ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WIN] BABY BABY ◤ BJin ◢

    ลำดับตอนที่ #29 : ◤ Chapter 25 ◢

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      7
      19 มิ.ย. 57

    Chapter 25



     

     

    จินฮวานเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก... อันที่จริงมันอาจจะไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าใครลองได้มาเป็นเขาแล้วล่ะก็...!
     

    ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ จินฮวานยังไม่สามารถหาวิธีเอาคืนพี่ชายขี้แกล้งของเขาได้เลย และนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิดกับตัวเองมากพออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องเมื่อเช้านี้ตอนที่นั่งอยู่ในรถด้วยกันอีกล่ะ... มันก็จริงอยู่ที่เมื่อคืนนี้เขาหยิบไอติมในตู้เย็นออกมากินเยอะจนเกินไป แต่พี่ฮันบินก็ไม่เห็นจะต้องดุเขาข้ามวันข้ามคืนเลยนี่นา

     

    พี่ไม่ได้ห่วงเรื่องเงินที่ซื้อไอติมมาให้นายหรอกนะจินฮวาน แต่พี่เป็นห่วงเรื่องที่มันจะทำให้นายปวดท้องเข้าซักวัน ถ้าขืนนายยังกินทีละเยอะๆแบบนี้พี่คงต้องลงโทษนายซะบ้าง ห้ามกินอาทิตย์นึงเลยเป็นไง?

     

    พอนึกถึงคำพูดพวกนั้นแล้วก็อดเบ้ปากไม่ได้
     

    คิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าแล้วจะเอามาใช้กับเขายังไงก็ได้งั้นเหรอ? เขาผิดตรงไหนในเมื่อไอติมพวกนั้นพี่ฮันบินเป็นคนซื้อมาให้เขาเอง เขาควรมีสิทธิ์ที่จะกินเท่าไหร่ก็ได้สิ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป... มีหวังว่าเขาคงได้โดนพี่ฮันบินบงการชีวิตตลอดแน่
     

    เฮ้อ...
     

    “ไง”
     

    “...” คนตัวเล็กผงะเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆก็ถูกทัก แต่พอหันไปมองทางด้านข้างและรู้ว่าเป็นใคร เขาก็รีบก้มหัวทำความเคารพทันที “สวัสดีครับ พี่ซึงยุน”
     

    “กำลังจะไปไหนน่ะ?” รุ่นพี่เจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นเอ่ยถามขณะที่เดินตามมาข้างๆเข้าด้วย
     

    “ไปชมชมรมนั่นแหละครับ ผมยังไม่มีโอกาสได้แวะไปซักที พอดีวันนี้ไม่มีเรียนบ่ายก็เลย...”
     

    “พี่ก็กำลังจะไปชมรม ไปด้วยกันสิ”
     

    “เอางั้นก็ได้ครับ”
     

    เด็กหนุ่มร่างเล็กตัดสินใจเดินตามรุ่นพี่ไปพร้อมๆกัน ระหว่างทางดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีเรื่องให้พูดกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือแม้แต่เรื่องอื่นๆที่พวกเขาสนใจ จินฮวานค้นพบว่าคังซึงยุนเป็นผู้ชายที่รักการร้องเพลงถึงขั้นมีอาชีพอิสระทางด้านนี้ด้วย พี่ชายตัวสูงบอกเขาว่าต้องไปร้องเพลงตามร้านอาหารหลังเลิกเรียนอยู่เป็นประจำ พอได้ฟังดูแล้ว จินฮวานก็รู้สึกว่ามันน่าสนุกดี และถ้ามีโอกาสเขาก็อยากจะลองทำแบบนั้นบ้างเหมือนกัน
     

    และหลังจากการเดินทางมาจนถึงห้องชมรม เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่จินฮวานได้มาพบกับสมาชิกคนอื่นๆ คังซึงยุนจึงช่วยแนะนำเขาให้ พร้อมกับพาเขาเดินไปนั่งเล่นตรงจุดที่ตนเองบอกใช้ซ้อมอยู่เป็นประจำอีกด้วย
     

    อันที่จริงแล้วห้องชมรมดนตรีก็ไม่ได้ถึงกับกว้างขวางอะไรนัก แต่ด้วยในเวลาบ่ายๆอย่างนี้บางคนก็ยังมีเรียนอยู่ ดังนั้นภายในห้องจึงมีสมาชิกเพียงแค่สองสามคนที่อยู่ซ้อมและนอนเล่นไปเรื่อยเปื่อย
     

