คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ◤ Chapter 20 ◢ (100%)
Chapter 20
“ไอ้สัสเอ๊ย!!” เสียงสบถดังขึ้นพร้อมๆ กับการที่เด็กหนุ่มร่างสูงใช้ขายาวของเขาเตะถังขยะข้างทางจนล้มระเนระนาด ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำนั้นทำให้คนที่เดินผ่านไปต้องหันขวับมามองด้วยความสงสัย แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่สนใจสายตาของคนพวกนั้นอยู่แล้ว
ก็คนอย่างซงมินโฮน่ะ... เคยแคร์ใครนอกจากนัมแทฮยอนด้วยหรือไงกัน?
“เป็นเหี้ยไรอีกวะมึง” เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันเดินเข้ามาแตะไหล่เขา ก่อนจะหันไปมองสภาพขยะตรงหน้าและส่ายหัวออกมาด้วยความเอือมระอา “มีเรื่องเครียดอะไรก็ไปเตะบอลดิวะ มึงจะมาเตะถังขยะเพื่อ!?”
“ให้กูเตะมึงแทนมั้ยล่ะแจ็คสันหวัง”
พอได้ฟังดังนั้น คนที่เกือบถูกหมายหัวก็ถึงกับรีบถอยตัวออกมาห่างๆแทบไม่ทัน “ลองมึงได้เป็นอย่างนี้นะ... กูรู้เลยว่าเพราะใคร”
“...”
“ทำไมวะ? น้องนัมแทฮยอนของมึงเค้าทำอะไรอีกล่ะคราวนี้”
“มึง...” ร่างสูงเจ้าของผิวสีเข้มมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เลื่อนลอย “มึงว่ากูควรตัดใจดีป่ะวะ?”
“ไอ้ห่า! อุตส่าห์ตามตื๊อมาตั้งกี่ปี มึงจะเลิกง่ายๆเลยเนี่ยนะ!!”
“เฮ้อ...” ซงมินโฮถอนหายใจออกมาออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังพิงกำแพงตึกที่ตั้งอยู่ข้างๆนั่น “แล้วถ้ามึงรู้ว่าเค้าอาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว มึงจะยังเดินหน้าต่อไปไหวหรอวะ...”
“เฮ้ย! มึงอย่าบอกนะว่า... แทฮยอนมีแฟนแล้ว?”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ”
“สัส... แล้วมึงจะดราม่าทำเหี้ยไรครับถามหน่อย” คนเป็นเพื่อนถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ...สรุปว่าทั้งหมดทั้งมวลนี่ไอ้เพื่อนตัวสูงสมองตื้นของเขากำลังคิดไปเองอย่างนั้นใช่มั้ย
“แล้วจะให้กูคิดยังไงวะ ก็วันนี้กูเห็นแทฮยอนเดินไปกับผู้ชายอีกคณะ แถมยังดูสนิทสนมกันซะจนกูอยากเตะบอลอัดหัวไอ้แห้งนั่นชิบหาย เห็นเดินเข้าชมรมดนตรีไปด้วยกันแสดงว่าแม่งคงล่อลวงแทฮยอนไปเข้าชมรมนั้นเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญ... เมื่อเช้านี้ตอนออกมาจากห้อง แทฮยอนไม่มองหน้าหรือคิดจะทักทายกูเลยด้วยซ้ำ”
อาจจะเพราะความบังเอิญที่รุ่นน้องคนสวยคิ้วตกย้ายเข้ามาอยู่ในห้องข้างๆเขาตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม มันทำให้เขามีความสุขและคิดอยู่ตลอดว่าในที่สุดเวลาของเขาก็มาถึงแล้ว แต่ที่ไหนได้... มันก็ยังคงเหมือนๆเดิม แทฮยอนไม่ได้ปฏิบัติตัวกับเขาต่างจากเมื่อก่อนนี้เลยซักนิด
“แต่ปกติน้องเค้าก็ไม่ได้ดูอยากจะทักทายมึงอยู่แล้วนิ”
ดวงตาคมคู่นั้นของมินโฮตวัดมองคนที่สูงน้อยกว่าในทันที “...ถ้าไม่คิดจะช่วยก็ไปไกลๆตีนกูเลยไป”
“อะโห่~ อย่าเพิ่งไล่กันสิครับคุณเพื่อน แต่มึงนี่ก็นะ... คิดบ้าไรเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้วะ แค่เดินด้วยกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแฟนซักหน่อย”
“แต่ว่า-...!!” มินโฮเกือบจะพลั้งปากพูดเรื่องที่แทฮยอนถามเขาเมื่อวานนี้ไปซะแล้ว ถ้าไม่ฉุกใจคิดได้ซะก่อนว่ามันอาจจะทำให้น้องเสียหาย แต่นึกถึงเรื่องนั้นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดและกังวลใจขึ้นมาทันที “แม่งเอ๊ย!!”
