TRUST Harry X Zayn(Zarry) One Direction Fan-Fic - TRUST Harry X Zayn(Zarry) One Direction Fan-Fic นิยาย TRUST Harry X Zayn(Zarry) One Direction Fan-Fic : Dek-D.com - Writer

    TRUST Harry X Zayn(Zarry) One Direction Fan-Fic

    "Take care of my heart. It's in your hand now"

    ผู้เข้าชมรวม

    1,451

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    1.45K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    26
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 พ.ค. 58 / 14:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      True love doesn't have a happy ending because true love never ends.

      รักแท้ ไม่จำเป็นต้องมีตอนจบที่สวยงาม เพราะรักแท้นั้น ไม่มีวันจบ

       

       

       

      “อันนี้...ฉันให้”  สร้อยเงินเส้นบางประกฎแก่สายตา ดวงตาสีมรกตคู่งามจดจ้องสร้อยเส้นนั้นด้วยความตะลึง มันเป็นสร้อยแสนธรรมดา หากแต่ที่ไม่ธรรมดาคือสิ่งที่ห้อยอยู่ที่ปลาย จี้ทรงรีสีเงินปลาบ ฉลุลวดลายคล้ายเกลียวเชือก เลื้อยไปตามรูปทรง ทอประกายล้อแสงแดด มันอาจจะดูเรียบง่าย แต่สำหรับคนรับ มันสวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

      “ให้ฉันเหรอ..”

      “อื้ม สั่งทำเลยนะ ของขวัญวันครบรอบ3ปี” เสียงนุ่มตอบกลับมา ใบหน้าคมคายที่ออกไปทางตะวันออกกลางส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อนจะกดจูบที่หน้าผากของเขา

       

      ใช่แล้ว “เขา”

       

      วันนี้เป็นวันที่เขา “แฮร์รี่ สไตลส์”กับแฟนของเขา “เซน มาลิค” คบกันครบ3ปีพอดี ถือเป็นเวลาที่นานทีเดียวสำหรับแฮร์รี่ เพราะเซนเป็นแฟนคนแรกของเขา คนแรก และคนเดียว

       

           ตอนนี้ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งใจกลางกรุงลอนดอน บ้านเกิดของทั้งคู่ วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากๆถ้าเทียบกับภูมิอากาศปกติของลอนดอน ท้องฟ้าแจ่มใสกว่าปกติ เมฆที่ปกคลุมท้องฟ้าก็ดูจะน้อยลง อากาศอบอุ่นเหมาะสำหรับการนั่งจิบกาแฟกับคนรักอย่างที่สุด

      แฮร์รี่กับเซนไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะแฮร์รี่ทำงานเป็นเชฟทำงานที่โรงแรมชื่อดัง เข้างาน6วันต่อสัปดาห์ เช้ายันดึกไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านซักเท่าไหร่ เซนเองก็เป็นนักดนตรีอยู่ในร้านอาหารกึ่งผับ เลยต้องอยู่ทำงานจนดึกดื่น เขาทั้งคู่เลยจำเป็นต้องใช้เวลาที่สามารถอยู่ด้วยกันใช้คุ้มค่าที่สุด

       

       

      อย่างเช่นวันนี้

       

      “นึกว่าจะลืมไปแล้วนะเนี่ย”แฮร์รี่รับสร้อยเส้นนั้นมา ส่งยิ้มกลับไปให้เซน เอาจริงๆเขาไม่คิดว่าเซนจะทำอะไรแบบนี้ให้เขาหรอก เซนไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรมาก ไม่ค่อยแสดงออกด้วยสิ่งของเท่าไหร่ การที่เซนทำแบบนี้ ถือว่ามันพิเศษ

       

      คนที่ไม่ชอบแสดงออก แต่กลับทำเพื่อเขามากขนากนี้ จะไม่รักได้ไงละเนอะ

       

      “ขอบคุณนะเซน”แฮร์รี่ส่งยิ้มกว้างกลับไป

      “เจ้านี่ยังมีลูกเล่นอีกนะ” เซนว่าพร้อมเอื้อมมากดสลักด้านบนจี้ มันเปิดออกมาเป็นฝาสองด้าน ด้านนึงมีรูปคู่ของเขาทั้งสองคนที่เคยถ่ายไว้เมื่อนานมาแล้วส่งยิ้มมาให้ อีกด้านเป็นตัวอักษรเล็กๆสลักลงไปในเนื้อเงิน ข้อความนั้นอ่านได้ใจความว่า

       

      More   Than  My  Life

      Z  & H

       

      มันคือล็อกเก็ต

       

      “ฉันรักนาย มากกว่าชีวิตของฉัน แฮร์รี่ สไตลส์” เซนจัดการสวมสร้อยนั้นลงบนคอระหงส์ ก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้ทั้งสองข้าง

      “ฉันรักนายนะแฮซ รักมาตลอด3ปี และจะรักตลอดไป ฉันขอเอาสร้อยเส้นนี้เป็นเครื่องรับประกัน ฉันสัญญาว่าจะรักแค่นาย จะมีแค่นาย นายคนเดียวเท่านั้น ตลอดไป” เสียงนุ่มที่เอ่ยออกมาจากปากคนตรงหน้าทำเอาแฮร์รี่พูดไม่ออก เขารู้สึกว่าใบหน้าร้อนไปหมด ปากก็อ้าค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรกลับไปดี

       

      น้ำตาก็มาจากไหนไม่รู้

       

      “เอ้า ร้องไห้ทำไมเนี่ย ฮ่าๆๆ”เซนหัวเราะกับท่าทางของเขา เอื้อมมือมาปาดน้ำตาจากข้างแก้มสวย

      “เซน..ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ” ในหัวแฮร์รี่มีแต่คำว่าขอบคุณเต็มไปหมด ความรู้สึกที่เซนมีให้เขามันคือของจริง มันเติมเต็มเขามาตลอด มันไม่เคยหายไปเลย

       

      เมื่อไหร่ที่เขาเศร้า จะมีมือคู่นึงคอยปาดน้ำตาให้

      เมื่อไหร่ที่เขาท้อ จะมีอ้อนแขนอบอุ่นคอยให้กำลังใจ

      เมื่อไหร่ที่เขามีความสุข จะมีรอยยิ้มแสดงความยินดีมาให้เสมอ

       

      มันคือรักแท้

       

      “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันสิต้องขอบคุณนายที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ” เซนดึงมือเขาไปจุมพิตเบาๆอย่างรักใคร่

      “ฉันฝากชีวิตฉันไว้ในสร้อยเส้นนั้นแล้วนะ ดูแลชีวิตฉันดีๆล่ะ” คนหน้าคมส่งยิ้มกว้างมาให้เขา แฮร์รี่ยิ้มตอบกลับไป ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายตอนนี้พองโตคับอกไปหมดแล้ว

       

      “จะดูแลด้วยชีวิต”

      “รักนายนะแฮซ”

      “รักเหมือนกัน”

       

      รักที่สุด

       

       

       

           ร่างบางจัดแจงพับเสื้อตัวสุดท้ายก่อนจะวางลงบนกองเสื้อผ้า รอบกายมีของใช้ส่วนตัวที่เก็บใส่กระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้บางส่วนถูกจัดเรียงลงกระเป๋าเดินทาง แฮร์รี่จัดการทำเครื่องหมายถูกลงบนกระดาษโน้ตใบเล็ก

      “เสื้อ6ตัว....ไปแล้ว, กางเกง3 ตัว.....ไปแล้ว, กางเกงใน ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน น้ำหอม ตุ๊กตาหมี....ไปแล้ว ครบแล้วล่ะมั้ง” เขารำพึงรำพันกับตัวเอง ตรวจสอบความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย แล้วจึงรูดซิปปิดกระเป๋า