    “ตอนนั้นนายเคยบอกพี่ว่านายเล่นกีตาร์ได้นี่” ...ที่มุมหนึ่งของห้อง คังซึงยุนจัดการรูดซิปกระเป๋าแล้วเปิดมันออกเพื่อยกกีตาร์ขึ้นมา ก่อนจะเงยหย้าถามเขาไปด้วย
     

    “ก็แค่พอเล่นได้เองครับ” จินฮวานตอบกลับไปตามความเป็นจริง เขาจะมั่นใจในฝีมือของตัวเองได้ยังไงในเมื่อเขาไม่ได้ฝึกซ้อมจริงจังขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็จะเก่งกาจไม่ใช่น้อย อย่างเขานี่คงไม่มีทางเทียบได้ติดเลยจริงๆ
     

    ร่างสูงของรุ่นพี่หนุ่มล้มตัวลงนั่งข้างๆเขาก่อนจะยื่นกีตาร์ในมือมาให้ “ลองเล่นให้ฟังซักเพลงนึงสิ”
     

    “อ่า...”
     

    “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่ไม่ได้จะกัดนายซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ”
     

    “งั้น... ถ้าผมเล่นไม่ดีอย่าขำผมนะ” คนที่ตัวเล็กกว่ารับกีตาร์มาถือเอาไว้ในมือขณะขออีกฝ่ายว่าอย่างนั้น
     

    “เล่นไปเถอะ  พี่ไม่หัวเราะนายหรอก”
     

    จินฮวานสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งทีเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเริ่มไล่นิ้วเล็กๆไปบนสายกีตาร์ที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยตัวนี้ ...ทำนองเพลงถูกบรรเลงไปเรื่อยๆตามคอร์ดที่เขาเคยเล่นอยู่บ่อยๆ และเพราะไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมามองสีหน้าของคนที่ฟังอยู่ เขาจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตามองมือของตัวเองขณะที่เล่นเพลงต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันจบลง
     

    “ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่าครับ แหะๆ...”
     

    “นายก็เล่นดีนี่”
     

    “ผมคงสู้พี่ไม่ได้หรอก”
     

    “นายก็พูดเกินไป ฮ่าๆๆๆ”
     

    “ผมพูดจริงๆนะครับ” เด็กหนุ่มว่าพลางคืนกีตาร์ที่อยู่ในมือให้อีกฝ่ายไป “ผมเล่นไปแล้วนะ ตาพี่เล่นบ้างแล้วล่ะ”
     

    “หึ... ไหนๆก็ชมกันขนาดนั้นแล้ว พี่จะทำให้นายอึ้งในฝีมือไปเลยคอยดู”
     

    พอได้ยินอย่างนั้น จินฮวานก็ทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มให้ขำๆ ก่อนจะทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังและดูการแสดงต่อไปอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากที่รุ่นพี่ของเขานั่งนึกเพลงที่จะเล่นอยู่ซักพัก เสียงดนตรีก็เริ่มต้นขึ้นได้ซักที
     

    ~จริงๆแล้วผมตกหลุมรักคุณ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน...”
     

    “...”
     

    “มันยากเกินไปสำหรับผมที่จะพูดคำๆนั้นออกมา... แต่ผมก็กลัวว่าจะพลาดจากคุณ ถ้าไม่เป็นฝ่ายจีบคุณก่อน ผมเลยเขียนจดหมายฉบับนี้พร้อมกับเตรียมของขวัญมาให้”
     

    “...”
     

    “ยิ่งเราใกล้ชิดกัน มันยิ่งทำให้ผมกลัว... กลัวว่าความจริงแล้ว ซักวันผมจะต้องเจ็บปวด แต่ว่า... คนที่ผมเคยสวดภาวนาขอให้เราได้พบกัน ผมเชื่อว่าคนๆนั้นคือคุณ...”
     

    “...”
     

    Ah... I'm in love, Ah... I'm fall in love มันช่วยไม่ได้จริงๆเพราะว่าคุณนั้นน่ารักเหลือเกิน จนผมไม่รู้ว่าจะเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ได้ยังไงดี~

    * I'm in love - Ra.D ver.






