ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระเริงร่าน ละลานลอง

    ลำดับตอนที่ #1 : ก็รักมันห่วย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 594
      5
      15 ก.พ. 60

    พันธิตาเช็ดมือลวก ๆ กับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ นาฬิกาติดผนังบอกเวลาอีกยี่สิบนาทีสองทุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวดเล็กน้อยแล้วเร่งออกจากครัวเพื่อไปรับหน้าสามี

    “วันนี้วันศุกร์ แต่พี่วัตถึงบ้านเร็ว แปลกจังค่ะ หรือรถไม่ติดคะ” เธอร้องทักเสียงใส ใบหน้ารูปไข่ขาวนวลแต้มยิ้มสดชื่นขณะเดินไปเปิดตู้เย็นที่เคาน์เตอร์บาร์

    “ออกจากออฟฟิศเร็ว และรถก็ติดน้อยกว่าที่คิดนิดหน่อย” เขาตอบสบาย ๆ พลางวางกระเป๋าหนังสำหรับใส่เอกสารไว้บนตู้เอนกประสงค์ที่ตั้งใกล้ประตูและหย่อนพวงกุญแจรถยนต์ลงบนถาดเซรามิกที่อยู่บนหลังตู้ใบเดียวกัน

    เมื่อร่างท่วมสูงใหญ่หันกลับมาแก้วน้ำดื่มใสสะอาดก็วางรอท่าที่โต๊ะกลาง มีภรรยาสาวร่างแบบบางยืนยิ้มรอท่า เป็นปกติเช่นทุกครั้ง

    “ข้าวเย็นยังไม่เสร็จเลยค่ะ พี่วัตหิวหรือยังคะ กินผลไม้รองท้องก่อนไหม แอ๋มไม่นึกว่าวันนี้พี่จะถึงบ้านเร็ว” ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าเป็นความผิด แต่เธอก็พูดเสียงอ่อนแววตาฉายแววรู้สึกผิด เพราะเกรงใจสามีที่ไปทำงานมาเหนื่อย ๆ จะต้องรอคอยด้วยความหิวโหย

    “พี่รีบกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอดีค่ำนี้มีเลี้ยงรับรองลูกค้า อาจจะกลับดึกนิดหน่อยแอ๋มไม่ต้องรอนะ” พูดจบเขาก็ก้าวยาว ๆ ขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนบนชั้นสอง ภรรยาสาวมองตามหลังด้วยความผิดหวัง

    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาพันธิตายืนส่งสามีที่หน้าบ้าน ดวงตาแสนเศร้ามองตามแผ่นหลังกว้างของสามีหายออกจากช่องประตูรั้ว เธอเข้าใจแล้ว ทำไมตอนเขาเข้าบ้านเสียงรถยนต์จึงเบานัก ก็เพราะเขาไม่ได้ขับมันมาจอดในโรงรถนั่นเอง

    หญิงสาวเดินเงื่องหงอยกลับไปในครัว เปิดตู้เย็นขนาดใหญ่จัดการเก็บผักสด เนื้อสดและเครื่องปรุงต่าง ๆ วัตถุดิบสำหรับสองคนเมื่อเหลือเธอเพียงลำพังที่เตรียมไว้ก็มากเกินไป ครั้นจะทำกับข้าวเพื่อกินคนเดียวก็ไม่มีแก่จิตแก่ใจ เธอเปิดหม้อหุงข้าวหอมกรุ่นควันฉุย คดข้าวใส่จานตักแกงชืด ๆ ที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อสายราดลงบนข้าวพอชุ่ม แล้วถือจานมานั่งกินข้าวเงียบ ๆ ที่โต๊ะเตรียมอาหารในครัว แม้จะผ่านมาหลายชั่วโมงรสชาติกับข้าวยังดีใกล้เคียงตอนทำเสร็จใหม่ ๆ ที่มันแย่คือความรู้สึกเหว่ว้าทับถมในใจ...วันแล้ววันเล่า...

