ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 32 ภูมิต้านทานแบมแบมต่ำ (โดย มาร์ค)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.77K
      78
      10 พ.ค. 61

     

    ตอนที่ 32

    ภูมิต้านทานแบมแบมต่ำ โดย มาร์ค


    สองสามวันนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาการหนัก ถึงก่อนหน้าแบมแบมไปเมืองไทยจะหนักอยู่แล้วก็เถอะ แต่หลังจากคนตัวเล็กกลับเกาหลีมาพร้อมของฝาก ก็เหมือนกับว่าภูมิต้านทานแบมแบมของผมต่ำลงกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเบนโตะสีแดงแพ็คใหญ่ที่เจ้าตัวลงทุนแบกมาให้โดยเฉพาะ หรือสร้อยข้อมือสลักชื่อมาร์คที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้ ยกข้อมือขึ้นมาดูแล้วก็อมยิ้มคนเดียว นึกถึงตอนแบมแบมเอามาให้แล้วพูดอายๆ ว่ามันไม่ใช่ของแพงไม่มีแบรนด์ บังเอิญเพื่อนพี่ชายเปิดร้านทำของพวกนี้อยู่เลยทำมาฝาก แค่นั้นผมก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ ดีใจยิ่งกว่าตอนได้รถคันแรก

    เอามือลูบตัวอักษรภาษาไทยที่เขียนว่ามาร์คไปมา ผมรู้ว่าแบมแบมคงอยากให้ของตอบแทนของขวัญตอนคริสต์มาส ถึงอย่างนั้นมันก็... ล้มตัวลงนอนบนโซฟาที่นั่ง อยู่คว้าหมอนมากอด มันจะดูบ้าไปไหมถ้าผมจะทึกทักเอาเองว่ามันเป็นสร้อยคู่ มุดยิ้มอยู่ใต้หมอนคนเดียวจนชักจะหายใจไม่ออก ต้องโผล่หน้าออกมา มือคว้าหยิบโทรศัพท์มากดเข้าไปอ่านข้อความ ตอนแบมแบมกลับเมืองไทยผมไม่ได้ส่งข้อความหาเท่าไรนัก เพราะยังไงก็โทรไปอยู่แล้ว โทรไป...ทุกๆ สองวัน ก็ถ้าโทรไปทุกวันคงมากเกินไป เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่อึดอัดใจผมเลยกำหนดไว้อย่างเป็นแบบแผนว่าสองวันครั้งก็พอ

    อ่านข้อความเก่าๆ มือก็กดพิมพ์ไปเรื่อย

    ฝัน

    เดี๋ยวสิ นี่มันเพิ่งจะสองทุ่มกว่า ผมจะบอกให้แบมแบมฝันดีทำไมตั้งแต่ตอนนี้ หัวเราะกับอาการเลอะเลือนของตัวเองแล้วขยับนิ้วตั้งใจจะกดลบ แต่ความซวยก็บังเกิดเมื่อนิ้วดันไปโดนปุ่มส่งแทน ผมเบิกตากว้างมอง ‘ฝัน’ ถูกส่งออกไปด้วยความตกตะลึง ผุดลุกขึ้นนั่งมองหน้าจอ มือค้างอยู่แบบนั้น

    ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้ทำเรื่องน่าอายบ่อยนัก แล้วทำไมพอทำขึ้นมาต้องมาเกิดกับคนที่ไม่อยากให้เห็นมากที่สุดด้วย แบบนี้แล้วแบมแบมจะคิดยังไง อะไรคือฝัน ฝันไปตัวเดียวโดดๆ ผมจ้องหน้าจอเขม็งคอยดูว่าจะได้ข้อความอะไรตอบกลับมาไหมแต่ก็เงียบ พอเป็นแบบนี้เลยต้องถือโทรศัพท์ไปด้วยทุกที่ ไม่ว่าจะเดินไปกินน้ำ หรือกระทั่งตอนเข้าห้องนอนไปนั่งอ่านข่าวจากคอมยังวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ คอยเหลือบมองเป็นระยะ

    สายตาบังเอิญเห็นกระดาษที่มีลายมือขยุกขยิกของผมอยู่เต็มไปหมด เอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมา วันแรกที่ผมได้สร้อยข้อมือจากแบมแบม ผมดีใจมากจนมานั่งเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาไทยเลียนแบบชื่อที่สลักไว้ลงในกระดาษแผ่นนี้ เขียนอยู่ซ้ำๆ จนเต็มไปหมดทั้งหน้ากระดาษ

    ~ I want to stand with you on a mountain

    เสียงโทรศัพท์ดังทำเอาตกใจจนปล่อยกระดาษในมือแล้วรีบลุกไปตะครุบมาดู หน้าจอปรากฏชื่อ ‘แบมแบม’ ตามคาด ผมกระแอมนิดหนึ่งก่อนจะกดรับ

