ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WIN] BABY BABY ◤ BJin ◢

    ลำดับตอนที่ #31 : ◤ Chapter 27 ◢ + โหวตปกฟิค

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.24K
      5
      2 ก.ค. 57



    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    โหวตปกฟิค จิ้มลิงค์
    >> http://goo.gl/Y60lte <<

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





    Chapter 27



     

    นาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์กำลังบอกเวลาเที่ยงกว่าๆแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มร่างสูงก็ยังคงเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับวาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมือกลับลงไปไว้ที่เดิม และมุดตัวลงไปนอนใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร
     

    ก็แน่ล่ะ ในเมื่อวันนี้เป็นวันหยุดทั้งที ทำไมเขาจะต้องรีบตื่นด้วย...
     

    “พี่ฮันบิน!
     

    ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้ปิดตาลงเพื่อนอนต่อ เสียงใสจากน้องชายตัวเล็กก็ดังขึ้นพร้อมๆกับแรงยวบตรงปลายเตียงที่ฮันบินเดา เอาว่าน้องคงจะกระโดดขึ้นมาปลุกเขานั่นเอง
     

    “อือ... พี่ขออีกห้านาที”
     

    “แต่ พี่ฮันบินบอกว่าห้านาทีมาสิบรอบแล้วนะ เรารีบไปกันเถอะ จินฮวานอยากไปกินอาหารฝีมือคุณป้าจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าตัวเล็กไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเซ้าซี้เขาง่ายๆ แถมยังยื่นมือเข้ามาฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้นมานั่งจนได้อีกต่างหาก
     

    “อ่าๆ โอเค งั้นพี่ขออาบน้ำสิบนาทีนะ...” ชายหนุ่มเอ่ยพลางส่งมือหนาเข้าไปยีผมน้องชายตรงหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยว จินฮวานยังคงใช้วิธีปลุกเขาไม่ต่างไปจากตอนเด็กๆเลยจริงๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ บางทีเขาก็แอบหวังให้น้องปลุกเขาด้วยวิธีอื่นบ้างเหมือนกันนะ อย่างเช่น...
     

    “พี่ฮันบิน! ไหนว่าอาบน้ำแค่สิบนาทีไง ถ้ายังชักช้าอีก จินฮวานจะไปเองแล้วด้วย!
     

    อา... นี่เขาแค่เผลอยืนหลับต่อในห้องน้ำตอนที่คิดอะไรเพลินๆไปแค่ห้านาทีเองนะ ถ้าอยากให้เขาตรงเวลานัก ทำไมเจ้าตัวถึงไม่เข้ามาคุมเขาในห้องน้ำเองเลยล่ะ แต่จะว่าไป ขืนให้อีกฝ่ายเข้ามาจริงๆ มีหวังได้เกินเวลาไปอีกนานแน่... “เสร็จแล้วๆ เร่งกันขนาดนี้ กลัวบ้านพี่หายไปไหนรึไง”
     

    “เปล่าซะหน่อย จินฮวานกลัวไปกินข้าวไม่ทันต่างหาก”
     

    “ยังไงก็ไม่ทันมื้อเที่ยงอยู่แล้ว งั้นเราแวะไปซื้อของฝากแล้วก็หาอะไรกินรองท้องกันก่อนดีมั้ย กว่าจะไปถึงที่บ้านคงทันมื้อเย็นพอดี”
     

    “อ่า... ยังไงก็ได้ครับ”
     

    “งั้นก็เอาตามนั้น”
     

    ฮันบินพาน้องชายมาถึงห้างสรรพสินค้าตามที่เขาบอกเอาไว้ โดยคิดว่าเดี๋ยวจินฮวานคงจะลืมๆเรื่องที่เขาตื่นสายไปเอง แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาโดนบ่นเล็กน้อยเรื่องไม่ตรงต่อเวลาอย่างนี้เกือบตลอดทาง จนสุดท้ายเขาต้องงัดไม้เด็ดเรื่องที่จินฮวานเคยหลงทางในซุปเปอร์มาเก็ตขึ้น มาพูดถึง ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าตัวเงียบกริบไปทันทีเพราะความอาย
     