    ข้าวพร่องไม่ถึงครึ่งจานช้อนส้อมก็ถูกรวบ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าริมฝีปากบางเม้มสนิทเหมือนกลั้นบางอย่างเมื่อคว้าแก้วน้ำขึ้นจิบเพื่อไล่บางสิ่งลงคอ บางสิ่งบางอย่างนั้นที่จริงมันคือความน้อยใจรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนก่อมวลเป็นสะอื้นลูกย่อมที่พร้อมจะทะลักไหลไปกับน้ำ...เธอกลืนก้อนสะอื้นลงอกกลั้นน้ำตาไหลย้อนท่วมใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาผู้เป็นสามีไม่เคยรู้หรืออาจจะรู้แต่ไม่สนใจ...

    ห้าปีเต็มย่างเข้าสู่ปีที่หก เป็นเวลาที่พันธิตากับภาวัตแต่งงานอยู่กินเป็นคู่ผัวตัวเมียถูกกฎหมาย ตรงตามขนบจารีตประเพณี ช่วงข้าวใหม่ปลามันชีวิตสมรสดูมีสีสันกว่าทุกวันนี้ น้อยครั้งที่เขาจะปล่อยเมียรักอยู่ตามลำพังทั้ง ๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง ตอนนั้นเธอกับเขาอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมขนาดสองห้องนอนไม่หรูหราแต่ก็ทันสมัย หลังผ่านไปสามปีกิจการส่งออกอาหารแช่แข็งของภาวัตไปได้ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาขยับขยายมาซื้อบ้านเดี่ยวย่านชานเมืองมูลค่าสิบกว่าล้านบาทและพาเมียสาวย้ายมาอยู่ที่นี่พร้อมขอให้เธอลาออกจากงานรายได้น้อยนิดไม่คุ้มการเดินทางที่จะว่าไปก็ไกลคนละมุมเมือง

    นับถึงวันนี้ก็สองปีเศษ ๆ ที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า ประมาณครึ่งปีแรกภาวัตกลับบ้านมากินข้าวเย็นกับพันธิตาเกือบทุกวัน ค่ำไหนจะผิดเวลาก็โทรบอกล่วงหน้าไม่เคยปล่อยให้รอเก้อ ในฐานะภรรยาที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวแม้เขาจะจ้างคนทำงานบ้าน แต่เธอก็ให้มีผู้ช่วยเพียงสัปดาห์ละสองครั้ง พันธิตาบอกสามีเสมอเธอมีความสุขดีที่ได้ดูแลบ้านช่องห้องหับ เตรียมสำรับกับข้าวของดีกินอร่อยไว้คอยสามีด้วยตัวเอง ชีวิตคู่ดูอบอุ่นสมบูรณ์พรั่งพร้อมเหลือเกิน เพื่อน ๆ ทั้งของเขาและเธอเคยพูดชมต่อหน้าบ่อย ๆ ชีวิตคู่ของพันธิตากับภาวัตช่างน่าอิจฉา ทุกวันนี้คนภายนอกก็ยังพูดเหมือนเดิม

    ใคร ๆ ก็บอกพันธิตาโชคดีที่ได้สามีเป็นอยู่ใหญ่ เพราะอายุห่างกันเกือบเก้าปี เขาเป็นชายหนุ่มหน้าหยกเชื้อสายจีนมาดนิ่งดูดี นิสัยค่อนข้างละเอียดถี่ถ้วนขยันขันแข็งหาเงินเก่งมาก จากพ่อค้าวิ่งส่งวัตถุดิบให้ร้านอาหาร พากเพียรจนสบช่องทางพากิจการก้าวหน้าถึงขั้นเปิดโรงงานอาหารแช่แข็งสร้างแบรนด์ส่งออกไปยังโรงแรมห้าดาวในประเทศเพื่อนบ้าน ภาวัตเคยพูดเป็นดั่งปฏิญาณจะยอมทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่มั่นคง

