ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เถื่อนรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 แอบอ้าง (1)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 64


    กายผับแอนด์เรสซิเด้นท์ ร้านอาหารกึ่งไนต์คลับบนชั้นที่สิบเก้าของโรมแรมเดอะคาริโน สาขากรุงเทพมหานคร...

     ร้านอาหารบนตึกสูงแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นสองโซน โซนแรกให้บริการด้านอาหาร และเครื่องดื่มเบาๆ หลากหลายรูปแบบ ภายในโซนถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ กรม และเทา เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบในสไตล์วินเทจโมเดิร์น เรียบหรู แต่แฝงความคลาสสิกเอาไว้ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดเคี้ยวเป็นเส้นยาวสวยงาม และแสงสีแพรวพราวที่ระยิบระยับไปทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร โซนที่สองเป็นโซนที่เรียกได้ว่าไนต์คลับเต็มตัว ซึ่งตอนนี้กำลังคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาที่กำลังจะจบ วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของการเรียนมหาวิทยาลัยที่รอคอยมากว่าสี่ปี การเลี้ยงฉลองจึงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ และความครื้นเครง

     เกล้า จะไปไหน เสียงร้องที่ดังขึ้นแทรกเสียงเพลงจังหวะเร้าใจและเสียงสรวลเสเฮฮาทำให้เจ้าของชื่อที่เพิ่งลุกจากโต๊ะที่มีเครื่องดื่มมึนเมาวางอยู่ต้องหันกลับไปมอง

    ไปห้องน้ำรัดเกล้าพูดพลางส่งยิ้มบางๆ ให้วิรัญญา เพื่อนร่วมคณะที่สนิทกันที่สุด

    งั้นฝากเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่บาร์เพิ่มด้วยนะ

    ได้สิ รัดเกล้าตอบก่อนจะหมุนตัวเดินฝ่าผู้คนที่เริ่มคลาคล่ำขึ้นตามช่วงเวลาไปยังเคาน์เตอร์บาร์ตั้งใจจะไปสั่งเครื่องดื่มแล้วค่อยไปห้องน้ำ แต่อยู่ๆ มือของใครคนหนึ่งเอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้แล้วฉุดให้เดินไปอีกทาง

    ว้...รุจ!” รัดเกล้ากลืนคำกรีดร้องลงคอแล้วเอ่ยเรียกชื่อคนที่ทำการอุกอาจด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่หายตระหนก เพราะแสงไฟที่ค่อนข้างสลัว และผู้คนที่เบียดเสียดทำให้ก่อนหน้านี้เธอมองไม่ชัดว่าเป็นใครที่กล้ามาทำเช่นนี้กับตัวเอง

    ตกใจเหรอ

    ก็ใช่น่ะสิ

    โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจ

    แล้วมีอะไรหรือเปล่า

    รัดเกล้าเอ่ยถามพลางรั้งตัวจากการดึงของเพื่อนร่วมคณะ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยและยังคงดึงเธอให้ก้าวตามออกจากประตูร้านอาหารกึ่งไนต์คลับแห่งนี้ด้วยท่าทางเคร่งเครียด

    ตกลงมีอะไรกันแน่รัดเกล้าใช้เสียงดังกว่าเก่าพูด เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินสิ่งที่ตัวเองถาม แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอไม่ได้รับคำตอบจากคำถามที่ถามออกไป

    “...”

     รุจ รัดเกล้าเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีก เมื่อไม่มีคำตอบออกมาจากปากชายหนุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตาจะฉุดเธอให้เดินตาม

    “...”

    ตอนแรกรัดเกล้าเข้าใจว่าอาจเป็นเพราะเสียงเพลงจังหวะเร้าใจของไนต์คลับที่ทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงเธอ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายตั้งใจที่จะเมินเฉยต่อคำถามของเธอมากกว่า เพราะเป็นอีกครั้งที่ไม่มีเสียงตอบรับออกมาจากปากของวิศรุจไม่ว่าเธอจะใช้เสียงดัง หรือรั้งตัวเอาไว้เท่าไรอีกฝ่ายก็ไม่สนใจที่จะหันกลับมามอง