    และหลังจากนั้นแล้วมันก็ค่อนข้างที่จะคุ้มค่า(สำหรับเขา)มากกว่าเดิมซะอีก เพราะตอนที่เดินเลือกซื้อของกัน เจ้าตัวเล็กก็เอาแต่ตามเขาแจไม่ยอมห่างไปไหนเลย นี่คงไม่คิดว่าตัวเองจะหลงทางอีกครั้งจริงๆใช่มั้ย...? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฮันบินกำลังรู้สึกได้ว่ามุมปากเขากระตุกยิ้มขึ้นมาหน่อยๆ ในตอนที่เขาตัดสินใจคว้ามืออีกฝ่ายมาจับเอาไว้แน่น
     

    เขาเองก็ไม่อยากให้น้องหลงทางไปไหนเหมือนกันนั่นแหละน่า...


     

     

     


     

    พวกเขาใช้เวลาที่เหลือในการนั่งกินของว่างด้วยกันอีกซักพัก ก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้งไปตามจุดมุ่งหมายเดิม กว่าจะมาถึงบ้านเดี่ยวขนาดปลานกลางสีขาวหลังเดิมที่จินฮวานเคยมาบ่อยๆเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ก็เป็นเวลาประมาณสี่โมงเย็นพอดี
     

    ไม่มีใครออกมารับพวกเขาซักคน เพราะว่าทั้งแม่และฮันบยอลต่างก็ช่วยกันเตรียมมื้อเย็นอยู่ในครัว แต่พอคุณนายคิมเห็นว่าพวกเขาเดินเข้ามาจนถึงด้านในบ้านแล้วเพื่อทักทาย เธอก็แทบจะเขวี้ยงทัพพีในมือทิ้งแล้วตรงดิ่งเข้ามากอดจินฮวานทันที
     

    ฮันบินได้ยินว่าแม่ของเขากำลังถามสารทุกข์สุกดิบและเรื่องทั่วๆไปกับจินฮวานอยู่ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ทั้งสองคุยกันไป ในขณะที่เขาเองก็ถือของฝากไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะมองไปยังน้องสาวของตัวเองที่กำลังยืนยิ้มเผล่ให้เขาอยู่เหมือนกัน
     

    ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นั่นเป็นเพียงคำพูดของเขาที่ส่งผ่านสายตาไปให้ฮันบยอล ซึ่งแน่นอนล่ะว่าเจ้าตัวก็คงจะรู้ดีอยู่แล้ว ถึงได้ปล่อยมีดที่หั่นผักค้างไว้ แล้วเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเงียบๆ
     

    “แหะๆ”
     

    “หัวเราอะไรน่ะเรา รีบๆบอกพี่มาได้แล้วว่าทำไมถึงได้รู้เรื่อง... รู้เรื่อง... เฮ้อ! เรื่องพี่กับจินฮวานน่ะ” ตอนที่กำลังจะพูดออกมาอย่างนั้น ชายหนุ่มถึงกับต้องเหล่มองเข้าไปในห้องครัวอยู่หลายครั้ง เพื่อดูว่าแม่กับจินฮวานยังคุยกันอยู่และไม่ได้สนใจเขากับฮันบยอลหรือเปล่า
     

    “ใจร้อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ พี่ชายใครเนี่ย” เธอว่าเขาพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ๆเพื่อกระซิบอะไรบางอย่างต่อไป “ก็บยอลเป็นเพื่อนกับจินฮวานนนี่ จะไม่ให้รู้ได้ไง แล้วต่อให้จินฮวานไม่บอก บยอลก็ดูออกอยู่แล้วน่า...”
     

    “...รู้เรื่องนี้มานานรึยัง”
     

    “อย่าให้พูดเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ฮันบินจะตกใจซะเปล่าๆ ยังมีเรื่องอื่นที่พี่ฮันบินควรจะรู้มากกว่านะคะ”
     

    “...ห้ะ?” ยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้เขาตกใจได้มากกว่านี้อีกหรือไงกัน “มะ...หมายความว่าไง?”
     

