คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 (2)
“วันนี้กานต์กับหนูรัตน์เข้าครัวด้วยตัวเองเลยนะ”
เสียงของของโรเจอร์ทำความคิดของเอริคที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่ไม่สมควรหยุดชะงักลง
“แน่ใจนะครับว่ากินได้”
“ก็เคยกินแล้วนี่”
“ครับ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วพยายามคิดหาความหมายในสิ่งที่บิดาพูด
“ก็แกงเขียวหวานไก่ที่ว่าอร่อยนักอร่อยหนา บ่นว่าป้าเอียดทำกี่ครั้งๆ ก็รสชาติไม่เหมือนเดิมไง จะเหมือนเดิมได้ยังไงก็คนทำมันคนละคนกัน” โรเจอร์ว่าพลางหันไปส่งยิ้มให้กับรัตน์วลีเจ้าของเมนูแกงเขียวหวานแสนอร่อย
“เหรอครับ” น้ำเสียงของเอริคไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้รับรู้ “แล้วคนใช้ในบ้านหายไปไหนหมดล่ะครับ” ก่อนจะถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าวันนี้มันเงียบกว่าที่ควรจะเป็น
“ไม่สบาย อาหารเป็นพิษ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
“อยู่โรงพยาบาล เจ้าทรายน่ะไม่ค่อยเท่าไร แต่พร้อมกับละเอียดอายุเยอะแล้ว อาการเลยหนักหน่อย คืนนี้เลยต้องนอนที่โรงพยาบาล ส่วนเจ้าทรายก็อยู่เฝ้าตากับยาย”
“อ้าวรัตน์ตักข้าวให้พี่เขาด้วยสิ เรานี่ยังไงกัน”
เสียงของกานต์สินี แม่เลี้ยงที่ไร้ตัวตนในสายตาของเขา ทำให้เอริคหันไปมองหญิงสาวอีกคนที่ พยายามทำกับเขาเหมือนที่เขาทำกับเธอและน้าของเธอ
รัตน์วลีวางโถข้าวไว้ข้างกายเขาแล้วเดินห่างออกไป แต่พอได้รับคำสั่งจากผู้เป็นน้า หญิงสาวก็สาวเท้าเดินกลับมาที่โถข้าวที่เพิ่งวางลง จังหวะย่างก้าวเชื่องช้าอืดอาดทำให้เอริคหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้เต็มใจจะทำ และมันก็ทำให้เขารู้ด้วยว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่พยายามทำราวกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุในห้องนี้ แต่เธอก็ทำราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่เช่นกัน
หญิงสาวคว้าโถข้าว แล้วตักข้าวให้เขา โดยระยะระหว่างเขากับเธอมันมากเสียจนเธอต้องเอื้อมมือมาสุดความยาวช่วงแขน เขาหันไปมองใบหน้าหวานตรงๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะเหลือบตามองมาแม้แต่แวบเดียว แต่ร่างบางที่เกร็งขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเธอรู้ว่าเขามองอยู่
ความหงุดหงิดของเขาทวีขึ้นอีกจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ ทว่าวินาทีต่อมาเขากลับต้องกำมือแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์บางอย่างที่ปะทุขึ้นเพราะกลิ่นหอมจางๆ ที่โชยมาจากเรือนร่างบอบบางหากทว่ากลมกลึงได้สัดส่วน