     

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เสียงเพลงสิ้นสุดลง ...แต่จินฮวานก็รู้สึกตัวอีกทีเมื่อรุ่นพี่ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะกิดเรียกเขาเบาๆ เด็กหนุ่มยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวแล้วแกล้งมองไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้... ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง... ตอนที่กำลังร้องเพลงอยู่นั้น พี่ซึงยุนเอาแต่จ้องเขาไม่วางตาเลย แต่ในขณะเดียวกัน เขาเองไม่อาจละสายตาไปจากพี่ชายคนนี้ได้ บางทีมันคงเป็นเพราะท่วงทำนองไพเราะที่อีกฝ่ายบรรเลงให้เขาฟังล่ะมั้ง
     

    “ฮะๆๆ... พี่ทำผมอึ้งจริงๆด้วยแฮะ พี่เก่งจริงๆนั่นแหละครับ” ใช่... เขาอึ้งจนรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเลยล่ะ
     

    “จินฮวาน พี่ว่า...”
     

    “ครับ?”
     

    “อืม... ไม่มีไรหรอก นายซ้อมต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ไปหาตัวอื่นมาเล่นแทน” ร่างสูงไม่ยอมให้เขาเอ่ยแม้แต่คำปฏิเสธใดๆ แต่กลับยื่นกีตาร์ในมือมาให้เขาถือเอาไว้ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น เพราะงั้นจินฮวานจึงได้แต่รับมามันแล้วนั่งมองมันไปพลางๆ
     

    จนเมื่อนึกได้ว่าไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ เด็กหนุ่มร่างเล็กจึงยกกีตาร์ขึ้นมาเล่นเพลงไปเรื่อยเปื่อย และหลังจากนั้นไม่นานนัก คังซึงยุนก็กลับมาพร้อมกับกีตาร์ตัวใหม่ด้วย พวกเขานั่งเล่นเพลงรวมถึงกลับมาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเรียนอีกครั้งด้วยบรรยากาศที่เหมือนเดิม รุ่นพี่คนนี้ให้คำแนะนำในรายวิชาต่างๆได้อย่างมากมาย ก่อนที่สุดท้ายแล้วจินฮวานจะขอตัวกลับก่อนเพราะว่าเขามีนัดเลี้ยงสายรหัสในตอนเย็น

     

     

     




     

    เป็นเวลาพักใหญ่ๆแล้วที่จินฮวานเอาแต่แหงนหน้ามองป้ายร้านอาหารตรงหน้าด้วยความสงสัย อันที่จริงแล้วมันดูจะไม่ใช่ร้านอาหารทั่วไปซะทีเดียว น่าจะเป็นร้านอาหารกึ่งผับมากกว่า ยังไงก็เถอะ... ตอนนี้เขามาถึงหน้าร้านตามเวลานัดแล้ว แต่ไม่ยักกะเห็นใครในสายรหัสของตัวเองโผล่มาซักคนเลย จินฮวานคิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองมาผิดร้าน เขาเลยมองชื่อร้านอาหารสลับกับนาฬิกาข้อมือไปมาไม่หยุด
     

    “เฮ้... มานานแล้วหรอ?” เสียงเรียกที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำให้เด็กหนุ่มรีบหันไปกลับไปมองและพบว่าเจ้ามือของอาหารมื้อนี้กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา
     

    “สวัสดีครับพี่จินอู” จินฮวานรีบก้มหัวเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อเป็นการทักทาย “ผมเพิ่งมาไม่นานหรอกครับ แต่ก็ยังไม่เห็นคนอื่นๆเลย”
     

    “งั้นหรอ เดี๋ยวก็คงตามมาแหละมั้ง เราเข้าด้านในไปกันก่อนเถอะ”
     

    “ครับ” คนที่ตัวเล็กกว่ารับคำก่อนจะเดินตามพี่รหัสที่อยู่ปีสี่อย่างคิมจินอูไปอย่างว่าง่าย
     

    พนักงานประจำร้านออกมาต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี ขณะที่กำลังเดินไปยังโต๊ะอาหาร พี่รหัสใจดีก็หันมาชวนเขาคุยเรื่องทั่วไปนิดหน่อย และหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มสั่งอาหารกัน โดยที่คิมจินอูนั้นยืนยันว่าให้เขาสั่งของที่อยากกินมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ เพราะถึงยังไงมื้อนี้ก็ถือเป็นการรับน้องใหม่อย่างเขาอยู่แล้ว
     