    “พี่ฮันบินคิดว่ามีแค่บยอลกับแทฮยอนที่ปกปิดที่อยู่จินฮวานรึไงกันคะ อย่าลืมสิว่ารายนู้นนนนน่ะ... ก็เลี่ยงที่จะคุยเรื่องจินฮวานทุกครั้งตอนพี่กลับมาจากอเมริกาเหมือนกันนะ” เด็กสาวเอ่ยขณะบุ้ยใบ้ปากเข้าไปด้านในครัวโดยที่ชายหนุ่มคงไม่ต้องเดาต่อเลย ว่าหมายถึงใคร
     

    แต่ก่อนที่สมองของเขาจะทันได้คิดอะไรต่อนั้น... แม่ก็หันมามองทางเขาพอดีพร้อมกับส่งรอยยิ้มแปลกๆมาให้ซะด้วยสิ นี่อย่าบอกนะว่า... แม่รู้เรื่องระหว่างเขากับจินฮวานมาตั้งนานแล้ว ไม่หรอกน่า... ไม่มีทาง... แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าความเป็นไปได้มันมีถึง 99.99% กันนะ
     

    ในเวลานี้... คิมฮันบินคงทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเท่านั้น







     

     

     

    หากถามว่าตอนนี้ซงมินโฮกำลังรู้สึกยังไง... เขาเองก็คงตอบคำถามนั้นไม่ได้เช่นกัน
     

    เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ปล่อยให้ความรู้สึกมากมายเข้ามาโลดแล่นอยู่ในหัวอย่างนี้ มันรังแต่จะทำให้เขาคิดมากจนปวดหัวซะเปล่าๆ และตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวาน เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับแทฮยอนเลยซักคำเดียว
     

    อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่นะ แต่ลองได้เป็นเรื่องของแทฮยอนทีไร... มันก็ทำให้เขาคิดไม่ตกได้ตลอดเวลานั่นแหละ นี่เขาเครียดถึงขั้นลากเพื่อนออกไปดื่มแก้เซ็งมาแล้วสองวันติดด้วยซ้ำ ซึ่งพอคิดได้ว่ามันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เขาจึงได้ตัดสินใจกลับมาตั้งสติอีกครั้งแล้วคิดว่าควรนั่งคุยกับอีกคนให้รู้เรื่องกันไปเลยดีกว่า
     

    มาถึงตรงนี้เขาก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องน้องซะแล้วล่ะ... นิ้วเรียวถูกยกขึ้นมากดตัวเลขลงไปบนแป้นที่อยู่หน้าประตูห้อง แน่นอนว่ารหัสปลดล็อคประตูยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย มินโฮกำลังคิดว่าแทฮยอนควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้เพราะยังไงเขาก็รู้รหัสแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีไม่ใช่หรอที่ทำให้เขาเข้ามาในห้องนี้ได้อีกครั้งโดยไม่ต้องขออนุญาต...
     

    ขายาวก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างถือวิสาสะ และมันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะถ้ามีคนบุกเข้ามาแล้วอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกตัวน่ะ มันก็ต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้น...
     

    “พี่เข้ามาทำบ้าอะไรน่ะ?”
     

    “...” เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มตอบกลับไปทั้งอย่างนั้น ...บางทีเขาอาจจะลืมไปว่าคนที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งขมวดคิ้วอยู่บนเตียงนั่นกำลังทำหน้ามุ่ยขนาดไหน
     

    “บุกรุกยามวิกาลอย่างนี้ผมโทรแจ้งตำรวจได้นะ”
     

    พอได้ยินประโยคนั้น มินโฮก็ถึงกับต้องยิ้มแหยๆ ก่อนจะรีบตรงปรี่เข้าไปห้ามอีกฝ่ายไว้แทบไม่ทัน “ม..ไม่เอาน่าแทฮยอน”
     

    “แล้วพี่เข้ามาในห้องผมทำไมล่ะ”
     

    “...พี่อยากคุยกับนาย”
     

    “ดึกดื่นอย่างนี้เนี่ยนะ เดี๋ยว...ทำไมผมได้กลิ่นเหล้าด้วยอะ นี่พี่ไปดื่มมาใช่ป่ะเนี่ย” เจ้าของร่างโปร่งว่าพลางยกมือขึ้นมาปิดจมูก พร้อมกับขยับตัวออกห่างคนที่เพิ่งนั่งลงมาบนเตียง
     

    “นิดเดียวเอง...”
     