    เธอไม่ใช่ผู้หญิงหัวก้าวหน้าหรือเก่งกาจ ไม่ใช่คนสวยเจิดจรัส แต่โดดเด่นด้วยเรือนกายคมชัดทุกสัดส่วน ที่ต้องเว้าก็อ้อนแอ้นอรชร ที่ต้องโค้งนูนก็อวบอัดหนั่นแน่นน่าจับจ้อง รูปร่างสูงพอดีที่ร้อยหกสิบเซนติเมตร ไม่ผอมไม่อ้วนประกอบกับผิวขาวนวลผ่องเป็นยองใย ใบหน้ารูปไข่หากแต่งเติมเพิ่มสีสันก็ช่วยให้ดูดีขึ้น แต่จะดีกว่านี้ถ้าจมูกจะโด่งอีกนิด ตาจะโตกว่านี้อีกสักหน่อย แม้บุคลิกค่อนข้างขี้อาย หลายครั้งถูกมองเป็นคนหัวอ่อนขาดความมั่นใจ หลาย ๆ คนอาจไม่ชอบความจืดชืด ทว่าเธอกลับเป็นที่ถูกจริตภาวัตยิ่งนัก ช่วงคบหาดูใจเขาบอกชัดเจนว่าชอบผู้หญิงเรียบร้อยใจเย็นไม่พูดมาก เก่งการบ้านงานเรือนเปรียบเป็นหลังบ้านที่เขาไม่ต้องพะวงใด ๆ พันธิตาก็เป็นคนเช่นนั้นโดยเนื้อแท้

    เหตุที่เธอตกลงแต่งงานกับเขาก็เพราะตกหลุมรักความแตกต่างที่ลงตัว ในตอนนั้นเธออายุยี่สิบสามปีทำงานเป็นเสมียนในบริษัทชิปปิ้ง เพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานถูกอัธยาศัยเด็กดีก็แนะนำเธอรู้จักกับภาวัต เขาเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์อายุสามสิบสองปีบุคลิกกล้าคิดกล้าตัดสินใจ เด็ดขาด คล่องแคล่วชาญฉลาดสร้างความประทับใจอย่างมาก เวลานั้นถึงเขาจะเป็นเพียงพ่อค้าอาหารทะเลหน้าใหม่ ยังต้องวิ่งรอกเจาะตลาดขอเอาสินค้าไปขายตามร้านอาหารขนาดกลาง ร้านใหญ่ ๆ ยังไม่กล้าไว้ใจ ยังไม่มีทีท่าจะร่ำรวยเธอก็ยินดีคบหาผูกสมัครรักใคร่จากใจจริง คิดย้อนกลับไปคราวแรกคบกันบ้านหลังใหญ่ราคาสิบกว่าล้านบาทช่างไกลเกินฝันใฝ่

    ศึกษานิสัยใจคอควงแขนเป็นแฟนครบหนึ่งปี ภาวัตก็ขอพันธิตาแต่งงาน คุณสมบัติของเขาโดดเด่นถูกอกถูกใจขนาดนั้นเธอตอบตกลงแทบไม่ต้องคิด แต่ไม่ลืมย้ำใจความสำคัญ จากนี้ต่อไปเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันไม่ว่าจะขัดสนข้นแค้นหรือมั่งมีสักเท่าใด ขอให้เขารักและซื่อสัตย์กับเธอเท่านั้น เธอก็ยินดีที่จะมอบชีวิตจิตใจเทิดทูนเขาเป็นสามีคนเดียวชั่วชีวิต...

     

    เที่ยงคืนล่วงมาหลายสิบนาทีแล้ว สามีอยู่ที่ไหนทำอะไรกับใครเธอไม่อาจรู้ และการโทรถามก็ไม่เป็นผลดี ภาวัตออกอาการหงุดหงิดไม่ชอบให้เมียตามจิกเร่งรัดไม่เข้าท่า ในวันที่เมียโทรหาด้วยความเป็นห่วงเขากลับต่อว่าเธอไม่ไว้ใจกัน นั่นจึงเป็นครั้งเดียวที่พันธิตาโทรตามสามี