       

      “ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง แฮร์รี่หันไปมองคนตัวใหญ่ยืนพิงพนักประตูอยู่หน้าห้องนอนของเขาสองคน มือถือถ้วยชาเล็กๆสองถ้วย

      “ไม่ได้หรอก ตอนนี้ร้านที่ปารีสขาดซูเชฟอยู่ คนเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฉันต้องไปรับหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าเขาจะหาคนมาแทนได้นั่นแหละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากไปหรอก ถ้าไม่ติดว่าเจมม่าพี่สาวของเขาที่เป็นผู้จัดการร้านอยู่ที่นั่นขอร้องมา เขาก็เลี่ยงไม่ได้

      “ปารีสเลยนะ...” เซนเดินมายื่นถ้วยให้แฮร์รี่ถ้วยหนึ่ง เขารับมามันจิบ รสชาติชาอังกฤษชั้นเยี่ยมอบอวลในปาก เดี๋ยวก็จะไม่ได้กินชาอร่อยๆแบบนี้แล้วสินะ..

      “ใช่ ปารีสเลย” เขาทวนคำ

      “ไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้” เซนทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง คนชาในถ้วยไปมาอย่างหงอยๆ

      “นี่ ฉันไม่ไปนานหรอก ฉันจะรีบกลับมา สัญญาเลย” แฮร์รี่วางถ้วยลง แล้วเดินไปนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าคนหน้าเข้ม จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเฮเซลแสนสวย ระบายยิ้มบางๆให้คนรัก

      “เชื่อใจฉันสิ”

       

      เซนจ้องมองเขากลับมา สายตาทั้งคู่ประสานกัน นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

       

      ไม่มีใครพูดอะไร เซนค่อยๆโน้มตัวลงมา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ใกล้จนจมูกสัมผัสกัน ตามมาด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มที่ริมฝีปาก ร่างสูงสอดลิ้นเข้ามาหยอกย้อ ตักตวงความหอมหวานจากอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จักพอ มือหยาบเชยคางเรียวสวยขึ้นให้ตอบรับสัมผัสมากขึ้น รสจูบจากอ่อนหวานกลายเป็นหนักหน่วง เต็มไปด้วยความปรารถนา และยาวนานจนร่างบางต้องประท้วงขออากาศ อีกฝ่ายจึงยอมผละออก ก่อนจะฝังใบหน้าลงที่ซอกคอขาว สูดดมกลิ่นกายหอมหวาน ขบเม้มจนขึ้นสี แล้วช้อนตัวร่างบางขึ้นมานอนบนเตียงโดยคนตัวใหญ่คร่อมอยู่ด้านบน กดจูบลงไปที่ริมฝีปากสีสดอีกครั้ง รุนแรงขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น

       

       

      อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุดเถอะนะ....แฮร์รี่คิด

       

       

       

      “เสื้อโค้ต เอามารึยัง”

      “เอามาแล้ว”

      “ผ้าพันคอล่ะ”

      “อยู่ในกระเป๋า สองผืน”

      “กางเกงในล่ะ เอาไปพอรึเปล่า”

      “เซน ฉันเตรียมมาครบน่า” ร่างบางหันไปพูดกับคนรักอย่างเซ็งๆ

           ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าของวันต่อมาแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโตสองใบอยู่ในสนามบินลอนดอน เพื่อจะเข้าไปรอเวลาเครื่องออกไปปารีส

      เซนขอหยุดงานเพื่อมาส่งแฮร์รี่ที่สนามบิน ซึ่งเซนก็เอาแต่ถามย้ำเรื่องข้าวของเครื่องใช้เขามาทั้งวันตั้งแต่ยังไม่ออกจากคอนโดแล้ว มีใครไม่รำคาญบ้างล่ะ

      “ก็ฉันเป็นห่วงนายนี่ ไปก็นาน กลัวจะลืมของแล้วต้องไปลำบากที่นั่น เกิดฉุกเฉินขึ้นมาหาของไม่ได้ใครจะรู้” เซนบ่นอุบอิบ ใบหน้าคมๆยู่ลงเหมือนเด็กๆ ทำเอาแฮร์รี่หายหงุดหงิดไปเลย

      “โอ๋ๆ อย่างอนสิ ฉันเตรียมมาครบแล้วจริงๆ เมื่อวานฉันเช็คดีแล้วนะ” ร่างบางหันไปยิ้มกว้างให้คนหน้าเข้ม ทำท่าโบกไม้โบกมือให้คนตรงหน้าหายงอน เซนระบายยิ้มเล็กๆแล้วคว้าคอเขามากอด ริมฝีปากหนากำลังจะประทับลงที่แก้มเนียนสวย

       

      ท่านผู้โดยสารที่จะขึ้นเครื่องบินR3310 สายการบินAirsaint Pierre ไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รอบ22.30นาฬิกา ขอเชิญที่ประตูทางเข้าCด้วยค่ะ

       

      เสียงประกาศดังขึ้น ทำให้การกระทำของทั้งสองคนหยุดชะงัก แฮร์รี่เหงนหน้าขึ้นไปมองตามลำโพงที่ประกาศ

      “ได้เวลาแล้วเหรอ..” คนตัวเล็กงึมงำ ได้เวลาไปแล้วเหรอ ไปจากลอนดอน ไปจากบ้านเกิด ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้น ไปอยู่คนเดียว โดยปราศจากเซน แถมยังไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่

      “ไปกันเถอะแฮซ” เซนคว้ากระเป๋าใบหนึ่ง อีกมือก็ฉุดร่างบางให้ตามไปด้วย แฮร์รี่เซไปตามแรงลาก แทบคว้ากระเป๋าเดินตามแทบไม่ทัน

       

      ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่หน้าประตูCตามที่ประกาศ ร่างบางยืนอึกอัก เขากับเซนจะต้องแยกกันตรงนี้แล้ว

       ไม่อยากไป ไม่อยากไปเลย..

       

      “ดูแลตัวเองดีๆนะ” เซนคว้าแฮร์รี่เข้ามาในอ้อมแขน ถึงจะสูงไล่เลี่ยกัน แต่เซนตัวใหญ่กว่าเขามาก เขาเลยจมเข้าไปในอ้อมกอดของเซนทั้งตัว

      เขาตวัดแขนรอบตัวคนตรงหน้า กอดให้แน่นและนานที่สุด ซึมซับสัมผัสอุ่นที่จะไม่ได้เจออีกหลายเดือน กระพริบตาถี่ไล่น้ำตาที่คลอเบ้า

       

      “นายก็เหมือนกันนะ อยู่นี่ทำตัวดีๆล่ะ” เขาพูดอู้อี้ใส่ซอกคอของอีกฝ่าย น้ำใสๆค่อยๆไหลลงมาข้างแก้ม อีกแล้ว..เขากลั้นมันไม่ไม่ได้อีกแล้ว

      “ร้องไห้อีกแล้วนะ อย่าร้องสิ เดี๋ยวไม่ให้ไปเลย” เซนผละออกมา ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่ล้นออกมาข้างแก้ม ส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้เขา

       

      “ไปอยู่โน่นน่ะ ระวังตัวดีๆ เมืองใหญ่รถรามันเยอะ อากาศมันหนาว ใส่เสื้อหนาๆด้วย จะทำงานก็อย่าให้หนักเกินไปจนทรุดนะ ฉันไม่อยู่ช่วยพยาบาลให้นะ รู้รึเปล่า ” เซนพูดยิ้มๆ

