ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #50 : ตอนที่ 49 กลับมา (โดย ยูคยอม)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.32K
      28
      10 พ.ค. 61

     

    ตอนที่ 49

    กลับมา โดย ยูคยอม



    “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ แบมแบม”

    “อื้ม เจอกัน”

    ผมมองตามร่างผอมบางของคนที่เพิ่งแยกจากเพื่อนตรงหน้าโรงเรียน มองตามแผ่นหลังเล็กที่รู้จักดีซึ่งค่อยๆ ไกลออกไป มองตามแบมแบมที่เดินอยู่เพียงลำพัง มือกำแน่นหยุดขาที่กำลังจะก้าวตามไป ทำแค่มองจนร่างนั้นลับตาสายตาแล้วหันหลังเดินไปอีกทาง นานแล้วที่ผมไม่ได้กลับไป นานแล้วที่ไม่ได้อยู่ข้างคนตัวเล็กคนนั้น มันนานจนผมเริ่มกลัวว่าทุกอย่างกำลังจะกลับไปเป็นปกติ ชีวิตปกติที่ไม่มีผม 

    คิดแล้วก็น่าขำ ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายเดินออกมา ทั้งที่หนีมาเอง ในเมื่อไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้า หากจะถูกลืมมันก็สมควรแล้ว ภาพใบหน้าเฉยชาของแบมฮยองในทุกวันที่บังเอิญเดินสวนกันที่โรงเรียนย้อนกลับเข้ามาในความคิด ไม่มีการทักทาย ไม่มีแม้แต่การสบตา ก็คงไม่แปลกถ้าจะถูกโกรธ เพียงแต่ถึงจะรู้แบบนั้นผมก็ยังหวัง หวังให้แบมฮยองเดินเข้ามาจับมือแล้วดึงให้กลับไปด้วยกัน หวังให้โดนแบมฮยองดุแล้วสั่งว่าห้ามหนีไปไหนอีก ความหวังของคนขี้ขลาด

    ผมลงจากรถประจำทาง เดินเข้าซอยบ้านตัวเอง เป็นเพราะเอาแต่เดินก้มหน้ามาตลอด พอเงยหน้ามาเจอรถยนต์จอดอยู่หน้าบ้านตัวเองก็อดตกใจไม่ได้ ยิ่งเห็นว่าเป็นใครที่ออกมาจากรถคันนั้นยิ่งตกใจ ร่างสูงโปร่งในชุดสบายๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวลายกราฟฟิคเท่ๆ สวมทับเสื้อยืดสีเดียวกันหันมาหลังจากปิดประตูรถ เอากุญแจใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดแล้วเดินตรงเข้ามาหา

    “มาร์คฮยอง” ผมเรียกชื่อคนที่กำลังเดินมาด้วยความมึนงงปนตกใจ

    เจบีฮยองโทรมาตั้งแต่วันแรกที่ผมไม่กลับหอ แจ็คสันฮยองที่บังเอิญเจอกันเองก็โทรมาหลังจากนั้น ถ้าเจบีฮยองหรือแจ็คสันฮยองมาลากผมกลับ ผมคงไม่แปลกใจ ต่อให้เป็นจูเนียร์ฮยองหรือยองแจฮยองก็ยังไม่ค่อยแปลกใจ แต่กับพี่ชายผมแดงตรงหน้า มาร์คฮยองไม่ใช่คนประเภทที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่เลย

    “สวัสดีครับ” ผมร้องทัก มือยกขึ้นเกาหัวเก้อๆ “ตกใจหมดเลยนะเนี่ยที่เห็นฮยองมา”

    “ฉันก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นนายยังอยู่นี่” ผู้มาเยือนแบบเหนือความคาดหมายพูด

    “ฮยองจะเข้าไปในบ้านก่อนไหม”

    “ไม่ล่ะ ฉันแค่มีเรื่องจะคุยกับนายนิดหน่อย”

    “อ่า เจบีฮยองบอกให้ฮยองมาคุยกับผมเหรอ”

    “นายคิดว่าฉันเป็นพวกชอบทำตามคำสั่งใครหรือไง”

    “ก็เปล่า” ผมยิ้มแห้งๆ

    “ทำไมนายไม่กลับหอ” มาร์คฮยองถาม แต่ผมไม่ได้ตอบ ในเมื่อหนึ่งในสาเหตุคือคนที่ตั้งคำถามอยู่ตอนนี้ ผมจะตอบอะไรออกไปได้ยังไง “นายทำให้ฉันได้เคลียร์เรื่องในอดีตกับแบมแบม นายบอกว่าจากนี้ไปเราเสมอกัน เป็นคู่แข่งกันแบบแฟร์ๆ นายเคยทำให้ฉันนับถือจนต้องแสดงความจริงใจออกไปบ้าง บอกนายว่าฉันรู้สึกยังไงกับแบมแบม นายเคยทำกระทั่งให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า”

