ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 20 คนธรรมดากับน้ำตาและกลวงฮยอง โดย ยองแจ รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.97K
      57
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 20

    คนธรรมดากับน้ำตาและกลวงฮยอง

    โดย ยองแจ 

     

    สวัสดีครับ ผมยองแจคนธรรมดา คราวนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีเวียนมาพบทุกท่านอีกครั้ง ตอนนี้เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีแล้ว อากาศเองก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ แจ็คสันฮยองโดนจูเนียร์ฮยองดุบ่อยๆ ว่าไม่ให้ออกไปเต้นแร้งเต้นกาอยู่สนามบาสหน้าหอเดี๋ยวจะไม่สบาย แต่พอจูเนียร์ฮยองเผลอก็เห็นหิ้วคอแบมแบมไปเล่นบาสด้วยกันเรื่อย ไม่ได้นำพาแต่อย่างใด ส่วนผมช่วงนี้ชีวิตก็ปกติสุขดีครับ ไม่เจ็บไม่ไข้สบายดี คนอื่นๆ ในหอถ้าจะให้พูดก็คงต้องไล่ลงไปตั้งแต่เจ้าของหอ

    แทคยอนฮยองจะบินไปหาคุณฮยองที่ฝรั่งเศสในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้าและฝากเจบีฮยองให้ดูแลจัดการเรื่องที่หอแทน ลองคิดดูว่าทั้งคู่จะได้ฉลองคริสต์มาสที่ฝรั่งเศส โอ้โห อิจฉาขึ้นมาเลย ผมไม่เคยไปฝรั่งเศสเลยสักครั้งในชีวิต เห็นว่าเป็นเมืองสุดโรแมนติกด้วย อืม ต้องไปเขียนไว้ในไดอารี่ซะแล้วว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

    ยูคยอม เจ้าลูกหมายักษ์ ช่วงนี้ก็ยังคงเป็นลูกหมาสายพันธุ์ปลิง ตามติดขี่คอแบมแบมประหนึ่งผีชัตเตอร์ที่เขาฮิตๆ กันที่เมืองไทย แบมแบมเคยเปิดให้ดูรอบหนึ่ง แจ็คสันฮยองตกใจจนหงายหลังตกเก้าอี้ไปเลย ก่อนหน้านี้เจ้าลูกหมาดูซึมๆ ไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร แต่ผ่านไปแป๊บๆ ก็กลับมาลัลล้าตามสไตล์เด็กยักษ์มุ้งมิ้งอีกเหมือนเดิม

    พูดถึงเจ้าลูกหมาแล้วจะไม่พูดถึงเจ้าของก็ไม่ได้ แบมแบมเองก็มีช่วงที่ซึมๆ ไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้ปกติดีแล้ว กลับเป็นเจ้าบ้าหลงตัวเองเหมือนเดิม มีครั้งหนึ่งผมเดินผ่านแบมแบมที่กำลังยืนส่องกระจกอยู่เลยแซวซะหน่อย

    “ส่องมากๆ เดี๋ยวกระจกฉันรับหน้านายไม่ได้ แตกพอดี”

    แบมแบมหันมากะพริบตาปริบๆ “ความน่ารักของผมมันพลังทำลายรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอฮยอง”

    “แน่ใจเหรอว่าน่ารักอะ นายคิดไปเองหรือเปล่า”

    “อื้อ แน่ใจสิ ก็ผมน่ารักจริงๆ นี่” คำตอบทำเอาผมต้องเป็นฝ่ายกะพริบตาปริบๆ กลับไปแทนแล้วเดินออกมา เป็นบุคคลที่ไม่เคยสะทกสะท้านกับคำจิกกัดแกล้งแหย่ของผมแม้แต่น้อยนิด เรียกว่าเป็นคนที่แกล้งไม่สนุกเลยล่ะครับ

    มาร์คฮยอง ขอสารภาพตรงนี้เลยนะครับว่าช่วงแรกๆ ผมแอบกลัวพี่ชายผมแดงคนนี้อยู่เหมือนกัน ถึงจะมีลุคหล่อเหลา อบอุ่น ใจดี ยิ้มให้ทุกคนตลอดเวลา แต่เหมือนมีรังสีอะไรบางอย่างแผ่ออกมาอยู่ตลอดจนรู้สึกเกร็งๆ เวลาเข้าใกล้ แถมผมเองก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับมาร์คฮยองนัก แต่มาตอนนี้รู้สึกว่ารังสีไม่น่าเข้าใกล้นั่นจะลดลงแล้ว มาร์คฮยองดูสดใสขึ้นมาหน่อยนึง แถมมาคุยกับผมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน สงสัยเพราะเคลียร์เรื่องที่เคยทะเลาะกับแบมแบมได้แล้ว

