คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ◤ Chapter 23 ◢
Chapter 23
Rrrrrrr~
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้นพร้อมกับปลุกให้ผู้ที่นอนอยู่ต้องตื่นแม้จะยังรู้สึกงัวเงียอยู่ก็ตาม ฝ่ามือหนาถูกยื่นออกมาเพื่อไขว้คว้าหาตัวการที่ทำให้เขาลืมตาขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนที่เขาจะสามารถหยิบมันเพื่อเอามาแนบหูได้ในที่สุด
“อืม... ฮัลโหล” กรอกเสียงลงไปตามสายอย่างคนไม่ค่อยมีสติขณะที่กำลังคิดว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว
(พี่ฮันบิน! นี่มันจะแปดโมงแล้วนะคะ ยังไม่ตื่นอีกหรอ!?) เป็นน้องสาวเขานั่นเองที่ตอบกลับมา ว่าแต่... นี่เขาตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอ วันนี้เขาไม่ได้ลางานไว้ซะด้วยสิ
“อ่าๆ... พี่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”
(งั้นก็อย่าลืมกินยาซะนะคะ ให้จินฮวานทำข้าวต้มให้กินด้วยก็ได้)
“อืมๆ รู้แล้ว” เจ้าของเสียงทุ้มเข้มเอ่ยตอบตอนที่กำลังพลิกตัวใต้ผ้าห่มไปมองร่างของเจ้าของชื่อเมื่อครู่นี้... น้องชายตัวเล็กยังคงหลับพริ้มอยู่ภายในอ้อมกอดของเขา แต่เมื่อริมฝีปากหยักหนาจรดลงไปบนขมับอย่างนุ่มนวล แพขนตาบางก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อยราวกับเพิ่งรู้สึกตัว
ต่อให้ฮันบยอลไม่บอก จินฮวานก็ทำให้เขาอยู่แล้วนี่นะ
(แล้ววันนี้ไปทำงานไหวหรอคะ?)
“ไหวสิ ว่าแต่เราเถอะ นึกยังไงถึงได้โทรมาแต่เช้าเลย”
(ก็นึกว่าพี่ฮันบินจะตื่นแล้วนี่คะ พอดีแม่ฝากถามว่าอาทิตย์นี้จะกลับบ้านรึเปล่า)
“อาทิตย์นี้หรอ...” ฮันบินเอ่ยพลางคิดถึงตารางงานของตัวเอง จริงๆแล้วการที่เขาเคลียร์งานจนเสร็จเร็วทุกวันมันก็ทำให้ช่วงนี้เขาว่างกว่าเดิมเยอะเลย “บอกแม่ให้ด้วยแล้วกันว่าพี่จะกลับ”
(ได้ค่ะ แต่อย่าลืมพาจินฮวานมาด้วยนะ)
“ฮันบยอล...”
(คะ?)
“เรายังไม่ได้คุยกันเรื่องคราวก่อนเลยนะ”
(เรื่องอะไรอีกคะ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้นี่นา ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาเรียนแล้วด้วย เพื่อนโทรมาพอดีเลย แค่นี้ก่อนนะคะ) หลังจากที่รัวคำพูดใส่เขาเสร็จ ปลายสายก็มีเพียงเสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาแทนที่ทันที ให้มันได้อย่างนี้สิ... แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้คุยกับน้องจริงๆจังๆเรื่องจินฮวานซักที
เรื่องที่ฮันบยอลรู้มันมากน้อยเท่าไหร่กัน... เขายังไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่เลย แล้วตอนนี้มันก็ค่อนข้างจะทำให้เขากังวลอยู่เล็กน้อยด้วย
พอมองใบหน้าหวานซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เขาต้องคิดมากแบบนี้แล้วก็อดลอบยิ้มออกมาไม่ได้ ร่างเล็กนั้นกำลังหลับสบายแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริงๆ คงสนุกมากล่ะสิที่ปั่นหัวเขาได้ขนาดนี้ รู้งี้เมื่อคืนน่าจะลงโทษให้หนักๆไปเลย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นเพราะจินฮวานนั่นแหละ
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะโทษว่ามันเป็นความผิดน้องฝ่ายเดียวหรอก แต่ถ้าน้องไม่มาทำตัวน่ารักใส่เขาก่อน เขาก็คงจะไม่... เอาเถอะ ยังไงเขาเองก็ผิดด้วยเหมือนกันที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ อย่างตอนนี้ก็เช่นกัน... ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะหยุดตัวเองให้มองริมฝีปากบางตรงหน้าต่อไปได้อีกนานแค่ไหน...
