ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Exo x You) NEW BORN

    ลำดับตอนที่ #2 : (Exo x You) NEW BORN : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 64









    NEW  BORN



              "...โลกของเราทุกวันนี้ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายหลายสปีชี่ส์ แต่ละสปีชี่ส์มีโครงสร้างทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันออกไป หรือที่เราเรียกกันว่า DNA..."

              "DNA หรือสารพันธุกรรมที่เก็บข้อมูลคุณลักษณะทุกๆด้านของสิ่งมีชีวิต ถ่ายทอดคุณลักษณะจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เช่น การทำโคลนนิ่ง หรือ การปลุกชีพของเหล่าบรรดาสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ล้วนแต่เป็นผลพวงของการค้นพบรหัสของสารพันธุกรรมทั้งสิ้น อย่างที่สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง นักฟิสิกส์คนดังของโลกได้เคยกล่าวไว้ว่า การศึกษาและทดลองในส่วนของพันธุกรรมมนุษย์นั้นจะทำให้เราเข้าใจจักรวาลวิทยาและเข้าใจในพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น แม้ปฏิญญาสากลว่าด้วยการทดลองรหัสพันธุกรรมมนุษย์ขององค์การยูเนสโกจะระบุว่า ห้ามทำการโคลนนิ่งมนุษย์ แต่ในหลายประเทศก็ไม่ได้มีการออกกฎหมายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน เคยออกมาทักท้วงเรื่องการโคลนนิ่งมนุษย์ว่า หากสำเร็จ สิ่งที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าของโลกเท่านั้น ความเกี่ยวข้องกับกฎหมายก็จะวุ่นวายตามไปด้วย..."

    เสียงกรนดังขึ้นจากข้างหลังห้อง ศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้นผู้สอนวิชาพันธุกรรมศาสตร์แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

    "อย่างไรก็ตาม...ในเกาหลีการโคลนนิ่งหรือการทดลองโครงสร้างทางพันธุกรรมมนุษย์ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย"

    เสียงกรนกลบเสียงของศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้นดังลั่นห้อง ศาสตราจารย์ตัดสินใจเดินไปหยิบแปรงลบกระดานหน้าชั้นเรียนขว้างไปที่โต๊ะท้ายสุดของห้อง และมันก็ตกใส่หัวของหมอนั่นพอดิบพอดี

    "ใครวะ!!!"

    หมอนั่นลุกขึ้นมาโวยวาย ทั้งห้องหันมาหัวเราะเยาะเพราะผมของหมอนั่นที่ขาวโพลนไปทั้งหัวด้วยคราบชอล์ค

    "คยองซู...เมื่อคืนไม่ได้นอนมาหรือไง บอกแล้วไงว่าอย่าเที่ยวกลางคืนให้มันมากนัก"

    "ฮ่าๆๆๆๆ"

    หมอนั่นหน้าเจื่อน รีบนั่งลงที่โต๊ะอย่างรู้สึกอาย

    "ขอโทษครับศาสตราจารย์" 

    ศาสตราจารย์ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพลิกหนังสือไปที่หน้าถัดไป และเริ่มบรรยายต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    "สำหรับการถ่ายทอดโครงสร้างทางพันธุกรรมนี้ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดในระหว่างการเชื่อมต่อได้เช่นกัน เช่น ยีนหรือโครโมโซมบางตัวของสิ่งมีชีวิต มีการจัดเรียงผิดที่ผิดทางหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของมันขาดหายไป ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้มักทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง DNA ขนาดใหญ่ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปร่างบุคลิกลักษณะของสิ่งมีชีวิต ความผิดพลาดนี้เราเรียกว่า.......การกลายพันธุ์"






    บลูเฮาส์


    "...การประชุมสหประชาชาติในวันนี้ เนื่องจากมีข้อเรียกร้องจากประชาชนทั่วโลก ให้มีการแก้ปัญหาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติด้านพันธุกรรม ที่ไม่อาจได้รับโอกาสใดๆในสังคมเหมือนอย่างคนปกติ นอกจากนับรอวันตายเท่านั้น ดังนั้น การประชุมในวันนี้จะถือว่าเป็นการพลิกโฉมประวัติศาสตร์วงการแพทย์ครั้งสำคัญ เนื่องจากเราได้ทำการทดลองเซรุ่มที่เกิดจากการรวม DNA ระหว่างคนกับสัตว์เข้าด้วยกัน และให้กำเนิดร่างกายใหม่กับผู้ป่วยที่กำลังใกล้จะตายเป็นครั้งแรกของโลก"
         

    คิมมุนแจกวาดสายตาไปรอบๆห้องประชุม ประธานาธิบดีจากหลายๆประเทศรวมถึงนักข่าวกำลังใจจดใจจ่อกับบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างตื่นเต้น


    "การรวม DNA ระหว่างคนกับสัตว์ เป็นการพยายามที่จะนำลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของสัตว์มาใช้กับคน เช่น เสือ สิงโต นก หรือสัตว์อื่นๆที่ลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของมันสามารถเติมเต็มความสามารถของผู้ป่วยในด้านพันธุกรรมให้กลับมาเป็นปกติได้ คนๆนั้นจะมีความสามารถเช่นเดียวกับสัตว์ในร่างมนุษย์ แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนจะทนต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางพันธุกรรมนี้หรือไม่"


    "และเราเรียกว่าการทดลองนี้ว่า... New Born (การเกิดใหม่)"


    ไฟในห้องประชุมมืดลง จอ LED แสดงภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องแล็บเพียงลำพัง ที่ปลายเตียงมีป้ายชื่อของเขาติดไว้ว่า.....


    'คิมซูโฮ'







    "อี๋..."