    “ด้อยกว่า” ผมทวนคำ รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏบนหน้าโดยไม่รู้ตัว “ฮยองเนี่ยนะด้อยกว่า

    “เพราะฉันใจกว้างได้ไม่เท่านาย ฉันไม่กล้าหาญเหมือนนาย”

    “ผมไม่ได้กล้าหาญอะไรเลย”

    “ฉันก็ว่างั้น” มาร์คฮยองพูด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไม่ละไปจากดวงตาผมเลย ตั้งแต่เริ่มบทสนา “ฉันคงมองนายผิดไป ยูคยอมที่ฉันรู้จักจะไม่หนีไปจากสิ่งที่ตัวเองรัก”

    “ฮยองไม่เข้าใจหรอก” ผมประสานสายตากลับ “คนที่เคยได้รับอย่างฮยอง ไม่มีวันเข้าใจ”

    “นายหมายความว่ายังไง”

    “วันนั้นผมเดินตามแบมฮยองไป ที่โรงรถวันนั้น วันที่แบมฮยองเอาแต่ชะเง้อคอยฮยอง ผมได้ยินทั้งหมด ทั้งตอนที่แบมฮยองร้องไห้ ตอนฮยองสารภาพรัก ตอนแบมฮยอง...” ผมหยุด เพราะคำพูดมันไม่ออกมา มือที่อยู่ข้างลำตัวกำเข้าหากันเป็นแรงส่งให้กลืนน้ำลายแล้วเม้มปาก ก่อนจะพูดต่อ “บอกว่าถ้าฮยองบอกตั้งแต่ตอนนั้นคงไม่ต้องเจ็บปวดขนาดนี้ เท่านั้นผมก็รู้แล้วว่าใครที่สำคัญ ทุกครั้งที่ผมเห็นแบมฮยองร้องไห้สาเหตุมันเป็นเพราะคนคนเดียวซึ่งก็คือฮยอง ถ้าตอนนั้นไม่มีผม ถ้าผมไม่เข้ามา พวกฮยองก็คง...”

    “แล้วยังไง ฉันกับแบมแบมจะเป็นยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับตอนนี้”

    “เกี่ยวสิ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ พวกฮยองเคยรู้สึกดีๆ ให้กันแต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไป เกิดเรื่องราวขึ้น อุปสรรคมากมายสามปีจนในที่สุดก็ได้พูด ได้ปรับความเข้าใจ แล้วผมเป็นใคร ผมคนนี้เป็นตัวอะไร” ความรู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่ถาม “เป็นแค่หนึ่งในอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาเหรอ หรือเป็นแค่บทพิสูจน์ความรักของพวกฮยอง สามปีเพื่อมารู้ว่าแบมฮยองเคยรักฮยอง คิดว่าผมควรจะรู้สึกยังไง เราไม่ได้เสมอกันมาตั้งแต่แรก ฮยองไม่เข้าใจหรอก ฮยองไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกกลัวแทบตายของคนที่จะสูญเสียไปมันเป็นยังไง!

    “คิมยูคยอมอย่าพูดเหมือนนายรู้จักฉันดี ถ้านายไม่ได้รู้อะไรเลย” มาร์คฮยองกดเสียงต่ำ

    ผมเหล่มองมือข้างขวาของคนตรงหน้าที่กำลังกำแน่น ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ฮยองก็อย่ามาพูดเหมือนรู้จักผมดี ถ้าฮยองไม่ได้รู้อะไรเลย”

    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราทั้งคู่ที่ปะทะกันทางสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร

    “กลับไปเถอะ ผมไม่อยากทะเลาะกับฮยอง” ผมพูดขึ้นในที่สุด หันหนีเดินเข้าบ้าน

    “ถ้านายไม่คิดจะกลับไปอีก ฉันก็ไม่ขัดข้อง แต่ก่อนจะไปกลับไปบอกแบมแบมซะ ไปบอกหมอนั่นว่านายพอแล้ว นายไม่ต้องการหมอนั่นแล้ว แล้วจะหนีไปไกลแค่ไหนก็เรื่องของนาย” น้ำเสียงเย็นชาจากพี่ชายคนโตของหอพักทำให้ขาชะงัก ทั้งๆ ที่ผมเป็นห่วงอยู่ตลอด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดไม่ไยดีราวกับคนไม่รู้จักกัน

    “ผมไม่กลับ”

    “คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์สร้างความกังวลให้แบมแบมไปมากกว่านี้ ถ้าใจนายมันแค่นี้ก็อย่ามาทำเป็นพูดว่าฉันกับนายเป็นคู่แข่งกัน เพราะนายไม่ได้คู่ควรอะไรกับคำนั้นเลยสักนิด”

