ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #60 : ตอนที่ 59 เลือก 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.26K
      36
      10 พ.ค. 61

     

    ตอนที่ 59

    เลือก 2 โดย มาร์ค+ แจ็คสัน + ยูคยอม

     

     

    มาร์ค

    เส้นทาง 4 ทางกับคน 4 คน...

    ราวกับตลกร้ายที่พวกเราเดินมาบรรจบกันตรงนี้ ยืนอยู่ตรงนี้ ในความเงียบงันที่มีเพียงเสียงเพลงจากการแสดงดังแว่วอยู่ไกลๆ ผมไม่รู้ว่าแต่ละคนกำลังคิดอะไรอยู่ ที่พอจะเดาได้คงเป็นยูคยอม สายตาที่มองมาทำให้รู้ว่าเราอาจจะกำลังคิดในสิ่งเดียวกัน ยิ่งในตอนที่ผมกำลังจะหันหลังกลับ เป็นเวลาเดียวกับที่หมอนั่นหันไปยิ่งทำให้แน่ใจว่าคงเป็นอย่างนั้น

    ขาก้าวจากจุดที่ยืนอยู่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคนที่ถือเป็นคู่แข่ง โดยมีหัวใจของเราคู่อยู่ตรงกลาง เราเลือกที่จะเดินออกมาจากหัวใจของตัวเอง เพราะรู้ดีว่าหัวใจดวงนั้นจะไม่ปล่อยให้คนที่เป็นเจ้าของต้องเดินจากไป แบมแบมจะเดินตามใครคนหนึ่งไป หรือถ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็ยังมีแจ็คสันอยู่

    แต่มันจะไม่เป็นไปตามข้อหลัง เราต่างรู้ดีว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น แบมแบมจะไม่ยืนอยู่กับที่ เด็กคนนั้นไม่ใช่คนที่จะยืนอยู่เฉยๆ เวลาเห็นอะไรแบบนี้ และในสถานการณ์กะทันหันแบบที่ไม่มีเวลาให้ได้ไตร่ตรอง ให้ได้คิดเห็นอกเห็นใจใคร การกระทำ สิ่งที่แบมแบมเลือก จะเป็นสิ่งที่ออกมาใจจริงๆ ของตัวเอง

    ผมก้าวเดินไปช้าๆ ทุกย่างก้าวหนักอึ้ง ทุกครั้งที่เท้าสัมผัสลงบนพื้นดิน ความหวาดกลัวก็ยิ่งมากขึ้น ทุกทีทุกที อยากจะหยุด อยากหันหลังกลับแล้วเป็นฝ่ายเข้าไปกอดร่างเล็กนั่นไว้ ยึดเป็นของตัวเอง แต่ก็ด้วยรู้ดีว่าทำไม่ได้ ผมไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถเลือกอะไรได้ สิ่งที่ทำได้มีเพียงเดินหน้าต่อไปเพื่อคำตอบของตัวเอง

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งเดินมาไกลเท่าไร แสงสว่างยิ่งเหมือนลดน้อยลงมากเท่านั้น ราวกับแสงไฟที่สาดส่องบนมาบนถนนเส้นนี้ค่อยๆ ดับลงทีละดวงทีละดวง

    ฉันไม่อยากเดินต่อไปแล้ว แบมแบม เสียงจากเสี้ยวหนึ่งในใจร่ำร้อง

    ทางข้างหน้ามันมืดลงเรื่อยๆ ฉันไม่อยากเดินไปตรงนั้น ได้โปรด รั้งฉันไว้ จะเป็นมือของนาย เสียงของนาย อะไรก็ได้ ช่วยหยุดฉัน

    ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ความหวาดกลัวที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง แต่ถึงอย่างนั้นขาก็ยังคงก้าวเดิน

    ได้โปรด...