    พูดถึงมาร์คฮยองก็นึกถึงรูมเมทผมที่ก่อนหน้านี้ตามติดมาร์คฮยองประหนึ่งปลิงสายพันธุ์เดียวกับยูคยอม มาตอนนี้แจ็คสันฮยองเลิกตามมาร์คฮยองแล้วครับ แต่กลายมาเป็นคนสติไม่สมประกอบแทน บางเวลาก็บ้าๆ บอๆ ตามปกติ โหวกเหวกโวยวาย แต่อยู่ดีๆ ก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปอยู่ตามมุมตามซอกตรงไหนสักแห่ง เล่นเอาผมตกใจเกือบวายชีวันไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ผมว่าเดี๋ยวคงต้องถามบ้างแล้วว่าฮยองเป็นไร ถึงผมจะชอบไล่ให้แจ็คสันฮยองไปแทะใบไม้กินบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมอยากให้ฮยองเป็นบ้าไปจริงๆ หรอกนะ

    จูเนียร์ฮยองเองช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยเลย คุณแม่ของหอเป็นคนเดียวที่ปกติดีที่สุดในสายตาผม ทั้งใจดี อ่อนโยน อบอุ่น ดูแลใส่ใจคนอื่น คอยช่วยเหลือทุกคนอยู่ตลอดเวลา ผมชอบจูเนียร์ฮยองมาก แต่ดูเหมือนช่วงนี้ฮยองจะไม่ค่อยว่างเท่าไร อยากไปปั่นจักรยานซื้อของด้วยกันอีกจัง ผมคิดถึงฮยองนะ!

    เหลือใครนะ อ๋อ ผมเกือบลืมคนโง่คนนั้นไปสินะ เจบีฮยองก่อนหน้านี้ทำตัวเป็นตาแก่อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน ผมเห็นนะ ก็ผมเอาแต่ตามติดชีวิตเจบีฮยองอยู่ตลอด เลยเห็นท่านหัวหน้าหอคนนี้เที่ยวสอดส่องเรื่องชาวบ้านไปทั่วแถมยังเหมือนกับกำลังสนุกอยู่ซะด้วย เจบีฮยองคนโง่เป็นคนที่ชอบมองไปแต่ข้างหน้าอย่างเดียว มองตรงไปแต่จุดที่ตัวเองสนใจ เพราะงั้นสายตาคู่นั้นก็เลยไม่เห็นอะไรก็ตามที่อยู่ข้างๆ หรือข้างหลัง บางทีผมก็เซ็งนะว่าตัวเองมาตกหลุมรักคนแบบนี้ได้ยังไง ทั้งเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำตามใจตัวเองแบบสุดๆ จนบางครั้งเหมือนไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง

    แต่ก็นั่นแหละ ผมมันยืนอยู่ข้างหลัง ที่ผมทำได้คือพยายามวิ่งไล่จนไปยืนข้างๆ แล้วไปโผล่ตรงหน้าฮยองให้ได้ ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไร จะว่าไปฮยองคนโง่นั่นยังสนใจแจ็คสันฮยองมากกว่าผมเลย

    ผมลุกจากเตียงมายืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินออกมานอกห้องนอน ไม่ลืมหันซ้ายหันขวาสำรวจตรวจตราก่อนว่ามีซากอะไรกองอยู่ตรงไหนแถวๆ นี้ไหม ไว้ใจไม่ได้ครับ แจ็คสันฮยองตอนนี้ต่อให้ไปกอดโคมไฟห้อยต่องแต่งบนเพดาน ผมยังไม่แปลกใจเลย

    “ยองแจ” จุกน้ำพุโผล่มาก่อน ตามด้วยหน้าคนที่ผมกำลังหวาดระแวงจะโผล่ขึ้นมาจากโซฟา “ทำท่าอะไรของนายอะ ละเมอเหรอ”

