ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #69 : ตอนที่ 66 หอพักวันที่ไม่มีพี่ชายผมแดง (โดย แบมแบม)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.09K
      20
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 67

    หอพักวันที่ไม่มีพี่ชายผมแดง โดย แบมแบม

    หนึ่งปีผ่านไป

    ท้องฟ้าสีครามตัดกับเมฆสีขาวที่ลอยเอื่อยๆ ตามแรงลม กลุ่มก้อนเมฆรูปร่างต่างๆ มองเห็นได้อย่างไม่ชัดเจนนัก เพราะบางส่วนของมันถูกบดบังด้วยนิ้วมือห้านิ้วที่ยกขึ้นกาง ผมนอนชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนโต๊ะไม้ตัวยาวบนสนามหญ้าใกล้ๆ กับลานบาส สายตามองลอดช่องว่างระหว่างนิ้วของตัวเองที่ยกขึ้นชูจนสุดแขนไปยังท้องฟ้าสีครามเบื้องหน้า กว้างใหญ่จริงๆ ยิ่งเทียบกับขนาดมือของตัวเองในตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่ากว้าง เป็นเพราะท้องฟ้ากว้างใหญ่ขนาดนี้สินะ เลยทำให้ระยะทางห่างไกลตามไปด้วย

    หมับ มือใครบางคนจับมือผม ตาคมๆ กับหน้ากวนๆ ปรากฏแทนที่ท้องฟ้า

    “ทำไร” คำถามสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ตามสไตล์

    “นอนเล่น” ผมตอบ ตามองขอบตาคล้ำๆ ของคนที่ก้มหน้าอยู่เหนือตัวเอง “ฮยองปาร์ตี้หนักอีกแล้วใช่ไหมช่วงนี้”

    คนถูกหาว่าปาร์ตี้หนักเบ้ปา กก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่เชื่อมต่อกับโต๊ะ

    “ยูคยอมอะ นายแกล้งมันอีกแล้วเหรอ” แจ็คสันฮยองถาม เอนหลังพิงโต๊ะที่ผมนอนอยู่

    ผมพลิกตัวตะแคงหันไปหา ตำแหน่งที่แจ็คสันฮยองนั่งหันหลังให้ตรงกับหน้าผมพอดี

    “เปล่าสักหน่อย เจบีฮยองให้ไปช่วยเรียงเอกสาร”

    “แล้วนายไม่ไปช่วยด้วยเหรอ”

    “เจบีฮยองเรียกแค่ยูคยอม ผมก็เลยไม่ไป”

    “หาเรื่องชิ่ง ขี้เกียจอะดิไอ้ตัวแสบ”

    ผมหัวเราะ ขยับตัวไปกอดคอฮยองตัวเกรียนจากด้านหลัง

    “แล้วฮยองอะ ไม่ขวางไบรอันฮยองแล้วเหรอ” ก่อนหน้านี้ผมเห็นพี่ชายนักดนตรีมาที่หออีกแล้ว พักหลังนี่มาบ่อยจนโดนเจบีฮยองประชดใส่ว่าย้ายมาอยู่เลยไหม ปรากฏว่าพอไบรอันฮยองได้ยินปุ๊บก็หยิบบัตรเครดิตมาจะจ่ายค่าเช่าทันที เกือบโดนเจบีฮยองกระโดดเตะเอาเดี๋ยวนั้น

    “เบื่อละ” เกรียนฮยองตอบ “อีกอย่างหมอนั่นคงโดนยองแจเล่นตัวใส่ไปอีกนานนั่นแหละ”

    “แล้วฮยองว่ายองแจฮยองจะชอบไบรอันฮยองปะ”

    แจ็คสันฮยองเงยหน้า พิงหัวไว้กับไหล่ผมแล้วเหล่มอง

    “ถามว่ามันยอมจะตกลงปลงใจกับไบรอันเมื่อไรดีกว่า”

    “งั้นก็แปลว่าชอบดิ”

    “ยองแจแพ้ทางไอ้นักดนตรีบ้านั่นเห็นๆ”

    “แต่ไบรอันฮยองนี่ความอดทนสูงจริงๆ นะ โดนยองแจฮยองด่าก็ยังตามต้อยๆ ผมล่ะเชื่อเลย”

    “มันเป็นกรรมของไอ้ยองแจไง ด่าฉันทุกวันเลยโดนกรรมตามสนอง มีคนโรคจิตมาตามจีบ ยิ่งมันด่าไบรอันมันยิ่งสนุก”

    “ฮยองเลยเหงาเลย” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนคนถูกหาว่าเหงาหันหน้าหนีไปโดยที่ยังพิงหัวไว้กับไหล่ผม

    “นี่แบมแบม เลิกกับยูคยอมเถอะ” แจ็คสันฮยองพูดน้ำเสียงเบื่อหน่าย

    “แล้วไปคบกับฮยองแทนเหรอ”

    “ก็ดีนะ ฉันเจ๋งกว่าไอ้ยูคยอมเยอะ”

