ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] กาลครั้งหนึ่ง MarkBam

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ปีศาจกับโลกมนุษย์วันแรก

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 57



    ตอนที่ 1 ปีศาจกับโลกมนุษย์วันแรก


     

    “สำหรับเจ้าแล้วเรื่องราวของข้าคงเป็นเพียงนิทาน ดั่งภาพฝัน รางเลือน ยาวนาน เสมือนเรื่องเล่าที่มักขึ้นต้นว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”

     

     

    “ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรด ข้ายังมีลูกเมียรออยู่ที่บ้าน” ร่างชโลมเลือดของฮาร์ปี้(ปีศาจครึ่งคนครึ่งนก)คร่ำครวญอยู่แทบเท้าข้า

    “ลูกเมียเจ้าก็เป็นกบฏงั้นหรือ” ข้าถาม

    “ไม่ใช่ พวกเขาไม่ใช่ มีเพียงข้าที่เข้าร่วม แต่ข้าสาบานหากท่าน...”

    ฟึ่บ

    ดาบเพลิงฟาดฟันลงบนร่างของฮาร์ปี้ตนนั้นก่อนจะทันพูดจบ ข้าสะบัดมือเก็บดาบมองร่างที่ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีก่อนจะหันกายเดินออกมา ทิ้งภาพกองเพลิงลุกไหม้เศษเนื้อ เศษไม้ เศษซากค่ายของเหล่ากบฏที่กองปะปนรวมกันไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจ

    “ถ้าองค์หญิงรู้เข้า” น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้น “ท่านไม่รอดแน่”

    “องค์หญิง” ข้าทวนคำพร้อมกับเหล่มองบุรุษในชุดสีดำสนิทที่กำลังเดินตามมา “องค์หญิงที่ไม่ได้กลับมาดูแลเขตตัวเองเกือบสามสิบปีนั่นน่ะหรือ แจ็คสัน”

    เจ้าของนามแจ็คสันชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วสะบัดมือเก็บดาบสีดำในมือตนให้อันตรธานหายไป

    “ข้าได้ข่าวมาว่าองค์หญิงเกรซกำลังจะกลับมา”

    “ดีใจจัง”

    “ถ้าจะพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แบบนั้น กรุณาอย่าพูดประโยคแบบนี้อีกเลยเถิดพะย่ะค่ะ องค์ชาย”

    ข้าเหล่มองแจ็คสันที่ทำหน้าตาประชดประชันใส่เต็มที่อีกครั้ง “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”

    “ข้าสิต้องถามว่าท่านต้องการอะไร ถล่มค่ายฮาร์ปี้เสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ อย่าบอกว่าจะไปถล่มค่ายพวกยักษ์บนภูเขาที่มีข่าวว่าพวกฮาร์ปี้จะไปเข้าร่วม”

    “นั่นสินะ”

    “อย่ามาทำท่าเหมือนข้าเป็นคนจุดประกายความคิดให้สิ!

    “ก็เจ้าทำให้ข้านึกขึ้นได้จริงๆ”

    แจ็คสันทำหน้าเหมือนเส้นบางอย่างในหัวกำลังจะขาด

    “องค์ชาย ได้โปรดกลับไปเป็นคนขี้เกียจแล้วอยู่อย่างขี้เกียจเหมือนเมื่อก่อนเถิดพะย่ะค่ะ ข้ากราบล่ะ” ถึงจะบอกว่ากราบแต่แจ็คสันก็ไม่ได้กราบ นอกจากนี้ยังกัดฟันพูดอีกด้วย

    “ข้าก็แค่หาอะไรแก้เบื่อ เจ้าบอกเองว่าควรทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง” ข้าตอบในขณะที่ยังคงเดินไปเรื่อยๆ ป่าแถวนี้คุ้นตาทั้งยังให้ความรู้สึกคุ้นเคย