    แม้ในใจจะร่ำร้อง แม้แต่ละย่างก้าวจะเหมือนถูกมีดเฉือนหัวใจทิ้งไปเรื่อยๆ ผมก็ยังคงเดินต่อไปต่อไป  

    ด้านหน้าเป็นกำแพงพุ่มไม้ สุดทางของถนนเส้นนี้แล้ว หากจะเดินต่อไปมีแต่ต้องเลี้ยวเข้าไปในซอยด้านข้างเท่านั้น สายตามองไปยังซอยเล็กที่ทอดยาว ก่อนจะก้าวเดินเข้าไป ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงยังไม่หยุดเดิน ทั้งๆ ที่มาไกลขนาดนี้ ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ได้แล้วว่าข้างหลังผมไม่มีใคร มันนานเกินกว่าจะมีใครตามมา นานเกินกว่าจะมีมือยื่นมาหาแล้วรั้งไว้ มันนานจนควรจะยอมรับได้แล้ว

    ...ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

    ผมเคยบอกว่าจะไม่เสียใจ ทุกอย่างที่ทำ ทุกอย่างที่พยายาม ทุกอย่างที่ทุ่มเท ตั้งแต่ที่ตัดสินใจจะสู้ด้วยทั้งหมดที่มี ตั้งแต่วันนั้นผมเตรียมใจแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะไม่เสียใจ คนน่าสมเพชที่เอาแต่วิ่งหนีความผิดของตัวเอง กักขังหัวใจตัวเอง มันดีแค่ไหนแล้วที่แบมแบมเปิดประตูเข้ามา ที่คนอย่างผมได้โอกาสเป็นครั้งที่สอง อย่างน้อยก็โอกาสในการที่จะพยายามทำอะไรเพื่อใครสักคน เท่านั้นก็พอแล้ว จะมีอะไรต้องขอบคุณไปมากกว่านี้อีก สำหรับเด็กน้อยที่เปิดประตูเข้ามา ทำให้ชีวิตผมได้รู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่สีเดียว แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว แค่นี้...

    ...สวัสดีฮะ คุณเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ใช่ไหม...

    ขาหยุดก้าวเดิน

    ...มาร์คฮยอง ผมเรียกว่ามาร์คฮยองได้ไหม...

    มือที่กำเข้าหากันแน่นสั่นเทา

    ...ไม่ต้องเป็นคนเดิมก็ได้ จะเป็นคนใหม่ เป็นคนไหนก็ได้ ยังไงก็ได้ แต่อย่าไปจากผม อย่าไล่ผมไป...

    น้ำตารินไหล

    ...สมกับเป็นมาร์คฮยอง มิสเตอร์แคนดู แคนดูเอฟวรี่ติง...

    เป็นฉันไม่ได้สินะ

    ...มาร์คฮยอง...

    ...มาร์คฮยอง...

    ...มาร์คฮยอง...

    รอยยิ้ม เสียงเรียก ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคงไม่เปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้น

    ...ขอบคุณนะฮะ...

    “อึก”

    หยุดไม่ได้ หยุดน้ำตาไม่ได้ หยุดไม่ได้กระทั่งเสียงสะอื้นที่หลุดออกมา มันเจ็บ ราวกับหัวใจที่เหลืออยู่ถูกทุบแล้วกดเอาไว้ เจ็บจนหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ต้องไปตรงไหน รอบกายมืดไปหมด ได้แต่ยืนร้องไห้ ร้องเหมือนจะตายอยู่ตรงนี้

    เสียงดอกไม้ไฟจุดเฉลิมฉลองดังไปทั่วบริเวณ ประกายไฟหลากสีสวยงามกระจายตัวอยู่บนท้องฟ้าสีเข้ม แต่ผมไม่รับรู้ ไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากเสียงสะอื้นเหมือนจะขาดใจของตัวเอง

    บนทางเดินที่ทอดยาวนี้ มีเพียงชายคนหนึ่งกับหัวใจที่แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี


     

     

    แจ็คสัน

    เส้นทาง 4 ทางกับคน 4 คน...

    ผมไม่รู้ว่าตัวเองมาหยุดอยู่ตรงนี้ได้ยังไง มาร์คฮยองที่ยืนอยู่ทางซ้ายกับยูคยอมที่อยู่ทางขวา รวมถึงแบมแบมที่อยู่ตรงหน้า เราต่างมองกันและกันอยู่ในความเงียบ แววตาสับสนของเจ้าตัวเล็กที่หันมองไปมาฉายชัด มันทั้งสับสนและเจ็บปวดจนผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง

    ภายใต้ความเงียบงันนั้นจู่ๆ มาร์คฮยองกับยูคยอมก็หันหลังแล้วเดินออกไป ผมหันมองคนทั้งคู่ ก่อนจะหันกลับมาที่แบมแบมซึ่งตกใจไม่แพ้กัน ดวงตากลมเบิกกว้างมองซ้ายขวาสลับกันไปมา ในขณะที่สองคนนั้นค่อยๆ ไกลออกไป และก่อนที่ผมจะทันได้พูดหรือทำอะไร บางทีอาจจะก่อนที่เจ้าตัวทันได้คิดไตร่ตรองอะไรด้วยซ้ำ ขาของคนที่กำลังยืนสับสนอยู่ตรงหน้าผมก็ก้าวตามใครคนหนึ่งไป

    ผมมองทางขวามือของตัวเอง ทางที่แบมแบมเลือกเดินไป มองอยู่พักหนึ่งแล้วเบนสายตากลับมาทางซ้ายมือ ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรมาอยู่ตรงนี้ไหม มันไม่ได้มีที่ให้ผมยืนอยู่ตั้งแต่แรก ผมเป็นแค่คนข้างสนาม คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องไม่ว่าบทสรุปจะออกมาเป็นยังไง แต่ถึงอย่างนั้น ถึงจะรู้อย่างนั้นขากลับก้าวเดินตามไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแบมแบม เดินตามใครอีกคนไปห่างๆ อย่างเงียบงัน

    แผ่นหลังที่อยู่เบื้องหน้าอ้างว้างหวาดหวั่นจนรู้สึกได้ จะต้องเดินไปด้วยความรู้สึกแบบไหน ต้องแบกความหวาดกลัวไว้มากเท่าไร และสุดท้ายจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าข้างหลังนี้ไม่มีคนที่ตัวเองต้องการ

    มาร์คฮยอง...

    ทางสิ้นสุดลงแต่คนที่เดินอยู่ข้างหน้าผมกลับไม่หยุดเดิน ยังคงเลี้ยวไปในซอยข้างๆ หัวใจบีบรัดราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแรงๆ มันเจ็บปวด เจ็บเมื่อเห็นว่าพี่ชายคนนี้ยังคงฝืนเดินต่อไป ทั้งๆที่น่าจะรู้แล้วว่าคำตอบที่ได้เป็นแบบไหน ผมเดินไปจนสุดถนนก่อนจะหันมองคนที่เพิ่งเลี้ยวไป ทิ้งระยะห่างสักพักแล้วถึงก้าวเดินตาม แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว คนตรงหน้าก็หยุดเดิน

    ไหล่ที่กำลังสั่นไหว สองมือที่กำแน่น เสียงสะอื้นที่หลุดออกมา ผมได้แต่ยืนกำมือแน่น ได้แต่ยืน ทำได้แค่ยืนมอง มองคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้ และทั้งๆ ที่ผมอยู่ตรงนี้ ยืนมองจากตรงนี้ ก็ไม่มีวี่แววที่มาร์คฮยองรู้สึกถึงตัวตนของผม ไม่มีวี่แววที่จะหันมา สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีวันหันกลับมา

    เสียงดอกไม้ไฟถูกจุดฉลองดังกึกก้อง แม้เสียงเหล่านั้นจะกลบเสียงร้องของคนผมแดงที่ยืนอยู่จนหมด แต่ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดที่สัมผัสได้ยังคงชัดเจน

    ทำไมไม่มองมาที่ผมล่ะ ทำไมไม่หันกลับมา ผมยืนอยู่ตรงนี้ไม่รู้หรือไง แค่ฮยองหันมาก็จะเจอ แค่ฮยองต้องการ ผมก็พร้อมจะยืนอยู่ข้างๆ แค่...แค่มองมาที่ผม

    สิ่งที่เห็นมีเพียงด้านหลังของมาร์คฮยอง แผ่นหลังของคนที่ผมได้แต่เฝ้ามอง คนที่ผมรู้ดีว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันหันกลับมา ผมรู้ดีตั้งแต่แรก รู้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน คนที่ผู้ชายคนนั้นรักก็ไม่มีวันเป็นผม หัวใจดวงนั้น ต่อให้แตกสลาย ต่อให้ยับเยิน ต่อให้เจ็บเจียนตาย มันก็ไม่มีวันเป็นของผม

    มาร์คฮยอง...