“ใจเย็นพวก กูว่าไปเตะบอลแก้เครียดหน่อยดีกว่า เพื่อนฝูงรอมึงนานแล้วนะ”
นั่นสิ... บางทีการออกกำลังกายมันอาจจะช่วยทำให้เขาเลิกคิดฟุ้งซ่านได้ซะที มัวยืนอารมณ์เสียอยู่อย่างนี้ก็คงไม่ช่วยอะไร หรือว่าบางที... เขาควรจะหาทางเข้าไปคุยกับน้องให้รู้เรื่องอีกครั้ง
เหอะ คุยอีกครั้งเนี่ยนะ? เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรอีก แถมเมื่อวานนี้แทฮยอนยังพูดออกมาให้เขาได้ยินอย่างชัดเจนซะขนาดนั้น ก็ถ้าน้องใจตรงกันกับเขาคงบอกมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่นี่น้องพูดออกมาว่า ‘ไม่รู้’
แต่จะว่าไป นั่นก็ไม่ใช่คำตอบที่ชัดเจนเลยซักนิด...
ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบฉัน เสียใจนะ ทำไมเธอไม่เข้าใจกันบ้างเลย เธอไม่เข้าใจฉันเลยว่าฉันชอบเธอ
ฉันทำอะไรผิดเหรอ? ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ยิ่งเธอทำแบบนั้น ฉันยิ่งเสียใจรู้ไหม
เพราะอย่างนั้น ช่วยเปิดใจให้ฉันเถอะนะ
มีอะไรบางอย่างแปลกไป... แทฮยอนคิดว่างั้น แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากๆซะด้วย
วันนี้หลังจากที่ไปห้องชมรมดนตรีกับรุ่นพี่ซึงยุนเสร็จ และกำลังจะเดินไปห้องเรียนช่วงเช้า เขาบังเอิญเจอกับพี่ชายเจ้าของผิวสีเข้มที่ปกติคอยตามยุ่งวุ่นวายอยู่กับเขาตลอดเวลา ตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายคงจะวิ่งเข้ามาก่อกวนเขาอีกเหมือนเคย แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยซักนิด
ร่างสูงหันมามองเขาแค่เพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไป...
แทฮยอนกำลังรู้สึกราวกับถูกเมินยังไงยังงั้น ซึ่งมันก็น่าแปลกมากที่การะกระทำของอีกฝ่ายดันทำให้เขาโมโหขึ้นมาซะดื้อๆ นี่เขาคงบ้าไปแล้วสินะ
แต่อันที่จริง เมื่อเช้าตอนที่เขาเปิดประตูออกมาจากห้องและพบกับพี่มินโฮ เขาเองก็หลบหน้าอีกคนเหมือนกันนี่นา... จะให้ทำยังไงได้ล่ะ เมื่อวานเขาเพิ่งกลั้นใจถามอะไรแปลกๆแบบนั้นออกไป ถึงจะดูกล้าบ้าบิ่นแค่ไหน แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็อายเป็นเหมือนกัน แล้วอย่างนี้จะให้เขามองหน้าพี่ชายคนนั้นติดหรอ
หรือว่า... หรือว่าการที่พี่มินโฮเมินเขาเมื่อกี้นี้มันเป็นเพราะว่าเรื่องเมื่อวานด้วย
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แทฮยอนคงไม่แปลกใจเลยซักนิด ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะถูกมองเป็นเด็กยังไงกันแน่
ช่างเถอะ ยังไงซะการที่ไม่มีอีกฝ่ายเข้ามาวุ่นวายมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ เขาควรจะดีใจสิ... ควรจะดีใจให้มากกว่านี้... แต่ทำไมเขากลับรู้สึกโหวงๆอย่างบอกไม่ถูกเลย
มันเหมือนกับว่าเขากำลังขาดอะไรบางสิ่งบางอย่างไป...