    “ฮยอง!” ผมหันขวับกลับไป

    “แบมแบมก็คงเสียใจที่เสียเพื่อนอย่างนายไป แต่ในเมื่อสามปีที่อุตส่าห์ได้อยู่ข้างๆ นายก็ทำมันไร้ประโยชน์ไปแล้ว ก็ดี” มาร์คฮยองยกมือขึ้นกอดอก

    “ฮยอง พูด อะไร”

    “ฉันบอกว่าสามปีของนายมันไร้ประโยชน์” พี่ชายตรงหน้าพูดย้ำช้าๆ ชัดๆ “อุตส่าห์ได้มีโอกาสตั้งสามปี แต่ก็ไร้ประโยชน์” ใบหน้าเฉยเมยกับดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมาตรงๆ ทำให้ผมเดินกลับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง

    “อย่าดูถูกผม”

    “ก็ไม่มีตรงไหนผิดนี่” มาร์คฮยองเงยหน้ามอง “ถ้าจะผิดก็คงเป็นเจบี หมอนั่นพูดผิดไปหน่อยเรื่องเจ็ดคนตลอดไป เพราะคงต้องลบไปหนึ่ง”

    “ฮยอง!” ผมคว้าคอเสื้อคนอายุมากกว่าง้างหมัดใส่ ยังดีที่สติกลับมาก่อนจะชกออกไปจริงๆ

    มาร์คฮยองมองหน้าผมอย่างไม่ทุกข์ร้อนกับสถานการณ์ของตัวเอง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังคงมองสบตาผมในขณะที่ริมฝีปากขยับพูด

    “ถ้าอยากให้แบมแบมร้องไห้เพราะนายนัก ก็รู้ไว้ว่านายทำสำเร็จแล้ว หมอนั่นร้องไห้แทบขาดใจเพราะนาย เพราะนายไม่เห็นค่าของเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมา เพราะนายเป็นฝ่ายเดินหนีไปแล้วทิ้งหมอนั่นไว้ เพราะไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะไม่มีใครต้องเสียใจ” มือผมที่ขยุ้มคอเสื้อคนพูดอยู่ค่อยๆ คลายออก “แบมแบมกำลังกลัวว่าถ้าทำอะไรอีกจะถูกทิ้งไป ได้ยินแบบนี้แล้วนายรู้สึกดีขึ้นไหมล่ะ”

    ผมปล่อยมือจากเสื้อมาร์คฮยอง ใจเหมือนหล่นหายตั้งแต่ได้ยินว่าแบมฮยองร้องไห้

    “นายจะคิดให้ตัวเองน่าสงสารแค่ไหนมันก็เรื่องของนาย แต่อย่ามาพูดเหมือนคนอื่นไม่ทุกข์ร้อน ความรู้สึกกลัวแทบตายว่าจะสูญเสียไป ฉันที่เคยสูญเสียไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสูญเสียไปอีกหรือเปล่า นายคิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอว่ามันเป็นยังไง”

    คำพูดเสียดแทงถูกทิ้งไว้ก่อนที่คนพูดจะเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไป ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง ทั้งโกรธทั้งเสียใจปะปนกันไปหมด เจ็ดคนตลอดไป ถ้าฮยองยังนึกถึงมันอยู่ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมพูดแบบนี้

    ผมยืนกำมือแน่นอยู่ตรงนั้น โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เพิ่งทำตัวร้ายกาจจอดรถทันทีที่เลี้ยวออกจากซอย มือที่เคยจับพวงมาลัยปล่อยตกลงข้างลำตัว เอนพิงเบาะด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

     

     

    “แบมแบมกำลังกลัวว่าถ้าทำอะไรอีกจะถูกทิ้งไป ได้ยินแบบนี้แล้วนายรู้สึกดีขึ้นไหมล่ะ”

    คำถามของมาร์คฮยองดังขึ้นมาในความคิด ผมนั่งพิงหัวเตียงกอดหมอนเอาไว้ เป็นเพราะผมบอกให้เลือกแล้วหนีมาใช่ไหม ฮยองถึงได้คิดมากขนาดนั้น เป็นเพราะผมมันงี่เง่า เพราะผมเอาแต่กลัว เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าฮยองจะลำบากใจแค่ไหน ทั้งๆ ที่บอกว่าจะอยู่ในที่ที่ฮยองหันมาแล้วมองเห็นเสมอ ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะทำแบบนั้นมาตลอด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ผมแค่อยากเป็นคนพิเศษ แค่คิดว่าถ้าผมหายไปบางทีฮยองอาจจะรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง หันมองกรอบรูปอันเล็กที่วางอยู่ข้างหัวเตียง ในนั้นมีรูปถ่ายตัวเองกับแบมฮยองกอดคอกันยิ้มกว้างอยู่