    “สวัสดี”

    “เมื่อกี๊ผมอาบน้ำอยู่ ออกมาเลยเพิ่งเห็นข้อความฮยอง มันคืออะไรฮะ ฝันอะไร” งงจริงๆ ด้วย ขนาดไม่ได้เห็นหน้ากันตรงๆ ผมยังอายจนรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมา

    “เอ่อ ฉันกดผิด ไม่มีอะไรหรอก”

    “กดผิดส่งมาหาผมเนี่ยนะ”

    “มือมันบังเอิญไปโดน อ่า ว่าแต่นายทำอะไรอยู่เหรอ” ผมรีบลากไปเรื่องอื่น กลัวจะโดนซักจนไปต่อไม่ถูก

    “ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จไง นี่กะว่าจะทำการบ้านต่อ”

    “ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”

    “เฮ้อ” ปลายสายถอนหายใจยาว “จริงๆ ผมกับยูคยอมไปให้เจบีฮยองช่วยสอนมาแล้ว แต่รายนั้นดูไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยยังไงไม่รู้ พวกผมไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว เลยตกลงกันว่าพรุ่งนี้ค่อยช่วยกันทำใหม่ ผมว่าจะลองอ่านๆ ดู”

    “วิชาอะไร”

    “เลขน่ะสิฮยอง ผมไม่เก่งเลขเอาซะเลย”

    “งั้น...ให้ฉันช่วยไหม” ผมเสนอไปแบบไม่มั่นใจนัก “ถ้าเป็นเลข ฉันน่าจะพอช่วยได้”

    “จริงสิ ฮยองเก่งเลขมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา!” แบมแบมอุทาน

    “จำได้ด้วยเหรอ”

    “อื้อ จำได้สิ เมื่อก่อนผมก็ให้ฮยองช่วยบ่อยๆ”

    ผมก้มหน้ากัดริมฝีปากล่าง ยิ้มคนเดียว “งั้นก็เอาการบ้านมานี่สิ”

    “จะไม่รบกวนฮยองเหรอฮะ ทำงานอยู่หรือเปล่า”

    “ไม่กวน ฉันว่าง ว่าง” พูดย้ำไปสองครั้งโดยไม่รู้ตัว มือรีบเก็บแฟ้มงานเอกสารทุกสิ่งทุกอย่างที่กองอยู่บนโต๊ะลงลิ้นชักให้หมด

    “งั้นผมไปเลยนะ จริงสิ ให้ผมไปตามยูคยอมด้วยดีไหม”

    “ไม่ดีไม่ต้อง เอ่อ แบบว่ามัน... อย่ารบกวนหมอนั่นเลย ดึกแล้ว” สามทุ่ม ดึกแล้ว เด็กนั่นควรรีบนอนจะได้โตไวๆ

    “งั้นเหรอ งั้นเดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฮยองมาเปิดประตูให้ผมด้วย แล้วเจอกันฮะ”

    พอแบมแบมวางสายไปผมก็รีบลุกไปยืนรออยู่ที่ประตูแต่ยังไม่เปิด รอจนกระทั่งได้ยินเสียงกดออดถึงได้เปิดให้ ร่างเล็กที่ถือสมุดการบ้านมาด้วยเงยมายิ้มให้ ก่อนจะเอียงตัวนิดๆ เชิงว่าให้เข้าไปได้ไหม ผมเลยรีบเบี่ยงตัวให้เข้ามาแล้วเดินนำหน้า

    “จะให้ผม...” ยังไม่ทันได้ถามจบประโยค ผมก็เดินนำเข้าไปในห้องนอนตัวเองแล้ว มือลากเก้าอี้ตัวเล็กมาที่โต๊ะทำงาน มันเป็นเก้าอี้ตัวเดียวกับที่แบมแบมเคยใช้สมัยก่อน เจ้าของเก้าอี้กวาดตามองรอบๆ ห้องตอนเดินเข้ามา นายจะรู้ไหมว่าทุกอย่างในห้องนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

    “นั่งก่อน เดี๋ยฉันไปเอาน้ำมาให้”

    “ไม่เป็นไร”

    “นั่งเถอะน่า”

    “ก็ได้ฮะ”

    ผมยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งลงแต่โดยดี เดินเข้าครัวไปรินน้ำสองแก้ว เอาล่ะ อันดับแรกนายต้องใจเย็นๆ นะมาร์ค นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบมแบมมาที่นี่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาในห้องนอน ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันสองคน ถึงแม้ว่าครั้งหลังสุดมันจะเมื่อสามปีที่แล้ว ผมเริ่มคุยกับตัวเองในใจ ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น นายไม่ตื่นเต้นเลย ไม่ได้ตื่นเต้นเลยสักนิด โอเค ปกติ ทุกอย่างปกติดี มือคว้ากระปุกคุกกี้หนีบไว้ แล้วถือแก้วน้ำเดินกลับมาด้วยสีหน้าปกติในแบบที่มันควรจะเป็น