กว่าจะรู้ตัวอีกที ฮันบินก็ยื่นหน้าเข้าไปเพื่อกดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นจนได้ ไม่ว่าจินฮวานจะกำลังฝันเห็นอะไรอยู่ก็ตาม เขาอยากให้ในฝันนั้นมีเขาด้วย หรือถ้าหากว่าในความฝันนั้นไม่มีเขา จินฮวานก็ควรจะตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริงที่มีเขาอยู่ข้างๆได้แล้ว พอคิดอย่างนั้นร่างสูงก็กดย้ำลงไปที่เรียวบางบางอีกซ้ำๆด้วยความอ่อนโยน
“อื้ออออ...” จนกระทั่งเสียงหวานครางในลำคอเบาๆเพราะเริ่มรู้สึกตัว ฮันบินถึงได้แกล้งผละตัวออกมานอนเท้าแขนตัวเอง พลางเฝ้ามองดูคนตัวเล็กที่กำลังพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก
หลังจากการกระพริบตาอยู่หลายครั้งเพื่อปรับแสง ใบหน้าหวานก็เงยขึ้นมามองเขาด้วยความตกใจเล็กน้อย ก็แน่ล่ะ... เขาเล่นจ้องน้องซะขนาดนี้ ถ้าวันไหนไม่ได้แกล้งน้องเขาคงจะบ้าตายแน่ๆ แล้วยิ่งได้เห็นจินฮวานทำท่าเลิกลั่กเพราะไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงจุดไหนดี เขาก็ยิ่งอยากจะหลุดขำออกมาซะเดี๋ยวนั้น
ทำไม? การที่ต้องมองหน้าเขานี่มันยากเย็นขนาดนั้นเชียว? หรือความจริงแล้วจินฮวานจะไม่กล้ามองแผงอกของเขามากกว่า ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ครางเสียงหวานอยู่ใต้ร่างเขาแท้ๆ อ่า... บ้าชะมัด ดูเหมือนว่าเขาควรจะหยุดความคิดของตัวเองได้แล้ว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นตาลุงตัณหากลับอย่างที่แทฮยอนคิดจริงๆ...
“คิมจินฮวาน”
“...ครับ” คนถูกเรียกจ้องมองมาทางเขาตาแป๋วด้วยความสงสัย
ร่างสูงจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอีกครั้งก่อนจะประทับริมฝีปากหยักหนาลงไปแผ่วเบา “อรุณสวัสดิ์”
“อ..อรุณสวัสดิ์ครับ...”