    เกือบปีมานี้ภาวัตกลับบ้านดึกดื่นหลังเที่ยงคืนอย่างน้อย ๆ ก็สัปดาห์ละสามวัน ยังดีที่กลับมานอนบ้านทุกวัน แม้วันเสาร์จะมีนัดลูกค้าเป็นประจำ วันอาทิตย์อยู่บ้านบ้างไม่อยู่บ้างมีเรื่องให้ออกจากบ้านบ่อยหน ส่วนใหญ่ก็งาน ๆๆ บางทีก็ว่าออร์เดอร์ท่วมหัวท่วมหางทำไม่ทันต้องอยู่เฝ้าคนงานทำงาน บางทีก็ออร์เดอร์ถูกยกเลิกต้องไล่ล็อบบี้เอเย่นขอออร์เดอร์เจ้าาอื่นมาเพิ่มไม่อย่างนั้นสายการผลิตจะเสียหาย เรื่องงานเป็นเรื่องใหญ่คืออนาคตมั่นคงของครอบครัวเธอบอกตัวเองให้เข้าใจ พักหลังแทบจะกลายเป็นสะกดจิตตัวเองไปแล้ว

    กระนั้นพันธิตาใช้เวลาหลายเดือนรวบรวมความกล้าได้บ้างก็อ้อนวอนขอสามีพาไปเปิดหูเปิดตาเปลี่ยนบรรยากาศโดยหวังเขาจะได้พักผ่อนคลายเครียดด้วยกัน หากภาวัตทนถูกรบเร้าไม่ไหวเลี่ยงไม่ได้ก็ยอมตามใจนาน ๆ ที

    เธออยากตัดพ้อที่ถูกทอดทิ้งเดียวดายในบ้านหลังใหญ่ อยากพูดคุยเรื่องมีทายาท พันธิตาเคยปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการมีบุตร หมอก็บอกว่าไข่ไม่ค่อยสมบูรณ์จะตั้งครรภ์ยากอาศัยวิธีธรรมชาติโอกาสสมหวังมีน้อยคงต้องพึ่งเทคโนโลยีเข้าช่วย แต่ก็รู้ดีสามีไม่ชอบเด็กไม่อยากมีลูก ถึงอย่างนั้นเขาก็เคยให้สัญญาไว้ ถ้าฐานะการเงินมั่นคงดีก็จะยอมมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ทว่าแค่เธอเกริ่นเรื่องลูกไม่ทันเอ่ยปากปรึกษาจริงจัง ผู้ผัวก็ชักสีหน้าเคร่งเครียดยกข้ออ้าง กิจการโรงงานเพิ่งผ่านมาแค่สองปี ยังต้องรอดูอีกสักระยะ

    “เรื่องลูกอย่าเพิ่งรีบร้อนเลย วันนี้ธุรกิจอาจไปได้ดีแต่มันก็ยังใหม่ชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด ขอเวลาพี่ดูทิศทางลมให้แน่ใจกว่านี้อีกสักหน่อย...” เหตุผลของเขาทำเธอน้ำท่วมปาก ไม่เห็นด้วยก็ไม่กล้าโต้แย้ง

    พันธิตากดความรู้สึกโหยหาลงลึกที่สุด พร้อมกับกลืนคำถามแสลงหัวอกเขาไม่อยากมีลูกก็ต้องงดมีเซ็กซ์ด้วยหรือ ทุกวันนี้เหมือนนอนรอผัวเมตตาร่วมเสพสุขเดือนละครั้งสองครั้งก็ต้องทำใจ แถมวันมีใจเสพสมเขาชิงเข้าเส้นชัยปล่อยเธอค้างคาพาไปไม่ถึงฝั่งก็บ่อยหน ครั้นจะเริ่มก่อนให้กระดากแก่ใจ เห็นอยู่กับตาเขาหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายราวกับวันทั้งวันเหนื่อยอ่อนเป็นหนักหนา เธอก็ไม่หน้าด้านพอจะรบกวน วันไหนเขาสงเคราะห์ก็คิดเสียว่าถูกหวยใต้ดิน ถ้าได้ดั่งใจก็เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็รอลุ้นแกน ๆ ไปอย่างนั้นเอง

    ปลอบประโลมตัวเองซ้ำ ๆ เรื่องเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผู้หญิงดี ๆ ไม่ควรแสดงความหื่นกระหายออกนอกหน้า ก็สามีทำงานหนัก เมียจะอดอยากเรื่องอย่างว่าคงไม่แปลก...

