ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 18 ส้ม โดย จูเนียร์ รีไรท์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.13K
      59
      10 พ.ค. 61

     

    ตอนที่ 18

    ส้ม โดย จูเนียร์

      

    “ส้มหนึ่งลูก เธอให้ส้มฉันหนึ่งลูกเป็นของขวัญวันแต่งงานเนี่ยนะ!” เอมีลี่พูดเสียงสูง หญิงสาวหยิบผลส้มจากมือเพื่อนมาพินิจ ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มยิ้ม ดวงตาสีฟ้าครามทอแววขบขัน

    “เธอจำวันที่เราจบไฮสคูลได้ไหม” จอห์นถาม “วันนั้นที่ฉันให้เธอรออยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ วันที่ฉันบอกว่ามีของบางอย่างจะให้” ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยระหว่างพูด

    “จอห์น เธอจะพูดถึงวันที่เธอเบี้ยวนัดให้ฉันรอเก้อนั่นน่ะเหรอ ฮึ ฉันจำมาจนวันนี้เลย” เอมิลี่กอดอกทำเสียงงอน กลอกตาเล็กน้อยเหมือนตอนสมัยเด็กๆ เวลาที่เริ่มไม่พอใจ

    จอห์นยิ้ม เขาขยับกรอบแว่นสีดำก่อนจะพูดต่อ “วันนั้นเกิดเหตุการณ์มากมายที่ทำให้ฉันไปพบเธอไม่ได้ แต่เอมิลี่ เธอจะรู้ไหมว่าฉันเคยขโมยส้มของเธอไป ขโมยไปจากเด็กผู้หญิงที่มีฉายาว่ายายส้มอย่างเธอ เด็กผู้หญิงที่ชอบมาแกล้งแหย่ฉันอยู่เสมอ วันที่เธอร้องไห้เพราะเพื่อนคิดว่าเธอไม่ได้เตรียมวัตถุดิบมาในคาบทำอาหาร วันนั้นขโมยคนนั้นคือฉันเอง”

    เอมิลี่มีสีหน้าอึ้งๆ เธอยกมือเกี่ยวผมประกายแสดทัดหูตัวเอง ตั้งใจฟัง

    “ฉันอยากจะคืนมันให้กับเธอ” จอห์นสบตาหญิงสาวตรงหน้า “ฉันเก็บไว้อย่างดีตลอดปิดเทอมเพื่อรอมอบให้เธอ แต่อย่างที่เรารู้ หลายสิ่งไม่อาจก้าวผ่านขีดจำกัดของเวลาได้ ส้มผลนั้นก็เช่นกัน ฉันจึงนำมันไปปลูก ดูแลรดน้ำจนกระทั่งมันกลายเป็นส้มผลที่อยู่ในมือเธอตอนนี้”

    เอมิลี่มองส้มในมือด้วยความตกใจ ในขณะที่จอห์นยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ด้วยรอยยิ้ม

    “กี่ปีแล้วนะที่เราเป็นเพื่อนกันมา กี่ปีแล้วที่ฉันเฝ้ารอเพื่อที่จะคืนส้มผลนี้ให้เธอ เพื่อที่จะบอกเธอว่าฉันยังคงเก็บรักษามันไว้เสมอ มันยังคงเป็นผลเดิมเสมอเหมือนกับความรักของฉันที่มีให้เธอ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้”

    เด็กสาวที่เคยเป็นเพียงยายส้มกลายเป็นหญิงสาวสวยสง่า เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง แววตาไหวระริก เธอยังคงเหมือนเดิมสำหรับจอห์น เป็นยายส้มที่แสนมีเสน่ห์และน่าดึงดูด

    “ยินดีด้วยเอมิลี่ ยินดีด้วยกับการแต่งงาน” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ยิ้มให้เธอทั้งปากและตาก่อนจะหันหลังเดินออกมา โลกของเขาทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรเหมือนเดิม เวลายังคงเดินไป มันยังคงเดินไปเสมอตามหน้าที่ของมัน...