    “ฮยองเหงาจริงๆ ด้วย” ผมพูดกลั้วหัวเราะ “แจ็คสันฮยอง” เรียกพลางยื่นมือไปข้างหน้าแล้วกางออก “ผมเห็นฮยองชอบนอนหงายชูมือกางไว้เหนือหัวแล้วมอง ฮยองมองอะไร” ในตอนแรกที่ผมนอนมองท้องฟ้าผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว ก็ทำตามแจ็คสันฮยองนี่แหละ

    “ฉันไม่ได้ชอบทำแบบนั้นสักหน่อย”

    “เวลาฮยองดูเหงาๆ ซึมๆ ฮยองชอบทำแบบนี้”

    แจ็คสันฮยองยื่นมือไปจับมือผม “มันเป็นความชัดเจนในสายตานาย ถ้านายโฟกัสที่มือ นายก็จะมองเห็นมือนายชัดเจนและมองแทบไม่เห็นภาพที่อยู่ระหว่างนิ้วนาย แต่กลับกันถ้าสายตานายเพ่งมองภาพที่อยู่ระหว่างนิ้ว นายจะมองเห็นมือตัวเองไม่ชัดเจนทันที”

    “แล้วมันยังไง”

    “สายตาคนเราจริงๆ แล้วมองได้ชัดเจนแค่บางสิ่ง มันขึ้นอยู่กับว่านายอยากจะมอบสายตาของนายให้กับอะไร เพราะเมื่อนายเลือกมอบความสนใจทั้งหมดให้กับสิ่งนั้นแล้ว นายก็จะไม่เหลือสายตาไว้มองสิ่งอื่นอีกเลย”

    “เหมือนจะเข้าใจนะ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”

    “ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่การย้ำเตือนตัวเอง” แจ็คสันฮยองจับมือผมดึงลง “ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ทำแบบนี้แล้วนี่หว่า ไหงเพิ่งมาถามเอาตอนนี้วะ”

    “ก็เปล่า ผมแค่รู้สึกว่าฮยองเท่ดีตอนนอนทำท่านี้”

    “เพิ่งมารู้สึกเอาตอนนี้เนี่ยนะ”

    “ฮี่”

    “ไอ้ตัวแสบ” มือหนายกขึ้นผลักหัวผมเบาๆ “หลังๆ มานายก็แสบไม่ใช่เล่น เห็นปั่นหัวยูคยอมมันตลอด”

    “ก็หมอนั่นน่าแกล้งเองช่วยไม่ได้”

    “มั่นใจมากๆ ระวังเถอะ วันหนึ่งมีคนมาแย่งเมื่อไรจะรู้สึก”

    ผมดึงแขนตัวเองขึ้นมารัดคอคนพูดแน่นขึ้น

    “อย่านะเว้ยแบมแบม ไม่เล่นนะ” แจ็คสันฮยองเหล่มอง

    “ฮยองลองพูดแบบนั้นอีกทีดิ ผมอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบนะ”

    “ก็พูดจริงนี่หว่า นี่เตือนด้วยความหวังดีนะ เหมือนตอนนั้นไง มั่นใจนักหนาว่ามันไม่มีทางไปจากตัวเอง พอมันหายไปจริงๆ เสียศูนย์เลยไอ้คนน่ารัก หน้างี้หมอง ออร่าระทมแผ่เป็นอาทิตย์”

    “ฮยอง”

    “อย่ามาทำเป็นรับความจริงไม่ได้”

    “เปล่าสักหน่อย” ผมทำปากบู้ คลายแรงที่จะรัดคอแจ็คสันฮยองออก

    “แล้วจะรวบหัวรวบหางไอ้ลูกหมาเมื่อไรล่ะ”

    “เร็วๆ นี้แหละ”

    “เห้ย” คนถามสะดุ้งหันมามองหน้า

    “พูดเล่น” ผมจ้องหน้ากลับ “ผมยังไม่จบไฮสคูลเลยนะ มาพูดเรื่องแบบนี้กับผมได้ไง เดี๋ยวฟ้องคุณฮยองเลย”

    “ฟ้องเล้ย ดี คุณฮยองจะได้กลับมา”

    “เมื่อคืนผมคุยกับคุณฮยองด้วย ฮยองเขาบอกว่านัดเจอกับมาร์คฮยองมา เห็นว่าได้คุยกันหลายๆ เรื่อง ฮยอง” ผมก้มหน้าเรียกเมื่อเกรียนฮยองไม่หือไม่อืออะไร

    “ก็เล่าไปดิ ฟังอยู่”

    ผมปล่อยมือจากแจ็คสันฮยอง พลิกตัวกลับมานอนหงายชันเข่าข้างหนึ่งเหมือนเดิม

    “คุณฮยองบอกแค่ว่ามาร์คฮยองสบายดี เห็นว่าสนุกกับชีวิตที่นั่น แล้วก็มีแผนการจะทำนู่นทำนี่เยอะแยะ ผมถามว่ามาร์คฮยองได้พูดถึงพวกเราบ้างไหม แต่คุณฮยองไม่บอก ทำเป็นลากเสียงให้สงสัยแล้วบอกว่าความลับ น่าหมั่นไส้สุดๆ เลย”