    “คิดซะว่าข้าไม่เคยพูดคำนั้นได้หรือไม่องค์ชาย อย่าทำให้ข้าต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิตกับคำพูดพวกนั้นจะได้ไหม” คราวนี้องครักษ์ข้ากลับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “สิบปีมานี้ท่านล้างบางปีศาจในเขตปกครองเราไปกี่กลุ่มแล้วจำได้บ้างหรือไม่”

    “พวกนั้นกระด้างกระเดื่องไม่ใช่หรือ ตายไปก็ไม่เป็นไรหรอก”

    โลกปีศาจไม่มีอะไรมากไปกว่าการฆ่าฟัน แก่งแย่งชิงดี หักหาญกันเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนแข็งแกร่งที่สุด เป็นเช่นนี้มาช้านาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล ป้องกันการนองเลือดอย่างไร้ความจำเป็น โลกแห่งความป่าเถื่อนนี้จึงจำเป็นต้องมีผู้ปกครอง ซึ่งผู้ปกครองที่ว่าก็คือตระกูลจ้าวปีศาจ ตระกูลปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด

    ตระกูลจ้าวปีศาจแบ่งการปกครองเป็น 10 เขตกับ 1 เมืองหลวง จ้าวปีศาจคนปัจจุบันปกครองเมืองหลวงเป็นหลัก ส่วนน้องอีก 10 คนไล่ตามลำดับอายุเป็นผู้ปกครอง 10 เขต ตัวข้าอาศัยอยู่ในเขต 10 ซึ่งอยู่ในการปกครองขององค์หญิงเกรซ

    “ไม่เป็นไรงั้นหรอ ท่านคิดว่าเขตการปกครองไกลปืนเที่ยงอย่างเขต 10 จะมีจำนวนประชากรปีศาจมากแค่ไหนกัน ถ้าองค์หญิงกลับมาแล้วพบว่าปีศาจตายหมดเขตแล้วจะทำยังไง!

    “เจ้าเป็นองครักษ์ของข้าหรือของท่านพี่ข้ากันแน่”

    “องค์ชาย...”

    “น้ำตก” ข้าหยุดเดิน น้ำตกขนาดเล็กกับสายน้ำใสสะอาดเบื้องล่างปรากฏในสายตา ข้าเคยมาที่นี่ ความรู้สึกบอกอย่างนั้น

    “โอ๊ะ ที่นี่มัน” แจ็คสันอุทาน

    “เจ้ารู้จักหรือ” 

    “ท่านจำไม่ได้หรอ ก็ตอนนั้นที่มากับ...” องครักษ์คู่ใจชะงักหันมองหน้าข้าก่อนจะหยุดพูดและเปลี่ยนเรื่อง “กลับกันเถิดองค์ชาย”

    ข้ายังคงยืนนิ่ง

    “องค์ชาย ฮาร์ปี้พวกนั้นน่าจะทำให้ท่านหายเบื่อได้แล้ว”

    น้ำตกในป่าลึก ข้าบังเอิญมาเจอเจ้าอีกครั้งแล้ว

    “หากไม่รีบกลับเดี๋ยวนี้ พวกตาลุงขุนนางต้องระแคะระคายเรื่องที่ท่านมาถล่มค่ายฮาร์ปี้แน่”

    “แจ็คสัน” ข้าเรียกชื่อองครักษ์ทั้งที่สายตายังคงจ้องมองสายธารที่ไหลลงมากระทบโขดหินและผืนน้ำเบื้องล่าง “นานเท่าไหร่แล้ว”

    แจ็คสันนิ่งเงียบ เงียบไปเนิ่นนานจนข้าได้ยินเพียงเสียงของน้ำ

    “13 ปี” องครักษ์ตอบแผ่วเบา

    “งั้นหรือ” ไม่นานเท่าไหร่เลย เป็นเวลาเพียงพริบตาหากเทียบกับช่วงอายุที่ยาวนานของพวกเรา แต่ถึงอย่างนั้นทำไมข้าจึงได้รู้สึกว่ามันเนิ่นนานเหลือเกิน นานจนทนแทบไม่ไหว นานจนต้องทำเป็นลืมเลือนไปแม้ความจริงแล้วทุกอย่างยังคงชัดเจนในความทรงจำ