    คยองซูเบ้ปากขณะฉันใช้มีดผ่าหน้าท้องของแมงมุม Brazillian Wandering Spider ออกก่อนจะดึงเครื่องในของมันทั้งหมดออกมากองไว้บนโต๊ะ

    "ฉันว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเอาเธอทำพันธุ์แน่ถ้าได้เห็นเธอกำลังเอามีดทะลวงใส้แมงมุมแบบนี้"

    "แล้วใครสนกันล่ะ" ฉันยักไหล่ตอบกลับไปอย่างกวนๆ

    หมอนั่นยัดชีสเบอร์เกอร์ใส่ปากขณะมองดูฉันกำลังดึงพิษของแมงมุมออกมาอย่างระมัดระวัง

    "เค้าว่ากันว่า...พิษของแมงมุม Brazillian Wandering Spider ช่วยรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ดีกว่าไวอะกร้าซะอีกนี่ แล้วนี่อาจารย์จะให้เราเอาพิษของมันออกมาทำอะไรกันนะ หรือว่าอาจารย์จะเอาไปใช้ทำไวอะกร้าซะเอง ฮ่าๆๆๆ.....อุ๊ปส์!!!!! ถุ๊ยยยย!!!!!"

    ฉันยัดคีมที่เพิ่งดึงเครื่องในแมงมุมออกมาใส่ปากคยองซู หมอนั่นร้องโวยวายลั่น

    "ให้ตายเถอะไอริ!!!! เล่นบ้าอะไรเนี่ย!!!!"

    "หุบปากแล้วก็รีบๆช่วยกันทำให้เสร็จเร็วๆเถอะน่า ฉันอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว..."

    หมอนั่นบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด ฉันหันไปได้ยินเสียงโทรศัพท์ของศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้นดังขึ้นระหว่างที่ศาสตราจารย์กำลังช่วยเช็ดเครื่องในแมงมุมบนหน้าของยัยโรเซ่อยู่ ยัยนั่นขู่จะฟ้องพ่อที่เป็นรองประธานาธิบดี ถ้าไม่เอาเธออกจากวิชาบ้านี่โดยเร็วที่สุด ศาสตราจารย์สั่งให้ยัยนั่นไปล้างหน้า ก่อนจะรีบเดินออกมารับโทรศัพท์ข้างนอก

    "สวัสดี...นั่นใครพูดน่ะ"

    "ด็อกเตอร์ฮอว์สกิ้น...ผม 'โอเซฮุน' เจ้าหน้าที่จาก KSR ขออภัยที่โทรมาขัดจังหวะการสอนของคุณ แต่ผมมีเรื่องอยากขอร้องให้คุณช่วย"

    "นายเป็นใครกัน..."

    "คุณช่วยมาที่สถาบันวิจัยและเพาะพันธุ์สัตว์แห่งชาติตอนนี้หน่อยได้มั้ย...มีบางอย่างที่ผมอยากให้คุณดู"






    ศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้นเดินทางมาถึงที่สถาบันวิจัยและเพาะพันธุ์สัตว์สูญพันธุ์และหายากก็ต้องตกใจเมื่อพบกับคราบเลือดและชิ้นส่วนเนื้อมนุษย์เต็มทางเดินภายในห้องทดลอง ราวกับที่นี่เพิ่งเกิดคดีฆาตรกรรมขึ้นมาหมาดๆ สัตว์ในห้องทดลองที่ถูกขังอยู่ในกรงเองก็เหลือรอดอยู่ไม่กี่ตัว สภาพศพแต่ละตัวเหมือนถูกตัวอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่กินแล้วคายซากมันออกมากองไว้ที่พื้น

    "เฮ้ๆๆๆ!!! หุบปากได้แล้ว!!! ฉันไม่ได้มาเชือดพวกแกโว้ยยย!!!"

    แบคฮยอน เจ้าหน้าที่ผมบลอนด์ของ KSR หน่วยรักษาความปลอดภัยและมั่นคงของเกาหลี ตะคอกใส่กรงหมีกริซลี่ย์อย่างหงุดหงิด ขณะพวกมันพากันส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อเห็นพวกเขา

    "พวกมันกำลังกลัว..." ศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้นเดินไปที่กรงหมีกริซลี่ย์ เขาสังเกตเห็นแววตาของมันยังคงหวาดระแวงอย่างที่ไม่เคยเป็น ทั้งที่มันเป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าที่น่ากลัวตัวหนึ่งของโลก

    "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น" ศาสตราจารย์หันมาถามหัวหน้าหน่วย KSR เขาเป็นชายร่างสูง รูปงาม เก่งกาจและมีไหวพริบ โอเซฮุนถึงกับกอดอกถอนหายใจ ขณะเดินมายืนขนาบข้างศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้น

    "นั่นคือสาเหตุที่ผมเรียกคุณมา...เพื่อจะถามว่ามันคือตัวอะไร"

    "หัวหน้าครับ..." ไค เจ้าหน้าที่ KSR อีกคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง ผมสีเขียวของเขาทำให้เขาดูเหมือนกับว่ามีใครเอาปะการังมาแปะไว้ที่หัวยังไงยังงั้น

    "ว่าไง เจออะไรมั้ย"

    "ผมตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้ว เมื่อคืนที่นี่มีการขนย้ายสัตว์จากต่างประเทศเข้ามาครับพี่ แต่ในเอกสารรับของ ไม่มีระบุว่ามาจากที่ไหน และเป็นสัตว์ประเภทไหนด้วย รปภ.ข้างล่างนั่นบอกว่าพวกเขาสั่งพวกมันเข้ามาเพื่อทำการทดลองพันธุกรรมบางอย่าง..."

    ไคยื่นเอกสารให้กับเซฮุน ในนั้นระบุว่าผู้ที่สั่งนำเข้ามาคือด็อกเตอร์โช แต่ท้ายเอกสาร คนที่เซ็นอนุญาตการนำเข้ามา......คือท่านประธานาธิบดี

    "รีบออกรถไปที่บลูเฮาส์เดี๋ยวนี้"






    หมอผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือขวดอะไรบางอย่างที่มีผ้าคลุมปิดไว้อย่างมิดชิดเข้ามาภายในห้อง และยื่นมันให้กับหมอผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังเตรียมพร้อมนำมันบรรจุลงในเข็มฉีดยา


    "หมอโชคะ แน่ใจหรอคะว่าเราจะใช้ DNA ของสัตว์ตัวนี้ ถ้าร่างกายของผู้ป่วยรายนี้ไม่ตอบสนอง มันจะทำลายอวัยวะภายในของเขาทั้งหมดเลยนะคะ ฉันว่าเราน่าจะ..."


