ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 โชคชะตาเริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดย แบมแบม รีไรท์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.4K
      69
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 5

    โชคชะตาเริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดย แบมแบม

     

    ติ้ดๆๆ ติ้ดๆๆ

    “งืม”

    ติ้ดๆๆ ติ้ดๆๆ

    “งือ เช้าไวไปแล้ว”

    ผมงึมงำๆ มือคว้าเปะปะกดปิดนาฬิกาปลุกแล้วลุกขึ้นนั่งหัวฟู มองซ้ายมองขวาก่อนจะลุกเดินโซเซเข้าห้องน้ำ วันนี้เปิดเทอมวันแรก ขืนตื่นสายเจ้าลูกหมายักษ์นั่นได้บุกถึงห้องมากระโดดทับอีกแหง

    หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อยภายในเวลาไม่นาน ผมก็เปิดประตูเดินออกมาในชุดนักเรียน วันนี้อากาศยังร้อนอยู่นิดๆ เกาะระเบียงแหงนหน้าดูท้องฟ้าแล้วดูท่าฝนคงไม่ตก หันกลับมายืนพิงระเบียงไว้ ดูนาฬิกาที่ข้อมือ เหมือนว่าผมจะแต่งตัวเร็วไปหน่อย ยูคยอมเลยยังไม่ออกมา ยืนหันไปหันมาสายตาก็หยุดที่ประตูห้องฝั่งซ้ายซึ่งติดกัน ห้องมาร์คฮยอง จากวันนั้นมาก็สองปีกว่าแล้ว สองปีที่มาร์คฮยองไม่อนุญาตให้ใครเข้าห้องตัวเองอีก มันเป็นเพราะผม

    สีหน้าตื่นตระหนกของคนในความทรงจำย้อนกลับมา น้ำเสียงลนลาน แรงผลักที่พอนึกถึงก็อดเอามือจับไหล่ตัวเองไม่ได้ ราวกับว่าความเจ็บปวดจากแรงผลักนั้นมันยังไม่เลือนหาย หากขอพรจากพระเจ้าได้ ผมจะขอให้ตัวเองมีพลังวิเศษ เพื่อลบเรื่องราวในวันนั้น ลบทุกสิ่งทุกอย่าง ลบออกจากความทรงจำของทุกคนรวมทั้งตัวผมเอง

    “แบมฮยอง!” เสียงเรียกคุ้นเคยดึงผมออกจากภวังค์ เจ้าลูกหมายักษ์ที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องตัวเองมองตาโต

    “ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าเช้าๆ แบบนี้ออร่าความน่ารักของฉันมันจะเปล่งประกายกว่าปกติ แต่นายไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็มั้ง” ผมยิ้มทะเล้น

    “วันนี้ฝนตกแน่ๆ ฮยองไม่ต้องให้ผมไปปลุก” ยูคยอมเดินออกมาเอียงคอมองซ้ายขวา “ไม่สบายปะเนี่ย” ยกมือมาจับหน้าผากวัดอุณหภูมิประกอบ

    “ฉันแค่ตื่นเช้าต้องป่วยเลยหรือไง ไปๆ ไปหาอะไรกินกัน” ผมตัดบท เขย่งกอดคอยูคยอมลากเดินลงบันไดไปด้วยกันก่อนที่หมอนี่จะวิ่งไปหาเทอร์มอมิเตอร์มาวัดไข้ให้จริงๆ

    “วันนี้อดเห็นฮยองตอนตื่นนอนเลย” เพื่อนตัวโตบ่นหน้ามุ่ย

    “แบบนั้นมันชักจะโรคจิตไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

    “วันนี้ผมกะว่าถ้าฮยองไม่ยอมตื่นจะจับหอมแก้มจนกว่าจะตื่น”

    ผมหันไปมองเจ้าลูกหมาตัวแสบที่ยิ้มตาหยีมาให้ในระยะประชิด แล้วยกมือกำหมัดทำท่าจะเสยคางใส่ “ลองดูดิ นายโดนแน่”

    ยูคยอมหัวเราะถูกใจ ตาหยีๆ กลายเป็นสระอิจนผมยิ้มตาม นึกอิจฉาความสดใสร่าเริงของหมอนี่ที่มีได้ทุกวันจริงๆ ทั้งเป็นธรรมชาติ ดูบริสุทธิ์และจริงใจ