    ที่ตรงนี้ ข้างหลังฮยองตรงนี้ มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะขาดใจตามฮยองแล้วรู้ไหม ผู้ชายคนนี้มันเจ็บจะตายอยู่แล้ว มันเจ็บแทบตายฮยองรู้หรือเปล่า

    ผมเบือนหน้าออกจากแผ่นหลังที่เห็นจนชินตา ต่อให้มันตายอยู่ตรงนี้จริงๆ มันก็คงแค่ตาย ตายและหายไปอย่างคนไร้ตัวตน เงยหน้ามองท้องซึ่งถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้ไฟหลากสี

    ถึงเวลาต้องยอมรับเสียที...



    -----------------------------------------------------------------------------------------

     

    ยูคยอม

    เส้นทาง 4 ทางกับคน 4 คน...

    เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย การพบเจอกันแบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ แม้จะรู้ดีว่าวันหนึ่งมันต้องเกิด วันที่ทั้งผม มาร์คฮยอง และแบมแบมต้องเผชิญหน้ากันมันต้องเกิดขึ้น แต่ความเงียบงันที่น่าอึดอัดนี้มันเจ็บปวด เจ็บปวดเกินไปสำหรับเราทั้งหมด

    สายตาที่มองมาของมาร์คฮยองทำให้รู้ว่าพี่ชายคนนี้ก็คิดไม่ต่างกัน บางทีอาจถึงเวลาที่เราต้องยุติความเจ็บปวดนี้เสียที ผมหันหลังก้าวเดินออกไปจากสี่แยก เป็นเพราะแบมฮยองคิดถึงคนอื่นมากเกินไป หากต้องเจอสถานการณ์ที่คิดอะไรไม่ทัน สิ่งที่แบมฮยองเลือกจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกและต้องการจริงๆ

    ผมมั่นใจว่าแบมฮยองจะตามใครคนหนึ่งไป และผมเชื่อว่ามาร์คฮยองเองก็มั่นใจแบบนั้น เพียงแต่เราต่างไม่รู้ว่าใครคือคนที่จะถูกตามไป ใครคือคนที่ถูกเลือก

    ขาก้าวไปอย่างไม่มั่นคงนัก หัวใจสั่นไหว ผมกลัว กลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ กลัวจนแทบไม่กล้าก้าวเดินต่อ ผมจะทำยังไงถ้าเดินต่อไปแล้วไม่มีใครตามมา ผมจะทำยังไงถ้าต้องเดินไปในเส้นทางนี้เพียงลำพัง แม้จะเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่มีวันจากแบมฮยองไปไหน จะอยู่ข้างๆ ตลอดไป ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะทนได้ถ้าไม่ถูกเลือก ผมจะอยู่ตรงนั้นแล้วมองแบมฮยองรักกับใครอีกคนไหวไหม

    ไม่ไหว... ผมรู้ดีว่าตัวเองทนรับมันไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นถ้าต้องมีชีวิตโดยไม่มีแบมฮยอง ผมก็รับไม่ไหวเหมือนกัน

    ได้โปรด เลือกผม

    ได้โปรด เป็นผม

    ในใจได้แต่ร่ำร้องอย่างจนตรอก ยิ่งเดินมาไกลเท่าไรยิ่งเหมือนเรี่ยวแรงค่อยๆ หดหาย เท้าเหยียบลงบนก้อนหินจนเซ ใจหายวาบ น้ำตาคลอ แต่ผมก็ยังเดินต่อไป

    ตึก เท้าย่ำลงบนพื้นก่อนจะหยุดลง แรงดึงจากด้านหลังทำให้ผมเดินต่อไปไม่ได้ ชายเสื้อที่ถูกรั้งไว้หยุดทุกอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ

    “ไหนบอกว่าจะไม่มีวันเดินจากฉันไปอีก”

    น้ำตาร่วงลงมาในตอนที่ได้ยินเสียง ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไป เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินจะไม่ใช่ความจริง

    “ที่ของนาย คือที่ที่ไม่ว่าฉันจะมองไปเมื่อไรก็จะเห็นอยู่เสมอ ไม่ใช่หรือไง”

    ผมหลับตาลง แม้อยากจะพูดออกไปแค่ไหน แต่น้ำตาที่ยังไหลลงมาก็ทำให้พูดอะไรกลับไปไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว

    “ฉันไม่ชอบ เวลาต้องมองนายจากข้างหลัง ไม่ชอบที่เห็นนายค่อยๆ หายไปจากสายตา” เสียงที่พูดเริ่มสั่น “มันใจหาย มันเหมือนกับว่าใจฉันถูกดึงให้หายตามไปด้วย”

    “ดีแล้วเหรอ” ผมถามกลับทั้งสะอื้น “ที่ฮยองอยู่ตรงนี้ ฮยอง...”