    "หมอคัง...นี่เป็นการทดลองกับผู้ป่วยที่มีภาวะโครงสร้างทางกระดูกผิดปกตินะ ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่า DNA ของสัตว์ชนิดนี้อีกแล้วล่ะ"


    หมอโชยิ้มกริ่มอย่างพอใจ ขณะกำลังนำเซรุ่มที่พูดถึงอยู่นั้นบรรจุลงในเข็มฉีดยา ภาพตัดมาที่ใบหน้าซีดเซียวของผู้ป่วยที่นอนหลับอยู่บนเตียงเพราะฤทธิ์ยาสลบผ่านทางจอ LED ภายในห้องประชุม กระดูกทั่วร่างกายของเขาบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างเนื่องจากอุบัติเหตุ


    "ผู้ป่วยรายนี้มีชื่อว่า 'คิมซูโฮ' เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้
    โครงสร้างทางกระดูกของเขาบิดเบี้ยวอย่างผิดรูปผิดร่าง และไม่สามารถทำการผ่าตัดให้กลับมาเข้าที่เหมือนเดิมได้ เพราะกระดูกชิ้นสำคัญไปกดทับเส้นประสาทส่วนหนึ่งของสมอง ทำให้เขาไม่สามารถพูดได้ หรือเดินได้ ทำได้เพียงแค่หายใจผ่านเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น"


    คิมมุนแจอ่านประวัติของผู้ป่วยรายนี้จากแฟ้มประวัติส่วนบุคคลของโรงพยาบาล เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อหมอทั้งสองคนภายในห้องกระจกเริ่มต้นฉีดเซรุ่มเข้าที่เส้นเลือดของผู้ถูกทดลอง


    "เขากำลังฉีดเซรุ่มของสัตว์อะไรเข้าไปน่ะ" ประธานาธิบดีจากอเมริกาขมวดคิ้วอย่างสงสัย  เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ป่วยรายนี้ไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆหลังจากที่ฉีดเซรุ่มเข้าไปประมาณ 5 นาที


    หมอโชแปลกใจที่ผ่านไป 10 นาทีแล้ว แต่ผู้ป่วยรายนี้กลับยังนอนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงพูดคุยดังอื้ออึง และแขกบางรายเริ่มพากันลุกจากเก้าอี้


    "นี่คุณให้พวกเรามาดูอะไรเนี่ย...เสียเวลาชะมัด" ประธานาธิบดีจากอเมริกาลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมประธานาธิบดีจากประเทศอื่นๆ พัคคังลิมรีบเดินไปหยุดพวกเขาไว้ ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะพากันเดินออกจากประตูไป


    "เดี๋ยวก่อนครับท่าน! ผมคิดว่ามันอาจจะมีอะไรผิดพลาด ท่านน่าจะรอก่อนนะครับ ผมว่าพวกเขาจัดการได้แน่นอน!"


    "ขอโทษนะท่านรองประธานาธิบดี ผมมีธุระสำคัญหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่มีเวลามานั่งดูละครของพวกคุณทั้งวันหรอก ผมขอตัว"


    ...ตึง!!!!!


    ทุกสายตาหันกลับไปมองที่จอ LED พร้อมกันหลังจากที่ได้ยินเสียงแปลกประหลาด ทุกคนสังเกตเห็นความผิดปกติเมื่อเตียงของผู้ป่วยที่อยู่ในห้องทดลอง เคลื่อนไหวได้เองโดยที่ไม่มีใครบังคับ หมอที่อยู่ภายในห้อง 3-4 คนถอยออกมาอย่างหวาดระแวง


    "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย..."


    หมอโชเดินเข้าไปที่เตียงผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เตียงหยุดขยับเองแล้ว เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในตัวผู้ป่วย หมอคังหันไปที่จอแสดงผล โครงสร้างทางพันธุกรรมในตัวเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาชักกระตุกอย่างต่อเนื่อง กระดูกทั่วร่างกายกำลังเชื่อมต่อกันได้เองเหมือนคนปกติ หมอโชตกตะลึงเมื่อเห็นผมของผู้ป่วยรายนี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเองอย่างน่าทึ่ง


    "พระเจ้า..."


    จู่ๆหมอโชก็หยุดชะงัก นัยน์ตาทั้งสองข้างเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก ร่างของเขาค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น หมอคังและหมออีกสามสี่คนในห้องจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง


    "มะ...หมอโช..."

    "อะ...อ๊อก..."


    หมอโชพยายามดิ้นให้หลุดจากมือของคิมซูโฮที่กำลังบีบคอเขาอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองคล้ายกับงู ริมฝีปากบางแสยะยิ้มที่เห็นเหยื่อตรงหน้าไร้ทางสู้


    "นั่นเขากำลังจะทำอะไรน่ะ..."


    ประธานาธิบดีจากอเมริกาจ้องมองการกระทำของคิมซูโฮเช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆในห้องประชุมอย่างหวาดกลัว หมอคังร้องกรี๊ดเมื่อเห็นร่างของหมอโชค่อยๆไหม้เป็นขี้เถ้าตั้งแต่คอลงมาจนถึงปลายเท้า


    "ท่านประธานาธิบดี! นั่นมันอะไรกันน่ะ!" 


    คิมมุนแจอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นในจอ LED หมอที่อยู่ภายในห้องแล็บพยายามวิ่งหนีไปที่ประตูทางออก แต่วิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ร่างของพวกเขาก็ลอยเข้าไปอยู่ในเงื้อมมือของคิมซูโฮโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาของคิมซูโฮเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอีกครั้ง จากนั้นร่างของพวกเขาก็ค่อยๆไหม้กลายเป็นขี้เถ้าเช่นเดียวกับหมอโช


    "กรี๊ดดดด!!!!!!!"


    ผู้คนในห้องประชุมแตกตื่น ต่างคนต่างพยายามวิ่งหนีไปที่ประตูทางออก ซูโฮเห็นพลังของตัวเองแล้วแสยะยิ้มอย่างนึกทึ่ง เขาใช้ฝ่ามือบังคับทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องราวกับมันเป็นของเล่น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสามารถขยับร่างกายตัวเองได้ตามใจชอบ เขาอยากจะทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ เขาอยากจะไปไหนก็ได้ที่อยากจะไป และเขาอยากจะฆ่าใครก็ได้ที่อยากจะฆ่า


    หมอคังอาศัยจังหวะที่ซูโฮกำลังฆ่าหมออีกคนหนึ่ง หยิบขวดเซรุ่มทั้งหมดใส่กระเป๋านิรภัยแล้วคลานหลบออกมาจากห้องโดยไม่ให้เขาสังเกตเห็น เธอแอบวิ่งมาส่งกระเป๋าที่บรรจุเซรุ่มให้กับคิมมุนแจ


    "รีบเอามันไปให้ไกลจากที่นี่!!!"


    ซูโฮหันมาเห็นหมอคังกำลังส่งกระเป๋าที่บรรจุเซรุ่มให้กับคิมมุนแจ เขาบังคับร่างของเธอให้ลอยออกนอกกระจกหน้าต่างหล่นลงมากระแทกพื้นตายคาที่ ก่อนจะรีบตามไปแย่งมันคืนจากคิมมุนแจ




    ติ๊งต่อง!!!

    เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น ฉันยัดทุกอย่างบนโต๊ะใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ ได้เวลาที่คนของพ่อจะมารับแล้ว ฉันคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากห้องเรียนทันที แม้ไอ้บ้านี่จะยังตามตื๊อฉันไม่เลิกก็เถอะ

    "เฮ้! เดี๋ยวซิ! ไอริ! นี่เธอจะไม่ไปกับฉันจริงๆน่ะเหรอ!"

    "ไม่! ก็ฉันบอกนายแล้วไงว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ฉัน ฉันนัดกับพ่อแล้วว่าเราจะไปเจอกันที่บลูเฮาส์ แล้วเราจะไปที่สุสานของแม่ด้วยกัน"

    "ให้ตายซิ! ฉันอุตส่าห์ซื้อตั๋วมาเผื่อเธอตั้งสองใบ เธอรู้มั้ยว่างานนี้เค้าจัดกันแค่ปีละครั้งเท่านั้นนะ!" คยองซูหยิบตั๋วคอนเสิร์ทออกมาจากกระเป๋าด้วยสีหน้าผิดหวัง

    "แล้วใครใช้ให้นายไสหัวไปซื้อก่อนโดยไม่ถามฉันซักคำล่ะ!" ฉันดึงบัตรจากมือหมอนั่นออกมาใบนึงอย่างหงุดหงิด "เดี๋ยวฉันให้อเล็กซ์ไปเป็นเพื่อนนายแทนก็แล้วกัน ถ้านายปอดแหกนักละก็....."

    ตุ้บ!

    "เฮ้! เดินดูทางบ้างซิ! มัวแต่จีบกันอยู่หรือยังไง" ชานยอล นักเลงอันธพาลประจำโรงเรียน หันมาโวยวายลั่นใส่ฉันที่ฉันทำแก้วกาแฟของเขาตกพื้น เฮอะ มาเดินชนฉันเองแท้ๆ แล้วยังมีหน้ามาตะคอกใส่ฉันอีก 

    "เดี๋ยวก่อนพวก...ดูซินี่อะไร" เฉิน เพื่อนของชานยอลหยิบบัตรคอนเสิร์ท EDM ที่ตกพื้นของคยองซูขึ้นมาตาเป็นมัน 

    "ไอ้เปี๊ยกนี่มันมีบัตรคอนเสิร์ท EDM ที่ฉันตามหาอยู่ด้วยว่ะ!" 

    "แจ๋วไปเลย! ถ้างั้นวันนี้เราเปลี่ยนไปที่นี่กันดีกว่ามั้ยลูกพี่!" 

    ซิ่วหมิน นายคนที่ตัวเล็กสุดในแก๊งหันไปถามชานยอล หมอนั่นหันมายิ้มเยาะให้ฉันกับคยองซู

    "ก็ดีเหมือนกัน ฉันอยากจะไปหาอะไรสนุกๆทำอยู่พอดี...ขอบใจนะไอ้เปี๊ยก

    ชานยอลตบบัตรคอนเสิร์ทใส่หน้าผากคยองซูอย่างกวนๆ ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่รองเท้าของเขาซ้ำอีกครั้ง

    "ฮ่าๆๆๆๆ"

    ฉันกัดฟันมองหมอนั่นเดินจากไปอย่างเจ็บใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามาหาเรื่องฉันกับคยองซูแบบนี้ เป็นเพราะพ่อของชานยอลเป็นเจ้าของโรงเรียนและเป็นรองประธานาธิบดี (หมอนี่กับยัยโรเซ่เป็นพี่น้องกัน) หมอนั่นเลยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ เพราะยังไงเขาก็ไม่ถูกลงโทษอยู่แล้ว ใช่ มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ไม่แปลกที่ฉันจะเกลียดขี้หน้าหมอนั่น รวมถึงยัยโรเซ่ และพ่อของเขามาก ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นมือขวาพ่อของฉันก็เถอะ

    ฉันหันไปมองคยองซู แต่หมอนั่นร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    "บัตรนั่น...ฉันอดหลับอดนอนทั้งคืนกว่าจะกดมันมาได้ ไอ้พวกเวรเอ๊ย!!!"