    “ก็คุยกับจูเนียร์อยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เหรอ มาร์คฮยองอะ” แจ็คสันฮยองพูด

    “คงงั้นมั้ง” ผมไม่รู้หรอก สถานะอย่างผมไม่กล้าแม้แต่จะทักไลน์ไป “คิดถึงเนอะ” แม้จะรู้ว่าสบายดีก็ยังคิดถึง อยากเห็นด้วยตาตัวเอง หนึ่งปีแล้วฮยองจะเป็นยังไงบ้าง

    “อือ” เสียงตอบในลำคอของคนที่นั่งอยู่ด้วย ทำให้ผมเบนสายตาจากท้องฟ้ามาหา

    “ฮยองไม่ได้คุยกับมาร์คฮยองบ้างเหรอ”

    “ไม่ได้คุย”

    “ทำไมอะ”

    “ไม่อยากคุย”

    “ใจร้าย ฮยองโกรธไรมาร์คฮยองปะเนี่ย อย่าบอกว่างอนที่มาร์คฮยองไม่กลับมาเยี่ยมเลยนะ”

    “เปล่า แค่ไม่รู้จะคุยอะไร ไว้กลับมาค่อยคุยทีเดียว”

    ผมมองด้านหลังของแจ็คสันฮยอง เพราะอยู่ตรงนี้เลยไม่เห็นว่าคนพูดมีสีหน้ายังไง แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงที่ได้ยิน ก็ทำให้รู้สึกว่าพี่ชายคนนี้เองก็มีเป้าหมายบางอย่างกับตัวเองเหมือนกัน

    “โฮ่ วิวดีสุดๆ เลย แบมแบมนอนท่านี้เซ็กซี่ใช้ได้เลยนะเนี่ย” ร่างสูงโปร่งของใครอีกคนเดินเข้ามา ทำมือเป็นเหมือนกล้องถ่ายรูปแล้วเล็งมาที่ผม

    “นี่ไง ฉันถึงได้บอกว่าหมอนี่มันโรคจิต” แจ็คสันฮยองพูดเซ็งๆ “ไง โดนยองแจไล่ตะเพิดมาอีกอะดิ”

    “จะทำการบ้านฉันเลยไม่อยากกวน” ไบรอันฮยองตอบพลางเดินมานั่งข้างๆ

    “การบ้านไรวะ มันเรียนทำขนมไม่ใช่เหรอ”

    “การบ้านภาษาอังกฤษ”

    ยองแจฮยองหลังจากจบไฮสคูล ก็เบนเข็มไปเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร พร้อมกับลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษไปด้วย เห็นว่ามีความตั้งใจจะเป็นปาติซิเย่ชั้นยอดอะไรทำนองนี้

    “อ้าว การบ้านภาษาอังกฤษนายถนัดเลยไม่ใช่เหรอ” แจ็คสันฮยองยังถามต่อ

    “หมอนั่นบอกว่าอยากทำด้วยตัวเอง ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากฉัน” ไบรอันฮยองตอบเซ็งๆ

    “ดีจังเลยนะ ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากเป็นอะไร” ผมพูดขึ้นมา

    “ไปออดิชั่นที่ค่ายฉันไหมล่ะ” นักดนตรีฮยองที่พวกผมเพิ่งมารู้กันทีหลัง ว่าแท้จริงแล้วเป็นลูกชายเจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งของเกาหลีหันมาเสนอยิ้มๆ

    “ไอ้ยูคยอมคงร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด ถ้าแบมฮยองของมันไปเป็นไอดอล ทุกวันนี้มันก็หวงอย่างกับอะไร”

    “ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากเป็นไอดอล ผมเบื่อการมีแฟนคลับแล้ว”

    “หรา” มันดูฮยองลากเสียง เงยหน้ามาเหล่มอง “ทุกวันนี้เห็นภูมิอกภูมิใจกับแฟนคลับที่โรงเรียนจะตาย”

    ผมผลักไหล่คนช่างแซะงอนๆ ก็ไม่ได้ถึงกับภูมิใจอะไรขนาดนั้นสักหน่อย มีคนมาชอบเรามันก็ต้องนิดหนึ่งไม่ใช่เหรอ

    “เออใช่ นายจำแจฮยองฮยองได้ไหม ตอนวันเกิดแบมแบมที่ผ่านมาหมอนั่นก็มา” ไบรอันฮยองหันมาถามแจ็คสันฮยอง

    “จำได้ ฉันไม่ได้ความจำสั้นนะเว้ยเพิ่งผ่านไปหยกๆ ทำไมมีไร”

    “ดูเหมือนฮยองเขาจะสนใจนายนะ”