    ผมปิดหนังสือในมือก่อนจะวางลงข้างตัว เป็นหนังสือที่ดี แม้ตอนจบจะเรียกไม่ได้ว่าแฮปปี้นักแต่ก็ถือเป็นบทสรุปที่น่าประทับใจ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    “จินยอง!

    “ไม่ได้ล็อก!

    แกร๊ก

    “ทำไรอะ” เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กเดินเข้ามา ปากถามตาก็กวาดมองไปรอบๆ ห้อง

    “อ่านหนังสือ” ผมที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่เงยหน้าตอบ

    “เหรอ เรื่องอะไร กินส้มไหม” ถามยังไม่ทันได้คำตอบ ส้มในมือก็ถูกโยนมาให้ผมลูกหนึ่ง

    ผมรับไว้ก่อนจะยกขึ้นมอง...ส้ม

    “ตกลงอ่านเรื่องอะไร” แจบอมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ถามพลางปอกส้มในมือไปด้วย

    “เรื่องเนี้ย” ผมหยิบหนังสือข้างตัวขึ้นชู

    “หืม” ตาเรียวกวาดอ่านชื่อหนังสือบนปก “ฉันยังไม่เคยอ่านเลย สนุกปะ”

    “ก็สนุกดี ย่าห์ อย่าให้เปลือกส้มตกในห้องฉันนะ”

    “อะ” ส้มชิ้นหนึ่งถูกยื่นมาจ่อปาก

    “อะไร”

    “อ้าปากสิ”

    ผมจ้องหน้าคนป้อนก่อนจะอ้าปากรับ อิมแจบอมยังคงเป็นบุคคลอันตรายเสมอ

    “แล้วนี่มีอะไร” ผมถาม  ปกติวันหยุดแบบนี้ต้องเที่ยวร่อนไปทั่วหอ ส่องคนโน้นคนนี้แล้วไม่ใช่หรือไง

    “มาหานายต้องมีอะไรด้วยเหรอ” แจบอมถามกลับ กินส้มไปด้วยท่าทีสบายๆ

    ผมหรี่ตามอง “มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะน่า คิดว่านายกับฉันรู้จักกันมานานเท่าไรกัน”

    “อุ๊บ ฮ่าๆๆ” บุคคลอันตรายขำพรวด “ไม่มีใครโกหกต่อหน้านายได้จริงๆ ด้วย”

    ถ้าจะมีใครก็คงเป็นนายนั่นแหละคนแรก ผมตอบในใจ

    แจบอมละความสนใจจากส้มในมือหันมาจ้องหน้าผมแทน จ้องแล้วยิ้ม ผมจ้องกลับ เราสู้กันทางสายตาอยู่พักหนึ่ง

    ปั้ก

    “โอ๊ย” ส้มในมือผมถูกปาเข้ากลางหน้าคนจ้อง “เจ็บนะ กำเดาไหลได้เลยนะ!” คนโดนปายิงฟันซี้ดปาก มือลูบจมูกตัวเองป้อยๆ

    “ตกลงมีอะไรก็พูดมาสิ” ผมถามหน้างอนิดๆ ทำเป็นหยิบหนังสือมาพลิกดู เบี่ยงเบนความสนใจตัวเอง

    “ฟู่ว” แจบอมเป่าปาก ก่อนจะลุกเอาเปลือกส้มไปทิ้งถังขยะ “นายได้คุยกับมาร์คฮยองยัง”

    “ยังเลย เมื่อวานฉันก็นั่งทำงานอยู่ในห้องทั้งวัน” ผมตอบ ลุกจากเตียงเอาหนังสือไปเก็บบนชั้น “อยากรู้ก็ไปถามเองสิ” พูดพลางเหล่มอง

    “มาร์คฮยองก็พอๆ กับนาย” แจบอมกอดอกพิงกำแพง “ถ้าเกิดไม่อยากพูด เอาอะไรไปง้างก็ไม่บอก ยกเว้นกับนายที่สนิทกันม้ากมาก” ท้ายประโยคลากเสียงสูงประชดใส่ผม