      “แล้วก็”  ร่างหนาเอื้อมมือมาดึงจี้ที่เขาสวมไว้ที่คอมาถือไว้หลวมๆ

       

      “ดูแลหัวใจฉันดีๆนะ ฝากไว้ที่นายแล้ว” คนตัวใหญ่กดจูบลงมาบนหน้าผาก ส่งคลื่นความรู้สึกไปทั่วร่างบาง

       

      “จะรักษาด้วยชีวิต” แฮร์รี่เขย่งเท้าไปจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากสวย กำลังจะผละออกแต่เซนก็คว้าคอเขากลับมาทาบริมฝีปากลงไปใหม่ เปลี่ยนเป็นรสจูบที่รุนแรงและยาวนาน

       

      จูบสุดท้าย

       

      “แล้วจะรีบกลับมานะ” แฮร์รี่กอดเซนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะคว้ากระเป๋าไปยังด่านตรวจ

      “จะรอนะ”เซนตะโกนไล่หลังมา เขาหันไปยิ้มให้คนรัก และจะเดินจากมา

       

      ไปไกลสุดขอบโลก

       

      ไปยังที่ที่เขาทั้งสองจะห่างกันแสนไกล

       

      แต่มีสิ่งหนึ่งที่แฮร์รี่มั่นใจ

       

      เขาทั้งสองจะรักกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

       

      ร่างบางกระรำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ

       

      “รอฉันนะ เซน”

       

       

           เสียงเพลงดังขึ้นจากริมฝีปากชมพูสวย แฮร์รี่ฮัมเพลงอย่างมีความสุขอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในกรุงปารีส เมืองแห่งแฟชั่น และอาหาร มองออกไปจากหน้าต่างห้องพักก็จะเห็นหอไอเฟลตั้งเด่นอยู่ไกลๆ

       

      มือเรียวคว้าข้าวของเครื่องใช้รอบๆโยนลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เปิดอ้ารอไว้

       

      ใช่แล้ว แฮร์รี่กำลังจะได้กลับบ้าน

       

      เมื่อเย็นที่ผ่านมาเจมม่าเข้ามาหาเขาในครัว บอกว่าตอนนี้เธอหาซูเชฟคนใหม่ได้แล้ว และแฮร์รี่สามารถกลับลอนดอนได้ทันทีที่ต้องการ พร้อมเงินค่าทดแทนก้อนโต

      เป็นความรู้สึกที่ลิงโลกที่สุดเท่าที่แฮร์รี่เคยรู้สึกมาในรอบหลายเดือน ในที่สุดก็จะได้กลับบ้านแล้ว

       

      เขาตัดสินใจออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นทันที รอแทบไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับบ้านเกิด กลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย กลับไปหาเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่แสนคิดถึง กลับไปหาอ้อมกอดอุ่นๆที่โหยหา กลับไปหาคนรักของเขา เซน..

       

           ตลอด7เดือนที่ผ่านมาแฮร์รี่คุยโทรศัพท์กับเซนแทบทุกวัน เปิดเฟสทามบ่อยเท่าที่จะทำได้ เขาเล่าทุกอย่างที่เขาประสบพบเจอมาในที่ทำงานใหม่แห่งนี้ ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน ชีวิตประจำวันที่หมุนผ่านไป ซึ่งเซนก็รับฟังอย่างดี ให้กำลังใจเขาเสมอเวลาที่เขาเหนื่อยหรือท้อ เล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟังเสมออย่างไม่มีเบื่อ แฮร์รี่แทบไม่รู้สึกเหงาเลย เพราะเมื่อไหร่ที่เขาเหงา เขาก็แค่เอาล็อกเก็ตอันนั้นออกมาดู และแฮร์รี่ก็จะรู้สึกได้ ว่าเขามีเซนอยู่ข้างๆ

       

      เซนอยู่กับเขา อยู่กับเขาทุกที่

       

      เซนมักจะมีรอยยิ้มกลับมาให้เขาเสมอ

       

      แต่เซนเองก็งานยุ่งเช่นกัน ระยะหลังๆที่ผ่านมาเซนเล่าว่ามีการเปลี่ยนผู้จัดการร้านคนใหม่ และขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น ยกเลิกระบบเปิดเพลงในเทป เปลี่ยนเป็นดนตรีสดทั้งหมด เซนจึงต้องทำงานหนักกว่าเดิม เวลาที่เขาทั้งสองจะได้คุยกันจึงน้อยลง ซึ่งแฮร์รี่เข้าใจ

       

      แฮร์รี่ตัดสินใจไม่บอกเซนเรื่องที่เขาจะได้กลับบ้าน เขาตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ให้เซน ให้แปลกใจเล่นดีกว่าที่เห็นว่าเขาได้กลับมาแล้ว

      ร่างบางคิดอย่างมีความสุข ก่อนจะจัดการแพคกระเป๋าใบสุดท้าย ลุกขึ้นยืนมองที่ที่ตนใช้ที่เป็นที่อยู่ที่กินมาหลายเดือน

      สูดหายใจลึกอย่างสบายใจ

       

      ลาก่อนนะ ปารีส

      เขาล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน และเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

       

       

      ลอนดอน

      ควันสีขาวขุ่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสวย ร่างสูงทอดกายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ขาพาดไปบนหมอนอย่างสบายอารมณ์

      มือใหญ่คว้าโทรศัพท์มากดเลื่อนหน้าจอไปที่รายชื่อโทรออก มองหารายชื่อที่ต้องการซักพัก ก่อนจะกดโทรออก ไม่นาน ปลายสายก็รับ

      ครับ ครับ ได้เลย ไว้เจอกัน เสียงทุ้มตอบรับคำนิ่งๆ วางสายลง เดินไปคว้าเอาแจ็คเก็ตตัวโปรดมาใส่ และเดินออกจากห้องไป

       

       

       

      โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบิน Airsaint Pierre เที่ยวบินที่ TG 791 ซึ่งเดินทางมาจาก ปารีส ได้มาถึงท่าอากาศยานลอนดอน ประเทศอังกฤษแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการ

       

       

      ขายาวเดินอยู่ ณ ทางเดินทางแคบๆในคอนโดมิเนียมของตน ดวงตาสีเขียวทอประกายความสุข ริมฝีปากบางอมยิ้มน้อยๆ เขากลับมาแล้ว กลับมาถึงลอนดอนแล้ว มือลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หอบหิ้วถุงวัตถุดิบที่เขาแวะซื้อมาจากห้างสรรพสินค้ามาทำเป็นมื้อเย็นให้คนรักที่เขาไม่ได้เจอมากว่าครึ่งปี

       

      เซนจะเป็นยังไงบ้างนะ กลางวันแบบนี้คงจะยังนอนอยู่เตรียมไปทำงานละสิ แฮร์รี่ชักอยากเห็นหน้าเซนตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเขานั่งอยู่ข้างๆจริง คนหน้าคมจะเซอร์ไพรส์แค่ไหนกันนะที่เห็นว่าแฮร์รี่กลับมาแล้ว

       

      ร่างบางไขกุญแจเข้าห้องอย่างเงียบเชียบที่สุด กลัวว่าเซนจะรู้ตัวซะก่อน

      ห้องโถงกลางตอนนี้ปิดไฟเงียบและปลอดคน เซนคงยังนอนอยู่แน่ๆ

       

      เมื่อเห็นว่าทางสะดวก ร่างบางยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆแทรกตัวเข้าไปใน วางกระเป๋าและถุงวัตถุดิบลงบนเคาท์เตอร์ในครัว หันไปมองรอบๆห้อง มาถึงแล้วสินะ ลอนดอน บ้าน

       

      แฮร์รี่กำลังจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำและเตรียมตัวทำอาหาร แต่สายตาก็ไปสะดุดกับบางอย่างเข้า บางอย่างที่ผิดปกติ

       

      เดี๋ยวนะ..