    “ฮยอง มีไรกินมั่ง~” ทันทีที่ถึงครัวห้องยองแจฮยอง เจ้าลูกหมาก็หูตั้งหางกระดิกตรงปรี่เข้าไปทันที

    “ดูเอาเอง บนโต๊ะโน่น แจ็คสันฮยองสวาปามไปหมดแล้วมั้ง” ยองแจฮยองพูดพลางเช็ดมือ

    “ฮยอง รอผมด้วยดิ!” ยูคยอมรีบวิ่งไปโวยวายที่โต๊ะอาหาร ทำเอาคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วรีบยัดของกินเข้าปากทันทีที่หันมาเห็นว่าใครมา

    “อันอี๊อ๋องอั๊นเอ้ย (อันนี้ของฉันเว้ย)” แจ็คสันฮยองเอาตะเกียบกันไว้

    “แบมแบมมาเร็ว” พ่อครัวจำเป็นกวักมือเรียก “เดี๋ยวเจ้าพวกตายอดตายอยากนี่จะเขมือบหมดก่อน”

    “ฉัน/ผมไม่ใช่พวกตายอดตายอยาก!” สองตายอดตายอยากประสานเสียง

     


    หลังจากผ่านสงครามข้าวเช้ามาได้โดยสวัสดิภาพ ไม่มีใครติดคอตายไปก่อน ผม ยูคยอม ยองแจฮยองกับแจ็คสันฮยองก็ออกไปพร้อมกัน สามฮยองที่ไม่ได้มาด้วยไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าแล้วเลยไม่เจอ เล่นเอาแจ็คสันฮยองบ่นอุบไปตลอดทางว่าไม่รอ พวกเราแยกกันตอนหลังเหลือแค่ผมกับยูคยอมเพราะยองแจฮยองอยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง

    “แบมแบม อรุณสวัสดิ์” นักเรียนหญิงกลุ่มที่เดินเข้าโรงเรียนมาพร้อมกันหันมาร้องทัก

    “อรุณสวัสดิ์ อ้าว ตัดผมใหม่หรือเปล่า” ผมหันไปถามแล้วชี้ไปที่คนหนึ่งในกลุ่ม

    “เอ๊ะ สังเกตด้วยเหรอ” นักเรียนหญิงคนนั้นจับผมตัวเองหน้าแดง “แปลกๆ หรือเปล่า”

    ผมส่ายหน้าแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “น่ารักมากเลย”

    คนอื่นๆ ในกลุ่มร้องกรี๊ดขึ้นมาในขณะที่เจ้าตัวยิ่งหน้าแดงแปร๊ด

    “งั้นผมไปนะ สู้ๆ นะครับวันนี้” ยกกำปั้นยิ้มให้สาวๆ ที่ทำท่าเหมือนจะละลายกันทั้งกลุ่มก่อนจะเดินออกมา

    “แบมมี่คนอัธยาศัยดี” เสียงบ่นอุบอิบดังอยู่เหนือหัว

    “นายมีปัญหาหรือไง” ผมเงยไปทำหน้าท้าทายใส่

    ยูคยอมหรี่ตามอง “ทำหน้าแบบนี้ระวังเถอะ”

    “ระวังอะไร”

    “เฮ้อ ผมงอนได้ไหมนะ” แล้วเจ้าคนตัวโตก็ทำปากบู้ ไม่ยอมตอบ

    “นายก็หัดคุยกับคนอื่นซะบ้างสิ มัวแต่อายแบบนี้สาวๆ ก็ไม่กล้าเข้าหา แล้วจะมางอนหาว่าฉันเอาสาวๆ ไปหมดได้ไง” ผมพูดสั่งสอน คิดเอาเองว่าหมอนี่คงงอนที่ผมป๊อบปูล่ากว่า

    “ผมไม่ได้งอนเรื่องนั้นสักหน่อย”

    “เอาน่า” ผมเขย่งไปกอดคอคนขี้งอน “ไปเรียนกัน”

    “แบมแบม ยูคยอม อรุณสวัสดิ์จ้า” สาวๆ อีกกลุ่มร้องทัก

    “อรุณสวัสดิ์ ว้าว โบนั่นดูเข้ากับเธอดีนะ น่ารักจัง” ผมหันไปพูดพลางยิ้มกว้าง ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ มาจากคนที่ตัวเองกำลังกอดคออยู่พร้อมๆ กับที่เอวถูกรั้งเข้าไปชิด