“วันนี้นายมีเรียนเก้าโมงใช่มั้ย”
“...” ใบหน้าหวานพยักตอบกลับมาเบาๆ
“แล้วนี่จะไปเรียนไหวรึเปล่า”
“ว..ไหวสิครับ”
“แน่ใจนะ?” ฮันบินถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ยังคงเหมือนเดิม ในเมื่อน้องยืนยันแบบนี้แล้วก็คงไม่เป็นไร “งั้นไปอาบน้ำกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ห๊ะ? ว่าไงนะครับ-…” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายประมวลผลได้นาน ร่างสูงก็ลุกขึ้นพร้อมกับช้อนตัวน้องชายมาอุ้มเอาไว้ จนอีกฝ่ายถึงกับต้องรีบวาดแขนมาคล้องคอเขาแทบไม่ทัน “พ..พี่ฮันบินจะทำอะไร”
“ก็อาบน้ำไง”
“จินฮวานอาบเองได้”
“แต่มันจะสายอยู่แล้ว อาบพร้อมๆกันไปเลยจะได้ไม่เสียเวลา” เพราะรู้ว่าถึงยังไงตอนนี้น้องก็คงไม่มีแรงดิ้นใส่เขาได้แน่ ฮันบินจึงรีบเดินตรงเข้าห้องน้ำไปโดยไม่รีรอ “อย่าบอกนะว่ายังอายพี่อยู่อีก”
“...” คนตัวเล็กกว่าเงียบไปและเลือกที่จะซุกหน้าลงไปบนไหล่เขาแทนคำตอบ
“หึ... งั้นทำแบบเมื่อคืนบ่อยๆ เดี๋ยวนายก็ชินไปเองนั่นแหละ”
“พี่ฮันบิน!!”
ตอนนี้จินฮวานรู้สึกอยากจะฝังตัวลงในเบาะนั่งแล้วก็หายไปเลยได้ยิ่งดี เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองพี่ชายที่กำลังเคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี แทบไม่เหลือเค้าของความเป็นคนป่วยเลยซักนิดให้ตาย... ถ้าไม่เพราะเป็นห่วงล่ะก็ เขาคงจะแช่งให้พี่ฮันบินไข้ขึ้นอีกซักรอบเลยนะจริงๆ
แล้วเมื่อเช้านี้กว่าจะออกมาจากห้องน้ำได้ก็กินเวลาไปตั้งเยอะ เขาไม่เห็นว่ามันจะช่วยประหยัดเวลาได้ตรงไหนเลย นี่ไม่ออกมาแล้วปอดบวมทั้งคู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว คอยดูเถอะ... เขาจะไม่ยอมปล่อยให้พี่ฮันบินแกล้งเขาต่อไปอย่างนี้อยู่ฝ่ายเดียวแน่
แต่ว่าตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เพราะขนาดหน้ายังไม่กล้าจะมอง... งั้นคงต้องปล่อยไปก่อนแล้วกัน เฮ้อ...
“ตกลงว่าเรียนไหวแน่นะ”
“แน่สิครับ พี่ฮันบินเหอะ หายป่วยแล้วหรือยังไงถึงได้หน้าตาสดใสซะขนาดนั้น”
“เดี๋ยวนี้ประชดเก่งนะเรา... ก็อย่างว่าล่ะนะ เมื่อคืนได้ยาดีมันก็ต้องหายไวเป็นเรื่องธรรมดา”
กี่ครั้งแล้วไม่รู้ที่คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกร้อนขึ้นมา แถมไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแก้มเขาน่ะแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว นี่ถ้าจินฮวานไม่เกรงใจพี่ชายที่กำลังขับรถอยู่ล่ะก็ เขาคงจะยื่นมือเข้าไปต่อยแขนซักที!
แล้วทำไมต้องมาพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้อีก... กลัวว่าเขาจะจำไม่ได้รึไงกัน ภาพทุกอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดนั่นแหละ นึกแล้วก็อายตัวเองชะมัด... นี่เขา... เขาเป็นของพี่ฮันบินไปแล้วจริงๆสินะ
ที่จริงจินฮวานก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าความเงอะงะของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญ แต่เปล่าเลย... พี่ฮันบินทั้งอ่อนโยนแล้วก็ใจดีกับเขาเหมือนกับเวลาปกติ พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็อดยกฝ่ามือเล็กๆขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอายไม่ได้
“ถ้าจินฮวานติดไข้ขึ้นมา พี่ฮันบินต้องรับผิดชอบด้วย” เสียงหวานพูดออกมาอู้อี้ลงบนฝ่ามือของตัวเอง เขารู้ว่าพี่ชายตัวโตแพ้ทางทุกครั้งที่เขาอ้อน เพราะงั้นเขาก็จะใช้วิธีนี้แกล้งกลับไปบ้างเหมือนกัน
“จะมาโทษพี่ได้ไง”
“ไม่รู้ล่ะ เพราะถ้าไม่สบายก็จะกินไอติมไม่ได้ ถ้าจินฮวานกินไอติมไม่ได้ จินฮวานจะโทษพี่ฮันบินคนเดียวเลย” เขาเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าล้อรถนั้นมาหยุดลงอยู่ที่หน้าตึกคณะแล้ว เด็กหนุ่มจึงคว้ากระเป๋าของตัวเองมาสะพายข้างก่อนจะเปิดประตูรถแล้วลงไปยืนบนพื้นอย่างรวดเร็ว
“เล่นกันอย่างนี้เลยหรอ”
“อย่างนี้แหละครับ ก็พี่ฮันบินมาแกล้งกันก่อนทำไมเล่า” คนตัวเล็กก้มหน้าลงมาเล็กน้อยเพื่อพูดคุยกับเขาต่อ
“แต่ถึงนายจะไม่พูดแบบนั้น พี่ก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ...เพราะอะไรรู้มั้ยจินฮวาน”
“...”