      รองเท้าคู่นั้นของใคร

       

      รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินคู่หนึ่งถูกถอดอยู่บนพื้นใกล้ๆชั้นวาง ไม่ได้เก็บให้เข้าที่อย่างคู่อื่น

       

      มันไม่ใช่ของเขา แล้วก็เล็กเกินกว่าที่จะเป็นของเซนด้วย

       

      นี่มันอะไร

       

      แฮร์รี่เดินสำรวจไปรอบห้องโถง ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าสิ่งหนึ่ง เสื้อเชิ้ตลายสก็อตที่ไม่มีเจ้าของกองอยู่บนพื้น เหมือนมีใครโยนมันลงมาแบบไม่ใส่ใจ

       

      ถัดไปมีเสื้อยืดสีดำอีกตัวที่เขาจำได้ว่าเป็นของเซน  กองอยู่ไม่ไกลกัน

       

      เสียง..

      มาจากไหน

       

      เขาลุกขึ้น ก้าวขาไปยังต้นตอของเสียงนั่น แต่ยิ่งเข้าใกล้เข้าไหร่ ขาก็ยิ่งหนักมากขึ้นเท่านั้น เหมือนมีก้อนหินมาถ่วงเขาอยู่ แต่เขายังคงเดินต่อไป หัวใจเหมือนถูกแช่ด้วยน้ำกรด

       

      เสียงนั่น

       

      มันดังมาจากห้องนอน

       

      ประตูที่เปิดแง้มอยู่ทำให้เขามองเห็นภาพข้างในได้ชัดถนัดตา

       

           ร่างสองร่างเกี่ยวกระหวัดกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่บนเตียงสีขาว ทั้งสองเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมช่วงเอวคนด้านบนที่กำลังขยับเอวเข้าออกอย่างรุนแรง เสียงครวญครางดังระงมห้อง ใบหน้าคนด้านล่างบิดเบี้ยวด้วยความสุขสม

      ขาเล็กเกี่ยวเอวสอบแน่น มือโอบรอบคออีกฝ่าย ปากร้องเรียกชื่อคนด้านบน

      “อื้อ เซน..เซน..เซน!!

      ร่างใหญ่คว้าคออีกคนมาจูบอย่างดูดดื่ม ก่อนจะดำเนินบทเพลงรักต่อไปอย่างรุนแรง

       

       

      มือเรียวยกขึ้นอุดปากตนเองไว้ ปิดกลั้นเสียงสะอื้นที่ดังขึ้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เสียงยังคงได้ยิน  ภาพตรงหน้ายังปรากฏ เพียงแต่ตอนนี้มันพร่ามัวไปด้วยม่านต้ำตาเสียแล้ว

      แฮร์รี่ทรุดลงคุกเข่า จะเดินหนีก็ไม่ได้ เขาไม่มีแรงจะยืน ไม่มีแรงจะพูด ทำได้แค่มองภาพตรงหน้าดำเนินต่อไปเรื่อยๆทั้งน้ำตา

       

      หลังเสร็จกิจกรรม เซนทิ้งตัวลงข้างๆ กอดอีกคนไว้ในอ้อมแขน กระซิบพร่ำบอกรักที่ข้างหู

      “ฉันรักเซนนะ” ร่างเล็กนั้นเอื้อมมือมาลูบใบหน้าคนหน้าคมช้าๆ

      “รักเหมือนกัน” เซนจูบหน้าผากเล็ก มือเกลี่ยปอยผมสีอ่อนอย่างรักใคร่

      “นี่ เมื่อไหร่เซนจะเลิกกับคนคนนั้นซักทีล่ะ เซนบอกว่าจะเลิกนานแล้วนะ ฉันไม่อยากหลบซ่อนแล้ว เราสองคนจะได้รักกันอย่างไม่ต้องอายใครเสียที”

      “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเลิกแน่ รอให้เขากลับมาแล้วฉันจะบอก ฉันสัญญา”

      เซนก้มลงไปจุมพิตร่างนั้นอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน

       

      ที่โต๊ะด้านข้างเตียงหลังใหญ่ มีกรอบรูปสีน้ำตาลอันหนึ่งวางอยู่ แฮร์รี่รู้ว่านั่นเป็นรูปคู่ของเขาสองคน เขากับเซน

      ตอนนี้มันคว่ำหน้าลง..

       

       

      ร่างบางลุกขึ้นจากพื้นช้าๆ เดินกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ คว้าเอาสัมภาระทั้งหมด แล้วก้าวออกจากห้องไป เหมือนว่าเขาไม่เคยมาที่นี่ เขาไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น

       

      เมื่อปิดประตูห้องแล้ว เหมือนโลกหมุนคว้าง เขาทรุดลงไปใหม่อีกครั้ง น้ำตาไหลนองใบหน้า ฟันขบริมฝีปากเพื่อปิดกั้นเสียงกรีดร้องจนห้อเลือด มือจิกทึ้งเส้นผมตัวเอง ร่างทั้งร่างสั่นระริก ก่อนจะฟุบลง ซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง โอบแขนรอบตัวเอง กอดตัวเอง ที่ไม่เหลือใคร

       

      เขาเพิ่งเห็นคนรักนอกใจตัวเอง

      เขาเพิ่งเห็นเซนมีเซ็กส์กับคนอื่น

      เขาเพิ่งเห็นเซนบอกว่าจะทิ้งเขาไป

       

      “แล้วจะรีบกลับมานะ”

      “จะรอนะ”

       

      แล้วสัญญาที่ให้ไว้ล่ะ

      แฮร์รี่ควักเอาล็อกเก็ตสีเงินออกมาจากเสื้อ กดเปิดมันออก เฝ้ามองคนสองคนยิ้มให้เขามาจากในรูป มองข้อความที่เจ้าตัวเคยเชื่อมั่น ว่ามันเป็นความจริง

       

       

      “ฉันขอเอาสร้อยเส้นนี้เป็นเครื่องรับประกัน ฉันสัญญาว่าจะรักแค่นาย จะมีแค่นาย นายคนเดียวเท่านั้น”

       

       

      เขากำมันแน่นจนแทบแหลกคามือ

       

      ไหนว่านายฝากหัวใจไว้ที่ฉันแล้วไง เซน ไหนว่าจะรักฉันคนเดียว ไหนว่าจะรักกันตลอดไป

      ทำไมนายทำแบบนี้

      ทำไม

      นายหลอกฉันทำไม

       

      ไม่รู้เหมือนกันว่าเขานั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีขอบฟ้าก็เริ่มมืดมิดแล้ว เซนกำลังจะตื่นไปทำงาน เซนกำลังจะออกจากห้องมา ถ้าเซนเจอเขาตอนนี้แย่แน่

       

      เซนจะต้องไม่รู้เรื่องนี้            

       

      ร่างบางค่อยๆชันตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็น หยิบกระเป๋า แล้วเดินจากไป จากไปจากที่ที่เคยเป็นของเขา ของเขาสองคน

       

      The scariest thing about distance

       is you don't know whether they will miss you or forget about you.

