ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE LEGEND (One Direction FanFIc)

    ลำดับตอนที่ #1 : หน้าแรกของนิทาน

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 58


        หอสมุดใหญ่โตมโหฬาร สถานที่เก็บความรู้ทุกอย่างบนโลก หนังสือมากมายนับพันเล่มถูกจัดวางอยู่บนชั้น เฝ้าคอยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านอักษรที่ประทับลงบนกระดาษขาว

     หนังสือเล่มเก่าถูกดึงออกจากชั้นวางที่มีฝุ่นจับ มีเก่าคร่ำครึด้วยฝุ่นผง หน้าปกสีแดงเข้มหลุดร่อนจนไม่เห็ฯชื่อหนังสือ กระดาษเก่ากรอบจนเป็นสีเหลืองอ่อน แต่ถ้อยคำที่ร้อยเรียงด้านในยังคงชัดเจน เรื่องราวที่เล่าขานกันมานานแสนนาน


    หน้าแรกของหนังสือถูกเปิดขึ้น เมื่อคุณอ่านบรรทัดต่อไป..


    ***************************************************************************************************


    คริสตศักราช 1736


    ยามราตรีดึกสงัด ฟากฟ้าถูกปกคลุมด้วยสีดำของยามราตรี มีเพียงดวงจันทร์กลมโตส่องแสงอยู่เดียวดาย แสงของมันทอดลงมาบนพื้นดิน ย้อมให้ทุกสรรพสิ่งเป็นสีเงินยวงราวกับต้องมนตรา

    หมู่บ้านเล็กตั้งอยู่ที่ชายป่า เงามืดของต้นไม้อายุกว่าร้อยปีทอดยาวพาดผ่านหลังคาบ้านหลายหลัง ผู้คนหลับใหลอยู่บนเตียงนอน เฝ้าฝันถึงเหตุการณ์สุดจินตนาการ ช่างเงียบงันไร้การเคลื่อนไหวใด..

    หากแต่ มีผู้หนึ่ง ที่ยังไม่หลับใหลไปตามมนต์ราตรี



    ปีกกว้างสีดำถนัดโบกพัดโต้สายลมหนาว ทอดผ่านเงามืดไปด้วยความรวดเร็ว โบยบินไปบนท้องฟ้ายามรัตติกาลที่ไร้ชีวิตใด  ก่อนจะโฉบลงบนเหนือพื้นดิน

    เท้ามนุษย์เปลือยเปล่าสัมผัสก้อนดินอ่อนนุ่ม ชายผ้าสีดำเฉกเช่นปีกพลิ้วไหวตามสายลม ร่างกายสูงโปร่งแข็งแรง ไหล่กว้างยืดตรงอย่างสง่าผ่าเผย ผิวสีมะกอกซีดจางนุ่มเนียนราวผ้าไหมชั้นดี ดวงหน้าคมเข้มดุร้ายฉายแววเรียบนิ่ง นัยย์ตาสีนิลทอประกายล้อแสงจันทร์ บนศรีษะประดับประดาด้วยมงกุฏเพชรนิลจินดาสีเข้ม


    เซน เทพเจ้าแห่งรัตติกาล ผู้ปกครองฟากฟ้ายามราตรี เทพแห่งความตาย

    ปีกใหญ่พับลงข้างกาย มันยาวเท่าตัวผู้เป็ฯเจ้าของ ขนนกสีดำขลับเรียบลื่นสวยงาม เรียงตัวลงมาอย่างไร้ที่ติ

    หากความตายจะมีรูปลักษณ์ ก็คงถ่ายทอดออกมาได้เช่นนี้แล


    ความตายที่แสนสง่างาม

     

    เนินเขาลูกเล็กอยู่เบื้องหน้า บนนั้นมีอาคารหลังเล็กตั้งตระหง่านอยู่ในความมืด ไม้กางเขนที่ด้านหน้าบอกชัดว่านี่คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่ดูจากเถาวัลย์ที่เลื้อยปกคลุมฝาผนัง กับรอยแตกร้าวที่บานประตู ก็ดูรู้ได้ว่า ไม่มีใครมายังที่แห่งนี้นานแล้ว

    โบสถ์ร้าง..