    “จริงเหรอ ขอบใจนะ” สาวเจ้าถามกลับ เอามือจับโบเขินๆ ส่วนผมที่ถูกยูคยอมกอดเอวแน่นได้แต่ยิ้มน่ารักกลับไปให้ ไอ้เจ้าลูกหมายักษ์นี่ ผมว่าจะเดินเข้าไปใกล้ๆ สักหน่อย

    “พวกเราไปนะ” นั่น ยังมาตัดบทสนทนา ตัดช่วงเวลาหว่านเสน่ห์ของผมอีก

    “หวัดดีแบมแบม ยูคยอม” รุ่นพี่จากชมรมฟุตบอลที่ผมรู้จักทักทาย

    “หวัดดีฮะรุ่นพี่มินแจ อ้าวนั่น แขนไปโดนอะไรมาอะ” ผมเอียงคอมองแขนรุ่นพี่ที่ตอนนี้เข้าเฝือกอยู่

    “ดันขี่จักรยานล้มตรงเนินแถวบ้านน่ะสิ กลิ้งลงมาแทบไม่เป็นคนเลย” รุ่นพี่มินแจตอบ สีหน้าสุดเซ็ง

    “โห แย่เลยอะ” ผมพยายามจะเดินไปหารุ่นพี่ แต่คนกอดเอวไว้ก็ไม่ปล่อยสักที แถมพอหันไปมอง เจ้าตัวดันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย เอ้านั่น เพื่อนฉันเรียก ไปก่อนนะ”

    “หายไวๆ นะฮะ”

    “แต๊งกิ้ว” รุ่นพี่มินแจหันมาตะเบ๊ะ ยิ้มสดใสให้ก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อนอีกทาง

    “ย่าห์ คิมยูคยอม” ผมตีหน้าดุ “นายจะปล่อยฉันได้หรือยัง”

    “แล้วฮยองจะเลิกคุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่วได้ยังล่ะ”

    “หาไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”

    “มัวแต่คุยเดี๋ยวก็สายจนได้” ยูคยอมพูดหน้ามุ่ย

    “ก็ไม่ได้คุยอะไรขนาดนั้นนี่ อะๆ ไม่คุยแล้วๆ ปล่อยได้แล้วน่า ร้อนจะตาย” ผมดันคนตัวโตออก

    “คนพวกนั้นกับผม ไม่รู้ฮยองชอบใครมากกว่ากัน”

    “ก็ต้องชอบนายมากกว่าอยู่แล้วน่ะสิ” ผมหันไปตอบทันทีที่ได้ยินเสียงพึมพำของลูกหมายักษ์ขี้น้อยใจ

    “จริงนะ” ยูคยอมหันขวับ ตาหยีๆ ที่หม่นหมองเปลี่ยนมาเป็นใสปิ๊ง

    “ก็จริงน่ะสิ เจ้าบ้า” ยกมือขึ้นผลักไหล่หมอนั่นเบาๆ แค่นั้นยูคยอมก็กลับมายิ้มกว้าง

    ผมแอบเหล่มองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตายิ้มคนเดียวแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ผมชอบรอยยิ้มของยูคยอม เวลาหมอนี่ยิ้มมันทำให้รู้สึกว่าโลกทั้งโลกยิ้มตามไปด้วย เพราะงั้นรอยยิ้มของคิมยูคยอมจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าจะไม่ยอมให้มันถูกทำลาย


    ---------------------------------------------------------------


    ตกเย็นพวกผมตรงกลับหอเลย มาถึงก็เจอพวกฮยองทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ตรงโต๊ะไม้ตัวยาวที่สนามหญ้า เจบีฮยองกับมาร์คฮยองยืนอยู่ข้างเตาย่าง ยองแจฮยองถือถาดเดินออกมาจากหอ ส่วนจูเนียร์ฮยองกับแจ็คสันฮยองกำลังเอาเนื้อเสียบไม้ ดูเหมือนกำลังทำบาร์บีคิวกัน