    “ก็ตั้งท่าเตรียมตัวรับมือกับฮยองนั่นแหละ!” ผมตอบพลางหดมือกับหุบขาที่กางออก ก่อนจะเดินไปหาตัวต้นเรื่อง

    “รับมืออะไรวะ” แจ็คสันฮยองถาม ทิ้งตัวนอนกอดรีโมทบนโซฟาตัวยาวอย่างขี้เกียจ

    ผมเดินไปนั่งโซฟาเดี่ยว “ก็ฮยองช่วงนี้ผีเข้าผีออก เกิดโผล่พรวดพราดมาผมจะได้บีบคอถูกทาง”

    “บีบคอแกน่ะสิ”

    “ตกลงฮยองเป็นไร” ผมถาม อย่างน้อยก็ต้องหาทางแก้ ก่อนรูมเมทจะได้ไปนั่งแทะใบไม้ในหลังคาแดงจริงๆ

    “ไม่ได้เป็นไรนี่”

    “ฮยองบอกว่าช่วงนี้มีเรื่องต้องคิด ที่ไปเที่ยวนั่งเป็นซากอยู่ตามมุมโน้มมุมนี้อะ ผมเดือดร้อนนะ เพราะงั้นบอกมาเลยให้ไว”

    “นี่นายเป็นห่วงฉันหรือยังไงวะเนี่ย น้องเขาถามไถ่พี่ด้วยน้ำเสียงสีหน้างั้นเหรอ” คนเป็นพี่เหล่มองเคืองๆ

    “แล้วจะเอายังไงอ่า อืม” ผมทำท่าคิดก่อนจะลงไปคุกเข่า กระดึ๊บๆ ไปเกาะแขนคนขี้ใจน้อยที่นอนอยู่ ยื่นหน้าไปใกล้แล้วกะพริบตาปิ๊งๆ “ฮยองครับ บอกมาหน่อยสิว่าทำไมช่วงนี้ถึงทำตัวเหมือนคนไม่เต็มบาทนัก”

    แจ็คสันฮยองมองหน้าผมอึนๆ “มันก็คงจะน่ารักอยู่หรอกนะ ถ้าไอ้ที่พ่นออกมามันไม่ใช่ประโยคแบบนั้นอะ”

    “ชิ” ผมปล่อยมือแล้วนั่งแหมะลงบนพื้นหันหลังพิงโซฟา “แล้วฮยองจะเอาไง นี่ผมยอมสุดๆ แล้วนะ ตกลงเป็นไร” เงยหน้าไปถาม  ปกติก็ไม่ใช่พวกอมพะนำสักหน่อย

    “ไม่รู้ว่ะ” แจ็คสันฮยองตอบ “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองพลาดอะไรสักอย่างไป แบบมันโหวงๆ เหวงๆ กลวงๆ ข้างใน เหมือนมัน...บอกไม่ถูกว่ะยองแจ”

    ผมมองคนที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งกอดอกอย่างใช้ความคิดก่อนจะถาม “แล้วมันเริ่มกลวงตอนไหนอะ”

    “ไม่นานเนี่ย สักอาทิตย์ก่อนมั้ง”

    “แล้วอาทิตย์ก่อนมีไรเกิดขึ้นมั่งอะ จู่ๆ ฮยองคงไม่กลวงขึ้นมาเฉยๆ ใช่ปะ มันต้องมีเหตุดิ”

    “เออ ฉันก็ว่างั้น” คนรู้สึกกลวงพยักหน้า

    “แล้วอาทิตย์ก่อนมีไร” ผมถามอีกครั้ง

    “ก็ไม่มีไร ไม่มีไร ไม่มีไรสักหน่อย”

    “พูดย้ำตั้งสามรอบแบบนี้ผมว่ามีแน่ๆ”

    “ไม่มีโว้ย ไม่มีไรเกี่ยวกับฉันเลยนะ จะมีก็แค่มาร์คฮยองได้เคลียร์กับแบมแบมแล้วมั้ง เฮ้อ” ฮยองตัวเกรียนถอนหายใจ “รู้ปะ มาร์คฮยองไม่เล่าให้ฉันฟังสักคำ มีแค่แบมแบมที่เข้ามาขอบคุณฉัน ทั้งๆ ที่ฉัน...เออ ช่างมันเหอะ”