    ร่างสูงค่อยๆก้าวเดินไปยังจุดหมาย กลิ่นอายของมนต์พิธียังอบอวลในชั้นบรรยากาศ อาคารหลังเล็กแส่พลังศักดิ์สิทธ์เจือจาง เนตรสีเข้มเพ่งพินิจที่รอยสลักบนบานประตู ก่อนจะผลักประตูไม้เก่าผุนั้นเข้าไปด้านใน

    ภายในเป็นห้องกว้างห้องเดียว เก้าอี้ยาวจากไม้สลักวางเรียงเป็นแถวนั้นดูเก่าและทรุดโทรม ภาพวาดที่คงเคยวิจิตรงดงามบัดนี้ล่อกร่อนซีดจาง หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่แสนจะมีชีวิตชีวา

    ละอองแสง

    กลิ่นดอกไม้ป่า

    ร่างร่างหนึ่งยืนอยู่ ณ หน้าแท่นประกอบพิธีด้าานหน้าโบสถ์ ปีกนกสีขาวบริสุทธิ์หุบลู่ลง อาภรณ์สีขาวสะอาดปกคลุมร่างกาย ชายผ้าทอดยาวลากพื้นดิน เท้าเปลือยเปล่ายืนอยู่บนหินอ่อนเย็นเยียบ และเมื่อร่างนั้นหันมาเผชิญหน้าเขา เทพเจ้าความตายแทบหยุดหายใจ

    ดวงหน้าอ่อนหวานงดงาม ผิวพรรณขาวผ่องราวกับหิมะ นุ่นเนียนไร้ที่ติ  ริมฝีปากกระจับได้รูปสีแดงสดฉกเช่นกุหลาบงาม จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาโตสีมรกตส่องสว่าง เส้นผมหยักศกยาวสีไม้โอ๊คปล่อยลงระใบหน้า ดอกไม้ป่านานาพันธ์ถักทอเป็นมงกุฎวางอยู่บนศรีษะ ร่างนั้นทอแสงสีทองจางๆ กลิ่นหอมหวานอ่อนลอยอบอวลทั่วบริเวณที่คนคนนั้นยืนอยู่

    แฮร์รี่ เทพเจ้าแห่งความรัก ความหลงใหล และเทพแห่งความหนุ่มสาวชั่วนิรันดร์

     

    “นึกว่าท่านจะไม่มาพบเราเสียแล้ว เซน” ซุ่มเสียงนุ่มเบาดังออกจากริมฝีปากสวยที่คลี่ยิ้มบางส่งมาให้เทพเจ้าแห่งรัตติกาล

    “เรียกข้ามาที่นี่ มีอะไรหรือ”เสียงสูงเอ่ยปากถาม เสียงทุ้มลึกอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาสรนิลส่อแววสงสัยใคร่รู้

    “การที่เราอยากพบท่าน จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆนอกจากใจเราปรารถนาอีกหรือ” ร่างบางค่อยๆเยื้องย่างหายเข้ามาหา ระบายยิ้มอ่อนโยนอย่างเป็นนิสัย กลิ่นหอมหวานประจำกายชวนให้ดอมดม

    ช่างงดงาม..

    “ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน แฮร์รี่” เทพเจ้าแห่งราตรีคลี่ยิ้มกลับไปให้ ก่อนจะย่อตัวลงคุกเข่า คว้ามือนุ่มเนียนมาประทับจุมพิตเบาๆอย่างเคารพรัก

    ร่างบางก้มลงไปประคองเซนให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย เลื่อนลงมาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ความรู้สึกอบอุ่นซาบซ่านแผ่กระจายทั่วร่าง และจบลงที่ริมฝีปากของเซน



    ผิดจารีต

    อาภรณ์ทั้งหลายถูกปลดเปลื้องทิ้งลงบนพื้นดิน มือหยาบกร้านลูบไล้ไปตามผิวนุ่มเนียนขาวผ่อง

                ผิดประเวณี

                เสียงคำรามอย่างพึงพอใจหลุดออกจากริมฝีปากเมื่อเส้นผมอ่อนนุ่มระไปตามกล้ามเนื้อหนั่นแน่นที่หน้าท้อง

                ผิดด้วยความถูกต้อง

                มงกุฎทั้งสองถูกถอดเทินไว้เหนือหัว เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ต่อหน้าพระเป็นเจ้าที่เฝ้ามอง

     

    ค่ำคืนนั้น ยามราตรีที่แสนเยือกเย็นถูกแทนที่ไฟราคะที่แผดเผาทุกสิ่งทุกอย่าง ความถูกต้อง ความยับยั้งชั่งใจ สิ้นแล้วด้วยตัณหาที่เพิ่มพูน

     

    ความรัก และความตาย เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเข้ากันได้แม้แต่น้อย ความหนุ่มสาวกับความแก่ชราย่อมไม่สามารถดำรงค์อยู่ได้ด้วยกัน

    แต่หากเทพเจ้าทั้งสองมีจิตใจให้กันแล้วไซร้ จะมีสิ่งใดที่มาขัดขวางความต้องการของทั้งคู่ได้อีกหรือ

    แม้จะรู้ว่าผิด แม้จะรู้ว่าบาป แต่ใครเล่าจะต้านทานอำนาจของความรักได้...


    แม้แต่เทพเจ้า ยังต้องยอมจำนน


    จบปฐมบท..


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×