    “ยูคยอม แบมแบม มาพอดี รีบมาช่วยฉันเลย ย่าห์ พอแล้วแจ็คสัน บาร์บีคิวบ้านนายสิเสียบแบบนี้ ไปให้พ้นเลย!” เสียงจูเนียร์ฮยองโวยวายดังมาทันทีที่หันมาเห็นพวกผม ก่อนจะหันไปแหวใส่ตัวเกรียนที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    “นายมันไม่มีศิลปะในหัวใจ แบบนั้นมันน่าเบื่อไม่รู้หรือไง” แจ็คสันฮยองค้าน มือก็พยายามจัดตกแต่งเนื้อหมูบนไม้เสียบของตัวเอง

    “แบมแบมมาช่วยฉันเร็ว ฉันเหลือทนกับไอ้บ้านี่แล้ว”

    ผมถอดกระเป๋าเป้ออกแล้วเดินไปนั่งข้างจูเนียร์ฮยอง “ไหนฮะ ขอไม้ผมหน่อย” พูดพลางชะโงกดูชามใส่อุปกรณ์ต่างๆ

    “นายไปช่วยยองแจโน่นไป ตรงนี้พอแล้ว” จูเนียร์ฮยองส่งไม้ให้แล้วหันไปบอกยูคยอม

    “ไม่เอาอ้ะ” ยูคยอมส่ายหน้า “ผมจะอยู่”

    “นายน่ะมานี่เลย ไม่งั้นก็อดกินไปซะ” ยองแจฮยองว่าให้

    เจอคำขู่จะไม่ให้กินด้วยแบบนั้น ยูคยอมเลยต้องเดินไหล่ตกไปช่วยอย่างจำยอม

    “อุ๊บ เจ้านี่หน้าเหมือนมาร์คฮยองโคตร ฮ่าๆๆ” แจ็คสันฮยองหัวเราะก๊าก ชูเนื้อหมูเสียบไม้ที่เอาผักมาติดเป็นหน้าตาให้ดู

    “ผมว่ามันพิลึกเกินกว่าจะเหมือนคนนะฮยอง” ผมเอียงคอมอง

    “นายมันก็ไม่มีดวงตาศิลปะอีกคน เนี่ยเหมือนมาร์คฮยองเป๊ะ”

    กำปั้นคนถูกหาว่าเหมือนเนื้อหมูบนไม้ทุบลงบนหัวคนพูดทันทีที่พูดจบ

    “พิลึกแบบนั้นเหมือนนายมากกว่ามั้ง” มาร์คฮยองพูดยิ้มๆ นั่งลงข้างแจ็คสันฮยอง

    “ฮยองหาว่าผมหน้าตาพิลึกเหรอ” คนโดนทุบหัวโวยวาย

    “แล้วจริงหรือเปล่าล่ะ” อีกฝ่ายยังยิ้มละไม

    แจ็คสันฮยองชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีร้องเฮอะ แพ้ซะงั้น

    ผมก้มหน้าแอบขำ แจ็คสันฮยองนี่แพ้ทางมาร์คฮยองตลอด สู้ไม่เคยได้เลย พอเงยหน้ามาก็พบว่าพี่ชายผมแดงตรงหน้ามองอยู่ก่อนแล้ว มาร์คฮยองยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลดูอ่อนโยน ทำหัวใจกระตุกไหวไปวูบหนึ่ง สายตาอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน แต่รอยยิ้มไม่เหมือนเดิม

    ผมยิ้มกลับ เราไม่ได้พูดอะไรกัน ผมหันไปหยิบเนื้อหมูมาเสียบไม้ ส่วนมาร์คฮยองนั่งเงียบๆ อยู่พักหนึ่งก็ลุกเดินกลับไปหาเจบีฮยอง

    “เตาเป็นไงมั่ง!” จูเนียร์ฮยองตะโกนถาม

    “อีกแป๊บหนึ่ง จะได้แล้ว” เจบีฮยองตอบ

    ผมแอบเหล่มองตาม มาร์คฮยองกำลังตั้งอกตั้งใจเขี่ยถ่านในเตา

    “แบมฮยอง”

    “หะ อะไร” เสียงเรียกทำเอาสะดุ้ง

    “น้ำไหม” ยูคยอมยิ้มตาหยี ยื่นน้ำอัดลมมาให้

    “อ่า ขอบใจๆ” มือรีบรับมาดื่ม พยายามไล่ความคิดในหัวออก ดันนึกถึงเรื่องเก่าๆ ซะได้

    “เหอะ ฮยองมันสองคนนั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่เคยอยู่ในสายตามันเลยสินะ” แจ็คสันฮยองค่อนแคะ