    “ผมไม่อิจฉาแล้วถ้าฮยองจะร้องไห้เพราะใคร แต่อย่าร้องไห้เพราะผมเลยนะ ความสำคัญแบบนี้ไม่อยากได้แล้ว ผมน่ะ ถ้าต้องเห็นฮยองร้องไห้โดยที่ผมเป็นต้นเหตุ ผมคง...ขาดใจ”

    “แต่สำหรับฮยองมันก็แค่เรื่องเดิมๆ เหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา”

    “ฉันบอกว่าสามปีของนายมันไร้ประโยชน์”

    ตอนแบมฮยองได้ยินผมบอกว่าเวลาที่ผ่านมาของเรามันก็แค่เรื่องเดิมๆ จะเจ็บปวดเหมือนตอนที่ผมได้ยินมาร์คฮยองบอกว่าสามปีของผมมันไร้ประโยชน์หรือเปล่า มือกอดหมอนแน่น ผมขอโทษ ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ผมไม่ใช่คนใจกว้าง ไม่ใช่คนกล้าหาญ ไม่ใช่คนดีเหมือนที่พวกฮยองคนอื่นๆ พูดกันหรอก ผมมันก็แค่ผู้ชายงี่เง่าคนหนึ่งที่รักแบมฮยอง...เท่านั้นเอง

     

     

    สัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น นักเรียนส่วนใหญ่รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าแล้วทยอยเดินออกจากห้อง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่จุดหมายในวันนี้ไม่ใช่บ้านตัวเองอย่างทุกที สายตาผมมองตรงไปยังร่างเล็กที่ไม่ได้คุยกันมานาน ขาเดินตามโดยเว้นระยะห่างพอประมาณ ผ่านหน้าโรงเรียน ขึ้นรถประจำทาง อาศัยคนแออัดบนรถเป็นที่กำบัง ลงจากรถเดินเข้าซอยของหอพัก ผมเดินตามไปเรื่อยๆ โดยที่คนถูกตามเองก็เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้รู้สึกตัวหรือหันกลับมามองเลย

    จนกระทั่งถึงหอพักเมี้ยวๆ แบมฮยองหยุดยืนอยู่หน้าประตูหอ ในขณะที่ผมยืนห่างออกไป มองใบหน้าด้านข้างของคนที่กำลังจับประตูไว้ ในตอนที่ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าคนตัวเล็กตรงนั้นรู้สึกถึงผมหรือเปล่า เจ้าตัวก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ประตูหอ ไม่รู้ว่าโล่งใจที่ไม่ถูกจับได้หรือผิดหวังที่ไม่ถูกสังเกตเห็น แบมฮยองหายไปแล้ว คงจะเข้าข้างในแล้ว สายตามองประตูซึ่งยังถูกเปิดทิ้งไว้

    “ถ้าใครกลับมาแล้วลืมปิดประตูหน้าหอ ฉันจะปรับเงิน”

    คำขู่ของจูเนียร์ฮยองดังสะท้อนขึ้นในความคิด ตั้งแต่วันนั้นพวกเราไม่เคยมีใครลืมปิดประตูเลย ผมเอื้อมไปดึงประตูปิดก่อนจะหันหลังเดินกลับออกมา

    มันยังคงเป็นแบบเดิมในวันต่อมา ผมเดินตามแบมฮยองไปจนถึงหอ ปิดประตูที่ถูกเปิดไว้หลังจากแบมฮยองเดินเข้าไป แล้วกลับบ้าน เป็นแบบนั้นทุกวัน จนกระทั่งถึงวันศุกร์ ผมหยุดยืนอยู่ที่เดิมตอนแบมฮยองกำลังเปิดประตูและออกเดินเมื่อเห็นคนตัวเล็กเข้าไปแล้ว แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิมตรงที่เมื่อผมเดินไปถึงประตูหอพัก คนที่ควรจะหายไปกลับยังยืนอยู่ตรงนั้น สายตาที่จ้องมองมาทำเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจ พูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ แบมฮยองเองก็ไม่ได้พูดอะไร ดวงตากลมเพียงแค่มองนิ่งอยู่แบบนั้น

    เวลาผ่านไปโดยที่เราต่างมองกันและกันโดยมีประตูที่ยังไม่ได้ปิดกั้นอยู่ ภายในใจผมร่ำร้องให้ก้าวเข้าไปรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอด แต่ร่างกายกลับไม่ขยับเขยื้อน ผมแค่ยืนมองอยู่แบบนั้นจนกระทั่งแบมฮยองหันหลังแล้วเดินเข้าไป แว้บหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะหันหนีเหมือนดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ผมภาวนาให้ตัวเองตาฝาด ภาวนาให้เป็นเพราะแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ทำให้เห็นแบบนั้น ภาวนาให้ตัวเองไม่ใช่สาเหตุของน้ำตา