    แก้วน้ำเกือบหลุดจากมือตอนได้เห็นว่าคนที่ควรนั่งรออยู่เฉยๆ กำลังดูกระดาษแผ่นหนึ่งอย่างตั้งใจ ผมค่อยๆ วางแก้วน้ำกับคุกกี้ลง พยายามเก็บสีหน้าอาการให้มิดชิดที่สุด

    “ลายมือฮยองสวยดีนะฮะ” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้ พร้อมกระดาษเขียนชื่อมาร์คของผมที่ยกให้ดูประกอบ

    ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเอง “ก็แค่ลองดู” ตอบสั้นๆ

    “แต่ฮยองดูตั้งใจมากเลยนะ เขียนเยอะขนาดนี้”

    “ก็นายอุตส่าห์ให้มา ฉัน...เลยอยากเขียนให้ได้”

    “โห ได้ยินงี้ปลื้มเลยอะ” แบมแบมยิ้มกว้าง “ฮยองลายมือสวยกว่าผมอีกนะ ลายมือผมแย่มากๆ เลยล่ะ”

    “ไม่หรอก”

    “จริงๆ ผมเขียนภาษาไทยไม่สวยเลย จริงสิ ฮยองลองเขียนชื่อผมบ้างไหม เดี๋ยวเอาให้ดูว่าเขียนยังไง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์มากดแล้วยื่นให้ผม

    ผมรับมาก่อนจะลงมือเขียนลงในกระดาษอีกแผ่น มันเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งถึงตัว ‘’ รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเขียนมาก่อน แต่ผมไม่แน่ใจว่าตัวเดียวกันไหม แล้วมันม้วนเข้าหรือม้วนออก เริ่มจากตรงไหนก่อนละเนี่ย แบมแบมคงเห็นว่าผมสับสนอยู่กับตัวอักษรนี้อยู่นานเลยขยับเก้าอี้มาใกล้ๆ แล้วเอียงมาหา

    “มันเริ่มจากตรงนี้ก่อน แล้วค่อยลากมาแบบนี้” สาธิตโดยการเอานิ้วชี้ลากไปตามตัวษรบนหน้าจอโทรศัพท์  ผมลอบมองต้นคอของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาสอน มันใกล้จนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ ใกล้จนผมเผลอโน้มตัวเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว “ฮยองเริ่มจากข้างล่างมันก็งง โอ๊ะ” แบมแบมเงยหน้ามากะทันหันจนปลายจมูกปัดเข้ากับปลายจมูกผม

    ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าตัวเองเผลอลดระยะห่างไปขนาดนั้นแล้ว ใบหน้าน่ารักชะงักเหวอ กระเด้งตัวถอยหลังไปด้วยความตกใจ ผมเองก็รีบก้มหน้าหลบสายตา พยายามจดจ่ออยู่กับการเขียนตัวม้วนเข้าม้วนออกนั่นใหม่ ทั้งที่ใจเต้นกระหน่ำ สมาธิลอยหาย ไม่รู้แล้วว่าตกลงมันม้วนไปทางไหน ได้แต่อาศัยตอนก้มหน้าก้มตาเขียนเป็นตัวช่วยสงบจิตสงบใจจนกลับมาเป็นปกติ พร้อมๆ กับคำว่าแบมแบมที่เสร็จเรียบร้อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเจ้าของชื่อกำลังให้ความสนใจกับข้อมือผม สายตาแบมแบมมองมาที่สร้อยข้อมือซึ่งผมใส่อยู่ ริมฝีปากขยับยิ้มน้อยๆ

    “ฉันยังไม่ได้ถอดมันเลย” ผมพูด สายตามองไปที่สร้อยข้อมือเหมือนกัน “ตั้งแต่นายให้มาก็ยังไม่ได้ถอดออกเลยสักครั้ง”

    “ตอนอาบน้ำก็ไม่ถอดเหรอฮะ มันไม่ได้ทนขนาดนั้นนะ” แบมแบมละสายตาจากสร้อยคอมือมามองหน้าผมแล้วหัวเราะ

    ผมเหล่มองตาแบมแบม ก่อนจะทำเป็นมองหน้าเว็บข่าวที่เปิดค้างไว้ ผมไม่เก่งเรื่องสบตาคน โดยเฉพาะคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจ “ถ้ามันจางหรือลอกไป เราก็ไปทำอันใหม่ด้วยกันสิ”

    “หา ที่เมืองไทยน่ะเหรอ ไกลไปนะฮยอง”

    “ที่เกาหลีก็ทำได้” 