    “นิดเดียวบ้าอะไรล่ะ ตกลงว่าพี่เมาใช่มั้ย กลับห้องไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
     

    “แต่ที่พี่เป็นแบบนี้... มันก็เพราะนายทั้งนั้น” อาจจะเป็นเพราะเขาเมาอย่างที่แทฮยอนว่าจริงๆ อะไรที่คิดอยู่แค่ในใจ เขากลับพูดมันออกมาซะอย่างนั้น และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็คงจะตกใจอยู่เล็กน้อยเหมือนกันที่เขาพูดออกมาตรงๆ แทฮยอนคงไม่คิดว่าเขาจะกล้าโยนความผิดล่ะมั้ง แต่จะว่าไป... ทำไมถึงได้รู้สึกว่าสีหน้าของน้องดูเปลี่ยนไปอย่างนั้นล่ะ?
     

    “เพราะผมหรอ...”
     

    “แทฮยอนอ่า... พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้นนะ คือว่า...”
     

    “ผมขอโทษที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ก็แล้วกัน”
     

    เป็นเวลานานทีเดียวที่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเงียบ แต่ถึงอย่างนั้น... ท่ามกลางแสงไฟริบหรี่ที่ส่องลอดมาจากโคมไฟบนโต๊ะ พวกเขาทั้งสองคนก็ยังคงสบตากัน จนกระทั่งมินโฮตัดสินใจชวนอีกฝ่ายคุยขึ้นมาอีกครั้ง
     

    “นายยัง...เจ็บอยู่มั้ย? ที่หัวน่ะ...” ร่างสูงเอ่ยพลางชี้นิ้วไปตรงบริเวณศีรษะที่คิดว่าน้องคงโดนลูกบาสพุ่งเข้าใส่
     

    “ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมบอกแล้วว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ”
     

    “...นายคงโกรธที่พี่พูดออกไปแบบนั้น”
     

    “แหงสิ ก็พี่เล่นพูดต่อหน้าจินฮวานทั้งๆที่ผมยังไม่ได้บอกเพื่อนเลย ผมก็อายเป็นนะ”
     

    “แต่พี่ไม่ชอบที่เห็นว่ามาร์คมันมาจับตัวนายนี่ ...แล้วพี่ก็คิดว่านายโกรธ ที่พี่บอกว่านายเป็นแฟนต่อหน้ามัน
     

    “ถ้าพี่คิดอย่างนั้นจริงก็ออกไปจากห้องผมเลยไป” แทฮยอนออกปากไล่เขาก่อนที่เจ้าตัวจะล้มตัวลงไปนอนบนเตียงในตำแหน่งเดิม พร้อมกับพลิกตัวไปอีกทางโดยไม่คิดที่จะสนใจเขาซักนิด
     

    “...” เอาอีกแล้ว นี่เขาเผลอพูดไอ้สิ่งที่คิดออกไปได้ยังไงกัน แต่ก็นะ... มันอดคิดไม่ได้จริงๆนี่นา แล้วดูท่าทางแทฮยอนจะโกรธเขามากกว่าเดิมอีกแฮะ “ก็แล้วทำไมพี่จะคิดอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ ในเมื่อมาร์คมัน... มีดีกว่าพี่ทุกอย่าง”
     

    ดูเหมือนว่ามินโฮจะต้องกัดฟันอย่างมากเพื่อพูดประโยคนั้นออกมา เขายอมรับว่าตอนที่เกิดเรื่อง... เขารู้สึกกลัวไปหมด การที่ได้เห็นแทฮยอนใกล้ชิดกับคนอื่น ถึงแม้ว่าจะไม่นาน แต่มันก็ขัดหูขัดตาเขาอยู่ดี แล้วยิ่งฝ่ายนั้นเป็นคนที่ใครๆต่างก็ชื่นชอบแบบนั้น... จะให้เขาทนมองอยู่เฉยๆได้ยังไงกันล่ะ
     

    “ทำไมผมต้องมาชอบคนซื่อบื้ออย่างพี่ด้วยวะ”
     

    “พี่รู้ว่าพี่มันซื่อ-... ห้ะ?”
     