    มือเอื้อมไปปิดประตูก่อนจะเดินกลับออกมาอย่างทุกที แต่เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดแล้วพิงตัวไว้กับกำแพง ผมทั้งอยากและไม่อยากกลับไป ผมอยากอยู่ข้างๆ อยากเป็นคนที่แบมฮยองเลือก แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่กล้าสู้หน้าทั้งกับแบมฮยองและมาร์คฮยอง ผมไม่รู้จะทำตัวให้เป็นปกติยังไง

    “ยูคยอม!” เสียงเรียกทำให้หันไปมอง แล้วก็พบกับตาตี่ๆ ซึ่งกำลังเบิกกว้างกับปากอ้าค้างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อครัวประจำหอ “นายจริงๆ ด้วย!” ยองแจฮยองวิ่งเข้ามาหา ด้านหลังมีคนถือถุงข้าวของวิ่งตามอย่างทุลักทุเล

    “ไปซื้อกับข้าวมาเหรอฮยอง” ผมถามยิ้มๆ

    “อือ นายเพิ่งมาถึงเหรอ”

    “แล้วไปมาไงถึงได้มาด้วยกัน” ผมไม่ตอบ แต่เลี่ยงไปถามอีกคำถามแทน “สวัสดีครับ ไบรอันฮยอง” ไม่ลืมทักทายคนด้านหลัง

    “สวัสดี” ไบรอันฮยองผงกหัวทักตอบ

    “อ่า หมอนี่เหรอ เก็บได้ระหว่างทางน่ะ” ยองแจฮยองบุ้ยปากไปหาคนข้างๆ

    “น้อยๆ หน่อย ฉันเป็นคนนะ!” คนถูกบอกว่าเก็บได้โวย แต่คนถูกโวยก็แค่เบ้ปากอย่างไม่ยี่หระ “พอดีฉันมาทำธุระแถวนี้เลยกะจะมาฝากท้องไว้ที่นี่หน่อย”

    “หน้าด๊านหน้าด้านเนอะ” ยองแจฮยองพูดกับผมที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

    “นี่ฉันก็ช่วยนายถือของพวกนี้แล้วไง เวลามีคนช่วยอะไรต้องตอบแทน ไม่รู้เหรอ” ไบรอันฮยองยกถุงของในมือประกอบ

    “ใครขอให้ช่วยไม่ทราบ นายมาแย่งไปถือเอง แล้วไอ้ฝากท้องอะไรนี่ก็อ้างไปงั้นเถอะ จริงๆ แล้วกะมาหาจูเนียร์ฮยองชัดๆ วันนี้เจบีฮยองติดงานชมรมด้วย” ยองแจฮยองพูดปากบิดปากเบี้ยว ท่าทางจะหมั่นไส้พี่ชายนักดนตรีคนนี้สุดๆ “เออ แล้วนายมายืนทำอะไรตรงนี้อะยูคยอม ไม่เข้าไปเหรอ”

    “อ่า ผมกำลังจะกลับบ้านแล้ว งั้นขอตัวก่อนนะครับ” ผมโค้งให้ทั้งสองคน ทำท่าจะเดินออกมาแต่กลับถูกจับแขนไว้

    “บ้านนายก็ที่นี่ไม่ใช่เหรอ” ยองแจฮยองถาม ดวงตาเรียวมองผมที่หันกลับมาอึ้งๆ “จะขอตัวไปไหนอีก นายหนีเที่ยวมานานเกินไปแล้วนะ”

    ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกจุกในอกราวกับถูกทุบตรงๆ ไปที่หัวใจ

    “ทุกคนรอนายอยู่”

    “ทุกคน...”  ผมพูดทวน

    “ใช่ ทุกคน” ยองแจฮยองพูดย้ำ “ทุกคนรอให้นายกลับมา” ทุกคำในน้ำเสียงสัมผัสได้ชัดเจนถึงความห่วงใย

    ผมก้มหน้า พยายามจะเดินหนี แต่มือที่จับแขนผมอยู่ไม่ยอมปล่อย พยายามดึงรั้งไว้เช่นกัน

    “อย่าไป” คนรั้งออกคำสั่ง “ห้ามไป”

    ผมนิ่งเงียบ

    “จูเนียร์ฮยองพูดถึงนายตลอด แจ็คสันฮยองถึงช่วงนี้จะซึมๆ ไปก็ยังถามเรื่องนายกับฉัน ถ้านายไป ฉันจะเอากระดาษหมาหายแปะรูปนายไปติดตามเสาไฟฟ้าจริงๆ ด้วย”