    “อย่างนายคงมีวิธีอยู่ล่ะมั้ง”

    “ก็นะ อาจจะ”

    ผมเหล่มอง หมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ เลย

    “นายคิดว่าไง”

    “คิดอะไร” 

    “ก็เรื่องสามคนนั้น” แจบอมพูด ยกมือขึ้นลูบคางไปมา

    “ไม่รู้หรอก แต่คงไม่น่ามีปัญหาอะไรมั้ง”

    “ความรักที่มีตัวแปรมากกว่าสองคน ยังไงก็ต้องมีคนหนึ่งที่เจ็บใช่ไหมล่ะ”

    ผมเบนสายตากลับมาจ้องหนังสือบนชั้น ไม่ตอบอะไร

    “หรือบางทีอาจจะสองคน” คนช่างวิเคราะห์ยังพึมพำต่อไป

    “แจบอม” ผมเรียกชื่อเพื่อน “แล้วถ้าเป็นนายล่ะ ถ้านายต้องเลือกจะทำยังไง”

    “หมายถึงถ้าฉันเป็นแบมแบมเหรอ”

    “อือ”

    เสียงเงียบไปเหมือนเจ้าตัวกำลังใช้ความคิด

    “ไม่รู้แฮะ ฉันไม่ใช่แบมแบม แล้วก็ไม่คิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น อีกอย่างฉันไม่ถนัดจัดการปัญหารักสามเส้าด้วยสิ ฮ่าๆๆ แล้วถ้าเป็นนายล่ะ” ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดมาบ่นไหล่ผมที่สะดุ้งเล็กๆ “นายจะทำยังไง หืม”

    ผมเหล่มองใบหน้าที่เลื่อนมาใกล้ จนปลายจมูกเกือบแตะแก้มผม

    “ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นฝ่ายเลือกหรอก” พูดก่อนจับแขนตัวอันตรายยกออก แล้วเปิดประตูเดินไปด้านนอก

    “ถ่อมตัวไปแล้ว จินยองของเรา” เสียงแซวตามไล่หลังมา

    “ฉันไปข้างนอกนะ” ผมหันไปบอก ไม่สนใจหน้าตาล้อเลียนกวนประสาทนั่น

    “ไปไหนอะ”

    “สูดอากาศ”

    “นึกว่าไปหามาร์คฮยอง”

    “ถ้าเจอก็ดี”

    “จินยอง”

    ผมหันไปตามเสียงเรียกตอนกำลังใส่รองเท้า แจบอมยังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงประตูห้องผมอยู่ที่เดิม

    “ฉันว่าช่วงนี้นายไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ”

    “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ” ผมถามกลับ

    “ฉันกำลังถามนาย”

    “นายเก่งเรื่องเดาความคิดคนอื่นไม่ใช่เหรอ”

    แจบอมทำหน้าเบ้ “ฉันไม่เก่งเรื่องเดาความคิดนาย”

    ตึกตัก ตึกตัก

    ให้ตาย ผมนี่ชักอาการหนัก คำพูดธรรมดาๆ แค่นี้ไหงใจเต้นแรงขึ้นมาซะได้ ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเปิดประตูออกมาเลย

    “เฮ้อ” ออกมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ อยู่กับนายบ่อยๆ ฉันจะอายุสั้นไหมนะ อิมแจบอม หัวใจฉันทำงานหนักเกินไปแล้วบางที คิดกับตัวเองในใจแล้วก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงลงบันไดมา

    ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงกับหนาว เดินลงมาว่าจะเลี้ยวไปห้องแจ็คสันยองแจ แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นร่างคุ้นตานอนอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะตัวยาวตรงสนามหญ้า ผมสีแดงที่โผล่พ้นหนังสือมาทำให้ผมเดินเข้าไปหา