    "ช่างมันเถอะน่า..." ฉันปลอบใจหมอนั่นอย่างเซ็งๆ ถึงจะรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องไปคอนเสิร์ทบ้านั่นแล้วก็เถอะ "นายอยากเปลี่ยนไปเที่ยวบลูเฮาส์กับฉันแทนมั้ยล่ะ"






    ".....ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุสะเทือนขวัญที่บลูเฮาส์วันนี้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 325 ราย!!! ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ...ร่างของผู้เสียชีวิตทุกรายล้วนกลายเป็นขี้เถ้าเหมือนกับถูกไฟไหม้!!! ทั้งที่ไม่มีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่เลยแม้แต่บริเวณเดียว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามอพยพผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ในอาคาร รวมถึงค้นหาท่านประธานาธิบดี ก่อนที่คิมซูโฮ ฆาตกรมนุษย์กลายพันธุ์ จะสังหารทุกคนที่หลงเหลืออยู่ ระหว่างนี้ขอให้ประชาชนทุกคนจงหลบอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกมาข้างนอก เพราะนี่คือสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง!!! ย้ำ!!! ขอให้ประชาชนทุกคนจงหลบอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกมาข้างนอก....."


    ภาพตัดมาที่ร่างผู้เสียชีวิตที่นอนตายเกลื่อนกลาดอยู่เต็มบริเวณทางเดินภายในบลูเฮาส์ ศพทุกรายมีสภาพไหม้เกรียมกลายเป็นขี้เถ้าอย่างน่าเหลือเชื่อ

    "มันเป็นไปได้ยังไง"

    ศาสตราจารย์ฮอว์สกิ้นตัดสินใจค้นหาสาเหตุการเสียชีวิตอันน่าแปลกประหลาดนี้จากในแล็ปท็อประหว่างทางมุ่งหน้าไปที่บลูเฮาส์ แต่สิ่งที่เขาพบมันทำให้เขาแทบกลั้นหายใจ

    "พระเจ้า..."

    สิ่งที่พวกเขานำมาทดลอง มันคือสัตว์โบราณในตำนานที่แทบไม่น่าจะมีชีวิตอยู่อีกแล้วในปัจจุบัน 

    "มีอะไรหรอด็อกเตอร์"

    เซฮุนชะโงกหน้ามาดูที่หน้าจอของแล็ปท็อป คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเป็นปม

    "พวกเขาไม่ได้กำลังช่วยโลก...แต่พวกเขากำลังสร้างอสุรกาย"

    ตัวอักษรเล็กๆใต้ภาพของงูยักษ์สีเขียวที่มีหัวเป็นหงอนสีแดง นัยน์ตาสีเหลืองของมันสามารถฆ่าคนได้ทันทีเพียงแค่จ้องมอง


    'บาซิลิสก์...ราชาแห่งงู'





    "....ฮ่าๆๆๆ เธอจะบอกว่าที่บลูเฮาส์มีชั้นใต้ดินไว้สำหรับเก็บซากฟอสซิลของสัตว์สูญพันธุ์และหายากทั่วโลกเนี่ยนะ ล้อเล่นใช่หรือเปล่าเนี่ย..."

    คยองซูกลั้นหัวเราะขณะหยิบแครกเกอร์ใส่ปากไปด้วยอย่างขำขัน

    "ใช่ พ่อฉันมีงานอดิเรกแปลกประหลาด เขาเชื่อว่า DNA ของพวกมันจะช่วยชีวิตคนพิการบนโลกได้อีกเป็นจำนวนมาก ฉันไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่ฉันไม่เคยลงไปที่ข้างล่างนั่นหรอก..."  ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    "อเล็กซ์ นายอยู่ที่บลูเฮาส์มาเกือบสิบปี นายเคยลงไปที่ชั้นใต้ดินบ้างหรือเปล่า" คยองซูหันไปถามคนขับรถของพ่อที่กำลังหัวเสียกับรถติดบนสะพานข้ามแม่น้ำฮัน รถของพวกเขาไม่ขยับไปไหนเลยมาสองชั่วโมงแล้ว

    "ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปที่นั่นตามคำสั่งของท่านประธานาธิบดี...พวกคุณเองก็ไม่ได้รับอนุญาตด้วยเช่นกัน"

    คยองซูหันมามองหน้าฉันพลางยิ้มแหยๆ

    "ฉันหวังว่าพ่อเธอคงไม่ได้เลี้ยงไดโนเสาร์ไว้ที่ข้างล่างนั่นหรอกนะ"

    ฉันหลุดหัวเราะกับมุกตลกไร้สาระของหมอนั่น เลยไม่ทันสังเกตเห็นผู้คนที่วิ่งแตกตื่นออกมาทางฝั่งตรงข้ามของถนน เพราะไม่ถึงครึ่งชม.ถัดมา รถของพวกเราก็ขับมาจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าของบลูเฮาส์แล้ว

    "อเล็กซ์...นายแน่ใจหรอว่าพาเรามาไม่ผิดที่ ทำไมที่นี่ดูอย่างกับอาคารร้างยังไงยังงั้นแหละ"

    ฉันมองไปรอบๆอย่างแปลกใจ คยองซูพูดถูก ที่นี่ดูเหมือนกับเพิ่งเกิดสงครามมาหมาดๆอย่างนั้นแหละ รอบๆบริเวณเต็มไปด้วยกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากด้านในอาคาร ตลอดทางที่เราขับผ่าน ฉันยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่สุนัขตัวเดียว

    "พ่อบอกว่าวันนี้จะมีการจัดประชุมสหประชาชาติขึ้นที่นี่ แต่ทำไมไม่เห็นมีใครซักคน พวกนายคิดว่าเราควรเข้าไปดูข้างในกันดีมั้ย?" ฉันหันมาถามอเล็กซ์กับคยองซู 

    "เชิญพวกนายสองคนเข้าไปสำรวจกันตามสบาย ฉันขอรออยู่ข้างนอกคนเดียวก็แล้วกันนะ" 

    คยองซูรีบหมุนตัวกลับไปที่รถทันที แต่ฉันกระชากเสื้อหมอนั่นไว้

    "อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยน่า...เมื่อกี๊นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอยากลงไปที่ชั้นใต้ดิน" 

    "ใช่...แต่ตอนนี้ไม่อยากแล้ว" คยองซูพูดเสียงอ่อย "เฮ้! รอเดี๋ยวซิ! ไอริ!"