    “ผมคิดว่าพี่จะเป็นคนที่รู้ใจผมมากที่สุดซะอีก... พี่คอยเดินตามผมมาตั้งสิบปี พี่เคยเห็นผมสนใจคนอื่นด้วยรึไง” แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะค่อนข้างอู้อี้ไปหน่อย แต่มินโฮก็เชื่อว่าเขาคงไม่ได้ยินผิดเพี้ยนไปอย่างแน่นอน
     

    เขารู้ว่าแทฮยอนเป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรออกมาตรงๆ แต่เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้เขาชื้นใจขึ้นมาได้แล้วล่ะ และถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้เขาอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะถ้าเขาไม่เอาแต่ใช้อารมณ์ ป่านนี้ก็คงไม่ต้องเก็บมาคิดให้วุ่นวาย แล้วก็ไม่ต้องมาผิดใจกันแบบนี้ด้วย
     

    ร่างสูงตัดสินใจล้มตัวลงไปนอนข้างๆเจ้าของห้องที่ยังคงหันหลังให้กันอยู่อย่าง นั้น ก่อนที่แขนแกร่งจะเคลื่อนเข้าไปพาดเอวบางคอดตรงหน้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว แม้จะแอบกลัวอยู่หน่อยๆว่าอีกฝ่ายจะว่าเขาหรือไม่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบ ซงมินโฮแอบลอบยิ้มเหมือนคนบ้าท่ามกลางความมืดนั้น... เพราะอย่างน้อยๆการที่เกิดเรื่องแบบนี้ มันก็ทำให้เขาคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง...
     

    “คืนนี้พี่ขอนอนด้วยนะ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”
     

    ว่ากันว่ายิ่งคู่รักมีเรื่องผิดใจกันและหันหน้ามาคุยกัน มันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้เขาอาจจะยังรู้จักตัวตนของแทฮยอนได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจคบกันแล้ว ก็ควรที่จะเชื่อใจกัน... นั่นคงเป็นสิ่งที่แทฮยอนตั้งใจจะบอกกับเขาอย่างแน่นอน








     

     



     

    ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรให้คุยกันมากขนาดนั้น...
     

    ฮันบินกำลังนั่งมองแม่ของเขา ฮันบยอล รวมถึงจินฮวานที่เอาแต่พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานภายในห้องรับแขกมาได้ ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทั้งๆที่ช่วงอาหารมื้อค่ำก็คุยกันไปตั้งมากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่หยิบยกออกมาเป็นประเด็นอยู่ได้เรื่อยๆ และส่วนใหญ่คนที่เอาแต่จ้อไม่หยุดปากก็น้องสาวของเขานั่นแหละ
     

    เพราะงั้นตอนนี้ชายหนุ่มถึงได้นั่งนิ่งไม่เป็นอันทำอะไร เพราะเขาเกรงว่าถ้าเผลอพูดแล้วหลุดพลาดอะไรไปนิดเดียว มันอาจจะทำให้บทสนทนาทั้งหมดโยงเข้ามาที่เรื่องเขาและจินฮวานได้ ถึงตอนนี้เขาจะมั่นใจว่าแม่รับรู้เรื่องของเขากับเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ ข้างๆนี่หมดแล้ว แต่มันก็คงไม่โอเคนักถ้าจะให้พูดถึงน่ะนะ...
     

    “แล้วนี่อยู่ที่คอนโดสะดวกสบายมั้ยลูก? พี่ฮันบินเค้าแบ่งห้องให้เรานอนใช่มั้ย”
     

    “อ่า... ครับ สบายมากเลย ไปที่มหาลัยก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเองครับ”
     

    นี่แค่คิดไม่ทันไร เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นขึ้นมาจนได้ ถ้าจินฮวานเกิดตอบไปว่าเขาไม่ยอมแบ่งห้องให้ ซ้ำยังลากเจ้าตัวไปนอนห้องเดียวกันอีก... เขาคงมองหน้าแม่ไม่ติดแน่ๆ ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะที่น้องไม่ได้ตอบออกไปอย่างนั้น
     

    “ถ้าพี่ฮันบินแกล้งอะไรก็มาบอกแม่ได้นะ ไม่ต้องกลัว”
     

    “จริงหรอครับ?” ท่าทางของจินฮวานดูจะดีใจขึ้นมาทันที ราวกับว่าเจ้าตัวหาพรรคพวกเพิ่มมาได้อีกคนยังไงยังงั้น “พี่ฮันบินอะขี้แกล้งสุดๆไปเลยครับ”
     

    นั่นยังไงล่ะ...
     