     

    แม่บ้านฟูลไทม์จบภาระงานบ้านจะฆ่าความเหงาผลาญเวลาด้วยวิธีใดบ้างก็คงต่างกันไป แต่ข้อดีของเมียที่มีผัวหาเงินเก่งคือการใช้เงินไม่ใช่ปัญหา พันธิตาปรนเปรอตัวเองทุกสัปดาห์ด้วยการไปร้านนวดตัว ขัดผิว ทำเล็บเสริมสวยให้ดูดีเสมอ ช้อปปิ้งแก้เบื่อก็มีบ้าง และทุก ๆ เช้าหลังส่งสามีสุดที่รักไปทำงาน เธอขลุกอยู่ในสวนเล็ก ๆ หลังบ้าน ปลูกผักปลูกหญ้าถือเป็นการออกกำลังกายในตัว จะว่าไปเธอก็จัดการกับตัวเองได้ดีมีความสุขไปตามอัตภาพ ทว่า...

    เพล้ง! เสียงวัตถุกระทบกันดังพร้อมกับกระถางดอกมะลิสุดรักสุดหวงแตกเป็นเสี่ยง มะลิสีขาวที่เพิ่งบานร่วงหล่นเกลื่อนกระจาย ลำต้นอวบงามถูกฟาดไม่ยั้ง เสียมในมือยังคงกระหน่ำลงบนกระถางเคราะห์ร้าย ใบสีเขียวเข้มถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าโครงไม้งาม หญิงสาวระบายโกรธกริ้วจนหอบหายใจติดขัดจำต้องนั่งบนพื้นหญ้าซบหน้ากับสองฝ่ามือสะอื้นไห้หนักหน่วง ร่างแบบบางสะท้านสั่นเทาทุกคราวที่ภาพในสมาร์ทโฟนโผล่เข้ามาในห้วงความคิด ดั่งเห็นความสยดสยองน่าหวาดกลัวที่สุดในชีวิต...

    ไม่ต้องคิดรูปก็ชัดเต็มสองตา น้ำใส ๆ ไหลทะลักทลายคลับคล้ายจะเป็นแว่นขยายชั้นดี  ภาพสามีนอนหลับหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่แปลกที่ หัวใจก็แทบจะหล่นไปกองบนพื้น แต่ที่ทำหัวใจเกือบหยุดต้นก็เพราะบนแผงอกเปลือยเปล่ามีหญิงสาวหน้าตาสะสวยวัยยี่สิบต้น ๆ นอนแนบซบ สาวหน้าใสแย้มยิ้มดวงตาเปล่งประกายสุขสมทะลุผ่านเลนส์กล้องราวกับจะประกาศความสุขให้คนทั้งโลกรับรู้

    แม้พันธิตาเป็นคนซื่อมองโลกในแง่ดี เชื่อใจสามีเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ ภาพชัดคาตาขนาดนี้ต้องปัญญาอ่อนระดับไหนถึงจะมองเป็นอื่นที่ไม่ใช่ผัวกำลังมีชู้!

    คำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมอง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน มีความสัมพันธ์กับสามีเธอนานเท่าไหร่แล้ว ภาวัตหลอกลวงหรือผู้หญิงเต็มใจ และแง่ดีที่สุดที่คิดได้ หรือนังคนนี้จะเป็นโสเภณีที่ภาวัตเช่าซื้อมาเล่นสนุกประเดี๋ยวประด๋าว จบแล้วก็จบกันเหมือนการซื้อขายทั่วไป

    ต่อเมื่อคิดวนเวียนลึกซึ้งก็พบข้อสังเกตเพิ่ม หากเป็นหญิงโสเภณีการบันทึกภาพกับลูกค้ามันผิดวิสัย ใครจะอยากเก็บหลักฐานประจานการขายศักดิ์ศรีตัวเอง เว้นเสียแต่มีผลประโยชน์เกินคุ้ม! และถึงจะเป็นการซื้อขายที่ฝ่ายชายอาจจะพลาดท่าถูกแบล็กเมล์ก็ปฏิเสธไม่ได้ พันธิตาถูกสามีทรยศนอกใจเรียบร้อยแน่แล้ว!