    “ฮยองกลวงเพราะน้อยใจมาร์คฮยองเหรอ” ผมตั้งสมมติฐาน

    “เปล่า” แจ็คสันฮยองปฏิเสธ “ฉัน... เออจริงอยู่ที่ฉันไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรที่มาร์คฮยองไม่มาพูดอะไรกับฉันบ้างเลย แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น ฉันไม่ได้กลวงเรื่องนี้หรอก”

    ผมขมวดคิ้ว “ละกลวงเรื่องไหน”

    “ไม่รู้ว่ะ คิดอยู่เนี่ย”

    เอาล่ะ ยากละ ต้องมานั่งหาทฤษฎีที่ทำให้แจ็คสันฮยองกลวง

    “ฮยอง” ผมเปลี่ยนไปนั่งบนโซฟาด้วยกันแทน “ฮยองมีความรักปะ” ถามจริงจัง ไอ้อาการหวิวๆ โหวงๆ นี่ผมเคยเป็นตอนตกหลุมรักเจบีฮยองใหม่ๆ แหม ทำอย่างกับตอนนี้โปรแล้ว ฮ่าๆๆ

    “ความรักอะไรวะ ไม่มี้” แจ็คสันฮยองทำหน้าเหมือนผมพูดอะไรไม่เข้าท่า

    “ก็นั่นน่ะสิ ผมก็ว่าอย่างฮยองจะไปรักไปชอบใครได้ ตอนนั้นยังโดนสาวทิ้งมาอยู่เลย”

    “เห้ยๆ พอเลยๆ ใครใช้ให้ขุดเรื่องเก่าๆ มาพูดวะ เดี๋ยวปั๊ด” กลวงฮยองทำท่าจะเบิ๊ดกะโหลกผม

    “ฉันเหมือนยังติดใจเรื่องกำแพงอยู่ว่ะ” กลวงฮยองหยิบหมอนมากอดพูด พลางโยกตัวไปข้างหน้า “เหมือนทำไม่ได้ตามที่พูดปะวะ แต่ตอนนั้นฉันก็แค่ แล้วทำไมมันเป็นแบบนี้วะ ทั้งๆ ที่มันก็สำเร็จด้วยดี อ๊าอะไรวะเนี่ย!” พูดอะไรไม่รู้คนเดียวแล้วยังยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอีก

    ผมเอียงตัวหนีมองแปลกๆ “ฮยอง อย่าลุกไปเอาใบไม้มาแทะเชียวนะ ผมขอล่ะ”

    ป้าบ

    “ไอ้บ้าเอ๊ย” หมอนที่กอดอยู่ฟาดป้าบลงหัวผมจนได้ ผมจับหัวตัวเอง ทำปากเบะใส่ กลวงฮยองเห็นแบบนั้นก็หัวเราะขึ้นมาในที่สุดแล้วจับล็อกคอผมดึงไปหาจนหัวทิ่มลงตัก

    “โอ๊ย เจ็บนะ คนอุตส่าห์มาช่วยคิด ตอบแทนกันงี้เหรอ!

    “นายนี่มันจริงๆ เลย”

    “กลวงฮยอง ผมว่าฮยองอยากทำไรก็ทำไปเหอะ ปกติแล้วฮยองก็ไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้วใช่ปะ ไม่เห็นต้องมานั่งคิดอะไรให้วุ่นวาย ไม่สมเป็นฮยองเลย มันจะกลวงก็ช่างหัวมันเถอะ เดี๋ยวก็คริสต์มาสปีใหม่แล้ว ทำตัวเป็นคนวิญญาณหลุดจากร่างเป็นพักๆ แบบนี้มันหลอนนะ” ผมที่เอียงตุ๊บไปกองอยู่บนตักคนกลวงเงยหน้าพูด

    “เออว่ะ เผลอแป๊บเดียวจะสิ้นปีอีกละ” เหมือนว่าจะไม่ทันสังเกตว่าชื่อเรียกตัวเองเปลี่ยนไปแฮะ “อยากไปฝรั่งเศสด้วยอะ อยากไปหาคุณฮยอง”

    “เพ้อเจ้ออีกละ” ผมพูดหน้าเบ้

    “ปั๊ดเอาหมอนกดเลย ขัดจังเลยวะ”

    “แล้วตกลงหายกลวงยังอะ” ผมเงยหน้าถาม

    “ยัง”

    “งั้นก็กลวงต่อไป”

    “เออ”