    รัดเกล้ามองแผ่นหลังของคนที่ฉุดให้เธอเดินตามอย่างไม่เข้าใจ

    รุจ หรือ วิศรุจ เป็นลูกของนักการเมืองที่มีอิทธิพลมากคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่มั่นใจในทุกสิ่งออกจะหลงตัวเองเสียด้วยซ้ำ และที่งานเลี้ยงการสอบวันสุดท้ายถูกจัดขึ้นในสถานที่หรูหราแบบนี้ ก็เป็นเพราะอิทธิพลและเงินทองของลูกนักการเมืองอย่างวิศรุจ แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับดูแปลกไป เขาดูสับสน ไม่แน่ใจ แต่ก็เหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว แถมท่าทางแปลกๆ ของเขาอีก ถามก็ไม่ยอมตอบ และตั้งหน้าตั้งตาดึงเธอออกจากร้านที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแห่งนี้อย่างเอาเป็นเอาตายอีกด้วย และทั้งหมดนั้นมันก็ทำให้ให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่า...เขาเป็นอะไรของเขากันนะ?’

     

    กลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ดึงเกล้าออกมาข้างนอกทำไม รัดเกล้าเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนเมื่อคนที่ลากเธอออกมานอกร้านอาหารกึ่งผับไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ วิศรุจได้แต่ยืนนิ่ง มองหน้าเธออย่างไม่ยอมละสายตา แล้วก็เม้มปากแน่น

    ถ้าไม่พูดเกล้าจะกลับเข้าไปในร้านแล้วนะ  รัดเกล้าพูดขึ้นอีกเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่ผลลัพธ์ก็ยังเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย จนเธอหมุนตัวจะทำตามสิ่งที่พูดจริงๆ นั่นแหละ วิศรุจจึงยอมปริปากพูดออกมา

    เรามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเกล้า

    ก็พูดตรงนั้นก็ได้นี่ไม่เห็นต้องออกมาข้างนอกเลย รัดเกล้าพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม

    มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราอยากคุยกับเกล้าสองคน

    งั้นก็รีบพูดมาสิ จะได้กลับไปที่โต๊ะ ออกมานานๆ แบบนี้เดี๋ยวคนอื่นจะเป็นห่วง

    “...”

    เอ้ารุจ รีบพูดสิ รัดเกล้าเร่งเมื่ออยู่ๆ วิศรุจก็เงียบไปอีกครั้ง

    คือว่า...เอ่อ...เรา...เอ่อ...คือว่า...

    ถ้ามีคำว่าเอ่ออีกคำเดียวเกล้าจะไม่ฟังจริงๆ ด้วย

    “...”

    เมื่อเธอขู่อีกฝ่ายก็เงียบไปอีกหนทำให้รัดเกล้าหมุนตัวตั้งใจจะเดินกลับเข้าไปในไนต์คลับที่เพิ่งถูกอีกฝ่ายลากออกมา แต่วิศรุจกับเอาร่างสูงเพรียวมาขวางทางไว้

    ก็ได้ๆ เราพูดแล้ว

    งั้นก็รีบว่ามาสิ

              พวกเราเรียนจบกันแล้ว คราวนี้พวกเราก็ต้องแยกย้ายกันไปทำงานใช่ไหม

    อืมใช่ แล้ว... รัดเกล้าลากท้ายประโยคยาวๆ สื่อความว่าให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรและเป็นการเร่งให้อีกฝ่ายรีบพูดออกมา

    เราอยากบอกเกล้าว่า เราชอบเกล้า...

    แน่นอนก็ต้องชอบสิ เราเป็นเพื่อนกันนี่ เพื่อนที่ไหนเขาเกลียดกันรัดเกล้าตัดบท เพราะเริ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดเรื่องอะไร กลับไปที่โต๊ะเถอะ ปานนี้เพื่อนๆ คงตามหาเราสองคนแล้ว

    เดี๋ยวเกล้า ไม่ใช่แบบนั้น เกล้าไม่เข้าใจ เราหมายถึงเราคิดกับเกล้ามากกว่า...

    เรารีบกลับเข้าไปในงานกันเถอะ

    วิศรุจพูดไม่ทันจบประโยครัดเกล้าก็แทรกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเบี่ยงตัวตั้งใจจะเดินผ่านชายหนุ่มกลับเข้าไปในไนต์คลับ แต่กลับถูกวิศรุจคว้าข้อมือเอาไว้แล้วยึดไว้แน่น

    เกล้าฟังเราพูดให้จบก่อนสิ เรารักเกล้า รักมานานแล้ว แล้วเราก็อยากคบกับเกล้า

    *****************

    ฝากรัก ฝากติดตาม แม็กซิมัส กับ รัดเกล้า ด้วยค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×