       

       

       

      “อ้าวแฮร์รี่! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” เซนเปิดประตูมาเจอคนร่างบางยืนรออยู่ด้านหน้า ข้างกายมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่ เซนยิ้มกว้างแล้วคว้าเขาเข้ามาในอ้อมแขน เขากอดตอบ ฝังหน้าลงตรงคออย่างที่ชอบทำ

       

      แฮร์รี่คิดถึงเซน

      คิดถึงอ้อมกอดนี้

       

      เซนพาเขาเข้ามาในห้อง ช่วยยกกระเป๋าสัมภาระเข้ามาให้ แฮร์รี่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องโถง นั่งมองเซนหายไปในครัวซักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมชาหอมกรุ่นหนึ่งถ้วย

      รสชาติหอมหวานกระจายในปาก เซนนั่งลงข้างๆเขา ส่งยิ้มมาให้

      “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่บอกล่ะ ฉันจะได้ไปรับ” คนหน้าเข้มถามเขา เอื้อมมือมาลูบเส้นผมสีน้ำตาลสลวย

      “เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เอง พอดีเจมม่ามาบอกฉันเมื่อคืนว่าหาคนมาแทนได้แล้ว ฉันเลยรีบบินกลับมา เลยไม่ได้บอกน่ะ โทษทีนะ” แฮร์รี่ยิ้มน้อยๆกลับไปให้ ก่อนจะก้มลงจิบชาต่อ

       

      สามวัน

       

      นี่ผ่านมาสามวันแล้ว

      นับจากเหตุการณ์นั้น

       

      สามวันที่ผ่านมาแฮร์รี่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการหมกตัวอยู่ในบาร์แถบชานเมือง ไม่รู้ว่าเขาดื่มไปมากเท่าไหร่ เขาแทบไม่ได้นอน เพราะทุกๆครั้งที่หลับตา ก็จะเห็นภาพคนรักของตัวเอง เสพสม..กับคนอื่น

      น้ำตาก็มักจะไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว เสียงกรีดร้องมักเล็ดลอดออกมาเบาๆ สิ่งเดียวที่ช่วยให้แฮร์รี่นอนหลับได้ คือเหล้ายา

       

      จนเมื่อวาน..

       

       “ไม่เป็นไรหรอก ไหนๆนายก็กลับมาแล้ว ฉันคิดถึงนายมากเลยนะแฮซ” ร่างหนาประกบริมฝีปากลงมาอย่างอ่อนโยนและเนิ่นนาน มันควรจะเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและโหยหา แต่ลึกๆแล้วแฮร์รี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น

      เขายอมให้อีกฝ่ายสำรวจทั่วโพรงปากอย่างนิ่งๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายผละออกมา

       

      “เซน ไหนๆวันนี้ฉันก็กลับมาแล้ว ฉันขอไปทำงานกับนายได้มั้ย ฉันอยากไปอยู่กับนายนานๆ จะได้ไปดูร้านด้วย ว่าแต่งใหม่เป็นยังไงบ้าง” เขาพูดน้ำเสียงอ้อนๆเหมือนอย่างที่ชอบทำ ส่งสายตาร้องขอไปทางคนหน้าคม

      “โทษทีนะแฮซ แต่ว่าช่วงนี้ทางร้านเขาไม่อนุญาตให้พนักงานพาคนอื่นเข้าน่ะ คือ ถ้านายมา นายก็ต้องนั่งโต๊ะ แล้วมันจะไปกินที่ลูกค้าเขาน่ะ ผู้จัดการคนใหม่ห้ามไม่ให้ทำ แม้แต่ฉันที่เป็นนักดนตรียังโดนเลย” เซนร่ายยาว “แล้วถ้านายไป นายจะได้พักผ่อนเหรอ นายเพิ่งมาถึง เพลียแย่เลย อยู่นอนพักที่นี่เถอะนะ ฉันไปแป๊ปเดียวก็กลับแล้ว นะ” ร่างสูงอธิบายเหตุผลยาวเหยียด มือไม้โบกไปมาเป็นพัลวัน

       

      แฮร์รี่กำลังจะอ้าปากพูดเถียงเซนกลับไป

       

      เสียงสายเข้าโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

       

      เซนควักโทรศัพท์ขึ้นมาดู กดปิดเสียงและเก็บลงไปเหมือนเดิม แฮร์รี่ทันเห็นใบหน้าของคนโทรเข้า ใบหน้าที่เขาจะไม่มีวันลืม

      ตัวอักษรย่อตัวเดียวแทนชื่อ

      N

       

      “วันนี้คงต้องรีบไปแล้วล่ะ ผู้จัดการโทรมาตามแล้ว นายอยู่พักผ่อนที่นี่ไปก่อนนะแฮซ เดี๋ยวฉันกลับมา”

      “....อื้ม” แฮร์รี่พยักหน้ารับคำ

      “น่ารักที่สุด” เซนลุกขึ้นจูบหน้าผากเนียนสวยเบาๆ แล้วจึงเดินไปหยิบกระเป๋ากับเสื้อแจ็คเก็ตบนราวแขวน เผยให้เห็น..

       

      “ผ้าพันคอนั่นของใครน่ะ สวยดีนะ” ผ้าพันคอสีเขียวหม่นวางพาดอยู่บนที่แขวน เซนหันไปมองก่อนจะตอบอย่างอย่างรวดเร็ว

      “อ๋อ ของเลียมน่ะ เมื่อวันก่อนหมอนั่นทะเลาะกับลูอิสเลยมานอนค้างที่นี่ สงสัยจะลืมไว้ล่ะมั้ง” ร่างสูงไม่สบตาเขาขณะที่ตอบ ก่อนจะกันไปจัดการใส่รองเท้าต่อ

       

      แฮร์รี่พยายามกลืนก้อนที่จุกอยู่ในลำคอ และลุกขึ้นไปสวมกอดเซนจากทางด้านหลัง แนบใบหน้าไปบนแผ่นหลังที่เคยมอบความอบอุ่นให้แก่เขา แผ่นหลังที่เคยเป็นของเขาคนเดียว

       

      “รักนะ คิดถึงด้วย” เขาพูดอู้อี้ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้

      เซนจะต้องไม่รู้

      เซนจะต้องไม่รู้

       

      “รักเหมือนกัน” ร่างสูงหมุนตัวมาหา เชิคคางมนสวยขึ้นไปจูบเบาๆ และเดินออกจากห้องไป

       

      ร่างเพรียวเดินกลับมาที่โซฟา หย่อนตัวลงนั่งเหมือนเดิม สายตามองไปยังผ้าพันคอผืนนั้น ปากบางค่อยๆคลี่ยิ้มออก เป็นยิ้มที่แสนจะบิดเบี้ยว ดวงตามีน้ำตารื้นขึ้นช้าๆ มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ

       

      เลียมไม่ชอบสีเขียว..