    ก่อนที่จานอาหารมากมายจะถูกนำมาจัดวางเรียงบนโต๊ะ พี่รหัสปีสองและปีสามของจินฮวานก็เดินทางมาถึงพอดี สุดท้ายพวกเขาจึงได้เริ่มกินไปพร้อมๆกัน แถมยังได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนานด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง
     

    “นั่นมันซึงยุนนี่” หญิงสาวหนึ่งเดียวในวงสนทนาเอ่ยขึ้นขณะมองไปบนเวทีของร้าน เธอคือคงมินจีพี่รหัสปีสองของจินฮวานนั่นเอง และแน่นอนว่าประโยคนั้นของเธอก็เรียกความสนใจจากบนโต๊ะอาหารได้เป็นอย่างดี
     

    คงเป็นเพราะว่าจินฮวานรู้อยู่แล้วเรื่องที่พี่ชายคนนั้นทำงานพิเศษตามร้านอาหารต่างๆ เขาเลยไม่ค่อยแปลกใจนัก แต่ก็รู้สึกตกใจอยู่หน่อยๆที่มันบังเอิญขนาดนี้ ...ดวงตาคู่เล็กจ้องมองขึ้นไปบนเวทีและพบว่าร่างสูงที่กำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่นั้นส่งยิ้มมาทางเขาด้วย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงได้ยิ้มกลับไปก่อนจะหันมาคุยกับคนอื่นๆในโต๊ะต่อ
     

    จนกระทั่งอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จินฮวานเลยต้องขอตัวลุกออกไปรับสายเมื่อเห็นว่าบนหน้าจอปรากฏเบอร์ของ 'ฮันบินพาโบ' ที่เขาเมมเอาไว้ นี่มันเกือบจะสองทุ่มอยู่แล้ว การที่อีกฝ่ายโทรมาหาเขาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงยังไม่กลับห้องนั่นแหละ เพราะปกติเวลาแบบนี้เขาควรจะอยู่ที่ห้องแล้วเตรียมอาหารรอพี่ฮันบินเหมือนอย่างทุกๆวัน...
     

    “ฮัลโหล-...”
     

    (อยู่ไหน ทำไมกลับช้า)
     

    “วันนี้มาเลี้ยงสายรหัสครับ คงอีกซักพักถึงจะกลับ” เด็กหนุ่มตอบไปตามความจริงขณะแอบลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะกลัวว่าปลายสายจะได้ยินเข้า นี่ตกลงแฟนหรือพ่อกันแน่ ถึงได้ทำเสียงดุเขาเพราะเรื่องกลับช้าแค่นี้เอง
     

    (แล้วทำไมเมื่อเช้านี้ถึงไม่บอกก่อน)
     

    “ก็พี่ฮันบินเอาแต่บ่นอยู่นี่ครับ”
     

    (คิมจินฮวาน)
     

    ดุกันอีกแล้ว... เขาพูดผิดตรงไหนล่ะ ก็อีกฝ่ายน่ะเอาแต่ขู่เขาเรื่องจะงดไอติมตั้งแต่ออกจากหอยันถึงมหาลัย โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรซักคำ เฮ้อ แต่ถึงงั้นก็เถอะ... “ขอโทษครับ”
     

    (บอกมาว่าอยู่ที่ไหน พี่จะไปรับ)
     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ฮันบินพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวก็จะกลับแล้วจริงๆ”
     

    (...อย่าอยู่นานนักนะ)
     

    “อื้อ”
     

    (...) สิ่งที่จินฮวานได้ยินมีเพียงความเงียบ ก่อนที่เสียงสัญญาณโทรศัพท์จะดังขึ้นมาแทนที่ ...บทจะวางสายก็วางกันง่ายๆตลอด ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้เขาจะต้องคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมกันล่ะ
     

    เรียวขาเล็กขยับก้าวเพื่อที่จะได้กลับไปรวมกลุ่มกับบรรดารุ่นพี่ในร้านเช่นเดิม แต่เมื่อหันมาเจอกับใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างไกลกันนัก จินฮวานก็ต้องหยุดและยิ้มทักทายไปตามปกติ
     

    “เลิกงานแล้วหรอครับ?”
     

