ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 22 เบนโตะ โดย มาร์ค รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.91K
      50
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 22

    เบนโตะ โดย มาร์ค

      

    “หวังแจ็คสัน!” ผมกัดฟันคำราม ยังไม่ทันทำอะไรเจ้าของชื่อก็หันหลังวิ่งหนีออกนอกห้องไปอย่างรวดเร็ว

    สูดลมหายเข้าลึกๆ ก่อนจะยกมือเสยผมที่กระเซอะกระเซิง พยายามสงบอารมณ์ซึ่งเดือดปุดๆ ให้เย็นลง แจ็คสันเป็นคนชอบเล่น ทำอะไรสุดโต่งจนบางครั้งขาดความยั้งคิด ผมเข้าใจ ออกจะคิดว่ามันตลกดี แต่สิ่งที่แจ็คสันไม่รู้คือผมเกลียดความพ่ายแพ้ เกลียดการถูกทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ทางสู้ เกลียดการถูกบังคับ เรื่องพวกนั้นแค่ถูกกระทำจากหัวหน้าตระกูลคนเดียวก็เกินพอ

    เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา หมอนั่นก็แค่เล่นสนุกเกินไป ก็แค่เล่นมากจนเกินไปอย่างทุกที ก็แค่... ไม่ผมลุกขึ้น ผมไม่ปล่อยผ่านแน่ ให้ตาย แจ็คสันเดินดุ่มๆ ออกจากห้อง ขอโทษสักคำก็ไม่มี ถ้าไม่ได้เห็นสีหน้าสำนึกผิดของเจ้ามันดูเกรียนนั่น ผมจะฆ่าให้ตายเลยคอยดู

    ออกจากห้องลงบันไดก็ตรงดิ่งมาห้องคู่กรณี เปิดประตูที่แทบไม่เคยล็อกเข้าไป

    “แจ็คสัน!” ผมเรียกเสียงดัง หันไปทางห้องรับแขก น้องเล็กสามคนสะดุ้งเฮือกพร้อมกันมาจากโต๊ะหน้าโซฟาที่พากันนั่งบนพื้นล้อมอยู่แจ็คสันล่ะ” ผมถามเสียงเรียบ

    ยูคยอมเหล่มองแบมแบม แบมแบมเอาศอกสะกิดยองแจ ในขณะที่ยองแจหันมาถลึงตาใส่ทั้งคู่

    “แจ็คสันไปไหน” ผมเดินเข้าไปหา ถามเสียงกดต่ำ

    “มะ มะ ไม่อยู่ ไม่อยู่ๆๆ” ยองแจละล่ำละลักตอบ

    “ไปไหน” เสียงเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นหน้าแหยๆ ของแบมแบม

    ยองแจพยายามเอาไหล่กระแทกคนตัวเล็กสุด

    “ไป ไปข้างนอกแล้วฮะ” เจ้าตัวตอบ ก่อนจะหลบตาวูบมองหนังสือบนโต๊ะ

    “ข้างนอก ทำไมฉันไม่เห็น” ผมถามอีก กระแอมเล็กน้อย ไม่อยากให้ตัวเองดูดุมากเกินไป

    “ไปได้สักพักหนึ่งแล้วฮยอง สะพายกระเป๋าไปด้วย” ยูคยอมตอบ ตาเหล่มองซ้ายทีขวาทีลอกแลกๆ

    เด็กพวกนี้มีพิรุธกันแบบปิดไม่มิดเลย

    “แล้วหมอนั่นไปไหน นายรู้ไหมยองแจ” ขาก้าวเดินไปโซฟาก่อนจะนั่งลง ถามเจ้าของห้องอีกคนที่ตกใจจนหันมาทำหน้าประหลาดๆ ใส่ “ยองแจ”

    “แจ็คสันฮยองบอกว่าถ้ามาร์คฮยองมาแล้วถามหาให้บอกว่าแจ็คสันฮยองไปไหนแล้วไม่รู้ ไม่กลับมาภายในคืนนี้หรอก ไม่ต้องรอ!” รูมเมทคู่กรณีผมรัวคำตอบมาเป็นชุด ทำปากคว่ำตาเหลือกๆ ใส่จนผมต้องมองไปทางอื่นก่อนจะหลุดขำ ข้างๆ ยองแจเป็นแบมแบมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเปิดหนังสือเรียนบนโต๊ะอย่างขะมักเขม้นจนเกินไป