เอริคกลั้นลมหายใจแน่น สัดส่วนบางอย่างใต้ร่มผ้าของเขากำลังทำตัวเหมือนเขาอายุสิบสี่ที่ยังไม่มีความอดกลั้นอดทน มันตื่นตัวอยู่ใต้กางเกง จนเขาต้องขยับกายเพื่อคลายความอึดอัดที่เกิดขึ้น
“รัตน์ขอตัวก่อนนะคะ”
เสียงของคนที่เรียกได้ว่าพูดน้อยกว่าปกติ ไม่สิ ต้องเรียกว่าแทบจะไม่พูดอะไรออกมาเลยมากกว่า ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติเธอมักเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้บิดาของเขาฟังไม่หยุด ทำให้เอริครู้ตัวว่าตัวเองกลั้นหายใจไว้นานเพียงใด ชายหนุ่มค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกเมื่อหญิงสาวก้าวห่างออกไป เพื่อไม่ใครสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“อ้าวจะไปไหนล่ะ กินข้าวด้วยกันก่อนสิ” เสียงแหบห้าวของคนหัวโต๊ะพูดขึ้นก่อนที่คนตัวเล็กจะหมุนตัวเองเดินออกจากห้องไป
“คือ... ตัวรัตน์มีแต่เหงื่อ แล้วก็เหม็นด้วย คุณลุงทานเข้าเถอะค่ะ รัตน์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
ไม่จริง ไม่เห็นเหม็นเลยสักนิด บ้าฉิบ! นี่เขากำลังคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่เนี่ย... เอริคขมวดคิ้วให้กับความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจ
“งั้นลุงรอ ไปอาบน้ำก่อนก็ได้”
เพราะโรเจอร์อายุมากกว่ากานต์สินีมาก และมากกว่ามารดาของเธอที่เสียชีวิตไปแล้วเกือบยี่สิบปี อีกฝ่ายจึงให้เธอเรียกตัวเองว่าลุงแทนที่จะเรียกว่าน้าอย่างที่เธอควรเรียกสามีของน้องสาวมารดา
“ไม่ต้องรอรัตน์หรอกค่ะ มันเลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว”
“ต้องรอสิ ลุงอยากกินข้าวพร้อมรัตน์นี่ ไปสิ รีบไปอาบ ลุงจะรอ”
“รัตน์กินก่อนค่อยไปอาบก็ได้ค่ะ” รัตน์วลีพูดอย่างเกรงใจ ก่อนจะหมุนตัวสาวเท้าเข้าไปในครัว หยิบจานกับชุดช้อนส้อม ตักข้าว แล้วเดินไปทรุดกายนั่งข้างร่างสูง เพราะการนั่งอยู่ตรงนี้ทำให้เธอไม่ต้องใช้ความพยายามในการไม่มองเขา หรือสบตากับเขาตรงๆ
เอริคเหลือบตามองเจ้าของใบหน้าหวานที่ก้มหน้างุดทันทีที่เขาตวัดสายตาขึ้นมองเธอ และการกระทำของเธอก็ทำให้เขารู้ว่าที่เธอไม่ยอมกินข้าวตั้งแต่แรก และจะหนีไปอาบน้ำ เหตุผลมันก็เพราะเธอต้องการหลบหน้าเขา
ทำไมนะ ทั้งๆ ที่นับเดือนที่ผ่านมาเขาเองก็ทำเหมือนกัน ทว่าเขากลับไม่พอใจที่เธอก็ทำมันเช่นกัน
“เป็นอะไรไอ้เสือ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว”
“คิดเรื่องงานนิดหน่อยครับ”
“งานคงยุ่งจริงๆ สิเนอะ ถึงต้องเอาเวลากินข้าวมานั่งคิดเรื่องงาน”
“...” เอริคไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาไม่ชอบโกหก แต่ก็อยากให้อีกฝ่ายเชื่ออย่างนั้น เพราะมันคงดีกว่าให้อีกฝ่ายมาซักไซ้หาเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาไม่ยอมกลับบ้านเลยตลอดเกือบหนึ่งเดือนมานี้