    “ยังหรอก พี่แค่แวะมาเข้าห้องน้ำน่ะ” คังซึงยุนว่าอย่างนั้นขณะที่ยกบุหรี่ในมือขึ้นมาสูบไปด้วย “ว่าแต่... เมื่อกี้พี่เห็นนายตอนคุยโทรศัพท์ ทำหน้ายังกะถูกแฟนโทรตาม”
     

    พอได้ยินอย่างนั้น คนที่ตัวเล็กกว่าก็ถึงกับยิ้มแหยๆก่อนจะตอบออกมา “ครับก็... ตามนั้นแหละ”
     

    แน่นอนว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่ซึงยุนต้องการเลยซักนิด เพราะมันเท่ากับว่าสิ่งที่เขาสงสัยนั้นเป็นความจริง... จินฮวานมีคนรักอยู่แล้ว... จากที่ไม่ค่อยมั่นใจก็กลายเป็นรู้เรื่องทันทีเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายตอนคุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี้

               นี่ยังไม่ทันได้เริ่มอะไร ก็อกหักซะแล้วสินะคังซึงยุน

     

    ร่างสูงยืนพิงกำแพงและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยหลังจากที่เขาปล่อยให้รุ่นน้องตัวเล็กได้กลับไปสังสรรค์ยังโต๊ะอาหารต่อ ...ควันบุหรี่ยังคงถูกอัดเข้าสู่ปอดก่อนจะถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มสนใจเด็กคนนั้น... บางที อาจจะเป็นตอนที่จินฮวานกำลังยืนหลงทิศหลงทางตอนมามหาลัยครั้งแรกนั่นก็ได้ คนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าตึกเรียนไปทางไหน จนเขาต้องเดินเข้าไปช่วย แถมพอคุยกันไปคุยกันมาก็รู้ว่าอยู่คณะเดียวกัน และเจ้าตัวยังขอให้รุ่นพี่อย่างเขาช่วยแนะนำหอพักให้อีก
     

    ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ ความสดใสและความน่ารักของเด็กคนนั้น... มันทำให้เขาเกิดนึกถึงใครบางคนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ ใครบางคนที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาแม้ว่าอีกฝ่ายจะทิ้งเขาไปนานแล้วก็ตาม...
     

    ตกลงว่าการที่เขาสนใจจินฮวานนี่เป็นเพราะอะไร เขาเองก็คงให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน...

     






     

     

     

    ไหนว่าอีกแค่แป๊บเดียว... นี่มันปาเข้าไปไปสี่ทุ่มแล้วทำไมน้องชายของเขาถึงยังไม่กลับมาอีก!

    ร่างสูงของฮันบินเดินวนไปมาอยู่ภายในห้องพักใหญ่ๆ ขณะที่มัวแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของจินฮวานด้วยความเป็นกังวล ไม่ว่าเขาจะโทรเข้าไปอีกกี่ครั้งแต่กี่ครั้ง จินฮวานก็ไม่ยอมรับสาย ไม่สิ... ดูเหมือนทางนั้นแบตจะหมดซะมากกว่า และเพราะไม่รู้ว่าควรไปตามตัวน้องได้จากที่ไหน เขาจึงได้แต่หงุดหงิดกับตัวเองที่ไม่ยอมคาดคั้นถามชื่อร้านแล้วไปรับน้องมาตั้งแต่แรก
     

    ถ้าร้านนั้นอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยก็คงพอจะไปตามหาได้อยู่... พอคิดได้ดังนั้นฝ่ามือหนาก็รีบคว้าเอากุญแจรถจากบนโต๊ะขึ้นมาถือไว้
     

    อ๊อดดดดดดดดดดดดด
     

    เสียงกริ่งที่ดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ดึกป่านนี้แล้วไม่น่าจะใครมาหาเขาได้ หรือถ้าเป็นจินฮวาน... ทำไมเจ้าตัวถึงไม่กดรหัสผ่านเข้ามาเลยล่ะ?
     