“กรี๊ดดดดดด วันนี้พี่มินโฮอย่างเท่เลยอะ เตะเข้าไปตั้งหลายประตูแล้วนะ” เสียงแหลมๆนั่นดังออกมาจากกลุ่มเด็กสาวที่กำลังนั่งเกาะขอบหน้าต่างห้องเรียน
แทฮยอนเบือนหน้าไปมองคนกลุ่มนั้นเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสนใจโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของตัวเองเช่นเดิม นี่มันเวลาพักเที่ยงนะ ช่วยเกรงใจกันบ้างไม่ได้หรือยังไง ทำไมต้องส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นๆแบบนี้ด้วย โดยเฉพาะกับเรื่องพี่ชายบ้าบอลนั่นน่ะ เขาไม่ได้สนใจอยากจะรู้เลยซัดนิด
“พี่เค้ายังไม่มีแฟนใช่มั้ย งั้นถ้าเราไปสารภาพรักนี่จะมีโอกาสซักกี่เปอร์เซ็นกันนะ” เด็กสาวคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเพ้อฝันสุดๆ ซึ่งแทฮยอนก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนอย่างพี่มินโฮถึงได้มีคนมารุมชอบกันตั้งขนาดนั้น พอได้ยินแบบนี้แล้วยิ่งไม่ชอบเลย
ไม่... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเขาหวงพี่มินโฮล่ะ เขาก็แค่หมั่นไส้เท่านั้นแหละ จริงๆ...
“บอกได้เลยว่าศูนย์เปอร์เซ็นชัวร์ๆ” ดูเหมือนอีกคนที่ตอบจะเป็นเด็กสาวเกาะขอบหน้าต่างอยู่ริมซ้ายมือสุด เธอมีผมยาวตรงสวย หน้าตาน่ารักใช้ได้ และก็ดูจะเป็นคนที่รู้เรื่อง(ชาวบ้าน)มากที่สุดในระดับชั้นปีแล้ว แทฮยอนจำเสียงเธอได้ดีหลังจากที่เมื่อวานเธอคาบข่าวอะไรซักอย่างมาบอกเพื่อนในห้อง
“ทำไมอะ! ก็ในเมื่อพี่เค้ายังไม่มีแฟ-...”
“ถึงพี่เค้าจะไม่มีแฟน แต่ก็มีคนที่ชอบไง”
“จริงหรอ? ใครอะ!”
“ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่รุ่นพี่ที่เราสนิทด้วยเล่าให้ฟังว่าพี่มินโฮแอบชอบคนๆนึงมาตั้งนานแล้ว และก็ไม่ได้มีทีท่าว่าพี่เค้าจะสนใจคนอื่นเลยด้วย”
“โหย... เรื่องจริงป่ะเนี่ย”
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปสารภาพดูดิ เดี๋ยวได้รู้เลย หรือไม่งั้นก็... ก็ลองไปถามคนนั้นอะ... เค้าดูสนิทกับพี่มินโฮนะ...”
มาถึงตรงนี้แทฮยอนก็ฟุบหน้าลงไปนอนบนโต๊ะเรียนเรียบร้อยแล้ว น่าเบื่อชะมัด... เขาเบื่อเรื่องซุบซิบนินทาเป็นที่สุด ทำไมเขาจะต้องมาได้ยินเรื่องบ้าๆอะไรแบบนั้นด้วย แล้วยิ่งเป็นเรื่องคนๆนั้นเขาก็ยิ่งไม่ชอบใจเลย เหมือนยิ่งหนี เรื่องราวของพี่มินโฮก็ยิ่งตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เรื่อย
“กรี๊ดดด เกิดอะไรขึ้นน่ะ!? นั่นพี่มินโฮไม่ใช่หรอ!!!”
แล้วนั่นจะเอะอะโวยวายอะไรกันนักหนา เฮ้อ... เขาล่ะอยากลุกออกไปจากที่ตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่โชคดีที่อาจารย์เข้ามาในห้องเรียนซะก่อน กลุ่มเด็กสาวพวกนั้นก็เลยต้องรีบกลับเข้าที่อย่างช่วยไม่ได้ หึ... ไงล่ะทีนี้
แทฮยอนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเปิดหนังสือตามที่อาจารย์สั่ง และเพราะว่านี่เป็นอาทิตย์แรก การเรียนการสอนในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่จึงเป็นการแนะนำวิชา และเริ่มบทเรียนเพียงแค่เล็กน้อย ซึ่งวิชานี้เองก็เช่นกัน หลังจากที่อธิบายรายละเอียดวิชาพร้อมกับวิธีการเก็บคะแนนเสร็จ อาจารย์ชายวัยกลางคนที่มีตำแหน่งด็อกเตอร์พวงอยู่หน้าชื่อก็สอนพวกเขาอีกแค่นิดหน่อยเท่านั้น
ครืด... ครืด... ครืด... ครืด... ครืด... ครืด...
