คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 (3)
“จะให้น้องไปทำตำแหน่งนั้นได้ยังไง ช่วงนี้กำลังจะสร้างโครงการใหม่นี่ เรางานยุ่งเสียจนไม่มีเวลากลับบ้าน ยุ่งเสียจนต้องเอาเวลาพักผ่อนมาคิดเรื่องาน พ่อว่าหาผู้ช่วยอีกสักคนน่าจะดีนะ เราจะได้มีเวลามากินข้าวกับพ่อบ้าง”
“แต่ตำแหน่งผู้ช่วยของผมใช่ว่าใครที่ไหนก็ทำได้”
“แล้วรู้ได้ไงว่าน้องทำไม่ได้”
“แล้วพ่อรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าเธอทำได้”
“เกียรติ์นิยมอันดับหนึ่งยังการันตีไม่ได้งั้นเหรอ”
“เกรดไม่ใช่สิ่งที่ชี้วัดทุกอย่าง”
“ก็จริง แต่ไม่ลองก็คงไม่รู้ ถ้าน้องทำไม่ได้พ่อก็เชื่อว่าเรามีความสามารถมากพอที่จะสอนน้องได้ หรือว่าพ่อเข้าใจผิด”
“...” คำพูดของบิดาทำให้เอริคไร้คำพูดจะตอบกลับ เพราะจะตอบรับก็ไม่อยากทำ จะปฏิเสธนั่นก็หมายความว่าเขาไม่มีความสามารถมากพอ เขาไม่อยากขายหน้าโดยเฉพาะต่อหน้าผู้หญิงสองคนที่เขาจงเกลียดจงชัง
“จริงอย่างที่พี่เอริคพูดนะคะ รัตน์เพิ่งเรียนจบ ถึงเกรดจะดี แต่ก็ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ช่วงนี้โครงการใหม่เพิ่งจะเริ่ม รัตน์เข้าไปฝึกงานในบริษัทตอนนี้จะทำให้บริษัทยิ่งวุ่นวายเสียเปล่าๆ ให้รัตน์ลองหางานทำเองดูก่อนเถอะค่ะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ค่อยว่ากันอีกที”
เอริคตวัดสายตาที่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของบิดาไปยังใบหน้าหวานของคนที่พูดยืดยาวทันควัน นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีเลยละมั้งที่หญิงสาวพูดเข้าข้างเขา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าเขาบอกขวา เธอจะบอกซ้าย ถ้าเขาบอกว่าต้องเดินไปข้างหน้า เธอจะถอยหลังสิบก้าวทันที ไม่ว่าเขาพูดอะไร รัตน์วลีจะหาเหตุผลมาขัดแย้งให้จงได้ ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์ในวันนั้นเธอคงรีบรับข้อเสนอของพ่อเขาแทบจะทันที ไม่ใช่เพราะเธออยากทำงานกับเขา แต่เป็นเพราะเธอรู้ว่ามันจะกวนโทสะเขาได้ต่างหาก
ทั้งๆ ที่สมองบอกว่า... มันก็ดีแล้ว ที่เธอหาเหตุผลมาพูดตะล่อมให้พ่อเห็นด้วยกับเขา ดีแล้วที่เธอหาทางพาตัวเองออกห่างจากเขาอย่างที่เขาเองก็พยายามไม่อยู่ใกล้เธอมาโดยตลอด ทว่า...
“งั้นก็เริ่มงานพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน” คำที่หลุดออกจากริมฝีปากหยักได้รูปกลับไม่ใช่สิ่งที่สมองสั่งการ
“งั้นก็เอาตามนั้น”
รัตน์วลีไม่ทันได้ค้าน โรเจอร์ก็ตกลงเสร็จสรรพ แต่ใช่ว่าหญิงสาวจะยอมง่ายๆ “แต่ว่าคุณลุงคะ รัตน์อยากลองหางานทำเองก่อน”
“ลุงก็ไม่ได้ห้ามให้รัตน์หางานทำเสียหน่อย ก็แค่ช่วงที่กำลังหางาน ก็ลองเข้าไปศึกษางานที่บริษัทดู”
“งั้นก็ได้ค่ะ” แม้ว่าอยากจะปฏิเสธเพียงใด แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และดวงตามากประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความปราณีนั่นทำให้รัตน์วลีต้องตอบตกลงไปในที่สุด
“เลิกคุยเรื่องเครียดเถอะค่ะ มาดื่มกันหน่อยดีกว่าอย่าให้ไวน์ดีๆ ถูกละเลยสิคะ” กานต์สินีพูดขึ้นก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาตรงหน้า
“เอาสิ” โรเจอร์ตอบรับ ก่อนจะยกแก้วของตนขึ้นมาบ้าง
“ผมไม่ดื่มนะครับ ต้องกลับไปทำงานอีก”
“แก้วเดียวไม่เมาหรอก ดื่มเป็นเพื่อนคุณพ่อคุณหน่อยสิคะ”
“...” เอริคไม่ได้ตอบกลับไป เขาเลือกทำเหมือนเช่นที่ผ่านมาคือทำเหมือนผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงไร้ตัวตน ทำเหมือนเสียงของเธอผ่านเลยไป
“งั้นรัตน์ดื่มเป็นเพื่อนคุณลุงเองก็แล้วกันค่ะ”
เพราะรอยยิ้มบนใบหน้าของน้าสาวที่หุบฉับลงทำให้รัตน์วลีรีบพูดขึ้น หญิงสาวยกแก้วไวน์ขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้คนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะจนได้เสียงหัวเราะชอบใจตอบกลับมา แล้วพอชายสูงวัยยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ หญิงสาวก็ยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากบ้าง แต่ของเหลวสีแดงสดผ่านริมฝีปากลงคอได้เพียงสองอึก แก้วในมือของเธอก็ถูกดึงไปก่อนที่ของเหลวในนั้นจะถูกเทลงคอของคนถือวิสาสะแย่งแก้วไปจนไม่เหลือสักหยด