    คิมมุนแจรุดมาที่ชั้นใต้ดินเพื่อทำลายหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทดลองในครั้งนี้ เขาส่งอีเมล์หาใครบางคนก่อนที่ซูโฮจะมาถึง และรีบนำเซรุ่มทั้ง 5 อันที่เหลืออยู่นี้ไปทำลายทิ้งให้สิ้นซาก



    ในนี้มืดสนิท ฉันต้องเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเพื่อนำทาง แต่คยองซูดันเกิดเผลอสำลักควันเข้าไปจนไอออกมาไม่หยุด เขาวิ่งเข้าไปหลบควันในห้องที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนที่หมอนั่นจะเผลอไปเหยียบอะไรบางอย่างเข้าที่พื้น

    "พระเจ้าช่วย!!!!! ไอริ!!!!! อเล็กซ์!!!!! พวกนายรีบมาที่นี่เร็วเข้า!!!!!"

    "เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ยคยองซู...เกิดเผลอไปเหยียบกับระเบิดเข้าหรือยังไง" ฉันเดินตามหมอนั่นเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด 

    "ฉะ...ฉันว่านี่มันน่ากลัวยิ่งกว่ากับระเบิดอีก...ดูซิ"

    คยองซูสาดไฟฉายไปที่พื้นทั่วทั้งห้อง ร่างไหม้เกรียมนอนตายกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย....

    "เธอบอกว่าที่บลูเฮาส์มีห้องสำหรับทดลองพันธุกรรมด้วยใช่มั้ย มันใช่ที่นี่หรือเปล่า..."

    ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าศพที่อยู่ในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นศพของด็อกเตอร์ เพราะพวกเขาใส่ชุดกาวน์สีขาวเหมือนกันหมด ฉันเดินทะลุเข้าไปยังห้องที่อยู่ติดกัน ห้องนั้นคือห้องจัดการประชุมสหประชาชาติแน่ๆ เพราะศพครึ่งนึงที่อยู่ในนั้นเป็นชาวต่างชาติ และอีกครึ่งนึงน่าจะเป็นพวกนักข่าวกับประชาชนทั่วไปที่มาเข้าร่วมการประชุม

    "เราต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้" อเล็กซ์เดินเข้ามาลากแขนฉันกับคยองซู แต่ฉันสะบัดมือเขาทิ้ง

    "ไม่...ฉันต้องตามหาพ่อของฉัน"




    "ตี๊ดๆๆๆๆ....." สัญญาณที่จอแสดงผลภายในรถร้องเตือนว่ามีสิ่งผิดปกติกำลังเคลื่อนเข้าไปยังพื้นที่อันตราย ณ ตอนนี้

    "หัวหน้าครับ...เราตรวจพบคลื่นความร้อน 2 จุดอยู่บริเวณห้องทดลองในบลูเฮาส์ครับ" แบคฮยอนหันมารายงานกับเซฮุน

    "แล้วอีกจุดนึงล่ะ"

    แบคฮยอนหันไปที่จอแสดงผลอีกครั้ง จุดสีแดงอีกจุดนึงกำลังเคลื่อนเข้ามาหาจุดสีแดงจุดแรกด้วยความเร็ว สัญญาณเตือนร้องดังถี่อย่างควบคุมไม่อยู่ แบคฮยอนหน้าถอดสี

    "....มันอยู่ข้างหลังพวกเขาครับ"





    อเล็กซ์โกรธที่ฉันดื้อดึงไม่ยอมไป เขาเดินเข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรง

    "นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมานั่งร้องไห้อยู่นะครับคุณหนู! ป่านนี้ท่านประธานาธิบดีคงหนีออกไปได้แล้ว! ถ้าเราไม่รีบหนีตอนนี้ พวกเรานี่แหละที่จะตายกันหมด!.....อ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!!!"


    ร่างของอเล็กซ์ถูกดึงเข้าไปอยู่ในเงื้อมมือของใครบางคน ผู้ชายที่มีใบหน้าซีดเซียวเหมือนปีศาจ ผมสีแดงเพลิง นัยน์ตาสีเหลืองที่เหมือนกับงู ฉันอ้าปากค้าง เมื่อเห็นร่างของอเล็กซ์ค่อยๆไหม้เกรียมก่อนสลายกลายเป็นขี้เถ้า


    "มัวยืนทำอะไรอยู่เล่า! รีบหนีเร็วเข้าไอริ!"




    เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ฉันกับคยองซูมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันกับคยองซูพยายามวิ่งหาที่ซ่อนอย่างไร้จุดหมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีที่ไหนให้ซ่อนได้เลยในบลูเฮาส์แห่งนี้

    "มะ...หมอนั่นเป็นตัวอะไร! เขา...เขาฆ่าอเล็กซ์แบบนั้นได้ยังไง!"