    ผมหลุดยิ้ม คำขู่ด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกแบบนั้นทำให้อยากร้องไห้มากกว่าหัวเราะ

    “ตั้งแต่นายไม่อยู่ อะไรก็ไม่เหมือนเดิม นายรู้ไหมว่าพวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกนายมีปัญหาอะไรกันบ้าง ที่จริงแล้วฉันมันก็ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แต่ว่า แบบนี้...มันเหงานะ” น้ำเสียงสั่นเครือท้ายประโยค “อย่าไปเลย ยูคยอม”

    ผมหันกลับมามองพี่ชายที่ยังคงจับแขนผมไว้ ยองแจฮยองยิ้มให้ทั้งที่ตาแดงๆ เลยออกไปตรงหน้าประตูยังมีใครอีกคนยืนอยู่ ผมเงยหน้ามองจูเนียร์ฮยองที่ยืนมองเงียบๆ มาจากตรงนั้น  คุณแม่ของหอยิ้มให้อย่างอ่อนโยนโดยที่ไม่พูดอะไร

    “ผม...ขอโทษ” ก้มหน้าพูดเสียงเบา “ขอโทษ ที่ทำให้เป็นห่วง”

    “ให้อภัย” ยองแจฮยองตอบ “ฉันมันคนจิตใจดีนายก็รู้” สูดขี้มูกทีหนึ่งก่อนจะดึงแขนผมจนเดินไปถึงหน้าประตู

    “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” จูเนียร์ฮยองพูด

    ผมมองหน้าพี่ชายอีกคนที่เหมือนไม่ได้เจอกันมานาน

    กลับมาแล้วครับ” พูดตอบทั้งรอยยิ้ม แม้ว่าเสียงจะสั่นเครือ

    คุณแม่ของหอยกมือยีหัวผมเบาๆ “ปะ” พูดแล้วกอดคอผมให้เดินไปด้วยกัน

    “อ้าวแล้วนั่นอะ ไม่เข้ามาเหรอ คิดจะขโมยของฉันหรือไง” เสียงยองแจฮยองที่ปล่อยมือจากแขนผมแล้วดังอยู่ด้านหลัง

    “นี่กะเอาไปขายต่อที่ตลาดเลยนัดเลยนะ พอใจยัง” ได้ยินไบรอันฮยองประชดกลับมา

    “นิสัยเสียจริงๆ”

    “คนทำคุกกี้ ฉันนึกได้ว่ามีธุระ ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่า”

    “อ้าว ไหนว่าจะมาขอกินข้าวเย็นด้วย”

    “ไว้คราวหน้าแล้วกัน อะนี่ของนาย ไม่เอาไปขายตลาดนัดหรอก จูเนียร์ ฉันกลับก่อนนะ” ท้ายประโยคตะโกนบอกคนที่กำลังกอดคอผม ซึ่งหยุดเดินแล้วหันไปมอง

    “อ้าว ทำไมกลับเร็ว”

    “มีเรื่องต้องทำน่ะ ไปก่อนนะยูคยอม ไว้ว่างๆ จะมาใหม่”

    ผมโค้งนิดๆ ให้ไบรอันฮยองตอนที่จูเนียร์ฮยองปล่อยมือแล้วเดินไปส่งเพื่อน ก่อนจะหันกลับมาแหงนมองหอพักสองชั้นสีเขียวอ่อน ...บ้านของผม

     

     

    “แบมแบมไม่ลงมา มาร์คฮยองยังไม่กลับ แจ็คสันไม่รู้ไปไหน เจบีติดงานชมรม แต่ฉันส่งข้อความไปหาหมอนั่นแล้วว่าถ้าเลิกเร็วให้รีบมา” จูเนียร์ฮยองสรุป หลังทุกคนที่อยู่ตรงนี้ประจำที่ตรงโต๊ะอาหารเรียบร้อย

    “ทำไมแบมแบมไม่ลงมาล่ะ” ยองแจฮยองถาม

    “เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบาย”

    “แล้วฮยองบอกไปยังว่ายูคยอมกลับมาแล้ว”

    จูเนียร์ฮยองเหล่มองผม “ยังเลย คิดว่านายคงอยากบอกเอง”

    ผมก้มหน้าเขี่ยข้าวในจาน ไม่ตอบอะไร

    “กินกันไปยัง!” เสียงคนมาใหม่ตะโกนถามดั่งลั่น พร้อมๆ กับประตูที่เปิดโครม เจบีฮยองวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ในแขนยังกอดกล่องใส่เอกสารแนบอก