โทรศัพท์ที่สั่นอยู่บ่อยครั้งนั่นทำให้แทฮยอนหงุดหงิดไม่ใช่น้อย เขารู้ว่าอีกไม่นานอาจารย์ก็จะปล่อยแล้วจึงทำเป็นไม่สนใจมันไปก่อนเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องด่วนอะไร แต่พอรู้สึกว่ามันสั่นถี่ขึ้นมากเรื่อยๆ เขาก็เริ่มหวั่นใจจนต้องแอบหยิบมันขึ้นมาเปิดข้อความดู
ไอ้พี่ดำบ้า: ‘แทฮยอนอ่า นี่พี่แจ็คสันเองนะ’
ไอ้พี่ดำบ้า: ‘นายคงกำลังเรียนอยู่ใช่มั้ย พี่ขอโทษที่รบกวนนะ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ’
ไอ้พี่ดำบ้า: ‘พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้ไอ้มินโฮมันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล S แล้วพี่ก็ไม่กล้าติดต่อพ่อกับแม่มันด้วย’
ไอ้พี่ดำบ้า: ‘พี่จะบ้าตายอยู่แล้ว นายช่วยมาดูมันหน่อยได้มั้ย’
ไอ้พี่ดำบ้า: ‘แทฮยอนอ่า ถือว่าพี่ขอร้อง’
ไอ้พี่ดำบ้า: ‘ถ้านายว่างยังไงช่วยมาด้วยนะ...’
และข้อความขอร้องอีกมากมายที่ถูกส่งจากแจ็คสันหวังโดยผ่านเครื่องของซงมินโฮ เขารู้ดีว่าพี่ชายคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของเครื่อง แต่เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ เรื่องที่สำคัญกว่าคือนี่มันเกิดอะไรขึ้นต่างหาก!? ทำไมพี่มินโฮถึงได้ไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลได้ แล้ว.. แล้ว...
ใจเย็นน่าแทฮยอน มันอาจจะไม่มีอะไรมากก็ได้ ...แต่ทำไมมันถึงได้ทำให้เขากังวลใจมากมายเหลือเกิน มันร้ายแรงถึงขั้นทำให้คนอารมณ์ดีอย่างแจ็คสันหวังเครียดได้มากขนาดนี้เลยหรอ แล้วนี่เมื่อไหร่อาจารย์จะปล่อยซักที เขา... เขาน่ะ...
“อนุญาตครับอาจารย์! ผมมีธุระต้องรีบไปจริงๆ!” เด็กหนุ่มร่างโปร่งลุกขึ้นเอ่ยก่อนจะวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องโดยไม่รอคำอนุญาตเลยซักนิด
อะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้กันนะ... นี่มันบ้าชัดๆ ทำไมเขาต้องเป็นห่วงไอ้พี่มินโฮบ้านั่นด้วย!!
สิ่งสำคัญที่สุดคือหัวใจ เปล่านะ ฉันไม่ได้ชอบเธอที่หน้าตาหรือภายนอกซะหน่อย
แม้คำร้ายๆพวกนั้นจะทำให้ฉันไม่พอใจ แต่ฉันก็จะรัก ก็นี่มันหัวใจของฉันนี่
แม้ว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆฉันก็จำได้หมด ถ้ามันเป็นเรื่องของเธอ ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ
ไม่ว่าเธอทำร้ายฉันแค่ไหน เธอก็เหมือนหนังสือการ์ตูนนั่นแหละ
เหมือนกับการ์ตูนความรักหวานแหว๋ว ฉันภาวนาแบบนี้ทุกๆคืน
60%
แทฮยอนไม่ค่อยชอบโรงพยาบาล สำหรับเขาแล้วถ้าไม่ได้ป่วยหรือว่าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็จะไม่มา ...แล้วไอ้การที่เขาต้องรีบมาดูอาการคนอย่างซงมินโฮนี่มันจำเป็นด้วยหรอ? แทฮยอนรู้สึกว่าไม่เลยซักนิด แต่ทำไมเขาถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้กันล่ะ!
และหลังจากที่ชะเง้อคอรออยู่ซักพัก คนที่บอกให้เขามาโรงพยาบาลก็เดินออกมาจากลิฟต์พอดี รุ่นพี่แจ็คสันตรงเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่ดูเครียดมากๆ จนเขารู้สึกว่านี่คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะแล้ว...
“เกิดอะไรขึ้นครับพี่?”