    สรุปว่าจากการถกหาอาการกลวงของแจ็คสันฮยองก็ไม่ได้อะไรสักเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นก่อนแยกย้ายกันไปนอน กลวงฮยองก็ยังเข้ามากอด จับหัวผมโยกไปมาแล้วบอกขอบคุณ
     

     

    เช้าวันต่อมาผมยกตะกร้าผ้าตัวเองมาหลังหอ ว่าจะซักผ้าบังเอิญเจอจูเนียร์ฮยองกำลังเอาผ้าใส่เครื่องปั่นแห้งพอดี

    “อ้าวฮยองมาซักผ้าเหมือนกันเหรอ” ผมร้องทัก

    จูเนียร์ฮยองหันมาทำตาโตก่อนจะยิ้มให้ “อื้อ ซักเสร็จแล้วเหลือแค่ปั่นแห้ง นายใช้เครื่องซักผ้าได้เลย”

    ผมเดินไปวางตะกร้าไว้ข้างๆ “ฮยองยุ่งๆ เหรอ ไม่ค่อยมาเล่นที่ห้องผมเลย” ถามไปหยิบเสื้อผ้ายัดเครื่องไป

    “ฉันต้องทำงานส่งอาจารย์ โทษทีนะ”

    “เวลาไม่มีฮยองอยู่ด้วย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่กลางโรงพยาบาลบ้าเลย” ผมพูดขำๆ “เจบีฮยองบางทีนึกจะปรามก็ไม่มีใครฟัง ฮ่าๆๆ โคตรน่าสงสาร”

    จูเนียร์ฮยองหัวเราะ “นายก็ปรามเจ้าพวกนั้นสิ”

    “ไม่เอาด้วยหรอก ใครจะฟังผม ผมไม่ใช่คุณแม่ของหออย่างฮยองสักหน่อย”

    คนถูกยกให้เป็นคุณแม่ยิ้มตาหยีก่อนจะเดินมาขยี้ผมผมเบาๆ

    ผมเงยหน้าไปยิ้มกลับ “เมื่อไรฮยองจะทำงานเสร็จอะ ไว้ฮยองว่างๆ ไปปั่นจักรยานเล่นกันไหม”

    “อืม เอาสิ แต่หนาวๆ อย่างนี้อยากปั่นอยู่เหรอ”

    “จริงด้วย เอ้อ แล้วเจบีฮยองอะ ไปไหน ไม่ได้มาซักด้วยกันเหรอ” ผมถาม

    จูเนียร์ฮยองชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “หมอนั่นยังไม่ตื่นเลย ฉันเอามาซักให้แล้ว”

    “โห ซักให้ด้วยอะ” ผมอุทาน “ฮยองใจดีเกินไปแล้ว ผมกับแจ็คสันฮยองยังซักของใครของมันเลย งี้เจบีฮยองได้ใจแย่ ยิ่งนิสัยไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย”

    “ฮ่าๆๆ นายว่าหมอนั่นนิสัยไม่ดีเหรอ”

    “อื้อ นิสัยไม่ดีเลย”

    “ฮ่าๆๆ นั่นสิๆ นิสัยไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ”

    “ฮยองที่เป็นเพื่อนกันมานานต้องลำบากมากแน่ๆ” ผมยืดตัวขึ้นหลังจากใส่ผ้าจนเต็ม หันไปพูดกับพี่ชายด้วยความเห็นอกเห็นใจ

    “หลายๆ ทีก็อินดี้เกินไป”

    “ผมเข้าใจเลย แบบบางทีนึกอยากจะทำอะไรก็ทำขึ้นมาซะงั้น ไม่สนใจอะไรเลย สนแต่เรื่องที่ตัวเองคิดอยู่”

    “แต่เรื่องส่วนใหญ่ที่หมอนั่นคิดก็เป็นเรื่องพวกนายทั้งนั้น จริงๆ แล้วเจบีก็เป็นห่วงทุกคนนั่นแหละ” จูเนียร์ฮยองพูด ยิ้มน้อยๆ ตอนพูดถึงเพื่อนที่สนิทมานาน 

    “ฮยองจำได้ไหมตอนที่เจบีฮยองมีแฟน” ผมถามขึ้นมา “ฮยองรู้ป่าวว่าทำไมเจบีฮยองถึงเลิกกับแฟน”

    คราวนี้คุณแม่ของหอนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง “เอ่อ ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่เคยถาม เหมือนว่าจะห่างๆ กันจนเลิกไปอะไรทำนองนี้มั้ง”