    “องค์ชาย”

    “กลับกันเถิด”





    ********************************************





    “องค์ชาย มีคำสั่งจากองค์หญิงเกรซให้ท่านเข้าพบ” แจ็คสันที่หายไปพักใหญ่หลังจากพวกเรากลับมาที่วังเข้ามาแจ้ง

    “องค์หญิง” ข้าหันมององครักษ์ “นางกลับมาแล้วหรือ”

    “กลับมาได้เวลาพอเหมาะพอเจาะอะไรขนาดนี้” องครักษ์โอดครวญ “ข้าต้องติดคุกหลวงแน่ๆ”






    **************************************************





    “ทางนี้เพคะ องค์หญิงอยู่ในห้องทรงงาน”

    ข้ากับแจ็คสันเดินตามนางกำนัลไปจนถึงห้องทำงานขององค์หญิงเกรซ ท่ามกลางชั้นหนังสือมากมาย หญิงสาวผมสีทองในชุดผ้าสีมอซอกำลังวิ่งไปวิ่งมาหยิบข้าวของอย่างเร่งรีบ

    “มาร์ค มาแล้วหรอ” ผู้ปกครองเขต 10 ร้องทักข้าโดยไม่หยุดมือ

    “เกือบสามสิบปีมานี้ท่านไปอยู่ที่ไหนมา” ข้าถาม ความจริงก็ถามตามมารยาท ท่านพี่หายไปตลอดจนเคยชินเสียแล้ว

    “ราชการลับ” คำตอบที่ไม่เหมือนกับคำตอบอีกตามเคย “มาร์ค ข้ามีเวลาไม่มาก ข้าจะไม่อยู่ที่นี่สักพัก” ไม่เห็นต้องบอก ปกติท่านก็ไม่เคยอยู่อยู่แล้ว “วีรกรรมของเจ้าในช่วงสิบปีมานี้ข้าจะทำเป็นไม่รับรู้ ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องช่วยงาน ไม่ต้องลุกมาทำอะไรทั้งนั้น”

    “จะรอให้พวกนั้นมายึดปราสาทท่านก่อนงั้นหรือ” ข้าถาม ถามไปงั้นๆ ความจริงแล้วต่อให้ปราสาทของท่านพี่ถูกยึดไปข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ยังไงก็ไม่ใช่ปราสาทของข้า

    “ไม่มีใครมายึดปราสาทข้าทั้งนั้นแหล่ะ เอาล่ะ” ท่านพี่หันมาหา ดวงตาสีแดงเฉกเช่นเดียวกับดวงตาข้าจ้องเขม็ง “จำไว้ว่าอยู่เฉยๆ อย่าก่อเรื่อง” สั่งเสียงหนัก “แจ็คสัน”

    “พะย่ะค่ะ”

    “เจ้าก็อย่าตามใจมาร์คให้มาก เข้าใจมั้ย”

    “พะย่ะค่ะ!” แจ็คสันรับคำหนักแน่น แต่ข้ารู้ดีว่าเจ้านั่นเองก็ขี้เบื่อไม่แพ้กัน

    “ดี เพราะครั้งนี้ข้าไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่” ท่านพี่พูดพลางเดินไปหยุดตรงพื้นที่ว่างแล้วเริ่มร่ายเวทโบราณ ประตูมิติปราฏเป็นช่องว่างบนอากาศต่อหน้า

    “ท่านกำลังจะไปไหน” ข้าเอ่ยถาม ตามองประตูมิติที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเขม็ง บางทีข้าควรจดจำบทร่ายเอาไว้