    “ถึงอย่างนั้น แต่ตอนอาบน้ำก็ถอดมันออกหน่อยเถอะฮะ” แบมแบมพูดกลั้วหัวเราะ

    “แล้วที่ฉันให้นายไปล่ะ” ผมถือโอกาสทวงถาม

    แทนคำตอบ คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ชูมือให้ดู ผมพยายามกลั้นยิ้มไว้ตอนที่เห็นสร้อยยังอยู่ที่ข้อมือแบมแบม แต่ให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเหอะ ผมกลั้นไม่ไหวจริงๆ

    “ผมไม่ได้ใส่ตลอดเวลา ตอนอาบน้ำผมถอด” แบมแบมพูดยิ้มๆ

    “แต่มันทนนะ” ผมแย้งด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน

    “อา นั่นสินะ อันนี้แพงกว่าเยอะนี่”

    “อันนี้ก็แพง” ผมมองสร้อยมือที่ได้มา “แพงตรงนี้” พูดแล้วก้มลงมองหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง

    ให้โลกถล่มลงมา ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองพูดอะไรแบบนั้นออกไป แต่เสียงหัวเราะเก้อๆ ของแบมแบมที่ก้มหน้ายกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเขินๆ มันก็คุ้มจริงๆ รู้สึกเหมือนได้ความมั่นใจเพิ่ม เหมือนว่าที่ทำอยู่มันดีแล้ว มาถูกทางแล้ว

    “ไหน ให้ฉันดูการบ้านหน่อยซิ”

    แล้วในที่สุดเราก็กลับเข้าสู่วัตถุประสงค์หลักที่แบมแบมมาที่นี่จริงๆ สักที

     

    “อารมณ์ดีจังนะฮยอง” คือคำแรกที่จูเนียร์ทักผม ตอนเราบังเอิญออกจากห้องมาพร้อมกันในตอนบ่ายๆ ของอีกวัน

    “รู้ได้ไง” ผมหันไปเลิกคิ้วถาม

    “หน้าฮยองมันบอกไง มีคำว่าอารมณ์ดีแปะหราอยู่บนหน้าฮยองเลย”

    คำพูดกึ่งประชดนั่นทำเอาผมหลุดขำ “ขนาดนั้นเลย”

    “ขนาดนั้นแหละ แล้วนี่จะไปไหน”

    “ก็ว่าจะไปห้องแจ็คสัน” ผมตอบแล้วเดินไปพร้อมกับจูเนียร์ที่น่าจะมีจุดหมายเดียวกัน

    “มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรือไง” คุณแม่ประจำหอถาม แต่ผมแค่มองหน้าแล้วยิ้มกริ่มใส่จนอีกฝ่ายได้แต่ส่ายหัวปลงๆ

    “แต่นายดูเครียดๆ นะ”

    “รู้ได้ไง”

    “เห็นตีนกาขึ้น”

    “มาร์คฮยอง!” จูเนียร์เรียก อ้าปากค้างหันมามองผม พอเห็นผมมองกลับหน้าตาเฉยเมยก็พ่นลมหายใจแรงๆ “เหอะ จริงๆ เลยคนคนนี้ นี่ใช่ไหมตัวตนที่แท้จริง”

    “ฉันไม่ค่อยได้เจอเจบีเลย”

    “นั่นแหละสาเหตุ” คนโดนแหย่ทำเป็นมองข้ามคำพูดก่อนหน้านี้ของผมไป แล้วคุยเรื่องเจบีแทน “เหมือนว่าจะทะเลาะกับยองแจ แต่ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่มีใครบอกผมเลย”

    “อืม”

    “อืมถือเป็นความเห็นไหม”

    “รับรู้ไง แบบนี้ได้โอกาสพอดีเลย นายก็แทรกกลางไปเลยสิ”

    จูเนียร์มองหน้าเหมือนเห็นผมเป็นตัวประหลาด “นี่ผมมองฮยองผิดมาตลอดเลยใช่ไหม”

    ผมเบะปากพยักหน้าหงึกๆ “โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ”

    “ฮยองรู้ปะว่าหลังๆ มาทำตัวน่าหมั่นไส้ขึ้น ตั้งแต่ตอนที่เอาหนังสือเขวี้ยงหัวแจ็คสัน แล้วโยนความผิดให้ผมนี่ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ”

    “เจ้าคิดเจ้าแค้นไปได้”

    “โห มาร์คฮยอง โห” เหมือนน้องจะจนคำพูดขึ้นมาเฉยๆ

     “มันไม่ได้บอกอะไรนายเหรอ เจบีอะ” ผมวกกลับมาเรื่องเจบีต่อ

    “ไม่รู้สิฮยอง ผมเองก็ไม่กล้าถาม กลัวอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะแห้งๆ กับหน้าตากังวลทำให้ผมเอื้อมมือไปโอบไหล่บางเข้ามาชิด เอียงไปหาจนหัวชนกัน