    “อืม...เหรอ” ผมพยักหน้า ใช้ความคิด

    “ถามทำไมเหรอ”

    “ผมแค่อยากรู้ว่าตอนเจบีฮยองมีความรักจะเป็นยังไง แบบจะเหมือนเดิมไหม” ผมหันไปตอบยิ้มๆ เผื่อจะเอามาสังเกตได้บ้างว่าตอนนี้ตัวเองยืนอยู่ตรงไหนแล้ว

    “ยองแจ นาย...” ผมมองหน้า แต่ฮยองก็หยุดพูดไปเฉยๆ พอเห็นผมจ้องตาแป๋วจูเนียร์ฮยองก็มีท่าทางอึกอักก่อนจะชี้ไปที่เครื่องซักผ้า “นายไม่กดสตาร์ทเครื่องเหรอ”

    “เอ้า จริงด้วย ลืมเลย ฮ่าๆๆ”  ผมหัวเราะแล้วจัดแจงเทผงซักฟอกน้ำยาปรับผ้านุ่มใส่แล้วกดสตาร์ท

    “หมอนั่นดีกับนายไหม”

    หันไปมองคนพูดงงๆ “ใครเหรอฮยอง”

    “เจบี”

    “ถ้าไม่นับที่บางทีดุผมก็ถือว่าดีนะ” ผมตอบ ยิ้มแป้น “ถึงจะนิสัยแย่แล้วก็โง่บางที แต่ผมก็ชอบอยู่กับเจบีฮยอง” พูดแล้วเขินขึ้นมาซะงั้น ผมเลยก้มหน้าเอานิ้วจิ้มๆ เครื่องซักผ้าแก้เขินไป แต่พอเห็นว่าจูเนียร์ฮยองยืนเงียบเลยหันไปมอง “ฮยองถามทำไมอะ”

    “หืม เปล่าๆ ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว” รอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งถูกส่งมาให้ แต่สีหน้าที่แสดงออกกลับดูไม่ค่อยดี

    “ฮยองเป็นไรหรือเปล่า” ผมเดินเข้าไปหา “ทำไมสีหน้าฮยองดูไม่ดีเลย”

    ไม่มีคำตอบ เจ้าตัวแค่ส่ายหน้าปฏิเสธเท่านั้น

    “จูเนียร์ฮยอง” ผมเอียงคอเรียก มือยกขึ้นวางแปะต้นแขนอีกฝ่าย

    ปฏิกิริยาที่ได้รับคือจู่ๆ จูเนียร์ฮยองก็โผเข้ามากอดแน่นจนผมตกใจ “ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี” พูดซ้ำๆ เสียงสั่น ผมหันมองเลิ่กลั่ก ยกไม้ยกมือทำอะไรไม่ถูก

    “ฮยอง ฮยองเป็นอะไร!

    อ้อมกอดรัดแน่นขึ้น จูเนียร์ฮยองซบหน้าลงกับไหล่ผม ไม่ตอบอะไร ผมได้แต่กอดตอบงงๆ แล้วก็ยิ่งตกใจเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นผ่านเสื้อที่ไหล่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

    “ไม่เป็นไรแล้วฮยอง ไม่เป็นไรนะ” พูดพลางตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร รู้แต่ว่ารู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นพี่ชายคนนี้ร้องไห้

    จูเนียร์ฮยองไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนพอผมยิ่งปลอบ กลับยิ่งทำให้คนในอ้อมกอดร้องหนักขึ้นจนได้ยินเสียงสะอื้นดังลอดมา

    “ฮยอง อย่าร้องดิ ผมจะร้องตามแล้วนะ” ผมเริ่มเบะ ทำไมจูเนียร์ฮยองยิ่งร้องหนักขึ้นล่ะ ผมนี่ปลอบใครไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม “ฮยอง ไม่เป็นไรนะ ใครมันทำอะไรฮยอง บอกผม ผมจะไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้เลย”

    จูเนียร์ยังคงกอดผมร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้ตอบอะไร ผมน้ำตาไหลตาม จะพูดอะไรอีกก็ไม่กล้าแล้ว กลัวพูดไปจะยิ่งทำให้คนเป็นพี่ร้องหนักไปกว่านี้อีก

     