    “โลกมนุษย์ จำไว้นะ อยู่เฉยๆ” ท่านพี่หันมาชี้หน้าสั่งย้ำอีกครั้ง “เรื่องงานของเขต 10ข้าฝากอลันจัดการแล้ว ไม่ต้องห่วงเข้าใจมั้ย บ๊ายบายมาร์ค” บอกลาข้าด้วยประโยคแปลกๆแล้วท่านพี่ก็ก้าวเข้าประตูมิตินั้นไป

    ร่างขององค์หญิงเกรซหายไปแต่ประตูยังคงอยู่ ข้ายืนมองประตูนั้น ในใจเต็มไปด้วยความคิดมากมาย

    “องค์ชาย อย่าเชียวนะพะย่ะค่ะ” เสียงห้ามจากแจ็คสันซึ่งลุกมายืนอยู่ด้านหลัง

    ประตูมิติค่อยๆหดเล็กลง

    “องค์ชาย มีเพียงจ้าวปีศาจและผู้ปกครองทั้ง 10 เขตเท่านั้นที่จะสามารถข้ามมิติไปยังโลกอื่นได้”

    มันหดเล็กลง

    “องค์ชาย หากฝ่าฝืนโทษไม่ใช่แค่ติดคุกนะพะย่ะค่ะ งานนี้ทั้งท่านและข้า...”

    เคร้ง

    ดาบเพลิงถูกเสียบเข้าไปในช่องประตูมิติ ขวางกั้นไว้ไม่ให้ประตูถูกปิดลง

    “องค์ชาย!” องครักษ์จอมโวยวายร้องเรียกเสียงสูง

    “ข้าอนุญาตให้เจ้าไม่ต้องติดตามข้าไป” ข้าพูดก่อนจะร่ายบทเวทบทเดียวกับที่ท่านพี่ร่ายก่อนหน้านี้

    ประตูค่อยๆขยายตัวออกอีกครั้ง

    “องค์ชาย!” แจ็คสันถลาจะเข้ามาห้าม หากแต่ถูกข้าสะบัดแขนอีกข้างวาดพลังใส่จนกระเด็นไปชนกำแพง

    ก้าวขาเข้าไปในประตูมิติ นานเกินพอ ข้ารอมานานเกินพอแล้ว เกิดแรงดึงดูดเมื่อทั้งตัวเข้าไปหมดก่อนจะถูกเหวี่ยงด้วยพลังกล้าแกร่งบางอย่าง ข้าถูกเหวี่ยงไปมาจนเวียนหัว จนเลิกล้มความตั้งใจที่จะทรงตัว กำลังคิดว่าจะลองใช้พลังในกายยันไว้ดีหรือไม่ร่างกายก็ถูกดีดออกมาเสียแล้ว เท้าแตะพื้นเซถลาจนหน้าเกือบคะมำ

    ปริ๊น!!!

    เสียงดังจากเบื้องหน้าทำข้าสะดุ้งลืมตาขึ้นมอง บางอย่างแล่นผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็วอยู่ไกลๆ หันมองรอบด้าน ดูเหมือนตอนนี้ข้าจะยืนอยู่ในตรอกแคบๆแห่งหนึ่ง

    “โอ๊ะ โอ๊ย หลุดสิ หลุดสิโว้ย บ้าชิบ” เสียงสบถคุ้นเคยดังมาจากเบื้องหลัง

    ข้าหันกลับไปมอง บุตรชายลำดับที่ 10 ของตระกูลอัศวินปีศาจอันเลื่องชื่อกำลังนอนอยู่บนพื้น ขาสองข้างยันอากาศ มือจับผ้าคลุมตัวเองดึงอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “ทำอะไร แจ็คสัน” ข้าถาม

    “ก็ท่านนั่นแหล่ะผลักข้ากระเด็น ข้าเกือบเข้ามาไม่ทันประตูปิด แล้วดูนี่ ผ้าคลุมข้าติด ดึงไม่ออก!” แจ็คสันโวยวาย มือยังพยายามดึงผ้าคลุมตัวเองอย่างสุดชีวิต