    “แบมแบม” ผมเรียก

    “ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ ผมมาทำการบ้านเฉยๆ แจ็คสันฮยองวิ่งเข้ามา สั่งๆ แล้วก็คว้ากระเป๋าพรวดพราดออกไปเลย” คนร้อนตัวรีบพูดเร็วปรื๋อ

    มุมปากเหมือนจะยกยิ้ม แต่ผมเม้มปากเข้าหากันกลบเกลื่อน “ทำการบ้านกันอยู่เหรอ”

    ทั้งสามคนพยักหน้า

    “มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”

    ส่ายหน้าพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

    “ฉันแค่มีเรื่องต้องคุยกับแจ็คสันนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบพลางยิ้มให้ ไม่รู้ทำไมต้องพากันทำท่ากลัวขนาดนั้น

    “แจ็คสันฮยองไปทำไรมาเหรอ” ยองแจถาม เลิกทำหน้าประหลาดแล้วในที่สุด

    “ไม่มีอะไรหรอก หน้าตาฉันดูน่ากลัวเหรอ”

    “มาก!” ยูคยอมกับแบมแบมพูดพร้อมกัน ส่วนผมหัวเราะ

    “ตอนฮยองเดินเข้ามา ผมเหมือนเห็นไฟลุกท่วมหัวฮยองมาเลย ตกใจหมดเลยอะ” ยูคยอมโอดครวญ “นึกว่าพวกผมจะกลายเป็นเหยื่อแทนแจ็คสันฮยองซะแล้ว”

    ผมยิ่งขำ “นายคิดมากไปแล้ว” หยิบรีโมตมากดเปิดทีวีดู พร้อมๆ กับทิ้งตัวลงนอนสบายๆ บนโซฟา “เจบีกับจูเนียร์ล่ะ”

    “เจบีฮยองตอนแรกก็อยู่นี่แหละแต่กลับไปแล้ว ส่วนจูเนียร์ฮยองเห็นว่าทำงาน” ยองแจตอบ

    ผมพยักหน้า ตามองรายการเพลงที่กำลังเล่นอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้แจ็คสันอยู่ห้องจูเนียร์แน่ๆ หมอนั่นไม่มีทางปล่อยจูเนียร์ไปง่ายๆ จนกว่าจะได้คำตอบ ไม่ต่างจากตอนที่สงสัยเรื่องห้องผม ถึงแม้ว่าเรื่องจูเนียร์จะทำให้ผมกังวลอยู่เหมือนกัน แต่บางทีการปล่อยให้แจ็คสันจัดการไปก่อนอาจจะเป็นเรื่องดี และที่สำคัญ ผมเบนสายตาไปยังร่างเล็กที่กำลังใช้ปากกาชี้การบ้านในสมุด แล้วพูดจ้ออธิบายให้ยูคยอมฟัง ตอนนี้ผมอารมณ์ดีแล้ว

    แบมแบมหันมามองผมหลังจากพูดจบ หันมาทันทีจนผมตกใจรีบเบนสายตาไปมองจอทีวี ทำเป็นดูวงบอยแบนด์ที่กำลังเต้นผาดโผนอยู่ในนั้น เจ้าตัวเอียงคอทำหน้างงๆ ก่อนจะก้มหน้าทำการบ้านต่อไป

    ผมนอนดูทีวีไปลอบมองคนตัวเล็กทำการบ้านกับเพื่อนไปเงียบๆ นึกอิจฉายูคยอมที่อายุเท่ากันกับแบมแบม ได้เรียนด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ได้ใกล้ชิดกัน

    “งั้นเดี๋ยวผมไปเอามาให้ แป๊บหนึ่งนะ” ยูคยอมพูดแล้วลุกขึ้นเดินออกไป

    “เล่มสีฟ้านะ นายรู้ใช่ไหม ที่มีดอกไม้สีเหลืองแล้วฉากหลังเป็นท้องฟ้าอะ!” แบมแบมตะโกนไล่หลัง

    “อื้อ รู้ๆ”

    สายตาแบมแบมเลื่อนมาสบกับสายตาผมที่มองอยู่ก่อนโดยบังเอิญ “พวกผมต้องใช้หนังสือเพิ่ม” เจ้าตัวอธิบาย คงคิดว่าผมสงสัย