    “ยัง” จูเนียร์ฮยองหันไปตอบ

    “ทันเว้ย ยองแจขอของฉันที่หนึ่ง” หัวหน้าหอพูดทั้งหอบ ก่อนจะยิ้มให้พ่อครัวซึ่งยิ้มกลับแล้วลุกไปเตรียมให้ “ไง กลับมาแล้วเหรอ” หลังจากโยนกล่องเอกสารไว้บนโซฟาเจ้าตัวก็เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างผม มือตบหลังทีหนึ่ง

    “ครับ” ผมตอบแหยๆ ยิ้มแห้งๆ กลับไป

    “ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ไหม มาร์คฮยองไปตามด้วยตัวเองนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ ร้อยปีมีหน” เจบีฮยองพูดพลางหัวเราะลั่น ในขณะที่ผมทำหน้าเจื่อนๆ “ขอบใจยองแจ แล้วนี่มาร์คฮยองไปพูดยังไง นายถึงยอมกลับมา”

    “กินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคุยไม่ได้หรือไง” จูเนียร์ฮยองปราม

    เจบีฮยองส่งสายตาบางอย่างให้รูมเมท แต่ก็ถูกอีกฝ่ายถลึงตากลับ เจ้าตัวเลยได้แค่เหล่มองผมแล้วกินข้าวแบบหน้าเซ็งๆ

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้สดใส แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอึมครึมจนเกินไป บทสนทนาส่วนใหญ่เป็นของยองแจฮยองกับจูเนียร์ฮยอง โดยมีเจบีฮยองแจมถามเป็นระยะ แต่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ในบทสนาด้วยนานนัก เพราะดูเหมือนยองแจฮยองจะตอบแค่นิดหน่อย ส่วนจูเนียร์ฮยองเองก็เหมือนไม่ค่อยอยากคุยด้วย พอเจบีฮยองพยายามจะชวนผมคุย ก็กลายเป็นว่าผมลำบากใจที่จะตอบอีก สุดท้ายเจ้าตัวเลยเลิกพยายามแล้วกินข้าวไปเงียบๆ แทน

    “เออใช่ อาทิตย์หน้าหยุดยาวนี่ถึงวันอังคารเลย” หัวหน้าหอที่ถูกเมินมาพักใหญ่พูดขึ้นมาหลังจากทุกคนกินเสร็จ

    “จริงด้วย วันจันทร์วันเด็ก1แล้วก็อังคารวันวิสาขบูชา2หยุดยาวเลย 4 วัน” ยองแจฮยองนับนิ้วพูด

    “ไปเที่ยวกันไหม”

    ทุกคนหันไปมองคนพูดเป็นตาเดียว จู่ๆ ก็โพล่งอะไรขึ้นมาแบบไม่มีปีมีขลุ่ยสมกับเป็นเจบีฮยองจริงๆ

    “ปีนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย ไหนๆ ก็หยุดยาวทั้งที” คนเสนอความคิดพูดด้วยท่าทีสบายๆ

    “แล้วจะไปไหน” จูเนียร์ฮยองถาม

    “ยังไม่รู้เลย นายบอกทุกคนให้หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเรื่องสถานที่ฉันบอกอีกที”

    “แต่ฮยอง...”

    “นายห้ามปฏิเสธ” เจบีฮยองพูดดักไว้ก่อนที่ผมจะพูดจบ “ทุกคนต้องไป จินยองบอก 3 คนนั้นด้วยนะว่านี่ไม่ใช่คำชวนแต่เป็นคำสั่ง เอ้อ ยกเว้นมาร์คฮยอง รายนั้นบอกว่าฉันขอร้อง” 

    “เผด็จการ หอพักเมี้ยวๆ มีผู้นำเป็นเผด็จการ” ยองแจฮยองบ่นอุบอิบ “ผมจะฟ้องแทคยอนฮยอง”

    “ฉันกำลังวางแผนจะยึดอำนาจเร็วๆ นี้ นายฟ้องไปก็เท่านั้นแหละยองแจ” เจบีฮยองพูดชิลๆ เล่นเอาคนตั้งใจจะฟ้องอ้าปากค้างมองแบบเหลือเชื่อ

    หัวหน้าหอพักที่อาจจะกลายเป็นเจ้าของหอเร็วๆ นี้พูดแบ่งงานทิ้งท้าย ก่อนจะแยกย้ายกันไปห้องตัวเอง

    ผมซึ่งไม่ได้รับหน้าที่อะไรเป็นพิเศษเดินขึ้นชั้นสอง หยุดยืนหน้าประตูห้องตัวเอง อดไม่ได้ที่จะหันมองไปห้องข้างๆ ยืนมองอยู่เนิ่นนานราวกับว่าถ้าทำแบบนี้ประตูห้องนั้นจะเปิดออก แล้วคนคนนั้นจะเดินออกมา