    ข้ายืนมองด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก แจ็คสันอาจเป็นปีศาจตนเดียวที่ได้ครอบครองผ้าคลุมที่สามารถดำรงอยู่ในสองมิติได้ในเวลาเดียว

    “องค์ชาย ท่านก็มาช่วยข้าหน่อยสิ มันดึงไม่ออก”

    “แจ็คสัน” ข้าเรียกชื่อองครักษ์ รู้สึกเหมือนอ่อนเพลียขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ “มันติดอยู่ระหว่างสองมิติ เจ้าจะดึงมันออกมาได้อย่างไร เอาดาบเจ้าตัดออกซะ”

    “จริงด้วย” แจ็คสันทำท่านึกได้แล้วเรียกดาบสีดำสนิทของตนออกมา ดูเหมือนว่าที่โลกมนุษย์นี้พลังของเรายังคงอยู่ มองภาพองครักษ์ปีศาจกำลังเอาดาบคู่ใจตัดผ้าคลุมตัวเองแล้วร่างกายก็พาลอ่อนเพลียขึ้นมาอีกหลายส่วน

    “ตัดให้ชิดแนวประตู เผื่อมีคนเข้ามาที่นี่จะได้ไม่สังเกตเห็น” ข้าเตือน เป็นประสบการณ์ที่ดีของเจ้าแล้วดาบเกล็ดมังกรนิล ที่ได้มาตัดผ้าเช่นนี้

    “เรียบร้อย” แจ็คสันจับผ้าคลุมตัวเองถอดออกมากางดู มันแหว่งไปเสียครึ่ง ยังไงก็ใส่ไม่ได้แล้ว “องค์ชาย” ทำหน้าเหมือนขอความเห็นใส่ข้าอีก

    “ถือไว้ เก็บดาบด้วย ท่านพี่อาจยังไปได้ไม่ไกลแล้วจับสัมผัสพลังได้”

    องครักษ์เก็บดาบแต่โดยดี รวมทั้งพับผ้าคลุมแหว่งๆนั่นมาแล้วถือไว้

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อ โลกมนุษย์ไม่ได้มีมิติเดียว ท่านมาสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เป็นที่...”

    “ข้าจะสำรวจที่นี่สักหน่อย หยุดพูดมากแล้วตามมา” ข้าออกคำสั่งตัดบท ไม่อยากฟังคำตำหนิจากองครักษ์ตัวเองอีกต่อไป

    แจ็คสันกับข้าเติบโตมาด้วยกันดุจพี่น้อง เพราะเหตุนี้หลายครั้งเจ้านี่ถึงได้กล้าทำตัวโอหังเกินตำแหน่งกับข้า ถ้าเป็นองค์ชายคนอื่นคงถูกทำโทษ แต่พอเป็นข้า อ่า จริงๆแล้วข้าก็แค่ขี้เกียจทำอะไรให้มันมากความเลยปล่อยๆไป ผ่านมาหลายร้อยปีนิสัยแจ็คสันก็เกินแก้เสียแล้ว

    เดินนำหน้าองครักษ์ รู้สึกภูมิใจนิดๆที่ผ้าคลุมสีแดงสดของข้ายังปลิวไสวอยู่ในขณะที่ของแจ็คสันแหว่งไปแล้ว เสียงอึกทึกอื้ออึงโถมเข้ามาใส่ทันทีที่เดินออกมาจากตรอกแคบๆนั้น ข้ายืนอึ้งมองแสงสีรอบด้านด้วยความตกตะลึง สิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ มันสูงกว่าวังของข้าหรือของท่านพี่เสียอีกทั้งยังประดับประดาไปด้วยแสงไฟมากมาย ถึงแม้เขต 10 จะถูกเรียกว่าเขตไกลปืนเที่ยง แต่ก็ไม่คิดว่าจะด้อยกว่ากระทั่งมาเทียบกับบ้านเรือนของพวกมนุษย์

    “องค์ชาย พวกนางบินได้!