    "เบาๆซิ! นายอยากให้หมอนั่นตามมาฆ่าพวกเราอีกคนงั้นเหรอ!" ฉันตวาดใส่หมอนั่นอย่างโมโห

    ข้างหน้าฉัน มีป้ายหน้าประตูติดไว้ว่าห้องทำงานของพ่อ ฉันตัดสินใจผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว เผื่อว่าจะเจอพ่ออยู่ข้างในนั้น แต่ก็ไม่เจอใครเลยซักคน

    "นี่เป็นห้องทำงานพ่อเธอหรอ" คยองซูเดินสำรวจห้องไปรอบๆอย่างรู้สึกทึ่ง

    "ใช่" ฉันเดินไปที่โต๊ะทำงานของพ่อ มีแฟ้มชื่อว่า 'New Born' วางอยู่บนโต๊ะ ข้างในเป็นประวัติของผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านพันธุกรรมหลายรายที่ถูกคัดเลือกให้นำมาทดลองทางพันธุกรรม หนึ่งในนั้นคือ คิมซูโฮ

    "...เขาเป็นผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านพันธุกรรม โครงสร้างกระดูกบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีที่แล้ว" ฉันอ่านประวัติของคิมซูโฮจากแฟ้ม "พวกเขาฉีด DNA ของสัตว์อะไรบางอย่างเข้าไปในตัวคิมซูโฮ และมันทำให้เขากลายเป็น New Born"

    "ฮะ?"  คยองซูทำหน้างง "New Born คืออะไร"

    เพล้ง!

    คยองซูเผลอชนเข้ากับแจกันดอกไม้บนโต๊ะพ่อ ทำให้มันหล่นลงมาแตกเสียงดังสนั่น

    "เวรแล้ว!"

    ฉันกับคยองซูวิ่งเข้าไปหลบหาที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว ให้ตายเถอะ หวังว่าคิมซูโฮคงจะไม่ได้ยินหรอกนะ!

    "เป็นอะไรของนายเนี่ยคยองซู!" คยองซูทำท่าดิ้นไปดิ้นมาแปลกๆเหมือนมีตัวอะไรซักอย่างอยู่ในเสื้อของเขา

    "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน! อ๊ากกก! ให้ตายเถอะ!" คยองซูตัดสินใจลุกขึ้นสะบัดเสื้ออย่างรำคาญ มีแมงมุมนับสิบๆตัววิ่งออกมาจากในเสื้อของเขา มันกำลังวิ่งหนีไปที่หน้าต่างอย่างพร้อมเพรียง

    "แมงมุมพวกนี้มาจากไหนกันเนี่ย!" คยองซูกับฉันเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบน แมงมุมอีกหลายตัววิ่งออกมาจากในตู้ชั้นหนังสือที่พวกเราซ่อนอยู่ เหมือนพวกมันกำลังหนีอะไรบางอย่าง


    หรือว่า...!!!?


    จู่ๆร่างของคยองซูก็ค่อยๆลอยขึ้น ชายผมสีแดงผู้มีนัยน์ตาสีเหลืองเหมือนกับงู บังคับร่างเขาให้ลอยไปทะลุประตูกระจกจนมันหล่นมาแตกทั้งบาน คยองซูนอนเลือดอาบอยู่ที่พื้นไม่ได้สติ

    "คยองซู!!!"

    ฉันวิ่งไปหาคยองซูด้วยความเป็นห่วง แต่กลับไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้อย่างที่ต้องการ ร่างฉันลอยเข้าไปหาซูโฮโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าลำคอของฉันค่อยๆร้อนขึ้นๆ เหมือนมันกำลังจะไหม้ 
    ฉันกรีดร้องอย่างเจ็บปวด มันเหมือนกับว่าร่างกายของฉันกำลังถูกเผาเป็นขี้เถ้าเหมือนคนพวกนั้นแล้ว......


    ปัง! ปัง! ปัง!


    เสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ร่างของฉันร่วงลงไปกับพื้น ซูโฮกราดสายตาโกรธเกรี้ยวไปที่เจ้าของกระสุนอย่างโกรธจัด

    "ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นนัดต่อไปคือที่หัวของแก"

    "พ่อ!!!" น้ำตาฉันไหลออกมาเมื่อเห็นพ่อ พ่อยังไม่ตายจริงๆด้วย 

    ซูโฮหันไปหาพ่อของฉันพลางแสยะยิ้มอย่างชอบใจ

    "ไม่เอาน่าท่านประธานาธิบดี" ซูโฮยกฝ่ามือขึ้นบังคับปืนให้หันไปทางหัวของพ่อแทน

    "ท่านน่าจะเล็งที่หัวของผมตั้งแต่แรกแล้ว"

    "อย่านะ!!!"

    "ส่งเซรุ่มนั่นมาให้ผม...ไม่งั้นนัดต่อไปคือหัวของท่านเอง"

    ...หมอนั่นพูดถึงเซรุ่มอะไร! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อของฉัน!

    "ว่ายังไงล่ะท่านประธานาธิบดี หรืออยากจะให้มันไปอยู่ที่หัวของลูกสาวท่านแทน" ซูโฮบังคับกระบอกปืนให้หันมาทางฉัน

    สีหน้าของพ่อกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่สุดท้ายพ่อก็ยอมเลือกทิ้งทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของฉัน

    "ถึงแม้ว่าแกจะได้สิ่งที่แกต้องการไป แต่แกไม่มีวันเป็นพระเจ้าอย่างที่แกต้องการหรอก"

    ซูโฮแสยะยิ้มขณะยื่นมือรับกระเป๋านิรภัยที่บรรจุเซรุ่มจากพ่อ ฉันสังเกตเห็นนัยน์ตาของเขากลายเป็นสีเหลืองอีกครั้ง

    "ไม่นะพ่อ....."

    ร่างของพ่อลอยเข้าไปอยู่ในเงื้อมมือซูโฮโดยไม่คาดคิด พ่อพยายามหลับตาเพื่อไม่ให้สบนัยน์ตาของเขา แต่คิมซูโฮกลับใช้พลังของตัวเองบังคับให้พ่อลืมตาขึ้น ฉันวิ่งไปคว้าปืนที่ตกอยู่ที่พื้นยิงใส่หมอนั่นจนหมดแม็ก แต่ปืนกลับทำอะไรหมอนั่นไม่ได้เลยซักนิดเดียว

    "ปล่อยพ่อของฉันนะไอ้ปีศาจ!!! ฉันบอกให้ปล่อย!!! โอ๊ย!!!"