       

       

      “อื้อ..เซน..อ๊า”

      “เซน..ฉันจะเป็นหนึ่งเดียวของนาย ให้ได้”

       

       

       

       

      สองวันถัดมา

       

      “หืม กลิ่นอะไรน่ะ หอมจัง” ร่างสูงเดินเข้ามาบริเวณห้องโถง เห็นแฮร์รี่กำลังจัดแจงวางอุปกรณ์การทานอาหารต่างๆเป็นระวิง เส้นผมหยักโศกสีน้ำตาลรวบเป็นมวยไว้ด้านหลัง เอวคอดกิ่วถูกผูกไว้ด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาด ใบหน้าสวยอมยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี

      โต๊ะกินข้าวธรรมดาถูกจัดเรียงด้วยชุดอาหารสองชุด ประกอบด้วยจานชามหลายขนาด แก้งไวน์ทรงสูงวางอยู่ทางด้านขวามือ รอบจานมีช้อน ส้อม และมีดหลายชนิดวางอยู่ เชิงเทียนจัดวางอย่างสวยงามกลางโต๊ะ

       

      “วันนี้จะเลี้ยงฉลองการกลับมาของฉันก่อนนายไปทำงานกันหน่อย นี่ฉันงัดเอาฝีมือที่ได้ร่ำเรียนมาจากฝรั่งเศสมาใช้เลยนะ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเซนยิ้มๆ

      “ว้าว ดีเลย วันนี้ฉันจะได้กินอาหารฝีมือเชฟดีกรีฝรั่งเศสเลยเหรอเนี่ย” เซนหัวเราะน้อยๆ เดินมาลูบศรีษะของอีกฝ่ายเบาๆ

      แฮร์รี่ยิ้มรับการกระทำนั้น ก่อนจะวางจานใบสุดท้าย แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในครัว

       

      “ไหนๆ มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง” เซนตั้งท่าจะก้าวขาตามเขาเข้ามา

      “โว้ๆๆ นายไม่ต้องเลย วันนี้ฉันเป็นเชฟ นายเป็นคนกิน มีหน้าที่กินและชมฉันอย่างเดียว เชิญคุณลูกค้าไปนั่งรอเลยครับ อีกสักครู่ผมจะนำอาหารไปเสิร์ฟ ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” ร่างบางโบกมือไล่ให้อีกคนกลับไป เซนหัวเราะน้อยๆอย่างยอมแพ้และหันกลับไป แฮร์รี่ยืนยิ้มให้ภาพเหล่านั้นซักพัก แล้วจึงหันมาจัดการกับอาหารมื้อพิเศษสำหรับคืนนี้ต่อ

       

      ไม่นาน แฮร์รี่เดินออกมาพร้อมถาดสองใบที่มีฝาปิด เซนที่นั่งรออยู่มองตามอย่างสนอกสนใจ

       

      เขาวางจานลงตรงหน้าเซน แล้วเปิดฝาออก ภายในมีจานสลัดน่าตาน่าทานอยู่ “เมนูแรกของวันนี้ ขอนำเสนอ สลัดนิซัว สลัดไสตล์ฝรั่งเศสแท้ ทานคู่กับขนมปังเนยนะ”

      เขาเดินไปวางอีกจานลงตรงที่ฝั่งของตนเอง ก่อนจะนั่งลงแล้วรับประทานไปพร้อมกับคนรัก

       

           มื้ออาหารแสนวิเศษ แฮร์รี่ทำหน้าที่เชฟได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งซุปครีมปูโรยกรูตอง และอาหารจานหลักเป็นเสต็กเนื้อริบอายกับซี่โครงย่างรสเลิศทานคู่กับไวน์แดง ตามด้วยสปาเก็ตตี้มีทบอลที่เซนโปรดปราน

       

      “นี่ วัตถุดิบดีขนาดนี้ไปหามาจากไหนเหรอ” คนหน้าคมพูดหลังจากที่จัดการสปาเก็ตตี้คำสุดท้ายหมดแล้ว แฮร์รี่ส่งยิ้มน้อยๆให้แล้วตอบกลับไปว่า

       

      “ของส่วนใหญ่ก็มีตามซุปเปอร์มาร์เก็ตธรรมดาเนี่ยแหละ  แต่พวกวัตถุดิบบางอย่างก็ต้องหาเป็นพิเศษ

       

      “โห วันหลังฉันคงต้องให้นายไปแล้วกลับมาแบบนี้บ่อยๆแล้วล่ะ ฉันจะได้กินของอร่อยแบบนี้อีก ฮ่าๆๆ” ทั้งสองหัวเราะร่วมกัน แต่เซนจะทันสังเกตเห็นไหมนะ ว่าประกายในดวงตาสีเขียวนั่นหม่นลง

       

      “อิ่มแล้วใช่มั้ย งั้นตอนนี้ก็ได้เวลาของหวานแล้วล่ะ” ร่างบางยิ้มก่อนจะเดินมาเก็บจานเก่าแล้วเดินหายเข้าไปในครัว หยิบอาหารจานสุดท้ายมา มันมีเพียงจานเดียว พร้อมครอบฝาปิดเหมือนทุกเมนูที่ผ่านมา

       

      “ทำไมมีแค่จานเดียวล่ะ แล้วนายจะกินอะไร” คนหน้าคมเงยหน้าขึ้นถาม แฮร์รี่ยิ้มบางๆก่อนจะตอบกลับไป

      “จานนี้เป็นจานพิเศษ มีจานเดียวในโลก ฉันคิดเมนูนี้เอง เพื่อนายโดยเฉพาะเลยนะ เซน” เขาวางจานลงตรงหน้าร่างสูง

       

      “พร้อมนะ”

      “พร้อม”

       

      มือเรียวเปิดฝารอบขึ้นอย่างฉับไว สิ่งที่อยู่ข้างในทำให้รอยยิ้มของอีกฝ่ายเหือดหายไปทันที แทนที่ด้วยความตกใจสุดขีด

       

           ศรีษะมนุษย์วางอย่างประณีตลงบนจานใบใหญ่ที่ตกแต่งด้วยผลไม้หลากชนิด ใบหน้านั้นแสดงถึงความสยองขวัญอย่างที่สุด หันมาทางร่างสูง เส้นผมสีทองและตาสีฟ้าคู่นั้นเตือนความจำเซนได้เป็นอย่างดี

       

      “นี่ไง อาหารจานพิเศษ” เสียงหวานเย็นเยียบดังออกจากริมฝีปากบาง ที่ตอนนี้กำลังยืนค้ำหัวเขาอยู่ ล็อคไม่ให้เขาขยับไปไหน

       

      เซนอยากจะหนี แต่ร่างกายตอนนี้แข็งทื่อไปหมดด้วยความกลัว ปากอ้าค้าง ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา แต่ในใจอยากจะกรีดร้องสุดเสียง

       

      “คุ้นๆหน้ามันมั้ย ตาสีนี้ ผมสีนี้ จมูกแบบนี้ เคยเห็นมันรึเปล่าครับ ที่รัก?” แฮร์รี่เดินอ้อมไปด้านหลังร่างสูง มือเรียววางลงบนไหล่กว้าง บีบน้อยๆเป็นเชิงกระตุ้น

       

      “จำไม่ได้เหรอ งั้นฉันจะช่วยเตือนความจำให้แล้วกันนะ” เสียงอ่อนหวานดังขึ้น แฮร์รี่ยิ้มน้อยๆให้กับอาการของคนรัก

       

      “มันชื่อไนออล ฮอแรน เป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในร้านที่นายทำงาน คนที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนไง เอ แล้วเป็นอะไรอีกนะ อ๋อใช่ มันยังเป็นคนที่แย่งความรักของฉันไปด้วย!!!

       

      เซนหลุดจากภวังค์ สะบัดตัวออกจากเก้าอี้จนล้มคว่ำลงกับพื้น  ดิ้นรนตะเกียกตะกายไปยังประตูทางออก

       

      พลั่ก!

