คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 5 (1)
“กานต์เห็นว่ามันสายมากแล้วแต่เอริคยังไม่ตื่น ปกติไม่เคยตื่นสายนี่คะ เลยกลัวว่าจะไม่สบาย ถ้ากานต์เปิดเข้าไปเองเอริคคงไม่พอใจแน่ๆ กานต์เลยคิดว่าให้คุณมาดูเองดีกว่า”
เสียงแว่วๆ ที่ดังลอดเข้ามาในห้องทำให้เจ้าของห้องที่กำลังผูกเนคไทสีเทามันวาวกระตุกริมฝีปากยิ้มเหยียด เขาไม่คิดจะทำอะไร ไม่คิดจะแสดงตัว หรือส่งเสียง เขาก็อยากรู้เหมือนกัน หากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คนที่วางแผนชั่วๆ ขึ้นมาจะทำหน้าแบบไหน จะแก้ตัวยังไง
“ขอบใจนะที่เป็นห่วงลูกชายผม”
“กานต์รักคุณนี่คะ เอริคเป็นลูกชายคุณ กานต์ก็ต้องห่วงเขาเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดว่ากานต์เป็น...”
“หึ” น้ำเสียงแสนเศร้าที่ปลายประโยคถูกละไว้เพราะต่างคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วทำให้รอยยิ้มเหยียดกระตุกขึ้นตรงริมฝีปากหยักอีกครั้งพร้อมกับเสียงเยาะที่หลุดออกมา
“อย่าคิดมากเลย”
“ไม่ต้องห่วงกานต์นะคะ กานต์ไม่คิดมากหรอกค่ะ กานต์เข้าใจ แม่ใครใครก็รัก ลูกใครใครก็หวง”
“ขอบคุณนะ”
“นี่ค่ะกุญแจห้อง”
กริ๊ก!
สิ้นเสียงพูดคุยเสียงไขกุญแจก็ดังขึ้นเบาๆ ความหยามเหยียด รังเกียจที่กระจายอยู่เต็มใบหน้าถูกลบหายไป เหลือเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกเอริคก็เอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่ถูกปรับแต่งให้ไร้ความรู้สึกเหมือนกับสีหน้า
“อ้าวตื่นแล้วเหรอ เห็นว่าสายแล้วยังไม่ลงไป ก็เลยนึกว่าไม่สบาย ปกติเราไม่เคยตื่นสายนี่เป็นอะไรหรือเปล่า”
“พอดีว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนน่ะครับ เลยตื่นสายไปหน่อย”
“เมื่อคืนดึกเลยสิ”
“แทบไม่ได้นอนเลยต่างหากล่ะครับ”
“พักบ้างเถอะ เงินที่มีอยู่ก็มากจนใช้ยังไงก็ไม่หมดแล้ว แล้วเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตหรอกนะ บางอย่างเงินก็ซื้อไม่ได้”
“ผมก็เห็นว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างนี่ครับ” เอริคว่าพลางเหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่กำลังขมวดคิ้วกวาดตาไปทั่วห้องที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน “เต่เมื่อคืนผมไม่ได้กลับไปทำงานหรอกครับ ที่ไม่ได้นอนเพราะอาหารเป็นพิษ เดี๋ยวนี้เวลาจะกินอะไรต้องระวังให้มากนะครับ ถ้าไม่ระมัดระวังอาจทำให้ชีวิตยุ่งยากได้”
“แล้วกินยาหรือยัง ไปหาหมอไหม”
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เรื่องแค่นี้ผมจัดการได้” เอริคตอบบิดาก่อนจะหันไปพูดกับคนที่ยังไม่เลิกมองหาบางอย่าง ไม่สิ ถ้าจะให้ถูกต้องเรียกว่าบางคน ด้วยน้ำเสียงท้าทายแกมหยัน “คุณน้าหาอะไรอยู่หรือครับ จะเข้ามาหาในห้องไหม หรือว่าจะลองไปดูที่ห้องน้ำก็ได้เผื่อจะเจอ”
“เปล่านี่จ้ะ น้าไม่ได้หาอะไร ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ อาหารคงพร้อมแล้ว”
เอริคมองกานต์สินีที่คลี่ยิ้มอ่อนโยน ตอบคำถามด้วยท่าทางนิ่งๆ ราวกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยแววตาเย็นเฉียบดุจน้ำแข็งขั้วโลก
แล้วแบบนี้จะให้เขาเชื่อลงได้ยังไงว่าท่าทางแสนดีที่ผู้หญิงคนนี้แสดงมาตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งแกล้งเล่นละคร
“แต่งตัวเสร็จแล้วนี่ ไป ไปกินข้าวกัน”
เสียงของบิดาดึงสายตาของเอริคจากแม่เลี้ยงที่มีอายุมากกว่าตัวเองแค่สิบสี่ปีที่ยังไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับสายตาของเขา
ใช่! เธอเก่งเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตาแบบไหน ต่อว่าเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายเพียงใด ใบหน้านั้นก็ยังคงราบนิ่งและมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่เสมอ ผิดกับคนเป็นหลาน ที่แสดงทุกอย่างออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง เธอคิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น เธอออกโรงปกป้องผู้เป็นน้าเสมอ โกรธเป็นฝืนเป็นไฟทุกครั้งที่เขาด่าทอ หรือว่ากระทบกระเทียบน้าของเธอ จนกลายเป็นว่าเขาต้องทะเลาะกับเด็กทุกครั้งที่พยายามจะหาเรื่องกานต์สินี
แต่รัตน์วลีก็จะถูกกานต์สินีดุ หรือไม่ก็ถูกทำโทษทุกครั้งที่เธอกับเขาทะเลาะกัน ในขณะที่เขากลับไม่ถูกต่อว่าอะไรเลย แต่ใช่ว่าเขาจะมองว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงที่แสนดี เพราะเขารู้ว่ามันเพียงเป็นการแสดงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“ไม่ดีกว่าครับ ผมยังขยาดอยู่ คงไม่กล้ากินอาหารที่บ้านอีกนาน”
“ว่าไปนั่น ไปกินอะไรข้างนอกมาหรือเปล่า พ่อไม่เห็นเป็นอะไรเลย คุณก็ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ค่ะ กานต์สบายดี”
“เมื่อคืนคุณพ่อหลับสบายเลยใช่ไหมครับ” เอริคพูดขึ้นโดยไม่สนใจคำตอบของผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง
“อืมก็ใช่ เมื่อคืนหลับสบายมากเลย ปกติต้องตื่นมาตอนตีหนึ่ง ตีสองทุกวัน คนแก่ก็งี้ ถ้าเป็นแบบเมื่อคืนทุกวันก็คงดี ไปเถอะ ไหนๆ วันนี้ก็สายแล้ว กินข้าวเป็นเพื่อนพ่ออีกสักมื้อ ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรเราจะมีเวลามากินข้าวกับพ่ออีก”
พูดจบโรเจอร์ก็สาวเท้าเดินนำไปยังห้องอาหาร ทำให้คนที่ตั้งท่าจะปฏิเสธอีกครั้งต้องสาวเท้าตามอย่างไม่มีทางเลือก
*******
มาต่อให้แล้วจ้า ถ้าไม่ติดอะไรเดี๋ยวคืนนี้เจอกันอีกตอนเนอะ
ความคิดเห็น