    “เอาน่า หมอนั่นคงจัดการเองได้ เป็นพวกช่างจัดการอยู่แล้วนี่”

    “แต่ไม่เคยเดาได้เลยว่าจะออกมาหัวหรือก้อย”

    “นายก็ทำอะไรสักทีดีไหม”

    “อะไรดีล่ะ”

    “รู้อยู่แล้วนี่ว่ามีอะไรที่อยากทำ”

    จูเนียร์ส่ายหน้า “ผมไม่กล้าหรอก ฮยองก็รู้ว่าผมกลัวอะไร”

    ผมขยับตัวเปลี่ยนเป็นเข้าไปกอดน้องชายไว้แทน สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความเจ็บปวดที่ไม่ได้ครอบครองคือการสูญเสียไป ผมเข้าใจดี เราหยุดยืนอยู่หน้าห้องสำนักงาน แล้วจังหวะที่ผมกอดจูเนียร์ก็ทำให้บังเอิญมองผ่านกระจกสีขุ่นของห้องเข้าไปเห็นเจบีนั่งกอดอกมองมาจากด้านในพอดี ผมยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งตอนเราประสานสายตากัน ก่อนที่เจบีจะเป็นฝ่ายเบี่ยงหน้าหนี หันไปสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ ช่างปะไร ยังไงหมอนั่นก็ไม่ได้ยินสักหน่อยว่าพวกเราคุยอะไรกัน

     

     

    “แต่ของผมมันยิ่งกว่าของฮยองอีกนะ!

    “อีกอย่างในรูปฮยองก็มีพวกผมติดไปด้วย แต่ของผมนี่เดี่ยวๆ เลย”

    ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องแจ็คสัน ก็ได้ยินเสียงโวยวายของสองน้องเล็กลั่นห้อง

    “เกิดอะไรขึ้น” จูเนียร์เดินเข้าไปถาม

    “ก็ผมเพิ่งเห็นน่ะสิว่ายองแจฮยองเอารูปที่ติดหน้าประตูห้องมาเย็บเล่มอะ ฮยองคิดดู!” แบมแบมรีบหันมาฟ้อง

    “ก็มันตลกดีผมเลยอยากเก็บไว้” ยองแจที่ยืนตรงข้ามกันพูดไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    “คนอื่นยังไม่เท่าไร แต่ของผมนี่มันเข้าขั้นอัปยศเลยนะ” ยูคยอมเดินไปหยิบสมุดภาพคริสต์มาสฮาเฮ ที่ยองแจวาดรูปตกแต่งหน้าปกไว้อย่างสวยงามมายื่นให้จูเนียร์ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    “รูปนายฉันเห็นแล้ว เดินผ่านทุกวันเลยไม่ขำ ชิน” ผมพูดปลอบใจ แต่นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วยูคยอมยังทำท่าเหมือนอยากตายมันเดี๋ยวนี้

    จูเนียร์เปิดดูสมุดภาพ ในนั้นมีรูปที่ผมได้เห็นก่อนแล้วเพราะไม่ได้ไปไหน ทั้งรูปที่ตัวเองส่ายก้น รูปยองแจถูกแจ็คสันบีบคอ รูปแบมแบมเหยียบกระดาษห่อของขวัญลื่นหงายหลัง แล้วบังเอิญยองแจจับภาพได้ตอนกำลังวาดมือสะเปะสะปะกลางอากาศหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก หรือกระทั่งรูปที่ยูคยอมโดนเจบีแกล้งดึงกางเกงเหลืองลายจุดลงจนเห็นกางเกงใน

    “ใครเป็นคนถ่ายรูปผมตอนนั้นเนี่ย ยองแจฮยองก็ไม่ยอมรับสักทีว่าเป็นคนถ่าย ใจร้ายชะมัดเลย” ยูคยอมพูดตัดพ้อ

    “ก็ฉันไม่ได้ถ่ายจริงๆ” คนโดนกล่าวหาปฏิเสธเสียงแข็ง “ตอนนายโดนดึงกางเกงฉันไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อย เพิ่งเห็นตอนเป็นรูปแล้วเนี่ย”

    “ถ้าไม่ใช่ฮยองแล้วใครถ่ายอะ”

    “ฉันเอง” ผมพูดเบาๆ ยกมือข้างหนึ่ง

    “มาร์คฮยอง!” ยูคยอมอุทานชื่อผมเหมือนไม่อยากเชื่อ

    “ก็ตอนนั้นยองแจเอากล้องมาฝากไว้ ฉันก็แค่ลองส่องไปรอบๆ แล้วบังเอิญเกิดเหตุพอดี” อธิบายหน้าตาเฉยเมย

    เจ้าลูกหมายักษ์มองผมเหมือนเป็นปีศาจร้าย “จริงๆ แล้วฮยองเกลียดผมสินะ!