    ข้าหันมองแจ็คสันก่อนจะมองเลยไปตามสายตาขององครักษ์ที่แหงนหน้าอ้าปากมองบางอย่าง หญิงสาวราว 5- 6 คน ยืนอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมบนตึกสูง พวกนางส่งยิ้มแล้วก็เริ่มเต้นไปมา

    “ไหนว่ามนุษย์ไม่มีเวทมนต์ ทำไมพวกนางจึงไปเต้นบนนั้นได้” แจ็คสันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “พวกนางอาจขึ้นไปทางบันได” ข้าให้ความเห็นก่อนจะละสายตาจากนักเต้นเหล่านั้นมามองถนนเบื้องหน้า

    ยานพาหนะของมนุษย์ช่างแปลกตา ที่โลกปีศาจ ปีศาจส่วนใหญ่บินได้และหากบินไม่ได้ก็จะมีกำลังขาที่แข็งแกร่งทำให้วิ่งได้อย่างรวดเร็ว พวกเราจึงไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งยานพาหนะมากนัก จะมีก็แต่พวกในเมืองหลวงหรือชนชั้นสูงที่นิยมนั่งรถลากเพื่อนำเสนอว่าตนเป็นผู้มีอารยธรรม

    “โอ๊ะ พวกนางหายไปแล้ว มีชายผู้นั้นเข้ามาแทน”

    ข้าไม่สนใจเสียงแจ็คสัน ยังคงเพ่งมองยวดยานของมนุษย์ต่อไป มนุษย์ไม่ได้หายใจระบบเดียวกับเราหรอกหรือ เข้าไปในสิ่งนั้นแล้วจะหายใจได้อย่างไร ข้ามองมนุษย์ชายหญิงที่ลงมาจากสิ่งนั้นอย่างปกติสุข หรือมนุษย์ไม่จำเป็นต้องหายใจ

    “ดนตรีพวกมนุษย์จังหวะสนุกดีนะพะย่ะค่ะ องค์ชาย”

    เสียงแจ็คสันดังมาให้ได้ยินอีก เราชาวปีศาจมีความสามารถในการเรียนรู้พื้นฐานภาษาอื่นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นด้วยเวลาไม่นานเราจึงเข้าใจภาษามนุษย์ แต่ถึงจะเข้าใจก็เพียงพื้นฐานเท่านั้น

    “อุ๊ยแก ดูนั่นดิ คอสเพลหรอ” หญิงมนุษย์นางหนึ่งชี้มาทางข้าพร้อมกระซิบกระซาบกับหญิงอีกนาง

    “เฮ้ย แต่หล่อนะแก หล่อทั้งคู่เลย คอสเป็นไรอ่ะ”

    “ซุปเปอร์แมนป่ะแก ผ้าคลุมแดงด้วย”

    “งั้นอีกคนแบตแมนหรอแก ใส่ชุดดำ ฮ่าๆๆ” พวกนางหัวเราะกันอย่างสนุกสนานในขณะที่ข้าขมวดคิ้วด้วยความงุนงง คอสเพลคืออะไร ซุปเปอร์แมนคืออะไร แล้วแบตแมนคืออะไร

    “แจ็คสัน ไปได้แล้ว” ข้าหันไปบอกองครักษ์ที่ยังตื่นตากับกรอบสีเหลี่ยมบนตึกสูง

    แจ็คสันเดินตามข้ามาในขณะที่ข้าค่อยๆกวาดตามองสำรวจสิ่งรอบข้างไปด้วย ดูเหมือนว่าการแต่งกายจะเป็นปัญหา เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ที่เดินสวนทางไปล้วนแล้วแต่มองมา ข้าเดินไปเรื่อยๆ มียานพานะรูปสี่เหลี่ยมที่บรรทุกมนุษย์ได้ครั้งละหลายๆคนด้วย น่าทึ่งจริงๆ