“ว่าแต่หนูรัตน์ได้งานทำหรือยัง”
“คะ?” รัตน์วลีถามกลับไปอย่างงงๆ เมื่ออยู่ดีๆ บทสนทนาที่เข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้างก็วกมาเป็นเรื่องของเธอเอาดื้อๆ
“ลุงถามว่าหางานได้หรือยัง”
“ยังเลยค่ะ รัตน์ส่งใบสมัครไปหลายที่เหมือนกัน ระหว่างนี้ก็รอเรียกไปสัมภาษณ์ ก็มีเรียกไปสัมภาษณ์บ้างแล้วนะคะ แต่ก็ยังไม่ทราบผล”
“งั้นก็เข้าไปทำที่บริษัทสิ ตอนแรกลุงตั้งใจว่าจะให้รัตน์พักหลังเรียนจบสักสองสามเดือนค่อยเริ่มงาน แต่เมื่อเช้าน้าเราบอกว่าวันนี้เราไปสัมภาษณ์งานก็เลยพูดเรื่องนี้ซะเลย”
“รัตน์อยากหางานทำเองก่อนน่ะค่ะ ไม่อยากให้ใครมาค่อนขอดว่าใช้เส้นสายถึงได้งานทำ”
แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะเรียบเรื่อยเหมือนเป็นแค่ประโยคบอกเล่า แต่เอริคก็รู้ตัวว่ากำลังถูกประชดกระชันอยู่
“เด็กจบใหม่ยังไฟแรง ลุงเข้าใจ แต่ระหว่างที่กำลังหางานก็ไปฝึกงานที่บริษัทก่อนก็ได้ ถือว่าหาประสบการณ์ไปในตัว” โรเจอร์พูดกับรัตน์วลีก่อนจะหันไปพูดกับลูกชายโดยไม่รอคำตอบจากเด็กสาวที่ตนเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ “หาตำแหน่งให้น้องสักตำแหน่งสิ”
“...” รัตน์วลีอ้าปากขึ้นตั้งใจจะปฏิเสธความหวังดีของชายสูงวัย แต่เสียงทุ้มที่ดังขึ้นก่อนที่คำแรกจะหลุดออกมาก็ทำให้เธอต้องหุบปากลงทันควัน
“ไม่มีตำแหน่งว่างเลยครับ อ้อ ไม่สิ ยังมีตำแหน่งแม่บ้านว่างอยู่”
ถ้ารู้ก่อนว่าชายสูงวัยถามเรื่องงานทำไม เธอคงจะตอบว่าได้งานแล้วมากกว่าจะตอบตามความจริงแน่ๆ แม้ว่านั่นจะเป็นการโกหกก็ตาม นับเดือนแล้วที่เธอพยายามส่งใบสมัครไปตามบริษัทต่างๆ แต่ก็แทบไม่มีบริษัทไหนเลยที่ตอบรับกลับมา และถึงจะมีเรียกเข้าไปสัมภาษณ์บ้างทว่าก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกเธอเข้าทำงาน
ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี บริษัทส่วนมากไม่ปิดตัว ก็ปลดคนงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัท จะมีก็แต่บริษัทแกรนด์เอนเตอร์ไพรส์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกล่ะมั้งที่คิดจะเริ่มโครงการใหม่สวนกระแสเศรษฐกิจ แน่ล่ะ ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน จะเป็นช่วงไฮหรือโลซีซัน อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกสร้างโดยบริษัทแกรนด์เอนเตอร์ไพรส์จะเป็นอันดับหนึ่งในใจของนักท่องเที่ยวเสมอ โดยไม่เกี่ยงว่าราคาที่ต้องจ่ายจะแพงแสนแพงเพียงใด
‘ซีรีส์ชุดไฟเสน่หา’ โดย ‘สุนิตย์’
1. ประกาศิตรักเทพบุตรมาร (E-book พร้อมให้โหลดแล้ว) >>>อุดหนุนอีบุ๊กคลิ๊ก<<<
2. ปรารถนารักจอมทมิฬ >>>อ่านนิยาย<<<
3. บัญชารักจอมเถื่อน(กำลังรีอัป E-book เร็วๆนี้)
ความคิดเห็น