    ใครเป็นคนส่งภาพคือคำถามสุดท้ายที่เธอสนใจหาคำตอบน้อยที่สุด ถึงอย่างไรคนส่งก็เป็นผู้หวังดีประสงค์ร้าย รู้ได้จากข้อความกำกับ สงสารเมียหลวงโดนสวมเขาโง่เป็นควายตั้งนานสองนาน ไม่บอกไม่เล่าที่มาที่ไปหรือวิธีที่ได้รูป แต่บอกกล่าวความจริงแกมเยาะหยันคนเป็นเมียด้วยรูปผัวเขากับชู้เพิ่งเสร็จจากสมสู่ คนส่งไม่ใจเหี้ยมก็ต้องโหดประมาณหนึ่งถึงจะทำเช่นนี้ได้ลงคอ

     

    “แอ๋มต้องการคำอธิบาย” โทรศัพท์ถูกยื่นไปตรงหน้าทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าบ้าน พันธิตาอดทนอย่างที่ตัวเองก็คิดไม่ถึง ยอมเฝ้ารอจนถึงตีสามโดยไม่โทรไปบริภาษสาดเสียเทเสีย แรงจูงใจให้อดกลั้นอยากซักไซ้ซึ่งหน้าอยากสบตาผัวตัวดี อยากรู้นักคนทรยศจะสำนึกเสียใจบ้างไหม

    “ใครส่งมา” ดวงตาภาวัตไหวระริกตกใจวูบสั้น ๆ แล้วชักสีหน้าเคร่งเครียด

    “ใครจะส่งก็ไม่สำคัญ ถึงยังไงมันก็คือความจริง ภาพชัดคาตาขนาดนี้...พี่วัตไปนอนกับใคร ทำแบบนี้ได้ยังไง ทำกับแอ๋มได้ยังไง!...” เธอกรีดร้องไม่ออมเสียง

    “เฮ้ย! ตีสามตีสี่แหกปากลั่นบ้าน ไม่อายคนหรือไง” เขาชะเง้อไปที่ประตูรั้ว เชื่อว่าถ้าเสียงแผดสนั่นเช่นนี้ไม่ถึงสิบนาทีรปภ.หมู่บ้านต้องปั่นจักรยานมาดูแน่ ๆ

    “คนที่ต้องอายคือพี่วัตไม่ใช่แอ๋ม พี่นอกใจแอ๋มได้ยังไง อีผู้หญิงหน้าด้านคนนี้เป็นใคร บอกมานะ บอกมาเดี๋ยวนี้!

    “ถ้าจะร้องโวยวายแบบนี้ พี่ไม่คุยด้วย...” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็ก้าวยาว ๆ ตรงขึ้นบันได พันธิตาถลันตามคว้าแขนเขาไว้ หน้าตาขมึงทึงกลัวเขาหนีหรือไม่ก็ยอมไม่ได้ อาจจะทั้งสองอย่างรวมกัน

    “พี่วัตยังไปไหนไม่ได้ พูดกันให้รู้เรื่อง...บอกมานะ นังนี่เป็นใคร พี่ไปนอนกับมันได้ไง ทำไมทำแบบนี้...”

    “ก็บอกแล้วไง ถ้าฟูมฟายโวยวายแบบนี้พี่ไม่คุยด้วย สงบสติอารมณ์ได้เมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน...”