“นายน่ะเป็นของพี่แล้วนะ”
ปัง!!
เสียงประตูรถถูกปิดลงอย่างแรงโดยฝีมือของคนที่ยืนอยู่ด้านนอก จินฮวานรู้ว่าทำแบบนี้มันเสียมารยาท แต่จะให้เขายืนฟังอะไรน่าอายแบบนั้นอีกต่อไปก็คงไม่ไหวเหมือนกันนั่นแหละ แล้วดูคนที่เพิ่งขับรถออกไปนั่นสิ... เมื่อกี้ก่อนปิดประตูเขาแอบเห็นนะว่าพี่ฮันบินหัวเราะใส่เขาด้วย!
ต้องทำยังไง... ต้องทำยังไงกันเขาถึงจะชนะพี่ฮันบินได้บ้าง
“ทำไมวันนี้มาสายจังอะ” เสียงทักทายดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำให้ร่างเส็กสะดุ้งเล็กน้อยและรีบหมุนตัวกับไปมองตัวการที่ก่อเรื่องให้เขาเมื่อคืนนี้
“ย่าห์! นัมแทฮยอน!!”
“อ..อะไรล่ะ แค่ถามว่าทำไมมาสายเองนะ” คนที่ตัวสูงกว่าหยุดเดินเข้ามาหาเขาทันทีด้วยความตกใจ บางทีอาจเป็นเพราะจินฮวานไม่ค่อยได้ขึ้นเสียงใส่ใครบ่อยๆแบบนี้ล่ะมั้ง
“ก็มันเพราะใครกันล่ะ”
“แล้วมันเพราะใครล่ะ?”
“เฮ้อ...” พอเถอะ ขืนพูดต่อไปอีกนิดเดียว เขาคงได้หลุดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไปหมดแน่ๆ แค่นี้ก็อายจะแย่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง... แล้วพี่ฮันบินดันบอกให้เขาขนกล่องถุงยางนั่นมาคืนแทฮยอนอีก คิดว่าเขาจะกล้าทำหรอ เขาน่ะแอบโยนทิ้งไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว
“ว่าแต่ตาลุงนั่นทำอะไรอีกล่ะ ถึงได้ลงมาจากรถแล้วหน้าแดงขนาดนั้น”
“เห็นชัดมากเลยหรอ”
“อืม...” เจ้าของร่างโปร่งบางพยักหน้าเบาๆ
“ช..ช่างเถอะ แล้วแทฮยอนอะ ไม่สบายไง? ทำไมหน้าซีดเป็นไก้ต้มเลย”
“ไม่รู้ดิ... เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ”
“มีเรื่องอะไรหรอ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ เรื่อง-...” อยู่ๆเสียงหวานก็ขาดห้วงไป ทำให้จินฮวานต้องหันไปมองตามสายตาของเพื่อรักด้วยความสงสัย ...จากตรงนั้นไม่ไกลนัก รุ่นพี่ร่างสูงเจ้าของผิวสีเข้มที่จินฮวานรู้จักเป็นอย่างดีกำลังเดินตรงเข้ามาทางที่พวกเขายืนคุยกันอยู่
จินฮวานไม่แน่ใจว่าเขาจำเป็นต้องเดาต่อไหมว่าเรื่องที่แทฮยอนพูดถึงมันเกี่ยวข้องกับคนๆนี้ด้วย
“สวัสดีครับพี่มินโฮ” ร่างเล็กหันไปทำความเคารพตามปกติด ผิดกับอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆโดยไม่คิดแม้แต่จะชายตามองเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”
“สบายดีครับ แล้วพี่ล่ะ?”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ในขณะที่เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาอย่างนั้น ดวงตาคู่คมก็จ้องมองไปยังร่างโปร่งของคนที่ยังคงยืนอยู่เงียบๆ
