูเหมือนจะเป็นคนผูกขาดบทสนทนาดังขึ้นอีกครั้ง
(โอเค/โอเค) เสียงของหนุ่มสาวรอบวงดังประสานกันอย่างครื้นเครง
(สัญญาปากเปล่าไม่ได้สิ ต้องสัญญาด้วยการหมดแก้ว เติมเลยจ้า เติมๆ เติมให้เต็มแก้ว)
เขาเข้าใจดีว่าวัยนี้ยังเป็นวัยที่อยากรู้อยากลอง เขาเคยผ่านช่วงนี้มาก่อน เคยใช้ชีวิตโลดโผน คึกคะนอง ดื่มหนัก เมาปลิ้น ต่อยตี ทำทุกอย่างที่อยากทำโดยไม่สนใจอะไรหรือใครทั้งสิ้น เขาเคยทำมากกว่าที่เด็กพวกนี้กำลังทำกันหลายสิบหลายร้อยเท่าก็ว่าได้ ทว่าพอมาได้เห็นคนที่ทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทมาโดยตลอดทำ เขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นไอ้หน้าอ่อนนั้นยืนเบียดกายกับร่างเล็ก แถมสายตาก็ไม่เคยละจากใบหน้าหวานซึ้งที่วันนี้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนโดดเด่นนั่นเลยเขายิ่งรู้สึก...
“เป็นอะไรคะ รำคาญเด็กพวกนี้เหรอ งั้นกลับกันก็ได้ค่ะ”
เสียงของเมริษาดึงชายหนุ่มให้หลุดออกจากห้วงความคิดบ้าๆ ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่สมควรอีกครั้ง
“แน่ใจนะว่าอยากกลับ”
“อยู่ไปนายก็ไม่สนุกนี่ ฉันเองก็ไม่แฮปปี้ด้วย”
(เอาอีกแล้วเหรอน้ำตาล เดี๋ยวยกเดี๋ยวยก เดี๋ยวก็เมากันหมดหรอก)
เสียงทุ้มของหนุ่มชื่อโอมดังขึ้นพร้อมๆ กับคำตอบจากเมริษา
“งั้นก็กลับ” เอริคตอบเมริษาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
(นี่ก็อีกคน มาผับแล้วไม่เมาจะมาให้เสียเวลาทำไม นอนตีพุงอยู่ที่บ้านดีกว่าไหม)
(เมาน่ะเมาได้ แต่ก็ควรมีสติไหม เดี๋ยวก็กลับบ้านไม่ถูกกันหรอก)
‘เธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายเสียหน่อย ไม่ใช่น้องจริงๆ ด้วยซ้ำ ทำไมต้องไปห่วงเธอด้วยว่าเธอจะเป็นยังไง ทำตัวยังไง’ เอริคบอกตัวเองในใจแต่ถึงแม้ว่าจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่เขาก็อดตั้งใจฟังบทสนทนาของกลุ่มคนด้านหลังซึ่งเป็นการโต้ตอบระหว่างน้ำตาลกับโอมไม่ได้
“ขอเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ” เมริษาพูดขึ้น ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางไว้อย่างละเอียดละอององ้ำจนแทบหงิก
“งั้นเจอกันที่รถเลยก็แล้วกัน” เอริคพยักหน้าก่อนจะบอกเมริษาส่งๆ ไม่ได้สนใจใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของอีกฝ่าย เพราะประสาทการรับรู้ของเขาเกือบทั้งหมดมันจดจ่ออยู่แต่กับเสียงสนทนาที่ถูกผูกขาดโดยสามประเภทสองเจ้าของนามน้ำตาลและชายหนุ่มชื่อโอมที่ดังอยู่ด้านหลังมากกว่า
“ได้ค่ะ” เมริษาว่าพร้อมกับขยับลุกขึ้นเต็มความสูง พร้อมๆ กับเสียงของน้ำตาลที่ดังขึ้นอย่างประชดประชันอยู่ด้านหลัง
(แค่นี้ยัยรัตน์มันไม่เมาหรอกน่า)
(ตอนนี้ไม่เมาแต่ยกเอายกเอาแบบนี้เดี๋ยวได้เมาแน่) เสียงของหนุ่มชื่อโอมเกือบเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินเพราะสุดท้ายเขาก็ปัดทุกความคิด ทุกความรู้สึกทิ้งไป แล้วสาวเท้าพาตัวเองห่างออกมา ทว่า...
(โอ้ย! ชักจะหมั่นไส้แล้วนะ จะห่วงกันอะไรเนี่ย นานๆ ยายรัตน์จะขอน้าออกมาเที่ยวได้สักที แล้วยังไงวันนี้ยัยรัตน์ก็นอนห้องนายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ถ้าเมากลับไม่ไหวนายก็อุ้มกลับสิ หรือถ้าเมามากๆ ไม่รู้เรื่องก็จับปล้ำเลย แค่นี้จบนะ เอาชนๆ จ้าเพื่อนๆ อย่าไปสนใจไอ้บ้านี่เลย รัตน์ชน หมดแก้วนะ เอาให้เมา เอาให้ปลิ้น วันนี้เราจะเสียตัว)
ถ้อยคำที่ยังคงได้ยินเพราะอยู่ห่างไม่มากทำให้เขาหมุนตัวแล้วสาวเท้าตรงไปที่โต๊ะของกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ทันที
(บ้า)
(แรดได้อีก)
(อ๊ะ แน่นอนจ้า น้ำตาลไม่แรดแล้วใครจะแรดค่ะ)
เสียงว่าเพื่อนไม่จริงจังของรัตน์วลี เสียงใครคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนขึ้น กับเสียงตอบรับอย่างภาคภูมิใจของคนแทบจะผูกขาดการพูดเพียงคนเดียวในกลุ่มแทบไม่อยู่ในการรับรู้ของเขาเสียด้วยซ้ำ
ปึง!
พอเดินไปอยู่ด้านหลังร่างบอบบางในชุดเดรสสีดำที่ทำให้รูปร่างสมส่วนนั้นดูน่าทะนุถนอมขึ้นอีก เขาก็คว้าแก้วในมือเล็กๆ ของรัตน์วลี กระชาก แล้วกระแทกวางลงบนโต๊ะจนเบียร์ในแก้วกระเด็นกระจายออกจากแก้ว
“อ๊ะ!”
“ว้าย!”
“เฮ้ย!”
เสียงร้องอย่างตกใจดังตกใจดังขึ้นพร้อมกัน แต่เขากลับไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น นอกจากคนตัวเล็กที่กำลังยกมือขึ้นปาดเบียร์ที่กระเด็นเลอะแก้มออก นัยน์ตาสีนิลวาววับหันมามองเขาอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเบิกตากว้างมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา
“พะ...พี่เอริค” เสียงที่หลุดออกมาฟังเหมือนเธอเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคนที่เธอมองอยู่เป็นเขา
“กรี๊ด!!! ผู้ชายหล่อ เถื่อน โหด สเป็ค”
“มานี่” เขาตะคอกโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องและแววตาวาววับของชายในร่างหญิง มือหนาคว้าหมับไปที่แขนเล็กแล้วดึงร่างเล็กให้เดินตามออกจากผับทันที
******
ความคิดเห็น