    ผมพยักหน้าแล้วทำเป็นดูทีวีต่อ แต่พอคนพูดก้มหน้าเขียนก็เลื่อนสายตามามองนิดๆ แล้วมองเลยไปที่นั่งข้างๆ ซึ่งยูคยอมเคยนั่ง ลองมาคิดดูแล้วตั้งแต่วันที่บอกว่าจะเป็นคู่แข่งอย่างเป็นทางการกับหมอนั่น ผมก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย กัดปากตัวเองอย่างใช้ความคิด มัวแต่ไม่กล้า มัวแต่อายคงไม่มีอะไรคืบหน้าขึ้นมา ถึงยูคยอมจะเป็นน้อง แต่ผมก็ไม่อยากแพ้ตั้งแต่ตอนนี้

    แบมแบมหันมามองตอนเห็นผมนั่งลงข้างๆ

    “มีอะไรให้ช่วยไหม” คำถามพื้นๆ ที่ไม่ทำให้น่าสงสัยเกินไป

    “ยังไม่มีฮะ” ริมฝีปากสีชมพูขยับตอบ ก่อนจะงับปากกาที่ถือไว้แล้วจ้องหน้ากลับด้วยดวงตากลมแป๋ว

    ผมเม้มปากซ่อนรอยยิ้มอีกครั้ง ทำเป็นหันไปมองทีวีแล้วพูด “อืม งั้นก็ทำต่อเหอะ”

    แบมแบมเหล่มองนิดหนึ่ง ถึงหันกลับไปทำการบ้านต่อ ส่วนผมก็นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ทำเป็นหยิบโทรศัพท์มาฟุบลงกับโต๊ะกดดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย

    “ฮยอง นี่ที่ผม” ยูคยอมกลับมาในที่สุด ผมเหล่มองเด็กตัวสูงที่ยืนมองเคืองๆ อยู่ด้านหลัง ไม่พูดอะไร ไม่ขยับตัวไปไหน “ฮยอง ตรงนี้ที่ผม”

    โอเค ผมรู้ว่าตัวเองดูงี่เง่ามากเลยที่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ให้บอกตรงๆ คือผมไม่อยากลุกออกไป

    “ฮยอง” ยูคยอมเรียกซ้ำ

    “นายก็ไปนั่งตรงนั้นสิ” ไม่พูดเปล่าผมเลื่อนสมุดไปโต๊ะฝั่งตรงข้ามให้ด้วย

    “ไม่เอา ผมจะนั่งตรงนี้ แล้วฮยองมานั่งที่ผมทำไมเนี่ย ลุกออกไปเลยนะ” ยูคยอมดันสมุดตัวเองกลับ

    “เอ่อ เดี๋ยวฉันย้ายไปนั่งอีกฝั่งแทนก็ได้” แบมแบมพูดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจนัก

    “ไม่ต้อง!” ผมกับยูคยอมพูดพร้อมกัน เจ้าตัวอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองยองแจที่ยังตั้งหน้าตั้งตาเขียนโดยไม่สนใจใคร

    “ฮยอง ผมทำการบ้านอยู่นะ” ยูคยอมพูดพลางก้มวางหนังสือที่เพิ่งไปหยิบมาลงบนโต๊ะ

    “ก็ทำไปสิ” ผมตอบสั้นๆ

    “ก็ผมจะนั่งทำข้างแบมฮยองอะ ฮยองลุกออกไปสักทีสิ ฮยองไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ใครว่าไม่ได้ทำ ฉันมองแบมแบมอยู่ ข้อศอกฉันก็วางชิดแขนแบมแบมอยู่ไม่เห็นหรือไง

    “เสร็จสักที!” ยองแจตะโกนแทรกขึ้นมา ยกสมุดกางดูต่อหน้า “ฉันทำเสร็จหมดแล้วนะ”

    “หาของฮยองเสร็จหมดแล้วเหรอ” แบมแบมหันไปพูดหน้ามุ่ย “ไวอะ ผมยังไม่ถึงไหนเลย”

    “ก็ตั้งใจทำไปดิ ยูคยอมมานั่งนี่มา ฉันเผลอทำกาวหกตรงนั้น ก้นมาร์คฮยองติดพื้นไปแล้ว แงะไม่ออกหรอก” ยองแจลุกขึ้นเก็บสมุดหนังสือตัวเองแล้วกวักมือเรียกน้องเล็กตัวยักษ์ แบมแบมขำพรืด ส่วนผมเหล่มองเคืองๆ ไม่คิดว่าจะโดนหมอนี่กัดเข้าให้