       

      แล้วทุกอย่างก็มืดลง

       

       

       

      แสงไฟสลัวเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เซนมองเห็น ภาพต่างๆที่พร่ามัวค่อยชัดเจนขึ้นทีละนิด

      เขาอยู่ในห้องนอนในคอนโดมิเนียมของตนเอง แต่ไฟทุกดวงปิดหมด มีเพียงดวงเดียวที่เปิดอยู่เหนือหัวเขา ห้องทั้งห้องเกือบมืดสนิท อากาศรอบกายเย็นเฉียบ

       

      ปวดหัวจนแทบระเบิด

      นี่มันเกิดอะไรขึ้น

       

      ทำไมยกมือขึ้นไม่ได้

       

      ร่างสูงเพิ่งตระหนักว่าตนถูกมัดมือไพล่หลังอยู่บนเก้าอี้ รวมถึงเท้าทั้งสองข้างถูกยึดติดกับขาเก้าอี้ไว้ด้วยเทปกาว มีเพียงปากของเขาที่เป็นอิสระ

       

      เซนจำได้แล้วว่าทำไมเขาถึงปวดหัว

       

      “ชะ..ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!! ช่วยผมด้วย!!” เสียงแหบห้าวตะโกนขอความช่วยเหลือ ร่างใหญ่บิดเร่าพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ

       

      “ชู่วว.. ไม่เสียงดังสิครับคนดี ใจเย็นๆน่า” ทางหางตา เซนเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ร่างร่างหนึ่งค่อยๆย่างกรายออกมาจากมุมมืดช้าๆ

      ใบหน้าที่เคยอ่อนหวานงดงามราวกับสตรี ตอนนี้ดูแข็งกระด้างราวกับหิน ดวงตาฉายแววแข็งกร้าว ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางให้คนรัก

       

      แฮร์รี่ค่อยๆเข้ามาประชิดตัวเซน เท้ามือลงที่ไหล่กว้าง ก้มมองใบหน้าคมคายนั้น ใกล้จนใบหน้าแทบชิดกัน

       

      “นึกว่านายจะไม่ตื่นซะแล้ว ฉันเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ” ถ้อยคำหวานเป็นห่วงเป็นใยที่ดังออกมาไม่ทำให้ใบหน้าสวยนั้นดูน่ากลัวน้อยลงเลย ดวงตาสีเขียวที่เคยดูอ่อนโยนบัดสีส่อประกายบ้าคลั่ง

      “โอ้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่านายจะไปทำงานไม่ทันนะ ฉันโทรลางานให้นายแล้ว” มือเรียวโบกโทรศัพท์ไปมา กระจกหน้าจอแตกร้าว เครื่องปิดสนิท

       

      “ฮะ..แฮซ--”

      “อย่ามาเรียกฉันว่าแฮซ” ร่างบางกระซิบตัดบทด้วยน้ำเสียงอันตราย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าคมไม่ละไปไหน มือที่วางอยู่บนไหล่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นจิกลงบนเนื้อเขาอย่างแรง

       

      “ได้โปรด อย่า..” เซนเปล่งเสียงตะกุกตะกัก ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

       

      แฮร์รี่

       

      “ได้โปรด อย่า งั้นเหรอ.. ได้โปรดอะไร อย่าอะไรล่ะเซน? อย่าทำอะไรนาย ได้โปรดไว้ชีวิตนายด้วยงั้นเหรอ” เสียงกระซิบค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงพูด ดังขึ้น และดังขึ้น  แฮร์รี่ผละออกจากเขา เปลี่ยนมายืนเต็มความสูง

       

      “เซน นายรู้มั้ย ว่าที่นายขอมาน่ะ....มันทุเรศสิ้นดี!!!” ร่างบางตะคอกใส่หน้าคนหน้าคม ดวงตาปะทุไปด้วยแรงโทสะ

       

      “แฮ—“

      “นายรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป! มึงทำอะไรลงไป!!มือเรียวคว้าเอาสร้อยที่สวมอยู่ออกมาเขย่าตรงหน้าร่างสูง  น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด

      “ไหนบอกมึงรักกูไง!! มึงบอกจะมีแค่กูคนเดียว! รักกูคนเดียว! แล้วมึงทำแบบนี้หมายความว่าไง!!ร่างบางพุ่งเข้ามาพยายามยัดสร้อยเส้นนั้นเข้าไปในปากเซน เขาดิ้นหนี  เมื่อเห็นว่าทำไม่ได้  แฮร์รี่คำรามอย่างหงุดหงิด ก่อนจะขว้างมันลงบนพื้นจนแตกละเอียด

       

      “มึงบอกว่าให้ใจกูแล้ว แต่มึงไปมั่วกับมัน!!

      “มึงพามันมานอนด้วยกันที่นี่! บนเตียงของกูกับมึง!!  เอามันมากกที่นี่ บอกมันว่าจะเลิกกับกูแล้วไปหามัน ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้!!!

       

      แฮร์รี่ก้มหน้าหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เช็ดน้ำตา แล้วเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเย็นเยือกให้เซนอีกครั้ง

       

      “สงสัยมั้ย ฉันรู้ได้ไงว่ามันเป็นใคร ง่ายมากเลยที่รัก แค่ตามไปที่ร้านนั่น ฉันรู้ว่ามันต้องไปหานายแน่ แล้วก็กลายเป็นว่ามันทำงานในร้านนั้น ทุกอย่างลงล็อค  ฉันเดาว่านายต้องไปเจอมันหลังเลิกงาน แล้วก็ใช่ ฉันเห็นพวกแกไปเจอกันที่หลังร้าน หายเข้าไปในรถของมัน แล้วทายซิฉันเจอะไรอีก พวกแกสองคนไปทำเรื่องทุเรศๆด้วยกัน มันเอาร่างกายโสโครกของมันมาเสพสมกับแก แล้วฉันก็แค่สืบหาชื่อของมันจากเจ้าของร้าน เท่านี้ทุกอย่างก็เพียงพอแล้ว ฉันก็จัดการมันเสีย  อ้อ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ จัดการให้มันกลายเป็นอาหารชั้นเลิศ  ใบหน้าสวยแสยะยิ้มก่อนจะกรีดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ

       

      แฮร์รี่ไม่เคยหัวเราะแบบนี้

       

      เซนนิ่งอึ้ง

      ถ้อยคำต่างๆค่อยๆปะติดปะต่อในหัวทีละน้อย

      อาหารชั้นเลิศ...

      ไม่..

       

      “เป็นไงครับ ที่รัก  ริบอายเนื้อมนุษย์ อร่อยถูกใจมั้ยล่ะ?”

       

      เซนโก่งตัวด้วยความสยองปนขยะแขยง ความคลื่นเหียนพุ่งขึ้นในท้อง  พยายามอาเจียนเอาสิ่งที่ตนเองเพิ่งกินเข้าไปออกมา น้ำตาไหลพรากจากดวงตาสีเฮเซล รูม่านตาหดเล็กเท่ารูเข็มด้วยความกลัว น้ำลายไหลยืดออกจากปาก

       

      เขากินเนื้อมนุษย์

       

      “ที่จริง เนื้อของมันก็อร่อยดีล่ะนะ แต่ฉันว่าฉันยังทำมีทบอลกับซี่โครงย่างได้ไม่ดีพอ มันยังคาวอยู่นิดหน่อย เห็นทีคงต้องคิดสูตรใหม่” แฮร์รี่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ

       

           ร่างที่นั่งอยู่สั่นสะท้านด้วยความกลัว เสียงหวีดร้องพุ่งขึ้นจากในอก ดังออกจากปากคนหน้าคม กรีดร้องจนเส้นเสียงแทบขาด เซนที่ตอนนี้สติแตกไปเรียบร้อยแล้วดิ้นพล่าน พยายามกระชากตัวเองให้หลุดจนเก้าอี้ล้มลง ร่างสูงยังพยายามดิ้นรนไปมา เทปกาวพันอยู่ดึงเนื้อจนซึมเลือด แฮร์รี่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างนึกสมเพช ก่อนจะก้มลงไปเอาเศษผ้าอุดปากร่างหนาไว้ ดึงให้เซนหันมามองหน้าเขาชัดๆ ใบหน้าสวยมองลึกเขาไปในดวงตาสีเฮเซล