    “หา!” ผมลุกพรวด รีบลงไปนั่งข้างไบรอันฮยอง “แจฮยองฮยองชอบแจ็คสันฮยองเหรอ” ถามตาโต

    “ก็ไม่ได้พูดออกมาหรอก แค่ชอบถามฉันเรื่องแจ็คสันบ่อยๆ แต่งานนี้นายห้ามไปบอกคนทำคุกกี้ของฉันเชียวนะ ฉันอยากให้หมอนั่นเข้าใจว่าแจฮยองฮยองกับฉันสนิทกันม้ากมาก หึหึหึ”

    แจ็คสันฮยองเหล่ “คิดแผนชั่วอะไรอีกแล้วใช่ไหม ฉันล่ะสงสารไอ้ยองแจมันจริงๆ”

    “เอาน่า แล้วเรื่องแจฮยองฮยองว่าไง ถ้าเกิดฮยองเขาชอบนายจริงๆ” ไบรอันฮยองถามยิ้มๆ

    “ไปบอกฮยองนายแต่เนิ่นๆ เลยก็ได้ว่าฉันไม่ชอบผู้ชายว่ะ ฉันชอบนมดู้มๆ ไม่ชอบแบนๆ”

    “พรืด” ผมขำพรวด ในขณะที่แจ็คสันฮยองทำหน้าตาย

    “เหรอ” ไบรอันฮยองยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่จากที่ฉันเคยได้ยินเจบีกับจูเนียร์คุยกันโดยบังเอิญเมื่อนานมาแล้ว มันไม่ใช่นะ”

    “ไอ้!/ยังไง!” ผมกับเกรียนฮยองหันไปพูดพร้อมกัน จะต่างกันก็ที่ผมตาโตสีหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดๆ ส่วนแจ็คสันฮยองทำหน้าเหมือนจะฆ่าคน

    “หึหึหึ”

    “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ!” แจ็คสันฮยองโวย

    “โฮ่ แล้วมันแบบไหนเหรอ”

    แจ็คสันฮยองอ้ำอึ้งสีหน้าลังเล “นั่นมัน... มันก็แค่... ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วโว้ย!” ลุกขึ้นตะโกนใส่แล้วเดินหนีไปเลย

    “หึหึหึ”

    “อะไรเหรอฮะ ไบรอันฮยอง” ผมสะกิดถาม “แจ็คสันฮยองเขาเคยไปอะไรกับใครมาเหรอ”

    “ดูเหมือนหมอนั่นจะเคยอกหักอะ” ไบรอันฮยองตอบยิ้มๆ “คงจะเข็ดล่ะมั้ง โอ๊ะ ฉันไปดูคนทำคุกกี้หน่อยดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกเดินเข้าหอไป

    ผมนั่งอึ้งอ้าปากค้าง อกหักเลยเข็ด หมายความว่าแจ็คสันฮยองเคยถูกผู้ชายหักอกเหรอ ปากยิ่งอ้ากว้างเข้าไปอีก ตอนไหน เมื่อไร แล้วผู้ชายที่ไหน!

    “แบมแบม”

    “ฮะ” ผมสะดุ้ง หุบปากหันขวับไปตามเสียงเรียก อ้าอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ เมื่อยปากเลย

    “นั่งอ้าปากอะไรคนเดียว” จูเนียร์ฮยองเดินเข้ามาหา ถามทั้งหัวเราะ

    “แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ “แล้วฮยองไปซื้อกับข้าวมาเหรอฮะ” ถามพลางมองถุงข้าวของในมือออมม่าของหอ

    “ไปคืนหนังสือที่ห้องสมุด ขากลับเลยแวะซื้อไรกินมานิดหน่อย แล้วตกลงมานั่งอ้าปากอยู่คนเดียวทำไม”

    “ก็ไบรอันฮยองน่ะสิ พูดเหมือนว่าแจ็คสันฮยองเคยถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้หักอกอะ” ผมพูดคิ้วขมวด ยังไงก็นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ

    จูเนียร์ฮยองตาโต แต่เพราะผมมัวแต่ก้มหน้าจับคางตัวเองครุ่นคิดอยู่เลยไม่ทันได้เห็น

    “อ๊ะ จริงสิ ไบรอันฮยองบอกว่าบังเอิญได้ยินฮยองกับเจบีฮยองคุยกัน งี้ฮยองก็ต้องรู้สิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ผมเงยหน้ามาถาม นึกได้พอดี

    “เอ่อ ไม่รู้สิ ฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ” สีหน้าออมม่าประจำหอดูลำบากใจขึ้นมานิดหน่อย

    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ!” เสียงเจบีฮยองตะโกนถามมาจากหน้าห้องสำนักงาน

    “จริงสิ ฉันมีธุระต้องคุยกับเจบี เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ” ว่าแล้วจูเนียร์ฮยองก็รีบเดินตัวปลิวหนีผมไปทันที

    แบบนี้มัน...น่าสงสัยสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง ผมกอดอกหน้าบึ้งตึง รู้กันหมดอีกแล้วสินะ เหลือผมไม่รู้อยู่คนเดียว เป็นแบบนี้ทุกทีเลย เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในหอผมต้องเป็นสุดท้ายที่รู้เรื่องตลอดเลย