    “ไม่อยาก...ให้ฉันตามมาหรือไง”

    ผมส่ายหัว “แต่ถ้าฮยองสงสารผม ถ้าฮยอง... ถ้าฮยองกลัวว่าผมจะ...”

    “ฉันเดินตามนายมาก่อนที่ฉันจะทันได้คิดอะไรซะอีก จะไล่ฉันกลับหรือไง”

    “เปล่านะ ผมเปล่า” ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธ ยังไม่หันกลับไป ไม่อยากให้แบมฮยองเห็นสภาพไม่น่าดูของตัวเอง

    “แจ็คสันฮยองถามฉันว่าความรู้สึกที่อยากครอบครองไว้ ความรู้สึกที่ต่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีแค่ไหนก็ไม่อยากยกให้ ฉันมีให้กับใครบ้างไหม” แบมฮยองพูด มือยังคงจับเสื้อของผมไว้ “กับมาร์คฮยอง ฉันอยากให้มาร์คฮยองมีความสุข มาร์คฮยองเจ็บปวดมามากแล้ว ถึงจะไม่เคยพูดออกมา ฉันก็รู้ว่ามาร์คฮยองต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้มากแค่ไหน ถ้ามีใครสักคนเข้ามา ฉันต้องแน่ใจจริงๆ ว่าคนคนนั้นเป็นคนดี เป็นคนที่จะไม่ทำให้มาร์คฮยองต้องเสียใจ เพราะฉันคงทนไม่ได้ ถ้าพี่ชายคนนี้จะต้องเจ็บปวดอีก”

    “แต่กับนาย พอคิดว่าถ้ามีใครสักคนชอบนายและนายก็ชอบคนคนนั้น สิ่งแรกที่ฉันคิดคือ... แล้วฉันล่ะ แล้วฉันจะทำยังไง ถ้านายมีใครคนนั้นแล้วนายจะไปจากฉันไหม นายจะไม่อยู่ข้างๆ ฉันอีกต่อไปแล้วหรือเปล่า สิ่งที่นายทำกับฉัน ทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน มันจะเปลี่ยนไปเป็นนายกับคนคนนั้นแทนใช่ไหม” เสียงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดต่อ “ตอนนั้นฉันถึงได้รู้สึกตัว ที่ฉันคิดมีแต่ตัวฉันเองจะเป็นยังไง พอเป็นเรื่องของนายฉันกลับคิดถึงแต่ตัวเอง นี่เรียกว่าความเห็นแก่ตัวได้ไหม ที่ฉันรู้สึกว่านายเป็นเจ้าลูกหมายักษ์ของฉัน เป็นของฉันมาตลอด เพราะงั้นต่อให้คนคนนั้นจะดีแค่ไหน ก็ไม่อยากยกให้ ความเคยชินของฉันคือการที่มีนายอยู่ข้างๆ ทุกครั้งที่ฉันล้มลงจะต้องมีมือนายยื่นมา นายเคยบอกว่าถ้าฉันยื่นมือไปหา นายก็จับมือฉันไว้ทุกครั้ง สำหรับฉันแล้วทุกครั้งที่นายยื่นมือมา ฉันก็อยากจะจับมันไว้เหมือนกัน”

    แบมฮยองปล่อยมือจากเสื้อผม ก่อนจะเดินอ้อมมาเผชิญหน้า

    “คำตอบของฉัน...คือนาย” ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลออยู่มองสบตาผม

    ความแน่วแน่จริงจังในดวงตาของคนตรงหน้า ทำให้รู้ว่าคำพูดที่ออกมาจริงจังเพียงใด ผมเซไปด้านข้าง ขาไร้เรี่ยวแรงทรงตัวไม่อยู่จนไปพิงกับแนวพุ่มไม้ข้างถนน ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าตัวเองเดินเซมาอยู่ชิดขอบถนนตั้งนานแล้ว