    ผมไม่รู้ว่าเรากอดกันอยู่อย่างนั้นนานเท่าไร ไม่รู้ว่าจูเนียร์ฮยองร้องไห้ไปมากแค่ไหน รู้แต่ถึงแม้เสียงสะอื้นจะเงียบไปแล้วฮยองก็ยังไม่ปล่อยมือจากผม ยังคงกอดผมไว้แล้วก้มหน้าซบลงบนไหล่อยู่อย่างนั้น

    “ขอโทษนะยองแจ” ในที่สุดจูเนียร์ฮยองก็พูด “ขอโทษที่ทำให้ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้”

    “ผมไม่ได้เป็นไรสักหน่อย ฮยองต่างหาก เกิดอะไรไม่ดีขึ้นเหรอ ฮยองบอกผมได้นะ”

    “ฉันก็แค่...ไม่ไหว ฉันคิดว่าตัวเองจะทนได้มากกว่านี้ แต่...โชคไม่เข้าข้างฉันเลย”

    “ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ บอกผมนะ ผมเป็นห่วงนะ” ผมกอดคนตรงหน้าแน่น ฝังจมูกลงบนไหล่แคบ

    จูเนียร์ฮยองลูบท้ายทอยผมเบาๆ เป็นสัมผัสที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนจนผมนึกโกรธใครหรืออะไรก็ตามที่เป็นสาเหตุให้คนคนนี้ต้องร้องไห้

    “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เครียดๆ นิดหน่อย”

    “แน่ใจนะ”

    “อื้ม”

    “แล้วเจบีฮยองไปไหน ไม่ดูแลเพื่อนเลย ถ้าผมเจอจะโวยให้”

    จูเนียร์ฮยองปล่อยตัวผมแล้วถอยออกมายิ้มให้ “อะไร นายร้องไห้ด้วยเหรอเนี่ย” มือขาวเนียนยกมาปาดนิ้วโป้งลงบนแก้มผมเบาๆ ตรงที่มีคราบน้ำตา ยิ้มอ่อนโยน

    ปากผมเบะอัตโนมัติ น้ำตาจะไหลอีกรอบ ดูสิ ฮยองยังตาแดงอยู่เลย

    “ฉันไปล้างหน้าล้างตาก่อน นายก็เหมือนกันนะยองแจ ไม่ต้องมาเศร้าเพราะฉันหรอก ก็แค่งานเยอะไปหน่อยเลยเครียดๆ ห้ามเก็บเรื่องฉันไปคิดมากรู้ไหม” จูเนียร์ฮยองจับแก้มผมไว้ ก้มหน้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วพอเห็นผมพยักหน้าฮยองก็เดินออกไป


    ผมเดินมาด้านหน้าหลังจากนั้นสักพัก ขณะเลี้ยวกลับห้องตัวเองก็อดสงสัยไม่ได้ งานอะไรทำไมต้องเครียดถึงขั้นร้องไห้ รู้สึกไม่ดีเลย ทั้งๆ ที่ฮยองกำลังเครียดอยู่แท้ๆ ผมกลับไปชวนคุยไร้สาระเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรเลยสักนิด

    “ยองแจ ไปไหนมาอะ ฉันหิว... ยองแจ!” แจ็คสันฮยองที่กำลังเดินมาหาชะงักตอนผมหันไป ตาคมเบิกกว้าง ยกนิ้วชี้หน้าผมเรียกเสียงดัง

    “หาไรกินง่ายๆ ไปก่อนนะ ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไร”

    “ร้องไห้ทำไม!” รูมเมทถามโดยไม่ลดระดับเสียงลง

    “เปล่า” ผมโกหกแล้วทำเป็นมองไปทางอื่น

    “ตาแดงก่ำมาขนาดนี้จะเปล่าได้ไง ยองแจ!