“อ่า... แล้วนี่พี่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“มีสิ พี่ฝากไอ้นี่ให้เพื่อนนายหน่อยได้มั้ย” ว่าพลางยื่นกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งมาตรงหน้า “ฝากบอกด้วยว่าพี่เซ็นให้แล้ว ถ้าเย็นนี้ไม่มาเข้าชมรมพี่จะส่งชื่อเข้าองค์กรนักศึกษาให้ตัดคะแนนซะ”
“ค..ครับ” นี่มันเรื่องอะไรกัน? จินฮวานได้แต่รับกระดาษแผ่นนั้นมาแบบงงๆ และอีกฝ่ายก็ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไปแล้ว เด็กหนุ่มก้มหน้าอ่านรายละเอียดบนกระดาษด้วยความตกใจ จนกระทั่งฝ่ามือเรียวของเพื่อนรักยื่นมาดึงมันไปถือเอาไว้เอง
“คิดว่าตัวเองใหญ่มากนักรึไง บ้าเอ๊ย!”
“แทฮยอน... ไม่ได้เข้าชมรมดนตรีแล้วหรอ”
“ก็ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงเข้าอยู่หรอก...”
“แล้วนึกไงถึงตัดสินใจเข้าชมรมฟุตบอลล่ะ” หรือว่ามีใครไปทำอะไรให้แทฮยอนเปลี่ยนใจขึ้นมา? จินฮวานรู้ดีว่าจริงๆแล้วเพื่อนของเขาก็ไม่ได้เกลียดหน้าพี่มินโฮมากมายอะไร เพียงแต่เจ้าตัวไม่รู้ใจตัวเองซะมากกว่า แล้วเขาก็ไม่อยากที่จะคาดคั้นอะไรเพื่อนมากซะด้วย
“ก็นะ... สงสัยตอนนั้นเมากลิ่นควันธูปอยู่มั้ง เฮ้อ... ไปเรียนกันเถอะ ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังหมดเลย”
“อ้อ ได้ๆ...” แล้วยิ่งเห็นเพื่อนทำหน้าไม่สบายใจแบบนั้น จินฮวานก็ยิ่งไม่อยากจะถามต่อ รอให้อีกฝ่ายเล่าเองน่าจะดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้แต่ปล่อยให้เพื่อนไปเรียนและทิ้งความค้างคาไว้ในใจของตัวเองต่อไปก่อน
เรื่องเก่ายังไม่ทันสะสาง... แล้วจะเรียกมาเจอกันให้มันรู้สึกอึดอัดแปลกๆไปทำไม
ดวงตาคู่เรียวสวยของนัมแทฮยอนทอดมองออกไปยังสนามกีฬาอันกว้างขวางของมหาวิทยาลัยเพื่อหาใครบางคน ...คนที่ข่มขู่เขาเอาไว้เมื่อเช้านั่นแหละ พอก้มมองลายเซ็นบนแผ่นกระดาษแล้วก็ถอนหายใจออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพับมันแล้วเก็บลงใส่กระเป๋าเช่นเคย
ถ้ารู้ว่าไอ้พี่บ้าตัวร้ายนั่นจะเซ็นให้เขา เมื่อวานนี้เขาก็คงไม่โยนทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายแน่นอน คิดแล้วก็อยากจะลงโทษตัวเองที่ไม่รอบครอบเอาซะเลย แถมยังโชว์โง่ออกไปเต็มๆตอนที่โดนหลอกด้วยเรื่องไร้สาระบ้าบออีก ที่จริงเขาควรจะเอะใจได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนถึกๆอย่างซงมินโฮคงไม่มีอะไรที่สามารถทำให้สมองบวมๆนั่นกระทบกระเทือนได้หรอก