    “ยูคยอม!” แบมฮยองรีบตามมาจับแขนผมที่ยืนพิงกำแพงพุ่มไม้ไว้

    “ผมฝันอยู่หรือเปล่า” พูดทั้งๆ ที่น้ำตาไหล “นี่คงไม่ใช่ว่าอีกสักพักผมต้องตื่นแล้วนะ”

    “จะบ้าเหรอ” คนตัวเล็กตรงหน้าพูดกึ่งขำ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็น้ำตาไหลตาม

    “ผมคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ” เงยหน้ามองท้องฟ้า พยายามห้ามน้ำตาแต่ก็ห้ามไม่ได้

    “นายมันไม่เท่เอาซะเลย มีอย่างที่ไหน ฉันอุตส่าห์สารภาพความรู้สึก ดันมายืนร้องไห้หมดสภาพแบบนี้”

    ผมหัวเราะ ใช้มือตัวเองที่ไม่ได้ถูกจับไว้เช็ดน้ำตา ก่อนจะมองไปยังคนที่เป็นทั้งหมดของหัวใจ มองด้วยความรู้สึกท่วมท้น ความรู้สึกทั้งหมดที่ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้

    แบมฮยองส่งยิ้มให้แล้วเดินเข้ามากอด ซบหน้าลงบนอกผม

    “นายมันไม่เท่เลย เจ้าลูกหมาขี้แย” พูดเสียงขึ้นจมูก

    “ขอโทษนะครับ ที่ผมมันไม่เท่” ผมกอดตอบ “ผมกลัวจนคิดอะไรไม่ออก ตอนนี้ก็ทั้งโล่งใจทั้งดีใจ รู้สึกขอบคุณตื้นตันปนกันไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ผมยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ทั้งๆ ที่ผมไม่เท่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่แบมแบมก็อยู่ตรงนี้ ได้กอดแบมแบมไว้อย่างนี้” สองแขนกระชับอ้อมกอดแน่น “ผม... ผมรักแบมแบม รักมาก รู้ใช่ไหม รัก รัก รัก”

    “รู้สิ” แบมฮยองเงยหน้ามอง “แล้วฉันก็รู้ด้วยว่านายมันไม่เท่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันยังเท่กว่านายตั้งเยอะ” มือค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน “สามปีมานี้ ฉันรู้จักนายดียูคยอม และเพราะอย่างนั้นถึงต้องเป็นนาย ...แค่นาย”

    “ฮยองพูดแบบนี้ ผมอยากร้องไห้อีกแล้ว” ผมพูดพลางจับมือคนตรงหน้าที่วางอยู่บนแก้มตัวเองไว้

    “อีกแล้วเหรอ นายร้องเยอะกว่าฉันอีกนะเนี่ย” แบมฮยองขมวดคิ้ว

    ผมส่งยิ้มให้ ก้มลงไปหาจนหน้าผากเราแตะกัน

    “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมาก”

    เสียงดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้า ดึงสายตาเราทั้งคู่ให้เงยหน้าขึ้นมอง ประกายแสงหลากสีแผ่กระจายเป็นดอกไม้เต็มท้องฟ้าสลับกันสวยงาม

    “โรแมนติกดีเหมือนกันนะ” ผมก้มมาพูดกับคนในอ้อมแขน

    “เหรอ” แบมฮยองลากเสียง “ยืนไหวหรือยังเถอะ”

    “ยังเลย แหะๆ ขอพิงอยู่แบบนี้อีกแป๊บนะ”

    “ทุกทีเลย คราวก่อนที่นายรอคำตอบแล้วฉันไปบอกก็เป็นแบบนี้”

    “ก็ผมกลัวนี่ ใจคอไม่ดีเลย”

    “นายถึงต้องมีเจ้าของแบบฉันคอยดูแลไง”

    “นั่นสินะ เจ้าของทั้งน่ารักทั้งเท่ ผมโชคดีสุดๆ เลย”

    “แหงอยู่แล้ว” สีหน้าเหมือนสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องเขินอายอะไรของแบมฮยองทำผมอมยิ้ม

    “แบมแบม”

    “หืม”

    “จูบได้ไหม”

    “อะ อะไรนะ” คราวนี้หน้าหวานๆ เหวอขึ้นมากะทันหัน

    “ผมถามว่าจูบ...”