    “อย่าตะคอกสิเดี๋ยวผมก็ร้องอีกหรอก!” ผมหันไปตะโกนใส่บ้าง คนยิ่งรู้สึกไม่ดีอยู่ นี่ก็ตะคอกอยู่ได้

    “หะ ฉันตะคอกเหรอ ขอโทษๆ” แจ็คสันฮยองรีบเข้ามากอด ลูบหัวตบหลังปลอบ “เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกมาซิ”

    “ผมไปเจอจูเนียร์ฮยองมาเมื่อกี๊ ฮยอง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จูเนียร์ฮยองร้องไห้ใหญ่เลย” ผมตอบ

    “จูเนียร์เนี่ยนะ หมอนั่นร้องไห้ทำไม”

    “ไม่รู้ เห็นบอกว่าเครียดเรื่องงาน แต่เรื่องงานจะทำร้องไห้ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมรู้สึกไม่ดีเลย”

    “ไม่เป็นไร นายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง คงไม่มีอะไรหรอก” แจ็คสันฮยองพูดปลอบ เป็นเพราะถูกกอดอยู่ผมเลยไม่เห็นว่ารูมเมทกำลังขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าความจริงแล้วจูเนียร์ฮยองคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาร้องไห้ง่ายๆ แบบนั้น

    “จูเนียร์ฮยองจะไม่เป็นไรแน่นะ”

    “เออน่า ไม่เป็นไรหรอก” คนตัวหนากว่าคลายอ้อมกอดมาตบไหล่ผม “คนเราบางทีเหนื่อยมากๆ ก็อยากร้องไห้ใช่ไหมล่ะ นายมาเครียดเรื่องคนอื่นแบบนี้ไม่สมเป็นนายเลย ไม่มีไรหรอก เดี๋ยวฉันไปคุยกับมันให้”

    “แน่นะ” ผมถามน้ำเสียงไม่แน่ใจ

    “เออดิวะ ไม่เชื่อใจฮยองนายคนนี้เหรอ”

    ผมมองฮยองที่เอามือตบอกตัวเองอย่างมั่นใจแล้วก็เริ่มเบาใจ ยังไงแจ็คสันฮยองก็รู้จักจูเนียร์ฮยองมาก่อนผม ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นไรจริงๆ

    “ไม่รู้ว่าเด็กเกรียนอย่างนายจะเสียน้ำตาเป็นด้วย”

    “เฮอะ คนอย่างฮยองไม่มีสิทธิ์มาว่าผมเกรียนเหอะ”

    “คนอย่างฉันมันทำไม ไหนพูดมาดิ๊” แจ็คสันฮยองเท้าเอวถาม

    “เกรียนไง แถมช่วงนี้ยังกลวงด้วย ทั้งเกรียนทั้งกลวง หยึย น่ากลัวพิลึก”

    ป้าบ ฝ่ามือตบป้าบลงบนหัวผมอย่างไร้ความเมตตา

    “กวนประสาท”

    “โอ๊ย ผมเพิ่งร้องไห้มานะฮยองยังมาทำร้ายร่างกายอีก!

    “ก็หายแล้วไม่ใช่เหรอ ไปล้างหน้าเลยไป๊ หน้าตานายตอนนี้ขี้เหร่ชะมัด”

    ผมอ้าปากค้าง แต่คนว่ากลับทำหน้ากวนยักไหล่ใส่ ถึงผมจะไม่ได้เป็นพวกหลงตัวเองอย่างแบมแบม แต่แบบนี้มันก็ซ้ำเติมกันเกินไปหน่อยแล้ว

    ผมถลึงตาใส่ “หล่อตายแหละ!” สะบัดเสียงใส่แล้วเดินฮึดฮัดเข้าห้องน้ำ อย่าร้องไห้ขึ้นมาวันไหนบ้างแล้วกัน ผมจะขึ้นไปยืนเท้าเอวอยู่บนขอบโซฟาแล้วมองลงมา ตะโกนว่าฮยองขี้เหร่บ้างคอยดู!

    ----------------------------------------------------------------------------------------

    ตอนของยองแจแต่ส่วนใหญ่มีแต่เรื่องคนอื่นทั้งนั้น คิดว่าตอนนี้คงหลายอารมณ์พอสมควร แต่พอมาเป็นมุมยองแจแล้วอาจจะสัมผัสได้อยู่อารมณ์เดียวคืออารมณ์เกรียน ฮ่าๆๆ

    เห็นคอมเม้นรู้สึกแจ็คแจจะมาแรงแฮะ นี่มันคู่แรร์ชัดๆ โมเม้นของตัวจริงยังไม่ค่อยจะมีเลย (หุหุ) ประเด็นสำคัญจากตอนที่แล้วคือพี่คนโง่เรตติ้งลดฮวบฮาบกันเลยทีเดียว 

    ตอนหน้ายังไม่แน่ใจเลยว่าจะพาใครดี อาจจะเป็นแจ็คสันนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า ^3^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×