และที่ทำให้รู้สึกเกลียดตัวเองมากที่สุด... ก็คงเป็นตอนที่เขาหลุดคำว่าชอบออกไปโดยไม่รู้ตัว
ยอมรับก็ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันช่วยทำให้เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองว่าคิดยังไงกับพี่มินโฮกันแน่... จริงอยู่ที่พออีกฝ่ายถามมาตรงๆเขาก็ตอบมันไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ชอบเลยที่โดนใช้วิธีหลอกลวงเพื่อเค้นคำๆนั้นไปจากเขา ทั้งๆที่เขาอยากจะพูดมันออกมาจากใจจริงๆมากกว่า... แทฮยอนรู้ดีว่ามันเป็นการเห็นแก่ตัวถ้าเขาจะปล่อยให้พี่มินโฮรอต่อไปอย่างไร้ความหวัง แต่อย่างน้อยๆเขาก็ไม่เคยบอกว่าเกลียดเจ้าตัวซักครั้งเลยนี่นา ...คนบ้าอะไรซื่อบื้อชะมัด
“ฮัดเช้ย!!” เสียงจามที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ร่างโปร่งของแทฮยอนถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะเขาไม่รู้ว่าคนๆนี้มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ขนาดแอบนินทาในใจนะ... เหอะ “มานานยัง?”
“ซักพักนึงครับ”
“ตามมาสิ” คำสั่งสั้นๆถูกส่งออกมาและทำให้แทฮยอนทำได้แค่เดิมตามไปอย่างว่าง่าย
ตรงด้านหลังที่เป็นบริเวณใต้อัฒจันทร์นั้นเป็นห้องพักสำหรับนักกีฬา ถึงจะไม่เข้าใจว่าจะให้มาถึงที่นี่ทำไม แต่แทฮยอนก็คงไม่อยากจะถามอะไรออกมาตอนนี้อยู่ดี ในระหว่างทางนั้นมีเพื่อนๆของคนที่เดินนำเขาอยู่คอยทักทายเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงบรรดาแฟนคลับสาวสวยที่ตรงเข้ามาประเคนข้าวและน้ำให้ด้วย
แทฮยอนมองถุงที่ร่างสูงยื่นมาให้เขาแบบงงๆไปซักพัก ก่อนจะพอเข้าใจว่าหน้าที่ของเขาอีกอย่างหนึ่งคือการถือของพวกนี้ด้วย สรุปแล้วเขามาเข้าชมรมนี้เพื่อเป็นเบ๊ให้กับไอ้พี่บ้านี่งั้นหรอ!
ได้... นี่เห็นว่าเหนือกว่าหรอกนะเขาถึงได้ยอม แต่อย่าให้หมดความอดทนขึ้นมาบ้างก็แล้วกัน
“จะให้ผมวางไว้ตรงไหน” เด็กหนุ่มเดินวนอยู่ในห้องนักกีฬาที่ไร้ผู้คนเพื่อหาตำแหน่งเหมาะๆเพื่อวางถุงซับพอร์ตจากแฟนคลับเมื่อกี้นี้
“ตรงนั้นก็ได้” นิ้วเรียวชี้ไปยังเก้าอี้ตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ในขณะที่เดินเข้าไปเปิดล็อคเกอร์ของตัวเอง “ออกไปรอข้างนอกก่อนไป”
“ทำไมอะ”
“อยากยืนมองพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อไปก็ตามใจ”
“โรคจิต!”