    “มันคงไม่รู้หรอกว่าฮยองมันก็หิวน้ำเหมือนกัน” จูเนียร์ฮยองผสมโรง หัวเราะหึหึในลำคอ เล่นเอาผมแทบสำลักน้ำที่เพิ่งยกซดไป

    “โหย เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้ ไม่ต้องประชดกันขนาดนั้นก็ได้ ผมน้อยใจนะ” ยูคยอมเบะใส่ ก่อนจะรีบวิ่งกลับไป

    “คนน้อยใจมันต้องฉันโว้ย ไม่ใช่แก!” แจ็คสันฮยองตะโกนไล่หลัง “ชิ หมั่นไส้จริงๆ”

    “เอ้า หมั่นไส้แล้วทำไมต้องมองหน้าผมอะ ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ผมถามงอนๆ

    “นี่ขนาดไม่ได้ทำนะ ถ้าทำไอ้เด็กบ้านั่นคงกระโดดขึ้นขี่คอนาย”

    “นายก็พูดเกินไปแจ็คสัน” จูเนียร์ฮยองแย้ง

    “ใช่มะๆ แจ็คสันฮยองอะ ตลอดเลย”  ผมได้ทีรีบเขยิบเข้าไปชิดหาพวก

    “ฉันว่ามันจะจับแบมแบมขึ้นไปขี่คอมันแล้วล็อกไว้มากกว่า” แล้วออมม่าของหอก็พูดต่อด้วยสีหน้าไร้เมตตา

    สองฮยองระเบิดหัวเราะดังลั่น ในขณะที่ผมทำหน้าเคืองใส่

    “ไม่เห็นมีไรตลก พวกฮยองอ้ะ!

    “เตาได้ที่แล้ว เอามาได้เลย!

    “ผมเอาไปเอง” พอได้ยินเจบีฮยองตะโกนบอกผมเลยรีบยกถาดบาร์บีคิวไป มีแจ็คสันฮยองตะโกนล้อตามหลังมาว่าขี่คอล็อก ขี่คอล็อก

    “คอยดูนะ เดี๋ยวผมจะแช่งให้ฮยองถูกสาวทิ้งอีกรอบ!” ผมหันไปว่า

    “เห้ยนายรู้ได้ไงว่าฉันโดนสาวทิ้งวะ” แจ็คสันฮยองลุกพรวด “อย่าบอกนะ” ว่าแล้วก็หันไปทางยองแจฮยองที่ทำเป็นก้มหน้าก้มตาคลุกไก่ “นายใช่ไหมไอ้ตัวแสบ นายบอกแบมแบมเหรอ ไอ้ยองแจ!

    “โอ๊ยๆๆ ก็ฮยองไม่ได้บอกนี่ว่าห้ามบอกใคร โอ๊ย เจ็บๆ เจบีฮยอง  แจ็คสันฮยองบีบคอผม!” ยองแจฮยองกอดชามหมักไก่แหกปาก

    “ย่าห์ แจ็คสัน พอแล้ว!” เจบีฮยองวิ่งมาแยก

    “ย้ากกก ฉันจะฆ่าหมกไก่แม่งเดี๋ยวนี้แหละ”

    “อ๊ากกก เจบีฮยอง ช่วยด้วย!

    “ฉันบอกให้พอ เหวอๆๆ เดี๋ยวไก่หก ไอ้บ้านี่!

    ผมหัวเราะ หันมามองหน้ากับมาร์คฮยองที่หัวเราะเหมือนกันโดยบังเอิญ

    “อะ ช่วยถือเลยฮยอง” พูดพลางยื่นถาดบาร์บีคิวให้

    “หืม หน้าที่ฉันแค่จุดไฟไม่ใช่เหรอ” มาร์คฮยองเลิกคิ้ว แต่ก็รับถาดไป

    “จะไปรู้เหรอ ผมเพิ่งกลับมานี่” ผมยิ้มกวนแล้วหยิบบาร์บีคิวจากถาดมาวางเรียงบนเตาย่าง “แล้วของแจ็คสันฮยองอันนี้นี่จะวางยังไงล่ะ”

    “เอาลูกตาพริกนั่นออกก่อน”

    “เดี๋ยวก็มาโวยวายว่าทำลูกตาเขาหาย ผมทำไงอะ”