    ยูคยอมหยิบของตัวเองเดินไปนั่งแทนที่ยองแจ หันมาทำหน้างอนๆ ใส่ผมที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เด็กสองคนทำการบ้านต่อ ส่วนผมก็กดโทรศัพท์เล่นต่อเหมือนกัน

    “มีใครจะกินด้วยไหม” ยองแจวางกล่องไอติมที่หอบมาด้วยลงบนโต๊ะ วางช้อนเล็กๆ ที่ถือมาด้วยไว้ข้างๆ “รสนี้อร่อยนะ” ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตักกินแล้วคว้ารีโมตไปเปลี่ยนช่องดู

    “แบมฮยอง” ยูคยอมตักไอติมจ่อปากเจ้าของชื่อซึ่งอ้าปากรับอย่างง่ายดาย ผมเหล่มองนิดๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร มองยูคยอมใช้ช้อนอันเดียวกันตักไอติมเข้าปากตัวเองบ้าง “แบมฮยอง” ตักป้อนอีกละ แล้วก็ตักเข้าปากตัวเอง

    “อะฮยอง” ยองแจยื่นช้อนให้

    “อะไร”

    “ผมเห็นฮยองมองสองคนนั้นกินอะ อยากกินก็กินดิ ผมไม่ได้หวงสักหน่อย”

    ผมรับช้อนมา มองหน้ายองแจเซ็งๆ เจ้าตัวเบ้ปากทำตาโตใส่เหมือนจะสื่อว่าอะไรอะ ผมทำอะไรผิด แต่รับมาแล้วผมก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ตักไอติม ได้แค่ถือไว้อยู่อย่างนั้น ยูคยอมยื่นมือไปตักไอติมอีกแล้ว

    “แบมแบม” ผมเรียก

    “โอ๊ะ!

    “อุบ” เจ้าของชื่อเงยหน้ามาพอดีกับตอนที่ยูคยอมกำลังจะเอาไอติมมาจ่อปากให้ เลยชนกับช้อนจนหกเลอะ “ทำอะไรของนายเนี่ย!

    “ผมไม่ได้ตั้งใจ โทษทีๆ แป๊บนึง เดี๋ยวผมไปเอากระดาษมาเช็ดให้” ยูคยอมพูด ก่อนจะรีบลุกวิ่งเข้าครัว

    “โทษที” ผมพูด กะว่าจะเรียกก่อนที่ยูคยอมทันได้ป้อน ไม่ได้คิดว่าจังหวะมันจะพอดีกัน

    “มาร์คฮยองมีอะไรเหรอฮะ” แบมแบมถาม ยกมือสองข้างที่เลอะไอติมค้างไว้กลางอากาศ

    “อ่า นายจำเรื่องเบนโตะที่ฉันเคยพูดไปได้ไหม ที่มีร้านไทยแถวๆ นี้ขาย”

    “อ๋อ อื้อๆ จำได้ๆ ผมเคยเดินหาด้วยแต่หาไม่เจอ มีจริงๆ เหรอฮยอง ถ้าอยู่แถวนี้ทำไมผมไม่เคยเห็น”

    “จริงๆ ก็ไม่เชิงแถวนี้นักหรอก ฉันขับรถผ่าน”

    “ยองแจฮยอง กระดาษอยู่ไหนเนี่ย ทำไมผมหาไม่เจอ!” ยูคยอมตะโกนมาจากในครัว

    “ก็อยู่ตรงนั้นแหละ หาไรเคยเจอบ้างไหมนายอะ” ยองแจบ่นฮึดฮัด ลุกขึ้นเดินเข้าครัว

    ผมภาวนาให้กระดาษในครัวล่องหนได้ หันมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง “นายอยากไปซื้อ...ด้วยกัน...ไหม ฉันหมายถึง...เบนโตะ”

    ตากลมเบิกขึ้นน้อยๆ เหมือนไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากผม

    “ฮยองว่างเหรอฮะ”

    “พรุ่งนี้ฉันเลิก 4 โมงเย็น”

    “งั้นพรุ่งนี้ผมกลับมาจากโรงเรียนแล้วจะรออยู่ที่หอนะ”

    ผมมองหน้าตาน่ารักที่อมยิ้มจนแก้มป่อง แบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม ค่อยๆ หันหน้าหนีไปอีกทาง กัดริมฝีปากล่างกลั้นยิ้ม “อืม” ตอบรับในลำคอพร้อมกับพยักหน้า

     