    “เดี๋ยวแม่จะจับมาตีก้นให้เอง ดีมั้ย?”
     

    “แม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” ชายหนุ่มที่นั่งฟังอยู่นานรีบเอ่ยปากประท้วงก่อนที่เขาจะเสียเปรียบไปมากกว่านี้
     

    “งั้นเราก็อย่าแกล้งน้องนักสิ โตแล้วไม่ใช่รึไง”
     

    “ก็น้องน่าแกล้งนี่ครับ...” ร่างสูงพึมพำออกมาเบาๆพอให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ทางด้านข้างได้ยิน จนแม่ของเขาต้องถามออกมาว่าพูดอะไร ซึ่งแน่ล่ะว่าฮันบินไม่ยอมตอบอยู่แล้ว “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมไปคุยกับพ่อก่อนกลับซักหน่อยดีกว่า”
     

    ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที ขืนอยู่ต่ออีกหน่อยเขาได้โดนซักไม่จบแน่ ดังนั้นขายาวจึงเก้าขึ้นบรรไดไปยังชั้นสอง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ห้องทำงานของผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว
     

    “ผมเข้าไปนะ”
     

    “...” ชายสูงอายุภายใต้กรอบแว่นตาเงยหน้าขึ้นมามองเขาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้ “มาสิ”
     

    “พ่ออ่านหนังสืออะไรอยู่ครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าโต๊ะทำงานนั้น ตำแหน่งที่เขามานั่งคุยกับพ่ออยู่เป็นประจำเวลาต้องการคำปรึกษา จนป่านนี้แล้วพ่อของเขายังดูไม่ต่างไปจากเดิมซักเท่าไหร่เลย พ่อคนที่จริงจังกับการทำงาน แต่ก็ดูแลครอบครัวได้ดีในขณะเดียวกัน
     

    “พวกหนังสือเล่มเดิมๆน่ะ หยิบขึ้นมาอ่านซ้ำมันก็ยังสนุกอยู่” คนที่นั่งทางฝั่งตรงข้ามตอบพลางค่อยๆยกมือขึ้นมาถอดแว่นออก แล้วมองตรงมาทางเขา “มาก็ดีแล้ว พ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
     

    “ครับ?”
     

    “เรื่องจินฮวานน่ะ” ฮันบินรู้ดีว่าพ่อมักเป็นคนพูดอะไรตรงๆและไม่อ้อมค้อมอยู่แล้ว ดังนั้นชื่อที่ออกมาจากปากพ่อเลยทำให้เขาชักนั่งไม่ติดที่ขึ้นมาทันที
     

    “...มีอะไรรึเปล่าครับ”
     

    “พ่อรู้ว่าพวกลูกกำลังคบกันอยู่” พูดออกมาตรงๆแบบนี้ เขาคงไม่ต้องเสียเวลาเดาให้ยุ่งยากแล้วล่ะ นี่มันน่าตกใจซะยิ่งกว่าเรื่องแม่ของเขาอีก “ฮันบิน... ฟังพ่อนะ”
     

    “พ่อไม่เคยคิดที่จะรังเกียจความรักของลูกเลย แต่พ่อคงยอมให้ลูกคบกันไม่ได้...”
     

    “พ่อ...” ฮันบินไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้เขามีสีหน้าแบบไหน เขารู้แค่เพียงว่าสิ่งที่พ่อพูดออกมานั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเองยอมรับไม่ได้ เช่นกัน
     

    “ถึงแม่เราจะไม่ว่าอะไร แต่พ่อคงอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ น้องเพิ่งจะอายุแค่ 18 แล้ว ลูกล่ะ? ลูกอายุตั้งขนาดนี้แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่านั่นจะเป็นการทำลายอนาคตน้อง จินฮวานยังต้องเรียนให้จบ ยังต้องมีอนาคตอีกไกล แล้วไหนจะเรื่องงานอีก...”
     