“...ไม่รู้จะพูดยังไงเลยว่ะ” อีกฝ่ายตอบเขากลับมาด้วยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตามมาก่อนแล้วกัน”
ว่าแล้วก็หันหลังเดินนำไปทันทีโดยไม่รอให้เขาได้อ้าปากถามอะไรต่อ ดวงตาคู่เรียวสวยเริ่มสั่นไหวเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันทำให้เขาร้อนใจมากขึ้นกว่าเดิม เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้เป็นแบบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วเขาก็รู้สึกสนิทกับพี่มินโฮก็ได้... คนเคยเห็นหน้ากันอยู่เกือบทุกวัน ถึงพี่ชายคนนั้นจะน่ารำคาญไปหน่อย แต่พอรู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น มันก็ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้
ม..ไม่ดิ ที่จริงแล้วเขาก็แค่กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมา แล้วกลายเป็นผีมาคอยวนเวียนอยู่ใกล้เขาอีก มันคงจะหลอนๆพิลึกต่างหาก!
จนกระทั่งเดินมาถึงห้องพักสำหรับผู้ป่วย คนที่เดินนำมาตั้งแต่แรกก็หยุดลงก่อนจะหันหน้ามาหาแทฮยอนอีกครั้ง
“เมื่อตอนพัก... พวกเราไปเล่นบอลด้วยกันตามปกติ” พี่แจ็คสันเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก “วันนี้ไอ้มินโฮมันเป็นอะไรไม่รู้ เหมือนมันจะเหม่อๆ แล้วตอนที่พี่ส่งบอลไปให้มันที่อยู่หน้าโกลมันก็รับไม่ได้ แถมบอลยังโดนหัวมันอย่างจังก่อนที่มันจะเซจนหัวไปฟาดเสาโกลอีกที...”
แทฮยอนรับรู้เหตุการณ์ด้วยความเครียดที่มากขึ้นกว่าเดิม การที่พี่มินโฮเหม่ออะไรนั่นน่ะ... คงไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเมื่อวานหรอกใช่มั้ย “แล้วนี่... อาการพี่เค้าแย่มากเลยหรอครับ”
“ใช่... หัวแม่งแตกเลยต้องเย็บแผลด้วย”
“อย่างน้อยพี่ก็น่าจะโทรบอกพ่อแม่เค้านะครับ”
“...มันพูดยากน่ะ ตอนนี้พี่โคตรรู้สึกผิดเลย มาเถอะ... เดี๋ยวนายก็จะรู้เอง”
ฝ่ามือหนาของรุ่นพี่แจ็คสันทำหน้าที่เปิดประตูห้องเข้าไป ก่อนที่สายตาของแทฮยอนจะมองเห็นว่าร่างสูงคุ้นเคยที่กำลังพักผ่อนอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าอาการของอีกฝ่ายจะหนักว่าที่เขาคิดเอาไว้อีก คนที่นอนเอนหลังพิงเตียงหันมาส่งยิ้มให้เขาโดยมีผ้าก็อซสีขาวสะอาดพันอยู่รอบศีรษะ ซ้ำยังมีรอยเลือดและยาซึมออกมาเล็กน้อย
เรียวขายาวก้าวเข้าไปยืนอยู่ข้างๆเตียงทีละนิด พร้อมกับจ้องมองแผลนั้นไม่วางตา ...จริงๆแล้วเขาไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นทักทายยังไงมากกว่า
“คนนี้ไง... ที่กูบอก” อยู่ๆพี่แจ็คสันก็พูดออกมาแล้วชี้มาทางแทฮยอน และนั่นก็ทำให้แทฮยอนต้องเลิกคิ้วตกๆของตัวเองขึ้นด้วยความสงสัย
“สวัสดีครับ” เจ้าของเสียงทุ้มเข้มที่อยู่บนเตียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะสบตากับเขา ถึงจะกำลังงุนงงกับสถานการณ์ แต่แทฮยอนก็ยังประมวลผลได้ว่าพี่มินโฮดูแปลกๆไป...
“เป็นไงมั่งวะมินโฮ? มึงพอจะนึกอะไรออกบ้างยัง...”
“...” ฝ่ายที่ถูกถามคลายยิ้มลงแล้วส่ายหัวราวกับกำลังรู้สึกผิดต่อเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เดี๋ยวก่อนสิ... ไอ้การที่บอกว่านึกออกหรือนึกไม่ออกนี่มันอะไรกัน อย่าบอกนะว่า...