    วันนี้ทั้งวันผมแทบเรียนไม่รู้เรื่อง คอยมองนาฬิกาอยู่บ่อยๆ จนเพื่อนข้างๆ มองแปลกๆ ความจริงแล้วมันก็แค่ไปซื้อของด้วยกันธรรมดา ไปซื้อเบนโตะ ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นขนาดนั้นสักหน่อย แล้วผมเองก็ไม่ใช่พวกเด็กมัธยมวัยใสด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทันทีที่ถึงเวลาเลิกเรียนผมก็รีบเก็บของลุกออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ไปก่อนอาจารย์ผู้สอนเสียอีก

    ขับรถตรงดิ่งกลับหอทันที แถมยังถึงไวกว่าปกติ ผมเดินจากโรงรถมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องสำนักงาน หยิบมือถือมากดไปที่เบอร์แบมแบม ค้างนิ้วไว้ยังไม่กดโทรออก จะโทรเรียกให้ลงมาหาที่นี่ดีไหมนะ ระหว่างที่ยืนคิดประตูห้องสำนักงานก็ถูกเปิดออก

    เฮือก หวังแจ็คสัน คู่กรณีของผมอ้าปากกว้าง มองผมตาโตเหมือนเห็นเอเลี่ยน

    “หวัด...”

    ฟิ้ววว

    ผมยกมือค้างอยู่กลางอากาศ มองตามร่างป้อมๆ ของคนที่เคยยืนอยู่ต่อหน้าวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองปิดประตูโครมอย่างรวดเร็ว บางทีหมอนี่ควรไปสมัครแข่งกรีฑา...

    เอามือลง มองซ้ายมองขวาดูว่าไม่มีใครเห็นก่อนจะกระแอมนิดหนึ่ง เก็บมือถือแล้วเดินขึ้นบันไดจนมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง 202

    ติ๊งต่อง

    ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ผมยังไม่ทันได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำใจเลยด้วยซ้ำ

    “หวัดดีฮะ” แบมแบมทัก ท่าทางดูตื่นเต้นปนประหม่านิดๆ

    “ไปเลยไหม”

    “อื้ม”

    “ยูคยอมอะ”

    “ผมบอกหมอนั่นแล้วว่าจะไปข้างนอกกับฮยอง”

    ผมพยักหน้า เหล่มองประตูห้อง 203 ตอนเดินผ่าน รู้สึกผิดกับเจ้าลูกหมายักษ์ขึ้นมานิดๆ เอาไว้จะซื้อขนมมาฝากแล้วกัน

    “กลับจากโรงเรียนปุ๊บ ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวรอฮยองเลยอะ” เจ้าตัวเล็กพูดกึ่งหัวเราะ ยกมือเกาหัวตัวเองไปด้วย

    ผมยิ้มขำ “ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลย”

    “ก็มัน...นานแล้วนะ” น้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด ผมมองคนข้างกายที่ส่งยิ้มมาให้ นี่ผมพลาดรอยยิ้มแบบนี้ไปได้ยังไงตั้งเกือบ 3 ปี

    “ใส่เสื้อผ้ามาอุ่นหรือเปล่า เราจะเดินไปนะ”

    “เดินไปเหรอ เหแสดงว่าอยู่ไม่ไกลจริงๆ สิ ทำไมผมไม่เห็นรู้จักล่ะ” แบมแบมทำหน้างง คิ้วขมวดเข้าหากัน

    “เดินไปขึ้นรถบัส” ผมตอบ ยักคิ้วกวนๆ ใส่ทีหนึ่ง

    คนโดนกวนอ้าปากน้อยๆ ก่อนจะทำหน้าเคืองๆ ใส่ ผมหัวเราะ ยกมือขึ้นจะยีหัวอีกฝ่ายด้วยความลืมตัว แต่ก็ยังอุตส่าห์นึกได้ก่อนแล้วรีบทำเป็นเกาแก้มตัวเองแทน

    “ฮยองรู้ยัง แทคยอนฮยองจะไปฝรั่งเศสวันพุธนี้แล้วนะ” แบมแบมพูดขึ้นมาตอนยืนอยู่ป้ายรถประจำทาง

    “อ้าว ไปไวกว่ากำหนดเดิมเหรอ”

    “อื้ม เห็นว่าเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จไว”

    “คุณฮยองคงดีใจ”