    “อือ” ผมตอบ

    ยูคยอมตัวแข็งทื่อ ยืนช็อคตาตั้งไปเลย

    “ไม่ใช่จะบ้าเหรอ!” จูเนียร์รีบตะโกนขึ้นมา คุณแม่ของหอยื่นสมุดภาพให้แบมแบมแล้วเดินไปจับตัวยูคยอม “มาร์คฮยองเล่นมุก นายก็อย่าไปเชื่อสิ!” เขย่าน้องเล็กตัวยักษ์ที่สติปลิวหายไปแล้วแรงๆ

    “นายมั่นใจในหน้าตาตัวเองมากไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องแคร์เลย” ยองแจเดินมาชะโงกหน้าดูรูปแบมแบม แล้วพูดจิกกัดตามประสา

    “จะว่าไปก็จริงนะฮยอง นี่ถ้าเป็นคนอื่นดูไม่ได้ไปแล้ว ดีนะที่เป็นผม” แบมแบมพูดซื่อๆ “ดีนะที่ผมหน้าตาดี” หันไปมองหน้ายองแจที่เอ๋อไปนิดหนึ่ง

    “งั้นเอาลงไอจีเลยไหมล่ะรูปนี้ ไอจีนายอะ”

    “อย่าเลย ผมมีรูปน่ารักๆ กว่านี้เยอะ” ว่าแล้วคนที่ตัวเล็กที่สุดในหอก็โยนสมุดภาพลงบนโต๊ะแบบไม่ใยดีนัก ก่อนจะคว้าถุงขนมมากอดนั่งกินต่อ

    ยองแจหันหน้าเซ็งๆ มาหาผม ก็รู้ทั้งรู้ว่าแกล้งแบมแบมไม่เคยได้ยังอยากจะแกล้ง

    “แจ็คสันอะ” ผมถาม ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นเจ้าของห้องอีกคนหนึ่งเลย

    “เห็นว่าโดนอาจารย์เล่นตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดเทอม ทำงานหัวฟูอยู่ในห้องโน่น” ยองแจตอบสีหน้าสะใจ

    “เหรอ” ผมพยักหน้ารับรู้ ถึงท่าทีรุกจีบแบบโต้งๆ ของแจ็คสันจะทำให้ผมอึดอัดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดไม่อยากเจอ มันก็แค่แปลกๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายโดนจีบ โดยเฉพาะจากผู้ชายด้วยกัน แบบ...ยังไงล่ะ ผมไม่ได้น่ารักอย่างแบมแบมหรือนุ่มนวลอย่างจูเนียร์ ดูแล้วไม่น่ามีอะไรให้ไปโดนใจผู้ชายสไตล์แบบแจ็คสันได้ แต่เอาเถอะ บางทีนานๆ ไปหมอนั่นอาจจะเบื่อไปเอง

    “เออ ฮยองเอาขนมไปกินอีกไหม” ยองแจพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

    “อีกแล้วเหรอ” คราวก่อนก็เพิ่งให้ไปถุงหนึ่งยังกินไม่หมดเลย “นายจะทำอะไรเยอะแยะ”

    “ก็มันว่าง” คนผันตัวมาเป็นเชฟทำขนมพูด แล้วก็เดินเข้าครัวไปโดยไม่รอคำตอบจากผมเลยว่าจะเอาหรือเปล่า

    ผมส่ายหัวปลงๆ เดินผ่านจูเนียร์กับยูคยอมที่เปลี่ยนมายืนคุยกันเรื่องเครื่องซักผ้าเก่าแล้วตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ อ้อมมานั่งลงข้างๆ แบมแบมบนโซฟาตัวยาว ตากลมจ้องมองโทรศัพท์ในมืออย่างจดจ่อ มืออีกข้างหยิบขนมที่วางไว้ข้างตัวเข้าปากเรื่อยๆ ผมมองคนเคี้ยวขนมแก้มตุ่ยที่ไม่รับรู้สักนิดว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มมุมปากแล้วค่อยๆ หยิบถุงขนมออกมา มือที่ควรจะล้วงลงไปในถุงขนมควานหาไปมาโดยสายตายังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ ควานหาอยู่สักพักคิ้วก็ขมวดเข้าหากันก่อนจะหันขวับมาหาผมซึ่งนั่งยิ้มอยู่

    “มาร์คฮยอง” ลากเสียงตัดพ้อแบบน่าเอ็นดู

    “สมาธิดีไปแล้ว”

    “ผมกำลังเช็คไอจีอยู่ เอาคืนมาเลย”

    “กินเยอะ อ้วน”

    แบมแบมตาโต ส่ายหน้ารัวๆ “ไม่จริง ผมไม่อ้วนสักหน่อย!