หึ... แล้วคำนี้ก็หลุดออกมาจากปากของแทฮยอนจนได้สินะ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ
มินโฮมองแผ่นหลังบางที่กำลังหายลับออกไปจากหลังประตูแล้วก็ต้องหลุดขำออกมาในที่สุด เขารู้ดีว่าเรื่องที่ทำลงไปเมื่อวานมันไม่ใช่อะไรที่ดีเลย แล้วมันก็คงทำให้แทฮยอนไม่อยากเข้าใกล้เขามากขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้น... เขาก็ยังอยากใช้โอกาสนี้เพื่อปรับความเข้าใจโดยการบังคับให้น้องมาอยู่ข้างๆตัวเขาเอง เพราะอย่างน้อยก็จะได้อยู่ในสายตาตลอดเวลาด้วย
เขาจะไม่ยอมแพ้และจะทำให้แทฮยอนยอมรับเขาให้ได้เร็วๆนี้แน่นอน
“เอ้า รับด้วย” ร่างสูงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับลูกฟุตบอล ก่อนจะโยนมันให้กับคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “วันนี้อยู่เย็นหน่อยนะ นายไม่มีธุระที่ไหนใช่มั้ย”
“ไม่มีครับ...”
จริงๆก็ถามไปงั้นแหละ เพราะต่อให้มี เขาก็คงจะหาวิธีบังคับให้น้องอยู่ต่อจนได้
พวกเขาเดินกลับมาที่สนามอีกครั้งเพื่อทำการฝึกซ้อม และก่อนหน้านี้ก็มีคนในชมรมที่มาซ้อมอยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่นั้นเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ซึ่งต้องแยกซ้อมเป็นรายๆเพื่อดูความสามารถไปก่อน แต่สำหรับมินโฮที่เป็นถึงรองประธานชมรม เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกไปดูแลเด็กใหม่หรือไม่ดูก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาอยากดูแลเด็กในสังกัดของตัวเองมากกว่า ดังนั้นเด็กหนุ่มร่างสูงจึงปลีกตัวออกมาซ้อมแยกไปโดยปริยาย
เขาวอร์มร่างกายไปตามปกติที่มุมสนามมุมหนึ่ง พลางอธิบายหน้าที่ให้แทฮยอนฟังไปด้วยว่าต้องทำอะไรบ้าง และหน้าที่ที่เขามอบให้กับน้องก็ไม่ต่างกับผู้จัดการส่วนตัวดีๆนี่เอง นั่นคือแทฮยอนจะต้องคอยส่งน้ำให้เขาเมื่อเขารู้สึกกระหาย หรือแม้แต่การส่งผ้าให้เช็ดเหงื่อ และคอยวิ่งตามเก็บลูกฟุตบอลที่เขาเตะออกไปนอกสนาม
ทั้งหมดนั่นก็ดูจะเป็นสิทธิ์พิเศษสุดๆแล้วล่ะ เพราะอย่างแทฮยอนคงลงไปวิ่งไล่เตะฟุตบอลกลางสนามไม่รอดแน่ๆ ให้คอยอยู่ใกล้ๆเขาแบบนี้น่ะดีแล้ว
จำได้ว่าครั้งนึงตอนยังเด็ก เขาเคยเห็นแทฮยอนวิ่งอยู่ในคาบพละศึกษา น้องดูแข็งแรงแล้วก็วิ่งเร็วกว่าที่เขาคิด เพราะงั้นหน้าที่เก็บลูกฟุตบอลให้เขานี่ก็คงจะไม่ยากเย็นเท่าไหร่นักหรอก ถึงจะคิดอย่างนั้น... แต่ดูเหมือนว่าวันนี้มินโฮจะเตะพลาดไปไม่น้อยเลยทีเดียว เขาไม่แน่ใจว่าการที่มีแทฮยอนมาคอยดูอยู่มันทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งลึกๆแล้วมันทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนกันที่ทำให้น้องต้องวิ่งไล่ลูกบอลไปทั่ว...