    “ไม่ใช่จะดุแทคยอนฮยองอีกเหรอที่เปลี่ยนกำหนดกะทันหัน คุณฮยองยิ่งชอบดุแทคยอนฮยองอยู่เรื่อย” แบมแบมพูดหน้ามุ่ย “สงสารแทคยอนฮยอง”

    “ถึงจะดุแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีใจนี่” ผมบอกยิ้มๆ

    “ดีใจแต่ไม่ยิ้ม แล้วดุแทนเนี่ยนะ”

    “ทำนองนั้น”

    “พิลึกคน”

    “คริสต์มาสทั้งทีคุณฮยองคงไม่ดุหรอกมั้ง”

    “ว่าไม่ได้หรอกคุณฮยองอะ แล้วฮยองไปไหนหรือเปล่า” แบมแบมหันมาถาม

    “คริสต์มาสเหรอ คริสต์มาสฉันอยู่หอ แต่ปีใหม่ต้องกลับบ้าน” ผมตอบ เป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องกลับบ้านใหญ่ตอนวันสิ้นปี

    “อ่า เหมือนทุกปีสินะ”

    “อ๊ะ รถมาแล้ว”

    “สายนี้เหรอ” แบมแบมพึมพำก่อนจะเดินตามมานั่งข้างๆ ผมหันมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วอมยิ้ม บางทีผมก็ว่าตัวเองชักอาการหนัก อะไรเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็ดีใจ ทั้งๆ ที่มาด้วยกันมันก็ต้องนั่งด้วยกันอยู่แล้วเป็นธรรมดา “มาร์คฮยอง”

    “หืม”

    “ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมฮะ”

    “ถามมาสิ”

    แบมแบมเหล่มองผมนิดหนึ่ง ถามเหมือนไม่ค่อยกล้า “แจ็คสันฮยองไปทำอะไรไม่ดีเหรอ”

    “หมอนั่นพูดอะไรกับนายเหรอ” ผมถามกลับ

    คนตัวเล็กส่ายหัว “ผมเห็นแจ็คสันฮยองดูลุกลี้ลุกลนมากเลย เหมือนไปทำไรผิดมา”

    “หึหึหึ”

    “ใช่จริงๆ ด้วย ฮยองโกรธเหรอ ผมว่าแจ็คสันฮยองไม่ได้ตั้งใจหรอก” ก็ลองหมอนั่นตั้งใจ คงต้องเคลียร์กันยาว

    “ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่ได้ทะเลาะอะไรกับหมอนั่น นายไม่ต้องกังวล” ผมตอบยิ้มๆ

    “แต่ฮยองไม่ได้โกรธแจ็คสันฮยองใช่ไหมฮะ”

    “ฉันแค่มีเรื่องต้องคุยกับหมอนั่น”

    แบมแบมทำหน้ายุ่ง “เวลาฮยองดุอะน่ากลัว ฮยองไม่รู้ตัวหรอก” เห็นพูดแบบนี้ผมเลยแกล้งก้มหน้าจ้องดุๆ ใส่ “เนี่ย แบบนี้แหละ”

    “ฮ่าๆๆ ถ้าไม่มีเด็กดื้อ ฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องดุจริงไหม เดี๋ยวลงป้ายหน้านี่แหละ” ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะชี้บอก

    “สองป้ายเองเหรอ”

    “เอ้าลง”

    ผมพาแบมแบมเดินมาในซอยใหญ่ แล้วเข้าซอยเล็กๆ อีกซอยหนึ่ง ด้านในมีร้านขายของติดธงไทยเล็กๆ ตั้งอยู่

    “ฉันบังเอิญเห็นธงไทยตอนขับผ่านซอยนี้” พูดอธิบายให้คนที่มาด้วยกันฟัง ก่อนจะเดินเข้าไป

    “มีของเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”

    “มานี่สิ” ผมหยิบตะกร้า หันไปคว้าข้อมือเล็กดึงมาทางที่มีเบนโตะวางขาย เพราะดูเหมือนแบมแบมจะถูกของไทยดึงดูดความสนใจไปหมดแล้ว ผมมานึกได้ว่าตัวเองจูงแบมแบมอยู่ตอนเดินผ่านโซนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ถึงจะนึกได้ผมก็ไม่ปล่อยมืออยู่ดี แอบเหล่มองคนโดนจูงที่ตอนนี้มองบะหมี่พวกนั้นตาลุกวาวแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำจูงต่อไป