    “โอ๊ะ ดูนั่นดิ อันนั้นอย่างสวย” คนตัวเล็กที่เคยอยู่ในอ้อมแขนผมดันตัวเองออก แล้วรีบทำเป็นถอยไปยืนชี้ดอกไม้ไฟ “สีชมพูสวยเชียว”

    ผมมองหน้าแดงที่เห็นเพียงเสี้ยวหนึ่งยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปใกล้แล้วทำเป็นเอียงตัวไปหา

    “อะไรเล่า” แบมฮยองผลักออก

    “เปล่า ก็ดูดอกไม้ไฟ”

    “ดูก็ดูไปดิ ไม่เห็นต้องเอียงมาใกล้เลย”

    “ขาผมไม่มีแรงอะ ยืนไม่ไหว ขอเกาะหน่อย” ว่าแล้วดึงตัวคนข้างๆ เข้ามากอดอีกรอบ

    “นี่ไม่เรียกเกาะแล้ว” แบมฮยองพยายามดันตัวเองออก แต่คราวนี้ผมไม่ปล่อย

    “เหมือนกันนั่นแหละ”

    ตากลมเหล่มองผม พอเห็นว่าดิ้นไปก็เท่านั้นเจ้าตัวก็เลิกพยายาม ยืนมองดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นไปเงียบๆ

    “ยูคยอม ฉัน...” แบมฮยองพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนักแล้วก็หยุดไป

    “ผมฟังอยู่นะ” ผมบอก กระชับอ้อมแขนให้กอดแน่นขึ้น

    ฉันทำผิดต่อมาร์คฮยองหรือเปล่า” สายตาคนพูดละจากดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า ลงมามองเหม่อทางเบื้องหน้าที่ทอดยาวไป

    ผมมองตาม จากตรงนี้มองไปไม่เห็นใครแล้ว ทั้งมาร์คฮยองและแจ็คสันฮยอง

    “ฉันทำให้มาร์คฮยองต้องเจ็บปวด ทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่าอยากเห็นมาร์คฮยองมีความสุข ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังเอาแต่สร้างความเจ็บปวดให้มาร์คฮยองอยู่เรื่อย”

    “มาร์คฮยองไม่คิดแบบนั้นหรอก” ผมตอบ “มาร์คฮยองไม่มีทางคิดว่ามันเป็นความผิดของแบมฮยอง ฮยองไม่ได้ทำผิดต่อใครทั้งนั้น”

    ผมกล้ายืนยันเพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่มีวันโทษแบมฮยองเหมือนกัน ถึงแม้ว่าผมจะเสียใจ จะเจ็บปวด ผมก็ไม่มีทางคิดโทษแบมฮยอง มาร์คฮยองเองก็เหมือนกัน พี่ชายคนนี้รักแบมฮยองมากกว่าจะคิดอะไรแบบนั้น

    “จะร้องไห้อยู่หรือเปล่า” แบมฮยองหันมากอดผม “มาร์คฮยอง จะกำลังร้องไห้อยู่คนเดียวหรือเปล่า ยูคยอม”

    “ผมจะไม่พูดว่ามาร์คฮยองไม่เสียใจ จะไม่ปลอบฮยองแบบนั้นเพราะถ้าเป็นผม ผมคงเสียใจมาก” เป็นความเสียใจที่แม้จะเข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าเอาตัวเองไปวัดว่ามันมากแค่ไหน ในจุดที่มาร์คฮยองอยู่ ผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่มีสิทธิ์เอาความรู้สึกตัวเองไปตัดสิน เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่รู้ “ถึงอย่างนั้นมาร์คฮยองก็คงไม่อยากให้ฮยองต้องกังวลแบบนี้ ไม่อยากให้ฮยองต้องมาเจ็บปวดเพราะตัวเอง ถ้าฮยองยังคิดมาก เวลาเจอหน้ากันจะทำยังไง ผมว่าสิ่งที่มาร์คฮยองอยากเห็นหลังจากนี้ไม่ใช่สีหน้ากังวล แต่เป็นรอยยิ้มของฮยองมากกว่า”