“หมอบอกว่าสมองมันได้รับการกระทบกระเทือน ก็เลยสูญเสียความจำระยะสั้นไป นี่มันยังจำพี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ไม่ต้องรอให้คิดต่อ คนที่ตามเขาให้มาที่นี่ก็เป็นคนตอบคำถามทั้งหมดนั่นแล้ว ดวงตาคู่เล็กเบิกโพลงด้วยความตกใจ “พี่ยังไม่กล้าโทรบอกพ่อกับแม่มันเลย แต่พี่ว่าถึงยังไงก็ควรต้องรู้อยู่ดี นายอยู่เป็นเพื่อนมันไปก่อนนะแทฮยอน เดี๋ยวพี่จะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก”
“ค..ครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้าทำความเคารพรุ่นพี่เล็กน้อยตอนที่อีกฝ่ายเดินออกไป แต่เมื่อหันกลับมามองดูคนที่อยู่บนเตียงคนไข้อีกครั้ง เขาก็ทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“นาย.. เอ่อ นายชื่ออะไรนะ”
“...” นี่คงไม่ได้ล้อกันเล่นหรอกใช่มั้ย “ผมก็ชื่อแทฮยอนไง แค่นี้ทำไมจำไม่ได้”
“ขอโทษ...”
กลายเป็นว่าบรรยากาศรอบห้องนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดจากพวกเขาทั้งคู่ เด็กหนุ่มร่างโปร่งจึงหันไปลากเก้าอี้แถวนั้นมานั่งลงที่ข้างเตียงดังเดิม เรื่องแบบนี้คงไม่ได้เอามาล้อเล่นกันได้ง่ายๆหรอกใช่มั้ย ปกติเย็บแผลเสร็จแล้วต้องนอนพักต่อในโรงพยาบาลขนาดนี้เลยหรอ...
“แล้วนี่พี่ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า” แทฮยอนถามพร้อมกับทำท่าชี้ไปที่หัวตัวเองด้วย
“อืม... ก็นิดหน่อย”
“บื้อชะมัด... เล่นบอลยังไงให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้” เหมือนจะจงใจว่าอีกฝ่าย แต่เด็กหนุ่มก็ทำเพียงแค่พึมพำออกมาเบาๆเท่านั้น
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง...”
“ไม่ได้เป็นห่วงซะหน่อย”
“อ่า.. งั้นหรอ” มินโฮยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อ ใบหน้าที่ถึงแม้จะดูซีดลงแต่ก็ยังคงหล่อเหลากำลังผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะที่มา คือว่า... ขอถามอะไรอีกเรื่องนึงได้มั้ย”
“ถามมาสิ”
“เรา... เราเป็นอะไรกัน”
“...” ดวงตาคู่สวยเบือนออกไปมองยังที่ถุงน้ำเกลือราวกับต้องการค้นหาคำตอบนั้นเช่นกัน “ถ้าพี่อยากรู้ก็นึกให้ออกเองสิ”
“พยายามแล้วแต่นึกไม่ออก ขอโทษด้วย...”
“นี่พี่ลืมผมไปแล้วจริงๆใช่มั้ย ใจร้ายว่ะ” แทฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้พี่ชายคนนี้ต้องทำหน้ารู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆ “พี่กล้าลืมคนที่ตัวเองบอกว่าชอบมาเป็นสิบปีได้ยังไงกัน”
.
.
.
“เมื่อกี้นายบอกว่า... ชอบหรอ?” ร่างสูงเอียงคอด้วยความสงสัยขณะที่ทำท่าคิดตามไปด้วย “ถ้าพี่ชอบนาย แล้วนายล่ะ...? นายก็ชอบพี่ด้วยเหมือนกันใช่มั้ย งั้นแสดงว่าเราเป็นคนรักกัน-...”
“ผมยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยนะ พี่อย่าคิดไปเองได้ป่ะ”
“อ้าว... งั้นนายโกหกทำไม”
“ไอ้พี่บ้า!” แทฮยอนแทบลุกขึ้นไปทุบอีกคนถ้าไม่เห็นว่าป่วยอยู่ล่ะก็นะ... พูดออกมาว่าเขาโกหกได้ยังไง ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์กลั้นใจพูดความจริงออกไปซะขนาดนั้น นี่มันทำให้เขาชักโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ ถ้ายังนึกไม่ออกอีกเขาจะโกรธให้มากกว่านี้เลยด้วย! “พี่เป็นคนบอกว่าชอบผมเองแท้ๆ แล้วทำไมพี่ถึงได้ลืมมันไปหมดเลย!”