“ทำอะไรของพี่เนี่ย” รัตน์วลียกมือขึ้นปาดไวน์ที่เลอะริมฝีปากก่อนจะร้องขึ้น นัยน์ตากลมโตถลึงจ้องคนข้างกาย
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องดื่ม”
“รัตน์ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” รัตน์วลีว่าพลางเอื้อมมือไปคว้าแก้วไวน์ของอีกฝ่าย แต่เธอก็ช้ากว่าเขาไปเพียงเส้นยาแดง มือหนาคว้ามันขึ้นไว้ในมือก่อนจะเทมันลงคอจนหมดอีกแก้วอย่างไม่สนใจจะสูดดมกลิ่นหรือลิ้มลองรสของไวน์ราคาแพงเลยสักนิด
คิ้วเข้มเหนือนัยน์ตาสีเทาคมเฉียบยกขึ้นขณะที่จับจ้องใบหน้างอง้ำของหญิงสาวอย่างพึงพอใจ คงเป็นเพราะท่าทางไม่กลัวเกรง นัยน์ตาสีนิลกลมโตที่จ้องมองมาอย่างไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากที่ขยับพ่นคำออกมาเถียงเขาอย่างไม่ลดละ
‘เธอกลับมาเป็นเธอแล้ว’
“ตรงไหนที่ไม่ใช่เด็ก” ทั้งๆ ที่โต้แย้งกลับไปอย่างนั้น แต่ในใจของเขากลับร้องลั่นเห็นด้วยกับหญิงสาว
‘ใช่! เธอไม่ใช่เด็กกะโปโลอีกแล้ว’ ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่หญิงสาวโตขึ้นจนไม่เหลือเค้าเด็กหญิงรูปร่างเก้งก้างจอมกวนประสาทที่คอยขัดใจเขาตลอดเวลา
“ก็...”
แต่อยู่ๆ ถ้อยคำที่กำลังจะโต้ตอบกลับมากลับชะงักงัน ริมฝีปากเล็กๆ ที่อ้าขึ้นหุบฉับ ก่อนที่กลีบปากสีเรื่อจะถูกฟันสีขาวสะอาดงับไว้
เอริคหลุบตาที่จ้องประสานกับนัยน์ตาสีนิลวาวระยับลงมองริมฝีปากที่ถูกขบแน่น ไม่ใช่แค่หญิงสาวตรงหน้าที่ชะงักไป เขาเองก็เช่นกัน ถ้อยคำที่มันคล้ายกันชวนให้คิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น...
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มรีบละสายตาจากริมฝีปากสีเรื่อ หันไปสบตากับผู้เป็นบิดา แล้วพูดขึ้น
“จะกลับไปทำงานเหรอ”
“ครับ”
“ขับรถดีๆ ล่ะ”
“ไวน์แค่สองแก้วทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ ผมไปนะครับ” เอริคว่าพลางลุกขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบเจ็ดเซ็นติเมตร ก่อนจะพูดขึ้นอีกเมื่อสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของบิดาที่สะบัดศีรษะไปมาก่อนจะยกมือขึ้นกุมหัว “พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“พ่อไม่เป็นไร แค่รู้สึกมึนๆ ง่วงๆ สงสัยจะเมาซะแล้ว”
“พ่อดื่มไวน์ไปแค่แก้วเดียวเองนะครับ” เอริคขมวดคิ้ว เมื่อไวน์แค่แก้วเดียวไม่น่าทำให้คนที่แม้จะสูงวัยแต่ก็ดื่มเป็นประจำเมาได้
“ฉันก็บอกคุณแล้วว่าอย่ามัวแต่อ่านหนังสือ นอนดึกๆ ต่อกันมาหลายคืน ร่างกายมันก็ไม่ไหวเอา อายุปาเข้าไปหกสิบห้าแล้วนะคะ แก่แล้วไม่ได้หนุ่มแน่นเหมือนแต่ก่อน” กานต์สินีพูดขึ้นพร้อมกับทำให้กระเง้ากระงอดใส่สามี
“หึๆ ถึงจะแก่ แต่ผมก็ยังไหวนะ แรงดีไม่มีตก ทดสอบดูไหมล่ะคืนนี้” โรเจอร์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอพลางพูดกระเซ้าใส่ภรรยาที่ทำให้งอง้ำ
“คุณนี่ ไม่ได้อยู่กันตามลำพังนะคะ” หน้าของกานต์สินีขึ้นสีแดงจัด
“พ่อไปไม่เป็นอะไรแน่นะครับ” นัยน์ตาสีเทาอัดแน่นไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไร ไปๆ ไปทำงานเถอะ พ่อจะไปนอนแล้วเหมือนกัน”
“ผมไปส่งพ่อที่ห้องนอนก่อนดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไรพ่อไปเองได้ ” โรเจอร์ว่าพลางลุกขึ้นเต็มความสูง ชายสูงวัยหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่เพื่อปรับวิสัยทัศน์ก่อนจะพูดขึ้นอีก “อีกอย่างพ่อก็มีกานต์ดูแลอยู่แล้ว ลูกไปทำงานเถอะ”
“ให้ผมไปส่งที่ห้องเถอะครับผมจะได้สบายใจ”
“เอางั้นก็ได้” โรเจอร์ว่าพลางยกมุมปากขึ้นขณะที่ปล่อยให้ลูกชายเข้ามาประคอง
ส่งต่อความฟินอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น