    “...”
     

    “ลูกทำงานได้ดีก็จริง แต่ด้วยตำแหน่งและหน้าที่... ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้าซักวัน คิดว่าต่อไปจะมีคนนับถือลูกรึไงฮันบิน” ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการตักเตือนเขา แต่แล้วยังไงกันล่ะ? เรื่องพวกนั้นน่ะ...
     

    “ผมไม่สน ผมดูแลจินฮวานได้”
     

    “คิดดูให้ดีนะ ลูกไม่สามารถสร้างครอบครัวได้เหมือนครอบครัวอื่นๆ แล้วถ้าเกิดวันนึงเบื่อกันขึ้นมาจะทำยังไง”
     

    “ผมไม่มีทางเบื่อน้อง... ไม่มีวัน... มันก็เหมือนกับหนังสือในมือพ่อเล่มนั้นนั่น แหละครับ ทุกวันนี้พ่อยังหยิบมันขึ้นมาอ่าน พ่อก็น่าจะรู้ว่าผมเหมือนพ่อมากแค่ไหน ผมไม่เคยเบื่ออะไรง่ายๆ ผมจริงจังกับทุกๆอย่างที่ผมทำ เพราะงั้น... ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจินฮวานแน่ แล้วผมก็จะไม่ยอมเลิกกับน้องด้วย
     

    “...เฮ้อ ต่อให้ลูกพูดอย่างนั้น พ่อก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องอยู่ดี”
     

    “ผมว่าวันนี้เราคุยกันต่อไปไม่รู้เรื่องแล้วล่ะครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน”
     

    “ลูกควรคิดทบทวนให้มากกว่านี้นะฮันบิน...”
     

    เสียงที่ไล่ตามหลังมานั้นทำให้ฮันบินอดรู้สึกผิดไม่ได้ เขารู้ว่าพ่อเป็นห่วงเขา เป็นห่วงจินฮวาน... แต่การมาบังคับให้เลิกกันแบบนี้เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน ความรักมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เขาจึงอยากที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และจนถึงตอนนี้เขาก็มั่นใจมากด้วยว่า ความรักที่เขามีให้กับจินฮวานนั้นไม่มีทางลดน้อยลงไปได้อย่างแน่นอน
     

    เขาจะต้องทำให้พ่อยอมรับให้ได้
     

    ร่างสูงเดินออกมาพ้นประตูห้องทำงานก่อนจะเลี้ยวไปทางบันได แต่ในขณะนั้นเอง... พื้นที่ถัดออกไปจากหน้าห้องทำงานเพียงไม่กี่ก้าว เด็กหนุ่มร่างเล็กกำลังยืนนิ่งพร้อมส่งยิ้มให้เขาอยู่ตรงนั้น... ฮันบินรู้ได้ทันทีว่ารอยยิ้มของจินฮวานเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
     

    “คุณป้าบอกให้มาตามพี่ฮันบินกลับได้แล้วครับ เดี๋ยวมันจะดึกไปมากกว่านี้”








    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    #ฟิคฮันบินกินเด็ก มาครบร้อยอีกแล้ว เย่ๆ นานๆทีเนอะ 5555555555
    วันนี้มีโหวตปกฟิคด้วย ลิงค์อยู่ด้านบนสุด อย่าลืมเข้าไปโหวตกันนะคะ

    มินัมคิดว่าน่าจะลงเอยกันได้ด้วยดีแล้ว ที่เหลือคงเป็นตอนพิเศษในเล่มเนอะ
    ส่วนบีจินมาเผชิญกับปัญหากันต่อค่ะ 555555555555555555
    มันก็ต้องดราม่ากันตามสไตล์เราก่อนจบนิดนึง อีกแค่ไม่กี่ตอนแล้วเท่านั้น
    ยังไงก็ฝากติดตามต่อจนจบด้วยนะคะ ^^

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×