    ไม่ต้องมัวคิดต่อไปให้ยุ่งยาก เพราะถึงยังไงเขาก็จะออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ดังนั้นร่างสูงจึงเดินตรงดิ่งไปเปิดประตูนั้นทันที
     

    “สวัสดีครับ”
     

    ฮันบินมองผู้มาเยือนเขม็งก่อนจะเบือนสายตาไปยังอีกร่างที่ถูกหอบมาด้วยกัน ...ร่างเล็กของจินฮวานที่แทบจะล้มพับลงไปกองอยู่บนพื้นถ้าหากไม่ถูกคนที่พามาช่วยประคองเอาไว้ยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาไม่สู้ดีนัก และก่อนที่เขาจะหัวเสียไปมากกว่านี้ ฮันบินจึงต้องรีบยื่นแขนเข้าไปโอบอุ้มน้องชายเข้ามาหิ้วด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว
     

    “งือ... อ่า...” คนตัวเล็กที่ดูไร้สติในตอนนี้กำลังช้อนตาเยิ้มๆนั่นขึ้นมามองเขาพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย “พี่ฮันบินนนนนนนนน”
     

    กลิ่นแอลกอฮอล์แรงขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็คงรู้ดี... นี่แหละที่เขาเป็นห่วงและไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่นี่มันอะไรกัน! ทำไมจินฮวานถึงได้ดื่มจนเมาไม่รู้เรื่องขนาดนี้!!
     

    “คุณคงเป็นพี่ชายของจินฮวานใช่มั้ยครับ”
     

    เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองคนที่ถามอย่างนั้นพลางเลิกคิ้วขึ้น “จินฮวานบอกนายว่างั้น?”
     

    “ครับ...”
     

    “ถ้าจินฮวานบอกว่าผมเป็นพี่ชาย มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น...” น้ำเสียงเรียบๆถูกส่งออกมาขณะที่เขาเพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างได้ ถ้าหากจำไม่ผิด... เด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่ขับรถมาส่งจินฮวานคราวก่อน “ขอบคุณมากที่พาน้องชายผมมาส่งถึงที่ แต่ครั้งต่อไปคงไม่ต้องรบกวนแล้วล่ะครับ”
     

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ฮันบินจะรีบพาน้องชายตัวเล็กเข้าห้องพร้อมกับปิดบานประตูลง
     

    ตอนนี้เขาไม่ได้มีอารมณ์จะมาต้อนรับแขกหรืออะไรทั้งนั้น... ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองร่างเล็กที่กำลังพิงอกเขาก่อนจะย่อตัวลงเพื่อช้อนร่างนั้นขึ้นมาอุ้มเอาไว้แล้วพาเดินเข้าห้องนอนไปในที่สุด
     

    ฮันบินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ขณะยืนมองน้องชายที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ...จะปล่อยให้นอนทั้งอย่างนี้ก็คงไม่ดีนัก ดังนั้นขายาวจึงรีบก้าวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหาอุปกรณ์เช็ดตัวก่อนที่จะเขาออกมาพร้อมกับกะละมังเล็กๆหนึ่งใบ
     

    ฝ่ามือหนาจัดการถอดเสื้อโค้ทและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในออก ซึ่งดูเหมือนว่านั่นจะทำให้จินฮวานรู้สึกตัวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ครางไม่รู้เรื่องแถมยังปัดป่ายมือใส่เขาอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นฮันบินก็ยังคงทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีต่อไปด้วยการยกผ้าขนหนูขึ้นมาบิดหมาด และเริ่มเช็ดไปตามซอกคอรวมถึงลำตัวให้น้องอย่าเบามือ
     

    ถึงจะเคยเห็นจินฮวานในสภาพแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่มันก็นะ... ฮันบินยอมรับว่าพอมือของเขาไปหยุดอยู่ที่หน้าท้องแบนราบนั่น มันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ที่แกล้งล้อน้องมาตลอดก็ใช่ว่าเขาจะแกล้งไปโดยไม่รู้สึกอะไรเลย หลายครั้งแล้วที่ภาพของจินฮวานเข้ามาอยู่ในหัวของเขาแล้วทำให้เขาเกิดรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
     

    แต่ก่อนที่สติกระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มจึงรีบเร่งมือเพื่อที่เขาจะได้ไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้น้องซักที
     

    “อือออ พี่ฮันบิน...” ดวงตาคู่เล็กปรือขึ้นมาเล็กน้อยขณะที่เอ่ยเรียกชื่อเขา ฮันบินจึงหยุดมือและทิ้งผ้าขนหนูกลับลงไปในกะละมัง ฝ่ามือหนารีบวางทาบลงไปบนหน้าผากทันทีเผื่อว่าน้องจะมีไข้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ร้อนเลย
     

    “นายนี่-...”
     