    ประตูยังคงปิดสนิท

    “ผมกลับมาแล้ว” พึมพำแผ่วเบา ก่อนจะเปิดประตูห้องตัวเองเดินเข้าไป



    ------------------------------------------------------------------------------------------------------TCB


    เป็นตอนที่ไม่ค่อยดราม่าเนอะ หรือจะเรียกว่าดราม่าไม่สุด จริงๆถ้ายูคยอมโต้มาร์คกลับแรงกว่านี้มันก็คงดราม่าแหล่ะ แต่ด้วยความเป็นยูคยอมมันแรงสุดได้เท่านี้ เจ้าลูกหมายักษ์ไม่ใช่ประเภทที่จะใช้คำพูดทำร้ายใครแบบตั้งใจๆ ส่วนมาร์คคราวนี้สวมบทเป็นตัวร้าย (แบบที่เจ้าตัวอาจจะตั้งใจวางแผนมาซะด้วย)

    ตอบคำถามรีด ที่ถามย้อนกลับไปตอนที่แจ็คสันเอามือวางตรงหน้ามาร์คแล้วพูดว่ากำแพงอยู่ตรงนี้คืออะไร คือมาร์คตอนนั้นจะเหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นที่เจ้าตัวสร้างไว้ปิดกั้นตัวเองออกจากคนอื่นๆอยู่ พูดง่ายๆก็ไม่เปิดใจ แจ็คสันเลยพูดแบบนั้นเพื่อบอกให้รู้เป็นนัยๆว่า รู้นะ สัมผัสได้นะ ว่ามีกำแพงอยู่ตรงนี้ กั้นอยู่ไม่ให้เขาเข้าไปได้ อะไรทำนองนี้ค่ะ

    กลับมาที่เจ้าลูกหมายักษ์ตอนนี้ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ (เมื่อก่อนเคยเข้าใจ แล้วก็เสียศูนย์ คราวนี้เลยไม่เข้าใจเลย 
    อ่านไปก็งงไปเนอะ) ถ้ายูคยอมกลับมาเพราะแบมคงดราม่าน้ำตาท่วมจอกันไม่น้อย แต่กลายเป็นว่าคนที่ทำให้ยูคยอมยอมกลับไม่ใช่แบม เป็นความตั้งใจของเราที่นอกจากจะไม่ดราม่าเท่าไหร่แล้ว ยูคยอมที่เมื่อก่อนเอาแต่ผูกติดอยู่กับแบมแบม อะไรๆก็แบมแบม ควรจะได้รู้ว่าพี่ๆคนอื่นก็เป็นห่วงนะ ก็คิดเรื่องนายนะ กังวลเรื่องนายนะ เป็นการเพิ่มมุมมองให้ยูคยอมมองเห็นคนอื่นๆรอบตัวด้วย (เพราะยองแจเป็นคนพูดเลยทำให้นอกจากจะดีใจแล้ว ยูคยอมเลยรู้สึกผิดด้วย) 

    มีเรื่องอะไรอีก อ้อ ทริปที่กำลังจะมาถึง งานนี้มีเรื่องแน่ ทริปนี้จะทำให้ทั้งฝั่ง 4 เศร้าและฝั่ง 3 เจ มีความชัดเจนกันคนละเรื่อง จะมีเรื่องที่ถูกเปิดเผยและเรื่องที่ถูกตัดสินแน่นอน ส่วนตอนหน้ายังไม่แน่ใจเลยว่าจะเป็นตอนของแจ็คสันหรือแบมแบมดี รู้สึกไม่มีคนไหนอาการดีเลยซักคน 

    ปล.เราชอบทั้งบ่ายทั้งกัซ แต่คือไม่ค่อยแตกฉานในพฤติกรรมของบ่ายสองเลยไม่กล้าเขียนฟิคบ่ายค่ะ ฮ่าๆๆ 

    1 วันเด็กของเกาหลี ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี (เป็นวันหยุดราชการ)
    2 วันวิสาขบูชาของเกาหลี เรียกว่า 
    석가탄신일 (ซอกกาทันชินิล) จะอยู่ในช่วงเดือนเมษา-พฤษภาคม นับวันเดือนทางจันทรคติ(นับจากข้างขึ้นข้างแรม)ก็เลยไม่มีวันตายตัว (วันหยุดราชการ)

    พอดีในปีนี้ 2014 วันวิสาขบูชาของเค้าตรงกับวันที่ 6 พฤษภา ซึ่งต่อจากวันเด็กพอดี เราเลยเอามาใช้ในเรื่องค่ะ ข้อมูลค้นจากอินเตอร์เน็ต ถ้าผิดตรงไหนทักท้วงได้นะคะ แหะๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×