    “โลกมนุษย์ที่นี่สว่างไสวดีจริงๆนะพะย่ะค่ะ” แจ็คสันพูดขึ้นมา “ถ้าเป็นที่โลกปีศาจ กลางคืนแบบนี้คงเงียบกริบ โดยเฉพาะเขตเรา”

    “อืม” ข้าพยักหน้าเห็นด้วย จะว่าไปพอเดินมาพักใหญ่ๆ ตรงนี้คนก็เริ่มเบาบางลงแล้ว แสงไฟก็ไม่ค่อยสว่างเท่าตอนแรก

    มนุษย์เพศชายผู้หนึ่งเดินเซไปมาอยู่ด้านหน้าข้า ในซอยเล็กๆแห่งนี้ดูเหมือนจะมีมนุษย์เดินเซหลายคน มีร้านรวงเล็กๆอยู่ประปรายสองข้างทาง

    “เห้ย อย่าหนีนะเว่ย!” เสียงตะโกนดังมาก่อนจะมีมนุษย์ผู้หนึ่งวิ่งตรงมา มนุษย์ผู้นั้นชนข้าแล้วล้มลงก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปอย่างทุลักทุเล

    “เจ้า เจ้ากล้าดียังไง!

    “ช่าง...”

    “เห้ย ถอยดิวะ เกะกะ” ข้ากำลังจะบอกแจ็คสันไม่ให้เอาความมนุษย์ที่วิ่งชนข้า แต่ก็ถูกมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะวิ่งตามมนุษย์ผู้นั้นผลัก ข้าเซเล็กน้อย แต่แจ็คสันที่มัวหันหน้าไปทางมนุษย์ที่วิ่งหนีไปไม่ทันได้ตั้งตัว โดนผลักจนล้มลง

    พลั่ก

    ยังไม่ทันที่ข้าจะทันได้พูดอะไร องครักษ์ผู้ซึ่งออกจะเลือดร้อนอยู่สักหน่อยก็กระโดดถีบมนุษย์ผู้นั้นจนล้มคว่ำ

    “เห้ย ไรวะ หาเรื่องหรอ” มนุษย์ทั้งกลุ่มหันกลับมาและเริ่มต่อสู้กับแจ็คสัน

    “แกเพื่อนมันใช่มั้ย!” หนึ่งในนั้นหันมาถามข้า แต่ข้ายังไม่ทันตอบก็ง้างหมัดชกเข้าใส่ ข้าเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยแล้วฟาดแขนเข้าเสยคางมนุษย์ผู้นั้น ไม่ได้ตั้งใจออกแรงมากเกินไปจนทำให้หลับกลางอากาศแต่อย่างใด

    “แจ็คสัน อย่าใช้พลัง” พูดปรามองครักษ์ที่กำลังยำมนุษย์ทั้งกลุ่มอย่างเมามัน

    “นั่น ทำอะไรกันน่ะ!” มนุษย์เพศชายสองคนใส่ชุดเหมือนกันวิ่งตรงเข้ามา

    กลุ่มมนุษย์ที่กำลังถูกแจ็คสันกระทืบอย่างมีความสุขหันมองด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

    “เห้ย ตำรวจ!” เจ้าพวกนั้นพากันลุกขึ้นวิ่งหนีระเนระนาด พวกที่ลุกไม่ไหวก็ยังอุตส่าห์พยายามคลาน

    ตำรวจ อ่า ผู้คุมกฏ ข้ายืนดูเขาทั้งสองเข้ามาควบคุมตัวมนุษย์ที่คลานหนีไม่ทัน

    “ไอ้พวกนี้ ตอนกลางวันไม่ไปโรงเรียน ตกกลางคืนยังมาตีกัน แล้วนี่อะไร คอสเพลหรอ!” ตำรวจคนหนึ่งตะคอกใส่แจ็คสันที่ทำหน้ามึนงง

    “เขาคือผู้คุมกฏ” ข้าอธิบาย

    “ต่างชาติหรอวะเนี่ย” ตำรวจอีกคนซึ่งมายืนต่อหน้าข้าพูด “เป็นต่างชาติยังมาหาเรื่องตีกับคนอื่นเค้าอีก มานี่เลย”