    พรึบ!
     

    ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะดุอะไรออกมา เรียวแขนเล็กๆของจินฮวานก็คว้าตัวเขาลงไปนอนข้างๆอย่างรวดเร็ว ...ไม่รู้มาก่อนว่าพอคนเมาแล้วจะแรงเยอะขนาดนี้
     

    หรือว่าจริงๆแล้วเขาสมยอมเอง? ช่างเถอะ... จะอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เขากำลังรู้สึกร้อนขึ้นมาอีกระลอกทั้งๆที่ภายในห้องก็ออกจะเย็นด้วยซ้ำ
     

    หรือว่ามันจะเป็นเพราะริมฝีปากเรียวบางที่อยู่ตรงหน้าเขานี่กันนะ... อึก... แต่ที่รู้ๆคือตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้อดกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกปั่นป่วนไม่ได้จริงๆ
     

    ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าหวานของน้องชายที่กำลังส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับตาปรือๆนั่น ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้แล้วประทับจูบลงบนเรียวปากนุ่มนิ่มอย่างแผ่วเบา แน่นอนว่านั่นคงไม่พอสำหรับคนอย่างเขาอยู่แล้ว... หลังจากที่ขบเม้มริมฝีปากอยู่ได้ซักพัก ลิ้นร้อนก็ถูกส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างรวดเร็ว
     

    ความรู้สึกนี่มันคืออะไรกัน... ฮันบินเริ่มไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่าเขากำลังเผลอมัวเมาไปกับกลิ่นและรสชาติของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ หรือว่าเขากำลังจะคลั่งตายเพราะว่าร่างที่อยู่ในอ้อมกอดนี่กันแน่
     

    จนกระทั่งชายหนุ่มร่างสูงเริ่มเป็นฝ่ายผละตัวออกมาอย่างเนิบนาบ ดวงตาหวานเยิ้มของอีกฝ่ายก็มองเขาอย่างแน่นิ่งก่อนที่แขนเรียวเล็กนั้นจะพาดมากอดเอวเขาเอาไว้แน่น
     

    “จินฮวานรักพี่ฮันบินที่สุดเลย~” พอสิ้นเสียงนั้น... เปลือกตาบางก็ปิดลงพร้อมๆกับการที่เจ้าตัวซุกใบหน้าเข้ามายังแผงอกกว้างของเขา ลมหายใจอุ่นๆกับหน้าอกที่กระเพิ่มขึ้นลงเบาๆในจังหวะสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้ว่าน้องชายของเขาได้เข้าสู้ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
     

    ก็ดี... หลับกันง่ายๆอย่างนี้ก็ดี...
     

    ได้สติขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่...








    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    #ฟิคฮันบินกินเด็ก ร้อยเปอร์รวดเดียวเลยมาเสิร์ฟแล้วนะ เย้~
    คือหายไปซะนาน ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะหายนานขนาดนี้นะ
    แต่เผอิญมีธุระเร่งด่วนต้องรีบจัดการเลยมาช้าไปหน่อย ฮรึก... #ข้อแก้ตัวดีๆนี่เอง T..T
    ยิ่งวันก่อนมีเรื่องวาไรตี้ไรนั่นยิ่งรู้สึกไม่มีแรงจะพิมพ์ไรเลย...
    แต่นึกไปนึกมา... นี่เราเริ่มแต่งฟิคเพราะคิดถึงทีมบีนะ แล้วจะปล่อยทิ้งไว้งี้หรอ...
    มันเป็นหนึ่งในหลายๆอย่างที่เราทำแล้วมีความสุขระหว่างที่รอเด็กๆอยู่อย่างนี้ เราก็จะทำต่อไป
    ขอบคุณทุกๆคนที่ยังคงติดตามอ่านอยู่จนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณมากมายจริงๆ
    เท่าที่วางพล็อตเอาไว้คิดว่าไม่น่าเกิน 30 ตอนก็จะจบแล้วล่ะค่ะ
    ขอโทษด้วยที่ตอนแรกบอกไม่เกิน 20 ตอน แต่เยิ่นเย้อมาซะไกลเลย orz

    ปล.เรื่องปกฟิคยังคงส่งได้ถึงวันที่ 27 นะคะ http://twishort.com/Ap3fc
    อย่าลืมส่งเข้ามาให้เลือกกันเยอะๆน้าาาาาาา ^^


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×