    “รอยยิ้ม...งั้นเหรอ”

    “อื้ม รอยยิ้มจากฮยอง”

    ดอกไม้ไฟอีกหลายชุดถูกจุดต่อกัน

    “นายว่าทุกอย่างจะโอเคไหม”

    “โอเคสิ”

    “แล้วพวกเราจะยังเป็นเจ็ดคนตลอดไปไหม”

    “พวกเราจะเป็นเจ็ดคนตลอดไป”

    “แน่ใจนะ”

    “แน่ใจ”

    “อือ”

    แบมฮยองไม่ได้พูดอะไรอีก ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปยังสี่แยกที่เดินจากมาไกลพอสมควร ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ผมมั่นใจ


    -------------------------------------------------------------------------------------------TBC


     

    ในที่สุดก็มาถึงบทสรุปของฝั่งสี่แยกแล้วเนอะ เป็นตอนสั้นๆที่เราใช้เวลาพิมพ์นานมาก เราพิมพ์วันละคนเลยทีเดียว เพราะทำใจพิมพ์สามคนในวันเดียวไม่ได้

    ตอนนี้ก็คงมีทั้งที่สมหวังและผิดหวัง มีทั้งที่ถูกใจและเสียใจ เราต้องขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถทำตามใจรีดทุกคนได้ ขอโทษที่ทำให้หลายๆคนต้องเสียใจ เรารักรีด รักตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ (รัก GOT7 ตัวจริงด้วย) เดินทางกันมาอย่างยาวนานเกือบ 8 เดือนแล้วเนอะที่อยู่ด้วยกันมา ผ่านเรื่องราวมากมาย ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ทั้ง 7 คนต้องผ่านมันไป เรื่องจะยังไม่จบตรงนี้ เพราะอย่างที่เราเคยบอกว่าประเด็นหลักของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ความรักในแง่คนรัก ดังนั้นจะยังมีเรื่องราวหลังจากนี้ต่ออีกหน่อยเพื่อความสมบูรณ์ของตัวละคร

    เราไม่รู้ว่าหลังจากตอนนี้จะยังมีอีกกี่คนที่อยู่เดินต่อไปกับเรา เพราะงั้นเราเลยขอพูดตรงนี้เลยว่าขอบคุณที่ติดตามกันมายาวนานขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับคอมเม้น กำลังใจต่างๆ แฟนอาร์ต เพลง คลิป โอพีวี ข้อความทั้งในแท็กทวิตเตอร์ ทั้งในเว็บเด็กดีตรงนี้ ขอบคุณที่รักเรา เราก็รักรีดทุกคนเหมือนกันนะ ช่วงเวลาที่แสนพิเศษ ที่หมุนพาพวกเรามาพบกันโดยบังเอิญ ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน แค่อ่านคอมเม้นพูดคุยกัน แต่เราก็รักพวกคุณจริงๆ ช่วงเวลามันอาจจะหมุนไปในตอนนี้หรือในตอนจบของเรื่องนี้ แต่ถึงมันจะหมุนผ่านไปก็ยังมีสิ่งที่เหลือไว้คือความทรงจำเนอะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ^^

     

    พูดเหมือนจบตอนนี้ ยังไม่จบนะ ยังมีต่ออีก หน้าต่อไปเราจะคุยเรื่องการสั่งจองฟิคนะคะ จะมาสำรวจจำนวนคร่าวๆเฉยๆ ใครสนใจกดไปตอนหน้าเลยค่ะ สำหรับตอนหน้าอีกทีจะเป็นตอนของแบมแบมค่ะ 

    ปิดท้ายด้วยแฟนอาร์ตน่ารักๆของคุณขวัญ คุณโซล แล้วก็คุณเอยมะกานะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^











    โลโก้น่ารักมากๆเลยค่ะ 


    รีไรท์ 07/05/2018

     กลับมาอ่านตอนนี้ในอีกหลายปีให้หลัง ร้องไห้กับมาร์ค ปวดใจ ทำไมเราในตอนนั้นไม่มีความปรานีเลย เอาซะถ้าเป็นละครมาร์คคงต้องกวาดทุกรางวัลแล้วจากฉากนี้ เจ็บเจียนตาย ขยี้แล้วขยี้อีก TT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×