    “อย่าแตะตัวองค์ชาย!” แจ็คสันตะโกนสั่งพร้อมกับพุ่งตัวมากันข้าไว้

    “อะไรวะ จะให้ไปโรงพัก ไป โรง พัก” ตำรวจพยายามพูดช้าๆ “ตำรวจ พวกนาย ถูก จับ” หยิบบัตรแสดงตนออกมายืนยัน

    “องค์ชาย”

    “ไปเถิด เราไม่ควรมีเรื่องกับผู้คุมกฏ” ข้าบอกแจ็คสันที่หันหน้ามาขอความเห็น ดูจากท่าทางหวาดกลัวของมนุษย์กลุ่มนี้แล้ว ท่าทางโลกมนุษย์นี้ผู้คุมกฏคงมีอำนาจมาก

    “ไปสิ” ข้าหันไปพูดกับตำรวจด้วยภาษามนุษย์

    “อ้าว พูดเกาหลีได้ก็ไม่บอก ไปๆ ไอ้พวกนี้ด้วย”

    ข้าไม่รู้เลยว่าการไปกับตำรวจครั้งนี้จะทำให้ข้ากับแจ็คสันได้รับประสบการณ์เยือนโลกมนุษย์วันแรกด้วยการ...ติดคุก



    ------------------------------------------------------------------------------------------TBC

    บอกว่าจะลงหลังปิดพรีฟิคเนอะ แต่อดไม่ได้ ระหว่างรอทีมงานตรวจฟิคหอพัก เราก็เหมือนจะลงแดง อยากพิมพ์ฟิค ฮ่าๆๆ พล็อตเยอะแยะไปหมด นี่พิมพ์ไปสองเรื่องแล้ว กาลครั้งหนึ่งกับอีกเรื่องนึง (เรื่องละตอน ดีจริงๆ) คิดว่าถ้าไม่เอามาลงสักทีคงแตกหน่อแตกกิ่งไปเยอะแยะแน่ๆเลย เรื่องนี้อย่างที่บอกว่าฉีกจากฟิคหอพักมาเลย และจะไม่ค่อยดราม่ามากด้วย มีกลิ่นแฟนตาซีนิดๆช่วงแรกๆ แต่สักพักก็จะเข้ารูปเข้ารอยอยู่ในยุคปัจจุบันนี่แหล่ะ เปิดมาบทแรกๆจะเป็นการเกริ่นนำก่อน เดี๋ยวสองปีศาจของเราจะต้องปรับตัวอีกเยอะ เพราะนอกจากจะเป็นปีศาจโผล่มาต่างโลกแล้วยังเป็นปีศาจมาจากบ้านนอกด้วย งานนี้คงมีเรื่องให้ป่วนอีกเยอะเลย

    อย่างที่จั่วไว้หัวเรื่องว่าเรื่องนี้เป็นมาร์คแบม ทำไมถึงเป็นมาร์คแบม ก็เพราะคาแรคเตอร์ล้วนๆ ปีศาจขี้เกียจ ขี้เบื่อ พูดน้อย แต่แอบรั่ว(เดี๋ยวจะได้เห็น) ยังไงมันก็ต้องมาร์คล่ะ ส่วนมนุษย์ผู้นั้นเดี๋ยวจะเห็นเองว่าทำไมต้องเป็นแบมแบม ฮ่าๆๆ

    เป็นเพราะแต่งไปด้วย จัดการเรื่องฟิคหอพักไปด้วย เพราะงั้นอาจจะอัพไม่ได้ถี่นัก จะอัพเป็นประจำก็โน่นเลยค่ะ หลังปีใหม่เลย ตอนนี้ก็ตามเวลาว่างไปก่อน เหงาอ่ะ แหะๆ

    ปล. คิดชื่อแท็กไม่ออกค่ะ ใครมีชื่อดีๆเสนอได้นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×