“ขอน้ำหน่อย” เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยเมื่ออีกฝ่ายยื่นบอลที่เพิ่งวิ่งไปเก็บมาให้
“ครับ...”
บางทีเขาอาจจะคิดไปเอง... จริงๆแล้วเมื่อเช้าเขาแอบสังเกตเห็นว่าแทฮยอนดูไม่ค่อยดีเลย ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเพราะอยู่ๆเขาก็เดินเข้าไปหาแบบนั้น แต่พอลองนึกๆดูอีกที จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเห็นว่าแทฮยอนหน้าซีดผิดปกติจนน่าสงสัย
“นี่ครับน้ำ”
“ขอบใจ นายเองก็กินน้ำบ้างนะ วิ่งขนาดนั้นไม่เหนื่อยรึไง”
“แล้วพี่จะเตะพลาดทำบ้าไรล่ะ”
“ช่วยไม่ได้” มินโฮยักไหล่เบาๆขณะที่ส่งขวดน้ำคืน “ไปนั่งพักก่อนไป อีกสิบนาทีจะเลิกซ้อมแล้ว ถ้ามีอะไรพี่จะเรียกเอง”
“อือ” ใบหน้าหวานพยักตอบรับเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวหันหลังเพื่อเดินกลับไปยังฝั่งอัฒจรรย์
หรือว่าเขาจะแกล้งน้องมากเกินไปกันนะ... ก็เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้มันพลาดจริงๆนี่ ทั้งที่แทฮยอนมาอยู่ใกล้ๆแบบนี้เขาก็ควรจะโชว์ฟอร์มเจ๋งๆให้น้องดู เฮ้อ... หลังจากวันนี้ไปเขาคงต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้นน้องคงได้วิ่งเก็บลูกบอลให้เขาสนุกแน่ ...มินโฮถอนหายใจและได้แต่มองตามอีกฝ่ายไปด้วยสายตาที่เป็นห่วง แต่ยังไม่ทันที่เจ้าของเรียวขาเล็กนั้นจะเดินไปถึงที่นั่ง
ฟุ่บ!!
ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มทรุดลงไปนอนกองอยู่บนพื้นสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีทำให้มินโฮถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่ทั้งสองขาของเขาจะรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่นอนสลบอยู่
“แทฮยอน!! ...แม่งเอ๊ย!!”
ถ้อยคำที่สบถกับตัวเองไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกผิดที่มีอยู่ภายในใจของซงมินโฮลดลงได้เลย ถ้าเกิดว่าแทฮยอนเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็... เขาจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองแน่!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
#ฟิคฮันบินกินเด็ก ครั้งนี้มาแบบร้อยเปอร์อะ คือว่างไง 555555555555555555
พี่ฮันบินก็ยังคงความหื่นเหมือนเดิม (ไม่แน่ใจว่าความหื่นของฮันบินหรืออิไรท์กันแน่) กร๊ากกกกก
แอบมีมินัมโผล่มาแล้วนะ -..- แต่มิโนคะ... ช่างทำกับน้องได้ลงคออะ! ตอนต่อไปตายแน่ 55555555
วันนี้มีเรื่องการออกแบบปกฟิคมาบอกด้วยนะคะ ถ้าหากว่าใครสนใจก็คลิกลิงค์ไปดูรายละเอียดกันได้เลย
http://twishort.com/Ap3fc ของรางวัลอาจจะไม่มากมายอะไร คนที่ชนะก็รับฟิคฟรีไปเลยหนึ่งเล่ม เย้เย~
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์เช่นเคยที่ทำให้เรามีกำลังใจในการแต่งฟิคเรื่องนี้ต่อไป ขอบคุณค่ะ >3<
*แถม*
JH: พี่ฮันบินฮะ ปุ่มปิดมันอยู่ตรงไหน...
HB: ไม่ต้องปิดหรอก มานอนได้แล้ว
ความคิดเห็น