    “นี่ไง มีตั้งหลายสี” ผมชี้ให้ดู มืออีกข้างยังคงไม่ปล่อยมือคนข้างกาย

    แบมแบมหันขวับตาโต “มีจริงด้วยซื้อไปเยอะๆ เลยเนอะฮยอง”

    “อื้ม” ผมยื่นตะกร้าไปรอใส่ ยอมปล่อยข้อมือให้เจ้าตัวได้หยิบเบนโตะสะดวกๆ ด้วยความเสียดาย

    พวกเราซื้อของอีกหลายอย่าง ใช่ หลายอย่างจนผมนึกเสียใจว่าทำไมถึงไม่ขับรถมา แบมแบมเดินช็อปร่าเริงเหมือนถูกวิญญาณแม่บ้านไทยเข้าสิง จะซื้อจะหยิบทุกอันไปหมด แถมยังจะหาของฝากไปฝากทุกคนในหอ ถ้าผมไม่เบรกไว้บ้างคงได้ขอซื้อร้านเขามาเลย

     

    “ฮยองจ่ายหมดเลยแบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีเลยนะ” แบมแบมพูดหน้างอตอนกลับมาถึงหอ บ่นเรื่องนี้มาตลอดทางจนถึงแล้วก็ยังไม่หยุด

    “บอกแล้วไงว่าเป็นไร”

    “ของผมทั้งนั้น ของฮยองมีนิดเดียว” เจ้าตัวเล็กยังบ่นต่อ “แถมยังถือเยอะกว่าผมอีก แล้วก่อนกลับก็เลี้ยงข้าวผมด้วย ดูดิ เหมือนผมทั้งกินแรงทั้งกินเงิน แบบนี้นะ...”

    “ชู่ว!

    แบมแบมหุบปากฉับทันทีที่ผมส่งเสียงห้าม มองผมงอนๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก ผมเหล่มองยิ้มๆ เดินไปส่งหน้าห้อง ส่งของให้ทยอยเอาไปเก็บจนเหลือแค่ของผมที่ถืออยู่

    “ขอบคุณนะฮะ”

    “ไม่เป็นไร”

    “ผมชอบร้านที่เราไปกินวันนี้ อร่อยสุดๆ ส่วนร้านไทยผมก็จำทางได้แล้วล่ะ คราวหน้าไปเองถูกแล้ว”

    “ห้ามไป”

    “ฮะ?

    “ถ้าจะไปเมื่อไรบอกฉัน ราตรีสวัสดิ์” โดยไม่รอคำตอบ พอพูดเสร็จผมก็เดินกลับห้องตัวเองทันที

     

    วันพุธผมไม่มีเรียนเลยอาสาขับรถไปส่งแทคยอนฮยองที่สนามบิน ตอนกลับมาถึงหอบังเอิญเจอจูเนียร์ที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยพอดี

    “เลิกเร็วเหรอวันนี้” ผมเดินไปหาพลางเอ่ยถาม

    “อื้อ แล้วส่งแทคยอนฮยองเรียบร้อยดี?” จูเนียร์ถามกลับ

    “อืม” ผมพยักหน้าตอบ ตามองหาใครอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วยกัน

    “กลุ่มหมอนั่นมีปัญหา ต้องอยู่แก้งาน” จูเนียร์ตอบเหมือนรู้ว่าผมจะถามถึงเจบี

    “อ่า แล้วนายเป็นอะไร”

    “เป็นอะไร?

    “แจ็คสันบอกว่านายร้องไห้”

    “ไอ้เจ้าบ้านั่นสรุปว่ามันเที่ยวบอกทั่วหอยังเนี่ย” คนโดนเอาความลับไปแพร่งพรายทำหน้าเซ็ง

    “หมอนั่นอยากรู้ว่านายร้องทำไมเลยเอามาถามฉัน”

    “แล้วฮยองบอกอะไรหรือเปล่า”

    “คิดว่าฉันจะบอกปะล่ะ”

    จูเนียร์มองหน้า “คนอื่นผมก็ว่าฮยองไม่น่าบอกหรอก แต่กับแจ็คสัน ไอ้เจ้าบ้าแจ็คสันเชียวนะฮยอง มันทำผมหลอนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วเนี่ย!

    “หมอนั่นไปนอนค้างกับนายเหรอ”

    “ก็ใช่น่ะสิ!