    “พี่วัต! พี่ไปเอากับกะหรี่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่จะให้แอ๋มสงบสติอารมณ์! ใจคอพี่ทำด้วยอะไร”

    “แล้วจะอะไรนักหนา กับอีแค่กะหรี่คนหนึ่ง...” สีหน้าแววตารำคาญกับน้ำเสียงราบเรียบไม่รู้สึกรู้สา ไม่สลดสะเทือนแม้แต่น้อย เกินคาดคิดเกินทำใจสองมือน้อยตกข้างลำตัวปล่อยท่อนแขนเขาเป็นอิสระ และภาวัตไม่รอช้ารีบสาวเท้าตรงเข้าห้องนอนเล็กดั่งบอกใบ้ คืนนี้จะไม่มีการเผชิญหน้าอีกต่อไป ไม่ปลอบโยนหัวใจเจ็บช้ำของคนเป็นเมีย ไม่ต่างจากปล่อยเธอจมดิ่งในทะเลน้ำตา

    ก็แค่สมสู่กับกะหรี่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นนั้นหรือ นี่คือการตอบแทนความภักดี นี่หรือคือผัวรักที่ไว้ใจ เขาทำได้อย่างไรฝังเธอไว้กับโศกตรมประหนึ่งสาดโคลนสกปรกกลบหัวใจที่ใกล้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนคนไม่รักไม่อาลัยต่อกัน ช่างใจร้ายใจดำสิ้นดี เลวระยำเช่นนี้ยังใช่สามีที่ควรรักควรเทิดทูนอีกไหม!

     

    รุ่งเช้าภาวัตไม่มีอาหารชั้นดีไว้รอเช่นปกติ และเขาก็คงไม่ต้องการ ทันทีที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย รถยนต์สปอร์ตคันงามก็เคลื่อนตัวออกจากบ้านไม่รอร่ำลาภรรยาเหมือนทุกวัน และก็ไม่เกินคาดที่ช่วงสายพันธิตาจะออกจากบ้านด้วยใบหน้าทรุดโทรม สวมแว่นกันแดดอันใหญ่ปิดบังดวงตาบอบช้ำ แห่งแรกที่เธอดิ่งไปก็คือบ้านพ่อแม่ตัวเอง

    หากแต่เมื่อเจอหน้าชื่นมื่นของพ่อแม่เธอกลับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นายพร้อมกับนางรุ้งยิ้มหน้าบานระหว่างบอกเล่าความสุขสมหวังในครอบครัวลูกสาวคนโต

    “น้องฟางสอบติดโรงเรียนสาธิตฯแล้วนะแอ๋ม อุ้ยกับเกมดีใจกันใหญ่ ไม่ต้องส่งฟางเรียนเอกชนแพง ๆ ก็ประหยัดค่าเทอมได้โข...” แม่เล่าด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

    พี่สาวพันธิการับราชการเหมือนกันกับพี่เขย พวกเขามีลูกสองคน น้องฟางเป็นลูกคนสุดท้องปีหน้าจะเข้าปอหนึ่ง ขณะที่ฟาร์ลูกชายคนโตอยู่ประถมปลายในโรงเรียนเอกชนชื่อดัง และเด็กทั้งคู่มีผลการเรียนดีเยี่ยมได้ดั่งใจ

    “ทำไมแอ๋มตาบวม ๆ ไปโดนอะไรมา...” พ่อสังเกตเห็นจนได้

    “เมื่อวานแอ๋มทำสวนพอดีจับบุ้งอออกจากต้นไม้ แล้วเผลอขยี้ตา มันคันก็เลยเกาค่ะ”

    คำอธิบายสามารถเกิดขึ้นได้จริงการโป้ปดจึงไม่น่าสงสัย อนึ่งพ่อแม่ตื่นเต้นดีใจกับข่าวดีของหลาน ๆ หรือก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตคู่ของลูกสาวคนเล็กจะมีปัญหา ภาวัตในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่เป็นคนพึ่งพาได้ ความที่เขาขยันขันแข็งสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยย่อมได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก พ่อแม่พันธิตามักกล่าวถึงลูกเขยคนเล็กด้วยความภาคภูมิใจเสมอ อีกทั้งภาวัตก็ใจกว้างไม่เคยเกี่ยงงอนที่จะช่วยเหลือพี่สาวกับพี่เขยยามพวกเขาขัดสนหมุนเงินไม่ทัน

    ดังนั้นการจะบอกเล่าความอัปยศอดสูไม่ใช่เรื่องง่าย ความจริงอันน่ารังเกียจยากยอมรับมิหนำซ้ำมันจะทำร้ายทำลายความรู้สึกดี ๆ ของหลายคน สุดท้ายพันธิตากราบลาพ่อแม่โดยไม่ยอมพูดถึงพายุความจริงร้อนร้ายที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ไม่ทันตั้งตัว