    “เดี๋ยวถึงตอนนั้นให้มาเคลียร์กับฉันไง” มาร์คฮยองพูดยิ้มๆ

    ผมเหล่ “ป๋าจังเลยนะ”

    “ก็นะ”

    พวกเราหัวเราะขึ้นพร้อมกัน แต่หัวเราะแล้วก็ต่างคนต่างเงียบ ผมกับมาร์คฮยองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่ เป็นระยะห่างที่เวลาอยู่ด้วยกันสองคนมันจะชัดขึ้นมา

    “ไปเรียนวันแรกเป็นไงบ้าง” หลังจากที่ยืนปิ้งกันเงียบๆ อยู่นาน มาร์คฮยองก็ถามขึ้นมา

    “ก็ดีนะ ผมยังป๊อบปูล่าเหมือนเดิม” ผมตอบ มือคีบพลิกบาร์บีคิวไป

    “หึ แบมแบมยังคงเที่ยวหว่านเสน่ห์อยู่เหมือนเดิม” คนผมแดงสรุป

    “ทำไงได้ ก็ผมมีให้หว่านนี่” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มกวนใส่อีกรอบ

    มาร์คฮยองส่ายหัว ไม่ได้ค้านอะไรแต่ก็ยิ้มแบบเบะปากนิดๆ

    “ก็เหมือนฮยองไง ยังไม่ยอมให้...” คำพูดหยุดชะงัก ผมแทบกัดลิ้นตัวเองด้วยความตกใจ

    มาร์คฮยองหยุดยิ้ม จ้องหน้า ในขณะที่ผมรีบหลบตา บ้าไปแล้ว เมื่อกี๊ผมจะพูดอะไร พูดขึ้นมาทำไม ทำยังไงดี ใครก็ได้

    “ให้ฉันช่วยไหม” จูเนียร์ฮยองยื่นมือมา

    ผมส่งที่คีบให้ ยิ้มแห้งๆ กลับไป “ขอบคุณฮะ” พูดแล้วก็รีบเดินออกมา กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากโดยที่ไม่มีใครสังเกต

    “แบมฮยองช่วยผมด้วย ยองแจฮยองรังแกผม ฮือๆๆ” ยูคยอมเงยหน้ามาโบกไม้โบกมือเรียกน้ำตาไหลพราก ฉันต่างหากล่ะที่อยากจะร้องไห้น่ะ “แบมแบมฮยอง โฮๆๆ”

    “เห้ย ไหงร้องไห้ขนาดนั้น เป็นอะไร” เห็นยูคยอมน้ำตาไหลจริงๆ ผมก็รีบเดินเข้าไปดูด้วยความตกใจ

    “ย่าห์ ฉันแค่ให้นายหั่นหอมนะ เวอร์ไปแล้วไอ้ลูกหมายักษ์” ยองแจฮยองแหวใส่

    “หั่นหอม?” ผมที่เพิ่งเดินเข้าไปใกล้ชะงัก ผลักหัวเพื่อนตัวแสบไปทีหนึ่ง “กล้าหลอกฉันเหรอ คิมยูคยอม”

    “ผมแสบตาอ่า” ยูคยอมเอียงตัวมาเอาหน้าซบกับเสื้อ

    “ไหนดูซิ” ผมย่อตัวลง เอาเสื้อเช็ดน้ำตาให้ “หั่นยังไงให้มันเข้าตาขนาดนี้”

    “ฟืด ยองแจฮยองทำหน้างั้น อิจฉาผมล่ะสิ” ยูคยอมหันไปพูดหน้าตาภูมิใจ

    “ขอทีเหอะ ฉันหมั่นไส้นายต่างหาก” ยองแจฮยองเบ้ปากใส่

    เช็ดน้ำตาให้ยูคยอมแล้วผมก็กลับมายืนตามเดิม แอบเหลือบมองทางเตาย่าง จูเนียร์ฮยองกับมาร์คฮยองกำลังคุยกัน ผมเห็นจูเนียร์ฮยองยิ้มเหนื่อยๆ ในขณะที่มาร์คฮยองแค่นยิ้ม

    “เห้ย ระวัง!

    โครม!

    “เหวอ”

    “แบมฮยอง!

    “เฮ้ย!