    ผมเดินตามออมม่าประจำหอไปที่ห้องสำนักงาน พอจูเนียร์ฮยองเห็นผมก็รีบยัดถุงขนมใส่มือเจบีฮยองแล้วขอตัวขึ้นห้องไปทันที จงใจหนีกันชัดๆ ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ยูคยอมที่กำลังจัดเอกสารอยู่ เจ้าลูกหมายักษ์แกะถุงขนมที่รับมาจากเจบีฮยอง แล้วหยิบมาจ่อปากผมซึ่งอ้ารับไปกินโดยไม่พูดอะไร

    “มีอะไรกัน” เจบีฮยองถาม นี่ก็ไวจริงๆ กับเรื่องผิดปกติของคนในหอ

    “ฮยองรู้ใช่ไหมว่าใครทำแจ็คสันฮยองอกหัก” ผมเงยหน้าไปถามหัวหน้าหอ ที่ตอนนี้ยืนกอดอกอยู่ข้างตู้เอกสาร

    “ก็เห็นมันถูกบอกเลิกมาตลอดอะ” เจ้าตัวตอบ

    “ไม่ใช่ดิ ผู้ชาย ผู้ชายที่ไหนหักอกแจ็คสันฮยอง”

    “หา ผู้ชายเนี่ยนะ” ยูคยอมหันมาถามตาโต

    “ก็ผู้ชายอะดิ แจ็คสันฮยองบอกว่าครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไบรอันฮยองก็บอกว่าแจ็คสันฮยองคงเข็ด แถมบอกด้วยว่าได้ยินมาจากเจบีฮยองกับจูเนียร์ฮยอง”

    “ไอ้บ้าไบรอัน แอบฟังพวกฉันตอนไหนวะ” เจบีฮยองพึมพำ

    “ตกลงใครอะ”

    “อยากรู้จริงดิ”

    ผมพยักหน้า ยูคยอมเองก็หันมาสนใจด้วย เจบีฮยองมองพวกผมด้วยสีหน้าครุ่นคิด พักหนึ่งก็เปิดปากพูด “มาร์คฮยองไง”

    “หะ อะ...อะไรนะ” เมื่อกี๊ผมได้ยินผิดใช่ไหม เหมือนได้ยินอะไรมาร์คๆ

    “ก็มาร์คฮยองไงที่ทำแจ็คสันมันอกหัก” เจบีฮยองตอบหน้าตาเฉย

    ผมหันมองยูคยอมที่ตอนนี้ตาโตเท่าไข่ห่าน ต่างคนต่างพูดอะไรไม่ออก มาร์คฮยองเนี่ยนะ ตอนไหนยังไง ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ก็ตอนนั้นมาร์คฮยองก็อยู่กับผม เดี๋ยวสิ อย่าบอกนะว่า

    “แจ็คสันฮยองแอบชอบมาร์คฮยองเหรอ!” ยูคยอมถามเหมือนสิ่งที่อยู่ในใจผมเป๊ะๆ “ตั้งแต่เมื่อไรอะ!

    “ตั้งนานแล้วมั้ง ฉันจะไปรู้เหรอ” เจบีฮยองตอบ มือจัดแฟ้มเอกสารไปด้วย

    “ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเจ้าลูกหมายักษ์ ผมก็ไม่รู้เลยเหมือนกัน

    “แล้วถ้าพวกนายรู้มันจะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะ แบบนั้นยิ่งสร้างความลำบากใจให้พวกนายเปล่าๆ อย่างแบมแบมก็ต้องเขวไปเห็นใจหมอนั่นแน่ๆ ซึ่งฉันว่าแจ็คสันมันไม่ต้องการหรอก”

    จู่ๆ คำพูดของแจ็คสันฮยองเมื่อก่อนที่ผมไม่เข้าใจย้อนกลับเข้ามาในความคิด ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ทั้งตอนที่บอกว่าผมโลเลจนบางทีรู้สึกโกรธ ตอนที่บอกว่าอิจฉาผม ตอนที่ลุกขึ้นยืนตะโกนหน้าโรงฝึก เข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาฮยองคนนี้ไม่ได้แค่แกล้งแหย่ผม ทั้งๆ ที่ตัวเองต้องเจ็บปวดขนาดนั้นก็ยังมาพูดมาคุยมาช่วยผม

    “เรื่องมันผ่านไปแล้วน่า” เจบีฮยองพูด ดวงตาเรียวจ้องผมที่นิ่งไป “นายไม่จำเป็นต้องย้อนไปเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านไปแล้วหรอก”

    “ผม... เดี๋ยวผมมานะ” ผมพูดพลางลุกขึ้น แล้วเดินออกมาจากห้องสำนักงาน

    เปิดประตูเข้าไปห้องที่อยู่ถัดไป เดินตรงไปหยุดยืนหน้าห้องนอนแจ็คสันฮยองแล้วเคาะประตู รอจนเจ้าของห้องเปิด

    “มีไร”

    “ผมเข้าไปได้ไหมฮะ”