    ค่ำวันเดียวกันนั้นไม่แน่ใจสามีรู้สึกผิด หรือไม่ต้องการให้เรื่องลุกลามใหญ่โต ภาวัตกลับถึงบ้านก่อนสี่ทุ่ม แต่ก็ไม่ร่วมมื้อค่ำกับเมีย ไม่ยอมคลี่คลายเรื่องทะเลาะบาดหมาง เมื่อจอดรถและเข้าบ้านเรียบร้อยเขาพุ่งตรงเข้าห้องนอนเล็กเงียบหายตลอดทั้งคืน รุ่งเช้ารีบออกจากบ้านไม่ต่างจากเมื่อวาน เหตุการณ์อึมครึมดำนเนินต่ออีกเนื่องทำท่าจะเป็นเช่นนี้อีกนาน

    แม้จะกลับบ้านเร็วแต่ผัวก็หลีกเลี่ยงไม่พูดคุยไม่เจรจาไม่มีท่าทีจะถอนพิษคาใจเมีย เขาใช้วิธีนิ่งเงียบสยบความเคลื่อนไหว หลบปะทะก็เพื่อหยุดการโวยวายฟูมฟาย วางเฉยเอนเอียงไปทางเคร่งขรึมไม่ยินดีให้ฟื้นฝอยหาตะเข็บ จงใจปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เผื่อเธอทำใจได้แล้วจะลืมไปเอง?

    พันธิตาอดรนทนไม่ไหวตัดสินใจบุกไปบ้านแม่สามี ความอัดอั้นสุมแน่นเต็มหัวอกเธอรีบเปิดปากเล่าสาเหตุที่กินไม่ได้นอนไม่หลับร่วมสัปดาห์

    “โอ้ย! วัตก็สนุกตามประสาผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย จะเก็บมาคิดทำไมให้รกหัวสมอง...” นางเล้งวิจารณ์โล้งเล้งเข้าข้างลูกชายทันทีทั้งที่ลูกสะใภ้ยังเล่าไม่จบความ หญิงชราทำเป็นปิดหูไม่ยอมรับฟังการวิเคราะห์วิจารณ์เพื่อหาทางออกของสะใภ้ผู้น่าส่งสาร 

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ระเริงร่าน ละลานลอง 
    เป็นนิยายที่มีเนื้อหารุนแรง ความคิด คำพูด การกระทำ มุมมองของตัวละครบางช่วงบางตอนมืดดำ
    ตำราศีลธรรมอาจถูกโยนทิ้งในหลาย ๆ บริบท

    ระเริงร่าน ละลานลอง ตีแผ่ดิบเถื่อนในสันดานมนุษย์อย่างตรงไปตรงมา ไม่เอามาตรวัดจริยธรรมเข้ามาเป็นบรรทัดฐาน การตีกรอบของสังคมเป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบเพิ่มความสวยงามเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น หากคุณผู้อ่านคาดหวังจะได้พบสติปัญญาอันผ่องแพ้วของตัวละคร
    หรือผู้เขียนจะสะท้อนแง่คิดดีงาม คงหาไม่ได้ในเรื่องนี้ค่ะ


    ขอยืนยันว่าความเป็นจริงโจ่งแจ้งนี้สามารถพบได้ทั่วไป กระนั้นผู้เขียนก็ไม่ต้องการให้ใครมองความดำมืดในใจเป็นเรื่องปกติ

    ส่วนจะเลือกเห็นแง่มุมไหนก็สุดแล้วคุณผู้อ่านจะพินิจพิจารณาค่ะ

    ฝากผลงาน No one ไว้ในเมตตาของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

    ปล.นาม No one เสกสรรค์เฉพาะเรื่องรุนแรงติดเรต
    ปล.2 หากถึงตอนที่หมิ่นเหม่ผิดกฎเว็บฯ ก็จะตัดออก เป็นอันเข้าใจตรงกันเนาะ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×