    “อ้วน”

    “ฮยองโกหก”

    “อ้วน” ผมพูดหน้าตาย

    แบมแบมเริ่มอยู่ไม่ถูก ก้มลงสำรวจตัวเองก่อนจะเงยหน้ามายืนยันกับผม “ผมไม่ได้อ้วนนะ!

    “อ้วน”

    “ถ้าผมอ้วน ยูคยอมก็เป็นหมูแล้ว!” คนถูกหาว่าอ้วนชี้นิ้วไปทางเพื่อนสนิท พูดแก้ต่างให้ตัวเองเสียงดัง

    ยูคยอมที่กำลังถกเรื่องเครื่องซักผ้ากับจูเนียร์หันมาหน้าสลดวูบ

    “แบมฮยอง” เจ้าลูกหมายักษ์เรียกเสียงเครือ

    “ฉันเพิ่งเยียวยาจิตใจหมอนี่ไปหลังจากถูกมาร์คฮยองแกล้ง นายจะมาต่อทำไมเนี่ย!” คุณแม่ของหอหันมาแว้ดใส่

    แบมแบมมองหน้าจูเนียร์กับยูคยอมสลับไปมา ก่อนจะเหล่มองผมงอนๆ แล้วชันเข่าขึ้น เบียดตัวชิดมุมหนีเข้าสู่โลกออนไลน์ในโทรศัพท์ไปเลย

    “ผมเป็นหมูเหรอฮยอง” ยูคยอมหันไปถามจูเนียร์

    “จะบ้าเหรอ ไม่ใช่ว่านายน้ำหนักพอๆ กับยองแจหรือไง” จูเนียร์ทำหน้าเหมือนสิ่งที่น้องพูดมามันไม่เข้าท่าเลย แต่...

    “ฮยองว่าผมอ้วนเหรอ” ยองแจดันเดินถือถุงขนมออกมาจากในครัวพอดี

    “เปล่า ฉันไม่ได้หมายความว่างั้น!” คนเป็นฮยองรีบปฏิเสธหน้าตาตื่น

    “แต่ยูคยอมเป็นหมู แล้วฮยองบอกว่าหมอนั่นหนักเท่าผม งี้ผมก็เป็นหมูด้วยดิ”

    จูเนียร์อ้าปากค้าง อึ้งไปแป๊บหนึ่งก่อนจะมองหน้าน้องสองคนสลับไปมาแล้วโอดครวญ “แล้วทำไมมันมาซวยที่ฉันล่ะ ฉันไม่ใช่คนเริ่มเรื่องนี้สักหน่อย!

    คนเริ่มเรื่องอย่างผมนั่งเงียบ มองคุณแม่ของหอที่พยายามรับมือกับลูกหมูทั้งสองก่อนจะยิ้มขำอยู่คนเดียว

    “ฮยองมันปีศาจชัดๆ” แบมแบมหันมาพูด

    “ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

    “นี่ขนาดไม่ได้ทำนะ”

    “แบมือหน่อย” ผมสั่ง

    “หะ” แบมแบมขมวดคิ้ว

    “แบมือ” ผมพูดย้ำก่อนจะหยิบขนมอบกรอบลูกกลมๆ วางลงบนมือแบมแบมที่ยกแบงงๆ

    “อะไรอะ” คนโดนสั่งให้ทำอะไรแปลกๆ ถาม ตากลมมองขนมบนมือตัวเองด้วยความสงสัย

    “นายกินขนมเยอะไปแล้ว ถ้ากินอีกอ้วนแน่ๆ”

    “เอ้า แล้วฮยองเอามาให้ผมทำไมล่ะ”

    “ก็นายกินไม่ได้แล้ว งั้น...” ผมลากเสียง ก่อนจะก้มลงเอาปากงับขนมบนมือแบมแบม ค่อยๆงับให้ริมฝีปากลากผ่านมือช้าๆ โดยที่สายตายังคงมองเจ้าของมือไปด้วย “...ฉันกินเอง” พูดพลางเคี้ยวขนมมองหน้าหวานที่กำลังเบิกตากว้างอึ้งๆ แก้มขึ้นสีจากการกระทำปุบปับของผม แบมแบมแบมือค้างอยู่อย่างนั้น ปากอ้าน้อยๆ เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว เห็นแบบนั้นผมเลยหยิบขนมอีกอันจะวางลงบนมือ แต่เจ้าของมือกลับรีบกำแน่นแล้วดึงกลับไปซุกไว้กับตัวเอง

    “มาร์คฮยอง!” ริมฝีปากอิ่มเรียกชื่อผม กึ่งสับสนกึ่งตกใจ

    “หืม” ผมเองก็ขานรับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “นายมาเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักกับพวกฉันเลยนะแบมแบม!” ยองแจที่เพิ่งได้ข้อสรุปจากการถกเถียงเรื่องความอ้วนหันมาบอกเสียงดัง ขัดบทสนทนาของพวกเรา