    “ยินดีด้วยนะฮยอง” หยุดยืนอยู่ข้างๆ ตัวคนนอนอยู่ แล้วพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ข่าวไวดีนะ” คนโดนแสดงความยินดีพูด ก่อนจะลดหนังสือในมือลงแล้วลุกขึ้นนั่ง

    “บังเอิญเป็นเพื่อนกับอิมแจบอมไง เลยข่าวไว” ผมตอบยิ้มๆ

    มาร์คฮยองส่ายหน้ายิ้มกลับ

    “แล้วไหงมาอยู่คนเดียว แบมแบมอะ” ผมถามพลางเดินอ้อมไปนั่งตรงข้าม

    “ไปซื้อของกับแจ็คสัน”

    “แจ็คสัน”

    “อือ แจ็คสัน” มาร์คฮยองพยักหน้ายืนยัน

    “ไม่ใช่ยูคยอม”

    “อือ ไม่ใช่ยูคยอม” พี่ชายผมแดงพูดกลั้วหัวเราะ

    “แล้วหมอนั่นไปไหนอะ”

    “ยองแจให้ช่วยทำอะไรสักอย่าง”

    “แล้วฮยอง”

    “ฉัน” มาร์คฮยองชี้ตัวเอง ก่อนจะชูหนังสือเรียนในมือ “ก็นอนอ่านหนังสือไง”

    “ขยันเกินไปละ ไม่ใช่หาเหตุแยกมาอยู่คนเดียวเหรอ” ผมทำหน้ารู้ทัน

    “คงยังเกร็งๆ อยู่ ฉันหมายถึงแบมแบม แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ มันก็นานอยู่เหมือนกัน” ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนขึ้นตอนที่พูดถึงน้องชายตัวเล็ก ผมที่มองอยู่ยิ้มตาม ดีแล้วที่พี่ชายคนนี้มีความสุขได้สักที

    “มันหน้าที่ฮยองไม่ใช่เหรอที่ต้องทำให้แบมแบมหายเกร็ง” ผมพูด พอเข้าใจอยู่หรอก จู่ๆ จะให้มาสนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อนเลยก็คงแปลกๆ

    มาร์คฮยองถอนหายใจ “ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง”

    “อ่า...แย่แน่เลยงานนี้” ผมแกล้งทำเสียงต่ำ “ยูคยอมสบายละ”

    “ฮ่าๆๆ” พี่ชายผมแดงหัวเราะ “ที่จริงยูคยอมมาบอกกับฉันว่าจากนี้ไปเราสองคนเป็นคู่แข่งกันอย่างเป็นทางการด้วยล่ะ”

    ผมยิ้ม “สมกับเป็นหมอนั่นดีนะ”

    “อือ ซื่อตรงจนฉันต้องแสดงความซื่อตรงออกไปบ้างเลยล่ะ”

    “แสดงออกว่า?

    ดวงตาสีน้ำตาลเข้มพราวระยับใส่ผม “ไม่บอก” พูดเสียงเจ้าเล่ห์แล้วยักคิ้วใส่

    “โอ้โห หายเศร้าละเอาใหญ่เลยนะฮยองนะ”

    “ฮะๆๆ” มาร์คฮยองหัวเราะ แล้วลุกมาก้มตัวจับหน้าผมเขย่าเหมือนมันเขี้ยว “แล้วนายล่ะ เมื่อไรจะซื่อตรงสักที” ถามระยะประชิด ซึ่งผมทำได้แค่ยิ้มแล้วหลบตา

    “ผมกับฮยองมันคนละสถานการณ์กันนี่”

    “แล้วนายจะเอายังไง”

    “ก็อยู่แบบนี้ไง แบบนี้ก็ไม่มีอะไรไม่ดีไม่ใช่เหรอ” ผมตอบ เงยมองตามพี่ชายที่ขึ้นมานั่งบนโต๊ะแทน

    “คิดว่านายตัดสินใจไปแล้วซะอีก”

    “ตัดสินใจเรื่อง?