“...แต่พี่จะชอบคนที่ไม่ได้ชอบพี่ได้ยังไงกันล่ะ”
Give Love รักฉันสักหน่อยสิ
Give Love นี่มันยังไม่พอสำหรับความรักหรอก
ฉันมอบความรักให้เธอทุกวัน แต่เธอกลับไม่รักฉันเลย
แทฮยอนกำลังรู้สึกว่าขอบตาของตัวเองกำลังร้อนผ่าวขึ้นมาเอาซะดื้อๆ... สีหน้าเรียบๆจากอีกฝ่ายกำลังทำให้เขารู้สึกโกรธ ใช่... เขาโกรธที่พี่มินโฮทำความทรงจำของตัวเองหายไป เขาโกรธเมื่อคิดว่าพี่มินโฮคงจะลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาไปหมดแล้ว และเขาก็โกรธตัวเองด้วยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...
“ก็ได้... ผมชอบพี่ ผมชอบพี่พอใจรึยัง! รีบๆนึกให้ออกได้แล้ว!!” แทฮยอนไม่อยากร้องไห้... เขาไม่ชอบความอ่อนแอ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่เข้มแข็งเอาซะเลย และไม่ว่าจะต่อหน้าใครเขาก็ไม่เคยร้องไห้ให้เห็น แต่กับคนๆนี้... ทำไมถึงทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนแอได้ก็ไม่รู้
“นายพูดเรื่องจริงใช่มั้ย?”
“ก็จริงน่ะสิ!”
“ดีใจแฮะ” ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทันที “ขอบใจนะแทฮยอน พี่คิดว่านายคงไม่มีวันชอบพี่แล้วซะอีก ตอนที่เห็นนายเดินไปกับคนอื่นพี่ก็ยิ่งกลัวว่านายจะมีคนที่ชอบแล้ว”
“ผมจะไปชอบคนอื่นได้ยังไงในเมื่อมีพี่มาวนเวียนดูแลอยู่ใกล้ๆแบบนี้! เดี๋ยวนะ-...” นี่เขาพลาดอะไรไปซักอย่างรึเปล่า? “พี่จำได้ด้วยหรอว่าเคยเห็นผมเดินไปไหนกับใครบ้าง”
“เอ่อ...”
“พี่มินโฮ!!” เด็กหนุ่มร่างโปร่งลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหทันทีหลังจากที่คิดอะไรบางอย่างได้
“พ..พี่เพิ่งนึกออกเมื่อกี้”
“ผมไม่ได้โง่นะ!!” หรือบางทีเขาอาจจะเป็นคนโง่จริงๆก็ได้ที่หลงเชื่อไปกับเรื่องบ้าๆนี่ เขาเป็นห่วงอีกฝ่ายแทบตาย แต่ทำไม... “พี่กล้ามาหลอกผมได้ยังไง... พี่... พี่สนุกมากใช่มั้ยที่ได้แกล้งผมแบบนี้...”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะแทฮยอน-...” ก่อนที่ร่างสูงจะทันได้พูดอะไรต่อ บุคคลที่สามก็เปิดประตูโผล่เข้ามาพอดี “ก็ไอ้แจ็คสันมันบอกให้พี่ทำ”
แต่น้ำเสียงอ่อยๆของคนที่อยู่บนเตียงก็ไม่ได้ทำให้แทฮยอนรู้สึกสงสารหรือว่าเห็นใจขึ้นมาเลยซักนิด “จะไปโทษคนอื่นทำไม ต่อให้พี่แจ็คสันบอกแล้วพี่ไม่ทำมันก็ได้นี่!”
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะทำให้ผู้มาใหม่ต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอซะแล้ว แจ็คสันหวังค่อยๆเดินเข้ามาก่อนจะมองหน้ารุ่นน้องอย่างรู้สึกผิด
“พี่ขอโทษนะแทฮยอน พี่บังคับให้มันทำเองแหละ”
“มึงไม่ต้องขอโทษหรอก แทฮยอนพูดถูก... ถ้ากูจะไม่ทำซะอย่างมึงก็บังคับกูไม่ได้” ร่างสูงของมินโฮยันหลังขึ้นมานั่งตรงๆขณะที่พูด ก่อนจะหันมามองอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ข้างเตียง “พี่ผิดเองที่อยากรู้ว่านายจะชอบหรือเป็นห่วงพี่ซักนิดบ้างมั้ย พี่โมโหที่นายเดินไปชมรมดนตรีกับไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เมื่อเช้านี้ แล้วก็เรื่องเมื่อวานที่นาย-...”