    “ลดน้ำหนักอะไร ผมไม่ได้อ้วนสักหน่อย” แบมแบมเงยหน้าไปแย้ง

    “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันจะทำแต่เมนูเพื่อสุขภาพ เข้าใจตรงกันนะ” พ่อครัวประจำหอประกาศ

    “เดี๋ยว ฉันไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย ต้องกินด้วยเหรอ” ผมถาม

    “เมนูเพื่อสุขภาพ คนผอมเกินอย่างฮยองก็กินได้” หมอนี่แอบกัดผมด้วยใช่ไหม

    “เดี๋ยวผมจะเริ่มค้นดูในเน็ตตั้งแต่วันนี้เลยว่ามีอะไรที่พอทำได้บ้าง อะฮยอง นี่ขนม เอาไปกินด้วย” ขนมอบถุงหนึ่งถูกยื่นมาให้ ก่อนที่พ่อครัวใหญ่จะเดินตรงกลับเข้าห้องนอนตัวเอง

    “ผมว่าช่วงนี้ยองแจฮยองเพี้ยนๆ นะ” ยูคยอมนิ่วหน้าพูด “ขยันนู่นหานี่ทำตลอด ถ้าผมจะเป็นหมูก็เพราะขนมของยองแจฮยองนั่นแหละ”

    จูเนียร์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวอีกตัวด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมยิ้มให้หมอนั่นไปแต่ก็ถูกถลึงตาใส่กลับมา เจ้าพวกนี้ไม่รู้จะเครียดอะไรกันนักหนา ว่าแล้วก็เหลือบมองแบมแบมที่ตอนนี้เบียดตัวชิดมุมโซฟาเข้าไปอีก แถมยังตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเผลอยิ้มอีกอย่างกลั้นไม่อยู่ หันหน้าหนีมาอีกทาง แต่เพราะยิ้มค้างอยู่เลยกลายเป็นส่งยิ้มให้เจ้าลูกหมายักษ์ที่ยืนอยู่กลางห้องแทน ยูคยอมมองหน้าผมแหยงๆ สาบานเลยว่าหมอนี่ต้องคิดว่าผมเพี้ยนพอๆ กับยองแจ



    -------------------------------------------------------------------------------------TBC

    ย้ากกกกกก อยากเขียนตอนเบาๆแบบนี้มานานแล้ว ไรต์ก็เก็บกดเหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ สังเกตว่ามาร์คเริ่มมึนและเกรียนมากขึ้นเรื่อยๆแม้จะพูดน้อยเหมือนเดิม(ดาร์คมาร์คนี่ซ่อนอยู่นานแล้วนะ สังเกตได้จากสมัยก่อนที่สอนแบมแบม) เป็นอาการแบบใจเริ่มมาค่ะ เค้ามีของฝาก มีโน่นมีนี่มาให้แล้วได้ใจ งานนี้ไม่ได้ซึนเป็นอย่างเดียวหรอกนะ ซึนแล้วกินไม่ได้นี่นา แต่ก็รุกแบบมึนๆตามสไตล์พี่แก จริงๆไอ้ตอนมุก "แพงตรงนี้" อยากจะถามมาร์คเหมือนกันว่าแน่ใจนะว่าน้องเขิน ไม่ใช่ว่าน้องไม่รู้จะพูดอะไรเพราะกลัวพี่เสียหน้าหรอ ฮ่าๆๆ แต่เอาเถอะ ช่วงนี้มาร์คอารมณ์ดี อะไรก็คงดีไปหมด

    เห็นในแท็กมีคนถามว่าทำไมมาร์คถึงไม่เช่าห้องเดี่ยวตั้งแต่แรก เป็นเพราะห้องเดี่ยวของหอพักมันแคบค่ะ แล้วก็ไม่มีห้องรับแขกกว้างๆเหมือนห้องคู่ มาร์คเลยเลือกห้องคู่แทนเพราะพื้นที่เยอะดี ติดนิสัยชอบบอยู่ที่กว้างๆตามประสาลูกคนมีตังค์

    ส่วนฝั่งสามเจพักไว้ก่อนเนอะ มีโผล่มาแจมๆบ้าง เดี๋ยวค่อยกลับไปปวดตับกันต่อ แต่นิสัยอย่างเจบีในเรื่องนี่ใครชอบก็ชอบเลยนะ ใครไม่ชอบก็คงอยากตั๊นหน้า (ฮา) ตอนหน้าเจ้าลูกหมายักษ์ของสลับออกมาทำคะแนนมั่งละ ส่วนใครรอแบมแบมอยู่มาต่อจากยูคยอมอีกทีค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×