    “เรื่องที่ว่ายังไงนายก็คิดกับเจบีแค่เพื่อนไม่ได้”

    ผมเม้มปาก รู้สึกเหมือนโดนลูกศรคำพูดแทงใจดำไปจึ้กหนึ่ง

    “ถ้าผมร้องไห้ขึ้นมา ฮยองรับผิดชอบเลยนะ” ผมพูดเสียงเคืองๆ

    “ฮ่าๆๆ ขอโทษๆ” มาร์คฮยองหัวเราะ ก้มตัวมากอดผมไว้ แหม โลกสดใสไม่เกรงใจกันเลย “ฉันแค่เพิ่งคิดได้ว่าบางทีการที่เราคิดอะไรมากไป มันก็ทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นซะเปล่าๆ” พี่ชายผมแดงพูดในขณะที่เกยคางไว้บนไหล่ผม

    “ก็ในบางกรณีล่ะนะ แล้วก็คงไม่ใช่ในกรณีของผม ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่ก้าวข้ามไปได้ยากที่สุด ผมว่าก็คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนนี่แหละมั้ง”

    “โอ้โหสวีทกันไม่เกรงใจโต๊ะเก้าอี้เลยน้าแบมแบมดูดิๆ” เสียงแซวดังลั่นมาจากตัวเกรียนประจำหอ

    มาร์คฮยองปล่อยผมหันไป ส่วนผมเองก็เอียงตัวชะเง้อมอง สองสมาชิกหอที่มีความสูงน้อยที่สุดพากันยืนหอบหิ้วถุงขนมเต็มมือ แบมแบมยืนยิ้มแห้งๆ ส่วนแจ็คสันกระโดดเหย็งๆ ลอยหน้าลอยตาแซว

    “เมื่อกี๊นายเห็นไหมแบมแบม” เจ้าเกี๊ยวยังไม่เลิกเอาศอกสะกิดคนข้างๆ “เนี่ยเข้าไปแบบนี้เลย” ไม่พูดเปล่าแจ็คสันหันไปกอดแบมแบมทำท่าจะหอมแก้มยุ้ยๆ นั่น

    ป้าบ

    “โอ๊ย!

    หนังสือที่เคยอยู่บนโต๊ะตัวยาว ลอยละลิ่วไปฟาดลงกลางหัวไอ้คนพยายามจะลวนลามน้องได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เล่นเอาแบมแบมตกใจจนสะดุ้งตามไปด้วย

    “ใครเขวี้ยงมาเนี่ย!” ผู้เคราะห์ร้ายหันมาโวยวาย

    ผมเหล่มองมาร์คฮยองที่นั่งตีหน้านิ่ง

    “จูเนียร์ นายเอาหนังสือเขวี้ยงหัวฉันเหรอ!” เจ้ามันดูก้าวดุ่มๆ มาหาผมสีหน้าเอาเรื่อง

    “จะบ้าเหรอ เปล่า!” ผมปฏิเสธ

    “นายนั่นแหละ ไม่ต้องเลย!” แจ็คสันวางของบนโต๊ะ ชี้หน้ากล่าวหาผม “มีแต่นายนั่นแหละที่ชอบใช้ความรุนแรง!

    เฮ้ยผมเงยหน้ามองมาร์คฮยองที่ยังคงเงียบกริบ ไหงงั้นอ้ะ!

    “เอ่อ...คือ” แบมแบมเก็บหนังสือเดินตามมา ตากลมมองหนังสือในมือก่อนจะมองหน้าพี่ชายผมแดง

    “เออใช่ นายดูหนังสือนั่นดิ มันไม่ใช่...”

    “จะเอาของไปห้องยองแจใช่ไหมมาเดี๋ยวฉันช่วย!” มาร์คฮยองพูดแทรก หยิบถุงที่แจ็คสันวางโครมทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินไปคว้าหนังสือจากมือแบมแบม “ปะ  หนักไหมแบมแบม ฉันช่วยไหม” ก้มหน้าก้มตาไปถามน้องอย่างใจดี

    แต่...