    “เข้ามาดิ”

    ผมเดินเข้าไป ในห้องนอนแจ็คสันฮยองมีเสื้อผ้าวางระเกะระกะ มีชุดเครื่องเสียงต่อเข้ากับชุดคอมที่กินพื้นห้องมากไปกว่าครึ่ง ผมมองหน้าจอคอมที่มีรูปพื้นหลังเป็นรูปพวกเรากับพวกแทคยอนฮยองตอนไปบ้านอูยองฮยองด้วยกัน

    “มีเรื่องไรปะ หน้าตานายโคตรหดหู่เลยว่ะ” แจ็คสันฮยองกอดอกถาม

    “ฮยองจำตอนนั้นได้ไหม ตอนที่เรานั่งคุยกันหน้าโรงฝึก ฮยองบอกว่ารอคำตอบผมอยู่แล้วพอผมถามว่าทำไม ฮยองบอกว่าจะบอกหลังจากที่ผมเลือกแล้ว นี่ก็ผ่านมาตั้งเป็นปีผมลืมไปเลย”

    แจ็คสันฮยองถอนหายใจ เอามือเท้าเอวเงยหน้ามองเพดาน

    “มานึกได้อะไรเอาตอนนี้วะ”

    “เพราะว่าฮยองชอบมาร์คฮยองใช่ไหม” ดวงตาคมตวัดมองผม “เพราะแบบนั้นฮยองถึงรอคำตอบจากผม”

    “เพราะถ้าฉันยังไม่เห็นบทสรุป ฉันก็ไปไหนไม่ได้สักที” ฮยองตัวเกรียนเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง “ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้นายเลือกใครมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับฉัน ถึงอย่างนั้นก็อยากเห็นอะไรที่มันชัดเจน แล้วสุดท้ายตอนนั้นฉันก็ได้รู้ว่ามาร์คฮยองไม่มีทางรักฉัน สายตาคู่นั้นไม่มีวันมองมาที่ฉัน” แจ็คสันฮยองยกมือขึ้นกางออกต่อหน้าผม “ต่อให้ไปยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังเป็นแค่คนที่ยืนอยู่หลังมือนี้ และมันก็ทำให้ฉันได้ข้อสรุปของตัวเองเสียที”

    ผมมองมือที่กางอยู่ต่อหน้า มันยากที่จะมองทะลุผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วไป สายตาผมจดจ่ออยู่ที่มือจนเห็นภาพแจ็คสันฮยองพร่ามัวไม่ชัดเจน

    “แล้วตอนนี้ล่ะฮะ ตอนนี้ฮยอง...”

    “ตอนนี้ฉันมีสาวๆ ให้ควงเยอะแยะ” อีกฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะถาม “ชีวิตก็มีความสุขดี”

    “แน่ใจนะ”

    “ไม่เอาน่าแบมแบม” แจ็คสันฮยองลดมือลง “ไม่ต้องมากังวลอะไรกับเรื่องของฉันกับมาร์คฮยองหรอก พวกฉันเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีอะไรให้นายต้องเป็นห่วงหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไรฉันว่ายูคยอมมันต้องฮอตแน่ๆ”

    “เอาอีกแล้วนะฮยอง ทำไมชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย” ผมพูดหน้ามุ่ย

    “ฮ่าๆๆ ก็แกล้งนายมันสนุกดีนี่หว่า ปะไอ้ตัวเปี๊ยกไปหาไรกินกัน พาพูดเรื่องเครียดๆ ละหิวว่ะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นกอดคอผมพาเดินออกจากห้อง “อ้าว พวกนาย มาอยู่นี่กันหมดเลยเหรอ”

    ที่ห้องรับแขก เจบีฮยอง จูเนียร์ฮยองแล้วก็ยูคยอมนั่งกินขนมดูทีวีกันอยู่

    “ยองแจอะ” เจบีฮยองหันมาถาม

    “ทำการบ้านอยู่ในห้อง” แจ็คสันฮยองชี้นิ้วโป้งไปด้านหลัง ส่วนผมเดินแยกไปนั่งลงบนพื้นข้างขนมเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วตักเข้าปากทันที ยูคยอมเองก็ขยับลงมานั่งข้างล่างกับผมอัตโนมัติ

    “แล้วไบรอัน

    เจ้าของชื่อที่เจบีฮยองกำลังถามถึงกระเด็นออกมาพร้อมประตูที่เปิดออก ก่อนจะปิดโครมกลับไป ไบรอันฮยองหน้าเกือบทิ่มพื้นแต่ยังทรงตัวได้ แถมพอกลับมายืนได้แล้วยังหัวเราะกับตัวเอง แล้วเดินหน้าระรื่นมาหาพวกผมอีก

    “ไอ้หมอนี่มันโรคจิตของแท้เลยเห็นปะ โดนโยนออกมายังหน้าระรื่นอยู่อีก” แจ็คสันฮยองมองแบบแขยงๆ