    ซูโฮบังคับร่างฉันให้ลอยไปกระเด็นติดกำแพง ก่อนหันนัยน์ตามาที่พ่อของฉันอีกครั้ง

    "หมดยุคของพวกคนอ่อนแอที่จะปกครองโลกนี้แล้วท่านประธานาธิบดี..."

    พ่อพยายามดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมือของซูโฮอย่างยากลำบาก ส่วนลำคอของพ่อลงมาเริ่มไหม้เกรียมเป็นสีดำเข้ม

    "เพราะตั้งแต่นี้ไป...มันจะเป็นยุคของ New Born"


    พลั่ก!!!


    ฉันคว้าเก้าอี้ทุ่มไปที่กลางลำตัวของหมอนั่นจากด้านหลัง ทำเอาหมอนั่นล้มลงไปกับพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะรีบพาพ่อหนีออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด

    "แก!!!!!!"

    ฉันกับพ่อรีบตรงไปยังทางออกที่เราเข้ามา ร่างกายของพ่อเริ่มไหม้เกรียมไปทั้งตัว จนพ่อไม่มีแรงพอจะเดินไหว

    "อดทนอีกนิดเดียวค่ะพ่อ...หนูจะรีบพาพ่อไปโรงพยาบาล" 

    พ่อล้มลงไปอีกครั้ง ฉันเพิ่งสังเกตว่าขาของพ่อกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว ฉันเอามือปาดน้ำตาออก พยายามไม่ให้พ่อเห็นว่าฉันร้องไห้

    "จะถึงแล้วค่ะพ่อ....ฮึก....อีกนิดเดียว....พวกเราก็จะได้กลับบ้านกันแล้ว"

    "ทิ้งพ่อไว้ที่นี่เถอะไอริ...พ่อกำลังจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว"

    "ไม่...ไม่...ไม่...พ่อยังมีทางหาย หนูจะพาพ่อไปหาศาสตราจารย์"

    "ฟังพ่อนะไอริ...ลูกยังมีชีวิตอยู่...ลูกต้องอยู่ต่อไป อยู่เพื่อแก้ไขสิ่งที่พ่อทำเอาไว้...ทำเพื่อพ่อได้มั้ยไอริ..."

    เสียงของพ่อเริ่มเบาลง เป็นเพราะช่วงลำตัวของพ่อจนถึงขากลายเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว

    "ไม่....หนูจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีพ่อ....ฮือ...."

    พ่อล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันคือเซรุ่มอีกอันนึงที่พ่อขโมยมันออกมาจากกระเป๋าใบนั้นก่อนยื่นมันให้ซูโฮ

    "นี่มัน...."

    "มันจะทำให้ลูกปลอดภัย...และไม่มีใครมาทำอันตรายใดๆกับลูกได้"

    พ่อแทงเข็มฉีดยาเข้าที่แขนของฉันเข้าอย่างจัง ฉันรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด ราวกับมีคนเอามีดมากรีดข้างในร่างกายฉัน ฉันหันไปมองพ่อ แต่ร่างของพ่อกลายเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว


    โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับฉันเลยจริงๆ ทำไมต้องพรากทั้งพ่อทั้งแม่ไปจากฉัน แล้วจะให้ฉันอดทนอยู่ต่อบนโลกนี้ต่อไปคนเดียวได้ยังไง ฮือ.....


    ฉันพยุงร่างกายตัวเองให้ไปถึงทางออกอย่างลำบาก คยองซูยังอยู่ในนั้น ฉันต้องรีบตามคนมาช่วยเขา


    ตุ้บ!


    ฉันไม่รู้ว่าตัวเองล้มลงไปอยู่ที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้ฆาตรกรดังก้องอยู่ในหัวของฉัน

    "น่าเสียดายจริงๆท่านประธานาธิบดี...ที่ท่านไม่ได้เห็นศพของลูกสาวตัวเองก่อนตาย"

    ร่างของฉันลอยเข้าไปอยู่ในเงื้อมมือซูโฮอีกครั้ง

    "ฆ่าฉันเลย...ฉันพร้อมที่จะตายแล้ว"

    ซูโฮหัวเราะเหมือนคนบ้าคลั่ง ลำคอของฉันรู้สึกร้อนผ่าว ก่อนที่หูของฉันจะได้ยินเสียงเหมือนมีวัตถุบางอย่างพุ่งมาปักที่ตัวซูโฮ 

    "ตี๊ดๆๆๆๆ"

    "อะไรเนี่ย..." ซูโฮดึงวัตถุบางอย่างที่คล้ายลูกธนูออกจากตัว ก่อนมันจะระเบิดใส่ร่างกายเขาเละเป็นชิ้น แต่ไม่นานชิ้นส่วนต่างๆก็ประกอบเข้าด้วยกันใหม่ และรีบย้ายร่างหนีไปก่อนที่เซฮุนจะยิงลูกธนูลูกที่สองพุ่งใส่เขาอีกครั้ง

    "มันหนีไปแล้ว" 

    เซฮุนเก็บลูกธนูเข้าที่เดิมอย่างหงุดหงิด เขาเดินตรงมาที่ร่างของไอริที่นอนสลบอยู่ 

    "เธอยังไม่ตาย..."

    ฉันลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนกับว่าใครบางคนกำลังอุ้มร่างฉันขึ้นมา ผู้ชายร่างสูง ผมดำ นัยน์ตาสีน้ำตาลที่แสนเย็นชา

    "พ่อ...."





    พระเอกได้เจอกับนางเอกซะที 55555
    ตอนต่อไป มาดูกันว่าเซฮุนจะรับมือ
    กับคนหัวแข็งอย่างไอริได้มั้ยยย
    ต้องติดตามค่าาาา



                                                                     ทีม AGENT                                                       ทีม NEW BORN


                    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่าาา~          

            













              

              

             


              





                     












              

              
    ♔THEORA
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×