    “พรืด”

    “ไม่ต้องขำเลย”

    “ตกลงนายร้องไห้ทำไม” ผมถามกลับเข้าประเด็นเดิม แม้จะกับผมก็เถอะ ถ้าไม่จี้จริงๆ คนอย่างจูเนียร์ก็ไม่คิดจะเปิดปากพูดอะไรทั้งนั้น

    “ก็ไม่ได้อยากร้องหรอก”

    “แต่เห็นยองแจแล้วไม่ไหว ทนไม่ได้ รู้สึกผิด”

    จูเนียร์ถอนหายใจ ความจริงหมอนี่ไม่เคยพูดเรื่องยองแจให้ผมฟัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เดายาก ผมเห็นอยู่หลายๆ ครั้งที่จูเนียร์เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงออกมาเวลายองแจอยู่กับเจบี หลายๆ ครั้งที่สายตาหมอนี่ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกตัวเองเวลาเจบีมัวแต่มองไปทางอื่น คนอื่นอาจไม่ทันสังเกต แต่สำหรับผมที่รู้ทุกอย่างมันไม่ได้ยากเลย โดยเฉพาะถ้ามองไปจากมุมที่จูเนียร์เองก็ไม่ทันสังเกตเหมือนกัน

    “บางทีมันก็อึดอัด”

    “แหงล่ะ”

    “อย่าซ้ำเติมได้ปะ”

    ผมยักไหล่

    “ฮยองมาพาแจ็คสันมันไปทีสิ ผมขอร้องล่ะ”

    “หมอนั่นหลบหน้าฉันอยู่ เสียใจด้วย”

    “หะ หลบทำไม”

    “เพราะมาทำตัวไม่ดีใส่ฉันไว้ไง”

    “งั้นฮยองก็ต้องรีบมาพาตัวหมอนั่นไปจัดการไม่ใช่เหรอ ให้ไวเลยฮยอง พลีส ก่อนผมจะกลายเป็นซอมบี้เพราะอดนอน”

    ผมเหล่มองคนปากแข็งอย่างชั่งใจ ดูท่าทางยังไงเสียจูเนียร์คงไม่คิดจะปรึกษาเรื่องนี้กับใครง่ายๆ แล้วผมเองก็ไม่ใช่พวกประเภทจะไปนั่งเค้นอะไรใคร

    “ฉันว่าจะปล่อยหมอนั่นไปสักพัก ช่วงนี้ฉันมีเรื่องอื่นต้องทำ” หันไปพูดแล้วก็ดึงตัวคุณแม่ประจำหอเข้ามากอดตบไหล่ ก่อนจะยิ้มให้กำลังใจอีกทีนึงแล้วเดินกลับห้อง



    --------------------------------------------------------------------------------------------TBC

    สวัสดีค่า มาสรุปที่ตอนของมาร์คเนอะ จะว่าไปมาร์คก็ไม่ได้ออกมานานแล้วจริงๆนั่นแหล่ะ แล้วพอมามาร์คแล้วมันเลยจำเป็นต้องอยู่ฝั่งนี้ก่อนแล้วล่ะ เพราะตอนต่อไปจะเป็นแบมแบม แล้วตามด้วยยูคยอมค่ะ เห็นมีคนบ่นว่ายูคยอมไม่มีบทเลย เดี๋ยวมาแน่ๆ ถึงพาร์ทตัวเองเมื่อไหร่เจ้าลูกหมามาเต็มเหมือนกัน ฮ่าๆๆ

    ฝั่ง 3 เจ จะมาแบบเป็นแขกรับเชิญค่ะ(เดี๋ยววนไปหาใหม่) คนอื่นๆด้วยเช่นกัน ยังไม่ถึงแต่เดี๋ยวคงได้เห็นอะไรๆที่เกี่ยวกับทาง3เจผ่านคนอื่นบ้าง กว่าจะถึงพาร์ทตัวเองน่าจะมีความคืบหน้าพอสมควร(มั้ง)กับกลุ่มนี้ 

    เราชอบอ่านคอมเม้นรีด ติด เหมือนไปเป็นแฟนคลับรีดอีกทีนึงอ่ะค่ะ ฮา อ่านแล้วสนุก นึกชมเลยว่าวิเคราะห์ขาดมากหลายๆคน อ่านแล้วเราเข้าใจตรงกันล่ะเรื่องบุคลิกตัวละครและความคิดส่วนใหญ่ของตัวละคร ดีใจ ส่วนเรื่องเม้นเอียงคู่นี่ตามสบายเลยค่ะ เราแฮปปี้กับทุกคู่อยู่แล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×