    “ก็ถ้าทำตัวดีๆ จู่ ๆคงไม่โดนโยนออกมาหรอกมั้ง” เจบีฮยองเงยหน้ามองตาม จนฮยองนักดนตรีเดินมานั่งข้างๆ จูเนียร์ฮยอง

    ไบรอันฮยองหัวเราะ ไม่ได้ตอบแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

    “ฉันไปดูยองแจหน่อยดีกว่า” จูเนียร์ฮยองตวัดสายตาไม่ไว้วางใจไปหาเพื่อนพร้อมกับลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ไปก็ถูกเจบีฮยองคว้าข้อมือไว้ก่อน

    “ไม่ต้องหรอก กวนหมอนั่นเปล่าๆ การบ้านไม่เสร็จพอดี”

    “แต่...” ออมม่าประจำหอเหล่มองไบรอันฮยองที่นั่งยิ้มไม่รู้ไม่ชี้

    “อยู่นี่แหละ น่านะ” เจบีฮยองลากเสียงเงยหน้ามอง

    จูเนียร์ฮยองจ้องกลับไปได้แป๊บเดียวหน้าก็แดงวาบ “ก็ได้” หลบตาดึงข้อมือตัวเองออกแล้วนั่งลงที่เดิม

    “หมั่นไส้” แจ็คสันฮยองพูด ทำจมูกบานอีกต่างหาก

    “อะไร มีปัญหาเหรอ” เจบีฮยองถามยิ้มๆ

    “โอ๊ยใครจะกล้ามีปัญหากับท่านหัวหอ” มันดูฮยองเบะปากใส่

    “โอ๊ะ ซีรี่ส์เรื่องนี้สนุกดีนะ” ยูคยอมเอารีโมตชี้ทีวี “คนที่เล่นเป็นน้องหน้าเหมือนแทคยอนฮยองเลย”

    “เออเหมือนจริง” ผมเห็นด้วย

    “ฟันเหมือนกันเลย”

    “โอ้โห กล้าพูด” แจ็คสันฮยองหันมาพูดกับเจบีฮยองเสียงสูง “วิจารณ์ฟันเขาไม่ดูตัวเองเล้ย”

    เจบีฮยองหุบปากถลึงตาใส่ ส่วนไบรอันฮยองขำก๊ากจนเกือบสำลักคุกกี้

    “แต่พูดก็พูดนะ สมมติไอ้สองคนนี้มันมีลูกด้วยกัน สมมติเฉยๆ นะเว้ย ลูกแม่งออกมาต้องหน้าเหมือนแทคยอนฮยองแน่ๆ เลยว่ะ ทั้งเหยินทั้งย่น”

    “พรูด” เค้กพุ่งออกจากปากผม

    “ก๊ากกก ฮ่าๆๆๆ” ไบรอันฮยองกับยูคยอมหัวเราะลั่นพร้อมกัน

    “ฮยอง ผมเห็นภาพแทคยอนฮยองใส่ชุดเด็กแบบมีหมวกขาวๆ บนหัว แล้วมีจูเนียร์ฮยองอุ้มอยู่เลยอะ ฮ่าๆๆ โอ๊ย ฮ่าๆๆ” ยูคยอมลงไปกลิ้งกับพื้น

    “แล้วไอ้เจบีก็ยืนถือขวดนมอยู่ข้างๆ ก๊ากกก” ไบรอันฮยองกวักมือไปทางยูคยอมพูดสมทบ

    “แม่งครอบครัวสุขสันต์สุดๆ โคตรสะพรึง” แจ็คสันทำเป็นเบิกตาโต

    “ฮยองผมน้ำตาไหลแล้วนะ ฮ่าๆๆ” ผมปาดน้ำตาโวยวาย เช็ดเศษเค้กบนพื้นไปขำไป

    “เบบี้แทคยอนแบบหน้าย่น แอ้บ” ยูคยอมขำๆ อยู่หัวก็ทิ่มไปข้างหน้า

    “ตลกมากมะ” เจบีฮยองพูดหน้านิ่ง ขายังยกค้างไว้จะยันยูคยอมอีกรอบ แต่หมอนั่นคลานหนีไปได้ซะก่อน

    “เออ โคตรตลกเลย ฮ่าๆๆ” ไบรอันฮยองยังไม่เลิกขำ ขนาดโดนจูเนียร์ฮยองถลึงตาใส่ยังไม่สะทกสะท้าน

    แชะ

    เสียงชัตเตอร์ดังมาจากทางเข้าห้องรับแขก ผมหันไปมอง ยองแจฮยองลดกล้องในมือลงยิ้มๆ

    “เห้ย ไอ้ยองแจเอาอีกละ ชาติที่แล้วแม่งเกิดเป็นปาปารัซซี่ไงวะ ชอบจังเลยแอบถ่ายเนี่ย” แจ็คสันฮยองหันไปโวย

    “รูปเมื่อกี๊เห็นแต่ขาฮยองเถอะ หัวฮยองโผล่ไม่พ้นโซฟา” โดนไปดอกนึงแจ็คสันฮยอง ตั้งแต่เริ่มเลย