       

      “นายจะกลัวอะไรเซน นายรู้มั้ย ว่าสิ่งที่นายเจอ เทียบไม่ได้ซักนิดกับสิ่งที่นายทำกับฉัน” แฮร์รี่พูดเจือหัวเราะ “นายทำลายความไว้ใจของฉัน นายทำลายฉัน ทำลายสิ่งที่นายสัญญาไม่มีชิ้นดี”

       

      “นายไม่ควรทำแบบนี้เลยเซน ไม่ควรเลย”

       

      “พระเจ้าอาจจะยังไม่ยอมตัดสินสิ่งที่นายกับมันทำ ดังนั้น ฉันจะเป็นคนตัดสินเอง” ร่างบางโน้มตัวเข้าไปจุมพิตที่แก้มสาก ลูบไล้โครงหน้าที่ตัวเองหลงรัก ใบหน้าคมคายที่ตอนนี้นองไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว

       

      “ไม่ต้องกลัวนะครับที่รัก เดี๋ยวก็ออกมาดีเอง”

       

      น้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นมากจากดวงตาสีเขียวนั่น ปากบางคลี่ยิ้มเย็น เสียงกระซิบแผ่วเบาดังจากริมฝีปากสวย

       

      “ฉันว่า อาหารมื้อต่อไปของฉันต้องรสชาติดีแน่เลย”


       

       

       

           แสงไฟสาดส่องลงมาบนพื้นห้องเย็นเยียบ บรรยากาศรอบกายหนาวเย็น
      พรมปูพื้นสีเทาถูกย้อมด้วยของเหลวสีแดงเข้ม  ไหลนองไปทั่วพื้นห้อง  สาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนผนังห้องสีขาวสะอาด กิ่นคาวคละคลุ้งรอบห้อง

       

           ที่พื้นมีร่างซีดเซียวไร้วิญญาณร่างหนึ่งกองอยู่ ร่างนั้นเปลือยเปล่า ช่องอกถูกผ่าออก เผยให้เห็นกระดูกซี่โครงสีขาวโพลน  อวัยวะถูกนำมากองไว้ด้านนอกทั้งหมด ดวงหน้าคมคายหลับตาพริ้มเหมือนกำลังนิทรา ศรีษะของร่างนั้นวางพาดอยู่บนตักของคนคนหนึ่ง

      เส้นผมสีน้ำตาลสลวยถูกปล่อยระใบหน้าเนียน ดวงตาเอ่อนองไปด้วยน้ำใสๆที่กำลังจะล้นออกมา ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างอย่างเสียสติ เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นมาเบาๆ

       

      มือเรียวกอบกุมวัตถุขนาดเท่ากำมือชิ้นหนึ่ง มันเป็นเมือกลื่นด้วยลิ่มเลือดและส่งกลิ่นคาวคลุ้ง

      เขายกวัตถุนั้นมาแนบกับใบหน้าอย่างรักใคร่หวงแหน จุมพิตเบาๆ แลบลิ้นเลียของเหลวที่ติดมาบนริมฝีปากบาง รอยยิ้มยังแต้มตามใบหน้าสวย ที่ตอนนี้คลุ้มคลั่งแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ

       

      “ทีนี้ หัวใจนายก็เป็นของฉันแล้วนะเซน"


      "ของฉันอย่างแท้จริง”


       

       

       

      *****************************************************************************************************************

      Writer Talk

      ไฮฮฮฮฮ สวัสดีค่ะทุกคน มะปรางเอง ต้องขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบ

      ก่อนอื่นเลย ขอโทษทุกคนด้วยค่ะที่คิดว่าฟิคเรื่องนี้จะมุ้งมิ้งน่ารัก มะปรางทำไม่ได้จริงๆ5555 ขอโทษคนที่ทานข้าวอยู่ขณะอ่านด้วยนะ เค้าไม่ได้ตั้งใจ-/\-

      เรื่องนี้ก็เป็นฟิค1Dเรื่องที่3ของมะปรางแล้ว เรามาลองเปลี่ยนคู่กันบ้าง Zarryมันซะเลย ตอนแรกที่เขียนเรื่องนี้ก็แอบคิดจะลองทำแนวใสๆแฮปปี้เอนดิ้งดูบ้างนะ  ปรากฏว่าล่มค่ะ รีไรท์ใหม่หมดเลย เลยได้เป็นเรื่องนี้ขึ้นมา

      เข้าเรื่องเนื้อหาบ้างดีกว่า

      จิตใจคนเรามันเปราะบางนะคะ ความเชื่อใจนี่ถ้ามันโดนทำลายมันก็อาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย อย่างที่เห็นกันในเรื่อง แฮร์รี่ แฮร์รี่เอาความเชื่อใจทั้งหมดฝากไว้ที่เซน และก็เชื่อมั่นว่าเซนจะทำแบบเดียวกันกับตัวเอง

      แต่มันไม่ใช่ ผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

      มะปรางว่าเรื่องนี้ทุกคนผิดและน่าสงสารกันทุกคน เซนผิดที่ไม่มั่นคง ไนออลผิดที่เป็นมือที่สาม แฮร์รี่ผิดที่ไม่ควบคุมตนเอง แต่แฮร์รี่ทำไปเพราะความผิดหวัง มันน่าสงสารตรงนี้ เซนกับไนออลก็น่าสงสารที่ถูกตัดสินลงโทษ ซึ่งแฮร์รี่ไม่มีสิทธ์ตัดสินชะตาชีวิตใคร  เรื่องนี้ไม่มีใครขาวหรือดำ ทุกคนเป็นสีเทาค่ะ

      เรื่องนี้มะปรางพยายามยัดอะไรหลายๆอย่างลงไปให้มันมีหลายอารมณ์หลายฉาก เลยอาจจะผสมปนกันมั่วไปนิดนึง ถ้าใครไม่พอใจมะปรางก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ-/\-

      มะปรางพยายามทำให้เรื่องนี้ฉีกออกมาจากฟิคเรื่องอื่น พยายามใส่ความแปลกโรคจิตเข้าไปบ้าง อีโรติกนิดหน่อย(สนองนี้ดตัวเองชัดๆ) เอาจริงๆเขียนไปก็เสียวๆโดนรีพอร์ทเหมือนกันนะ ทั้งฉากวาบหวามกับการใส่คำไม่สุภาพลงไป แต่เพื่ออรรถรส หวังว่ามันคงไม่แรงเกินไปT T

      ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่เข้ามาคอมเม้นติชมในเรื่องที่แล้ว ขอบคุณคนที่ตามอ่านกันมา มันเป็นกำลังใจที่ดีมากในการทำเรื่องต่อไป เป็นแรงผลักดันให้เราเขียนต่อ แล้วก็ขอบคุณที่เข้ามาคุยเล่นด้วยกันในทวิตเตอร์ ทุกคนใจดีแล้วก็สนุกมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ

       

      ยังไงก็ฝากคอมเม้นติชมได้เลยนะคะ อยากให้ช่วยกันติได้เลย จะได้เอามาปรับใช้กับเรื่องต่อไปค่ะ อย่ากลัวโกรธ ไม่โกรธค่ะ จัดมาเลย หรือไม่ก็ไปคุยกันได้ในทวิตเตอร์เลยค่ะ
      แอค @maprang_tym

      ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งนะคะ สวัสดีค่ะ

      รักนะ M

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×