    ลูกบาสกระแทกลงบนโต๊ะข้างชามหมักไก่ของยองแจฮยองอย่างแรง ก่อนจะกระเด้งอีกสองทีแล้วร่วงลงพื้น

    “พวกนายเป็นอะไรไหม!” เจบีฮยองกับแจ็คสันฮยองวิ่งหน้าตาตื่นมาหา

    “ไม่เป็นไร” ยองแจฮยองที่กระโดดหลบไปยืนอยู่ข้างโต๊ะตอบ

    ผมก็ไม่เป็นไร อยากตอบเจบีฮยองเหมือนกัน แต่เหมือนว่าตอนนี้จะมองไม่เห็นพี่ชายผมเทาเพราะถูกยูคยอมคว้ามากอดไว้ตอนลูกบาสร่วงโครมมา ผมยืนนิ่ง ใบหน้าถูกมือคนกอดจับกดไว้กับอกตัวเองจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวชัดเจน ยูคยอมกอดผมโดยเอาตัวบังไปด้วย ทุกอย่างเร็วมากจนเหมือนกับเป็นการกระทำที่เกิดจากสัญชาตญาณของหมอนี่มากกว่าจะทันได้ไตร่ตรองอะไร

    “แล้วพวกนายจะยืนกอดกันอีกนานไหมวะ” แจ็คสันฮยองเดินมาชะโงกหน้าถาม

    ยูคยอมที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบจับผมดันออกด้วยความตกใจ

    “แหม นึกว่าเล่นเอ็มวีกันอยู่หรา” ฮยองตัวแสบล้อเลียน

    “อะไรเล่าฮยอง!” เจ้าหมายักษ์ผลักแจ็คสันฮยองจนเซถลา หันมามองผมแล้วก็รีบหันหน้าแดงๆ หนีพลางยกมือขึ้นเกาต้นคอเก้อๆ

    ผมหลุบตามองพื้น กัดริมฝีปากล่างตัวเอง หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวใจหมอนี่เต้นดังเกินไปนะ ตอนนี้หัวใจผมถึงได้พานเต้นแรงตามไปด้วย

    “ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม ย่าห์ พวกนาย เล่นอะไรให้มันระวังๆ หน่อยสิ ดีไม่ตกใส่ชามหมักไก่” จูเนียร์ฮยองเดินมา เอาที่คีบชี้หน้าเจบีฮยองว่าไปด้วย

    “อ่า ขอโทษๆ ยองแจ ไม่โดนนายแน่นะ” เจบีฮยองเดินไปจับตัวยองแจฮยองหมุนไปหมุนมา ก้มมองซ้ายขวาสำรวจ

    “มะ มะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ฮยอง” คนโดนจับหมุนพูดตะกุกตะกัก

    “แน่นะ” ฮยองผมเทายังไม่วางใจ เอามือจับหน้ายองแจฮยองถามย้ำอีกครั้ง

    จูเนียร์ฮยองมองสองคนนั้นแล้วเดินกลับไปที่เตาโดยไม่พูดอะไรอีก ทุกอย่างกลับสู่ปกติ ยูคยอมกลับไปนั่งหั่นหอม มองจากด้านหลังยังเห็นหูแดงๆ จะเขินอะไรกันเล่าไอ้บ้านี่ ปกตินายก็นัวเนียฉันตลอด จู่ๆ มาเขินแบบนี้ ฉันเลยพลอยรู้สึกแปลกๆ ไปด้วยเลย ผมแอบบ่นในใจ

    แจ็คสันฮยองเดินไปเก็บบาสแล้วถือไปหาสองคนที่ปิ้งบาร์บีคิวอยู่ พูดอะไรสักอย่างเลยโดนจูเนียร์ฮยองเอาที่คีบเคาะหัว มาร์คฮยองหันมาทางผม เราสบตากันโดยบังเอิญอย่างเงียบเชียบก่อนที่ผมจะหันมามองเจบีฮยองซึ่งปล่อยตัวยองแจฮยองแล้วเดินตามไปที่เตาย่าง โดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่ตัวเองเพิ่งปล่อยมือไปยืนตัวแข็งทื่อเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว

    ผมว่าบางทีทุกอย่างอาจไม่ได้กลับคืนสู่ปกติ ตั้งแต่วันนี้ทุกอย่างอาจจะกำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุผลหรืออะไรบางอย่างที่เรียกว่า...โชคชะตา 

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×