    “ไอ้...” เกรียนฮยองชี้หน้า จะด่าก็ด่าไม่ออก

    “อยากได้รูปฉันมาขอดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องแอบถ่ายหรอก” ไบรอันฮยองพูดยิ้มๆ

    “รูปนาย เอาไปทำไมยังไม่ถึงฮัลโลวีนเลย ฉันยังไม่อยากได้ยันต์ไล่ผี” ดอกที่สองตกเป็นของไบรอันฮยอง ยองแจฮยองตอบเรียบๆ แล้วเดินไปนั่งโซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่

    ไม่ได้ไล่ผีอย่างเดียวนะไล่คนด้วย ฉันจะไล่ทุกคนที่มาใกล้นายออกไปให้หมดเลย ข้างๆ นายจะได้เหลือแค่ฉันเดียว”

    “อ้วกกก” ไม่ใช่เสียงยองแจฮยองฮะ นั่นมาจากเจบีฮยอง

    “อ้าว ไม่ทันไรเราจะได้เบบี้แทคยอนละ”

    ป้าบ หมอนอ๊กแคทฟาดหน้าไบรอันฮยองทันทีด้วยฝีมือจูเนียร์ฮยอง

    “สม” ยองแจฮยองซ้ำเติมอย่างไม่ลังเล แล้วก้มดูรูปในกล้อง “ฉันจะเอาไว้ส่งไปให้มาร์คฮยองดูต่างหาก”

    “ฮยองคุยกับมาร์คฮยองบ่อยเหรอฮะ” ผมถาม

    “ก็เปล่าหรอก นานๆ คุยที แล้วก็นานๆ จะส่งรูปพวกเราไปที มาร์คฮยองจะได้รู้ว่าพวกเราสบายดี” รอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนหน้าคนพูด นั่นสินะ ผมยิ้มตาม รูปถ่ายเป็นการบอกเล่าเรื่องราวได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องมีคำพูดมากมาย

    “ฉันเริ่มอิจฉาคุณมาร์คซะละ”

    “ไบรอัน พอเถอะ” จูเนียร์ฮยองพูดเหนื่อยๆ

    “ฉันว่านายอยู่กับแจ็คสันยองแจมากไปแล้วว่ะ” เจบีฮยองพูดบ้าง “เสียสติขึ้นทุกวันๆ”

    “อ้าว ฮยองว่าผมบ้าเหรอ!/แกว่าฉันบ้าเหรอ!” แจ็คสันฮยองกับยองแจฮยองเงยหน้ามาพูดพร้อมกัน

    “เปล๊า ฉันบอกแบบนั้นเหรอ”

    “หนอย ไอ้คนดี ไอ้สติดี ไอ้ล้ำเลิศ ไอ้เจบี ไอ้คุณประเสริฐศรี!” แจ็คสันฮยองลุกขึ้นจับหมอนอ๊กแคทง้างไปพูดไป

    ป้าบ อ๊กแคทอัดหน้าคุณประเสริฐศรีเต็มแรง

    “เจ็บนะเว่ย!” คุณประเสริฐศรีโวยวาย แล้วลุกขึ้นจับอ๊กแคทกระโดดขว้างอัดตัวแจ็คสันฮยองกลับ

    “คุณชีวิตดี คุณมีความสุข คุณเปรมปรีดิ์ คุณมีแฟน ทำไมต้องมีแฟนเป็นจูเนียร์ฮยองของผมด้วยวะ!

    ป้าบ ยองแจฮยองจับหมอนเขวี้ยงใส่ด้านหลังเจบีฮยอง ที่มัวแต่หันไปรบกับแจ็คสันฮยอง

    “จะไปอิจฉาเขาทำไม ถ้าอยากมีแฟน...”

    ป้าบ หมอนอีกใบเข้าเต็มหน้าไบรอันฮยอง

    “พวกนาย พอได้แล้ว!” จูเนียร์ฮยองลุกขึ้นพยายามแยก แต่ไม่มีใครสนใจ

    สงครามย่อมๆ บังเกิดในห้องนี้อีกครั้ง

    “แบมฮยอง” ยูคยอมตักเค้กมาจ่อปากผม

    “งั่ม” ผมอ้าปากกินเค้กตามองซีรีส์ที่กำลังเล่นอยู่ โดยไม่สนใจหมอนที่ลอยข้ามตัวเองไป

    พอฮยองไม่อยู่ก็ไม่มีใครหยุดสงครามบ้าๆ บอๆ นี่ได้เลย ลำพังจูเนียร์ฮยองคนเดียวตอนนี้ก็เอาไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว เพราะงั้นรีบกลับมานะฮะ มาร์คฮยอง หอพักที่ขาดพี่ชายผมแดงไปมันวุ่นวายสุดๆ เลย



    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------TBC


    ตอนหน้าจบแล้วค่ะ คงต้องจบแล้วล่ะ ก่อนที่จำนวนหน้าจะมากไปกว่านี้ ฮ่าๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×