    “ฉันไปทำไรให้นายวะ เมื่อกี๊มันโคตรเจ็บเลยนะเว่ย สันหนังสือฟาดมาเต็มๆ” แจ็คสันยืนเท้าเอวหน้าตาเอาเรื่อง

    ผมอ้าปาก มือยกค้างกลางอากาศมองตามหลังพี่ชายที่แสนดี ซึ่งพาแบมแบมเดินหายเข้าไปในหอแบบสุดอึ้ง

    “ฉันไม่ได้โยน!” หันมาปฏิเสธอีกครั้ง

    “นายไม่ได้โยนแล้วมันใคร ฉันล้อเล่นหน่อยเดียว”

    ผมมองหน้าแจ็คสันที่ปักใจเชื่อไปเต็มๆ ว่าผมเป็นคนลอบประทุษร้าย แล้วก้าวขาออกจากโต๊ะตัวยาวเดินเลี่ยงเข้าหอแทน

    “เห้ยเดี๋ยวดิ จูเนียร์ อย่าเพิ่งไป อย่างน้อยก็ขอโทษกันก่อนดิวะ!” เหยื่อของมาร์คฮยองด้านมืดวิ่งโหวกเหวกโวยวายตามมา

    “อ้าว จินยอง มีไรกัน” แจบอมที่เพิ่งลงมาถามงงๆ

    “เนียร์ ฉันบอกว่ารอก่อน!!!

    “ก็...”

    พลั่ก

    “เหวอออ” ไอ้เจ้ามันดูที่วิ่งตามมาเบรกไม่อยู่เมื่อผมหยุดกะทันหัน เลยชนจนผมหน้าทิ่มไปด้านหน้า

    “เฮ้ย!” แจบอมยื่นมือมารับด้วยความตกใจ

    ผลคือผมโผเข้าไปคว้าตัวแจบอมที่กอดรับไว้พอดี

    “โอ๊ะ!” เสียงตัวก่อเหตุอุทาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ!

    สติผมมาตอนได้ยินเสียงแจ็คสันแล้วก็พบว่าหน้าตัวเองอยู่บนไหล่ แจบอม ความจริงข้อที่ว่าจมูกกับปากของเพื่อนรักกดอยู่ตรงซอกคอผมทำให้ตัวแข็งทื่อ

    “นายไม่เป็นไรนะ!” แจ็คสันถามเสียงดัง

    ก็คงไม่เป็นไร ถ้าไม่นับรวมใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ กับความร้อนที่เหมือนจะแล่นไปทั่วหน้า

    “จินยอง ไม่เป็นไรนะ” แจบอมจับตัวผมดันออก ตาเรียวเบิกขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นหน้าผม

    ผม...ซึ่งทำหน้าตกใจแบบสุดขีด ผม...ซึ่งไม่สามารถห้ามระบบสูบฉีดเลือดที่ทำงานมากเกินความจำเป็นในตอนนี้ได้ และผม...ที่ได้แต่ภาวนาว่าเพื่อนรักคนนี้จะไม่ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอก




    -----------------------------------------------------------------------------------------------------TBC

    ตึกตึกตึก ในที่สุดออมม่าก็หลุดก็ซะแล้ว.....
    มีใครคิดว่าอ่านผิดเรื่องตอนช่วงแรกๆบ้าง ฮ่าๆๆ พอดีเรานึกได้ว่าจูเนียร์เคยบอกว่าชอบอ่านหนังสือ เลยเกิดไอเดียเอาหนังสือมาเป็นตัวเปิดมันซะเลย
    ชื่อตอนแลดูสิ้นคิด แต่ส้มคือผลไม้ที่ GOT7 เคยบอกว่ากินบ่อยที่สุดนะ (แถเข้าไป)

    ตอนหน้าก็ยังคงอยู่ที่ 3J ค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×