ประโยคหลังถูกกลืนหายไปเมื่อเด็กหนุ่มร่างสูงรู้ว่ายังมีใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย
“พี่นี่แม่งโคตรบื้อเลย...” แทฮยอนโพล่งออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง เขาก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าตัวเองชอบพี่ชายคนนี้รึเปล่า แต่ถ้าอยู่ๆพี่มินโฮหายไปจากชีวิตเขาก็คงทำใจยอมรับไม่ได้ และการที่เมื่อกี้อีกฝ่ายแกล้งทำเป็นว่าลืมเขาไปแล้วจริงๆมันก็ทำให้เขากลัว นั่นหมายความว่าเขาชอบพี่มินโฮรึเปล่าล่ะ... “ผมอุตส่าห์ตัดสินใจตั้งนานว่าจะไปเข้าชมรมดนตรีดีมั้ย ผมก็แค่เดินปรึกษากับรุ่นพี่ซึงยุนเค้าไปเฉยๆ แต่พี่กลับคิดบ้าอะไรก็รู้ ถ้างั้นกระดาษใบนี้มันคงไม่มีค่าอะไรแล้วล่ะ!”
เด็กหนุ่มปากระดาษที่ล้วงขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วโยนใส่คนตรงหน้าเต็มๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปและทิ้งไว้เพียงความโกรธเคืองที่ยังหลงเหลืออยู่...
“มึง... โอเคป่ะวะ?” คนที่เหมือนจะเป็นส่วนเกินเมื่อครู่นี้เดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับตบบ่าเพื่อนเบาๆ
“ไม่โอเคเท่าไหร่ว่ะ” มินโฮตอบขณะที่อ่านก้มหน้าก้มตากระดาษในมือตัวเอง ลายมือของแทฮยอนที่เขาจำได้ขึ้นใจถูกขีดเขียนและขีดฆ่าอยู่หลายจุด แต่ที่แน่ๆ... มันเป็นกระดาษที่แทฮยอนเขียนเอาไว้ว่าจะสมัครเข้าชมรมฟุตบอล “เพราะมึงเลย เวรเอ๊ย!”
“โทษกูได้ไงวะ กูอุตส่าห์จัดห้องให้มึงนอนเลยนะ แถมเมื่อกี้มึงยังบอกกูเองด้วยว่าไม่ต้องขอโทษ”
“เออๆ! กูผิดเองแหละ!” เขาผิดเองที่เชื่อคำพูดของเพื่อนรักโดยไม่นึกดูให้ดีก่อน ปล่อยให้ไอ้บ้านี่หาห้องพยาบาลและเตรียมการวางแผนทุกอย่างให้ ทั้งๆที่จริงแล้วหัวของเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก
แต่จะว่าไป... อย่างน้อยเขาได้รับรู้ความรู้สึกของแทฮยอนขึ้นมาอีกนิด นี่เขาควรขอบคุณแผนบ้าๆของแจ็คสันหวังหรือควรจะขอบคุณที่พ่อมันที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลดี
“แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ เด็กมึงเตลิดหนีไปแล้วนะ”
“ยังไงกูก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก” สายตาคมจ้องมองไปบนกระดาษแล้วยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “แต่ก่อนอื่นกูต้องเซ็นกระดาษใบนี้ก่อน หึ...”
นายหนีไปไหนไม่รอดแน่... นัมแทฮยอน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
60% วันนี้เราทำงานเสร็จไปอีกส่วนแหละเราเลยมาอัพ ฮือออออ นี่ดีใจมากอยากกูร้องบอกรักให้ก้องโลก #ผิด
สำหรับตอนนี้ก็มินัมฟินๆ(?)กันไปนะ ส่วนพี่ฮันบินและน้องจินเราจะรีบมาจัดเต็มให้ทีหลัง -.,-
ครึ่งหลังหรอ... รอแป๊บยังไม่แน่ใจ 5555555 // ขอบคุณเนื้อเพลง Give Love trans : swag'ygvip , aitualek mini
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ด้วย เลิ้บยูนะ จุ๊บๆ >3< #ฟิคฮันบินกินเด็ก
100% ครบแล้วเย้~ หายไปตั้งสองสามวัน ในที่สุดก็มาต่อซะที -..-
หลังจากนี้จะเป็นบีจินแล้วนะ เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้เลย เพราะหลังจากวันพรุ่งนี้เราก็จะผ่านพ้นมรสุมงานแล้ว
เย้ๆๆๆๆๆๆๆ คือดีใจ 555555555 >3<
ความคิดเห็น