ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WIN] BABY BABY ◤ BJin ◢

    ลำดับตอนที่ #19 : ◤ Chapter 16 ◢

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.83K
      6
      6 พ.ค. 57

    Chapter 16



     

     

    ถ้าหากการเข้าใจใครซักคนมันเป็นแค่เรื่องง่ายๆก็คงดี... จินฮวานนึกอยากให้ตัวเองมีเวทย์มนต์หรือคาถาอะไรก็ได้ซักอย่าง ที่มันจะสามารถทำให้เขารู้ว่าพี่ฮันบินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ของแบบนั้นมันมีอยู่บนโลกซะที่ไหนกันล่ะ หรือบางที... เขาควรไปเรียนจิตวิทยาซักหน่อย เผื่อว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง
     

    เฮ้ออออออออ คิดแล้วก็ปวดหัวเลยได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะพี่ฮันบินคนเดียวเลย ถ้าเมื่อเช้านี้ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น เขาก็คงไม่ต้องมานั่งคิดมากอยู่แบบนี้หรอก...
     

     

     

    ทำอะไรน่ะ? เจ้าของห้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มๆเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ขณะเดินตรงเข้ามาใกล้ร่างเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรซักอย่างบริเวณเคาน์เตอร์ครัว คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนจะเลิกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ นี่นายทำอาหารเป็นด้วย?
     

    ก็พอได้น่ะครับ ตอนที่อยู่เชจูช่วยแม่ทำงานในร้านเป็นประจำไง อีกอย่างนี่ก็เป็นแค่การทอดไข่ดาว มันยากตรงไหนกัน? แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น จินฮวานก็ไม่ได้ถามออกไปหรอก...
     

    วันนี้เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะต้องไปจัดการเรื่องเอกสารในมหาลัยก่อนเปิดเทอม พอคิดได้ว่าควรทำอาหารเช้าเผื่อพี่ชายเจ้าของห้องเพื่อเป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆด้วย เขาก็เลยรีบอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วตรงมาที่ครัวทันที ซึ่งเมนูที่จินฮวานทำมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก มีแค่ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว ไส้กรอกและเบคอนที่พอจะคุ้ยๆหาได้จากในตู้เย็น จะว่าไปแล้วพี่ฮันบินคงแทบไม่ได้ซื้ออาหารสดติดตู้เย็นเลยด้วยซ้ำ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ในนั้นที่จินฮวานเห็นน่ะมีแต่กล่องอาหารสำเร็จรูปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ล..แล้วก็ไอศกรีมที่พี่ฮันบินซื้อมาตุนเอาไว้ให้เขาเต็มไปหมด
     

    หน้าตาดูดีนี่คนตัวสูงเอ่ยพลางพยักพเยิดไปทางไข่ดาวบนกระทะที่จินฮวานกำลังทอดอยู่ ซึ่งจินฮวานจะไม่ว่าอะไรเลยซักนิดถ้าพี่ฮันบินไม่พูดพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ๆเขา...
     

    ไม่ต้องก้มลงมามองขนาดนี้ก็ได้มั้ง... หน้าแทบจะติดกันอยู่แล้วนะ เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
     

    น..แน่นอนอยู่แล้ว ฝีมือระดับนี้
     

    แต่จะกินได้จริงๆน่ะหรอ?
     

    พี่ฮันบิน!’ ใบหน้าหวานรีบหันขวับมามองคนเจ้าของคำพูดดูถูกนั้นทันที โดยที่ลืมไปเลยว่าพวกเขากำลังอยู่ในระยะประชิดมากแค่ไหน...
     

    และเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาใกล้ๆ ปลายจมูกของพวกเขาก็เลยสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือจะเป็นความตั้งใจของพี่ชายตัวสูงนี่จินฮวานก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ที่รู้ๆคือตอนนี้เขาตกใจผงะจนแทบจะหงายหลังร่วงลงไปกองที่พื้นอยู่แล้ว ซึ่งถ้าอ้อมแขนแกร่งไม่รั้งตัวเขาเอาไว้ได้ทันพอดีมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ...
     

    ราวกับเข็มนาฬิกาหยุดเดินเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกำลังตกอยู่ในความเงียบงัน ดวงตาคมคู่นั้นของพี่ฮันบินที่มองมาทำให้จินฮวานรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็เคยใกล้ชิดกันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่นี่มันอะไรกัน... แถมตอนนี้อีกฝ่ายยังค่อยๆขยับใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้ๆจนเขาต้องรีบหลับตาปี๋พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว เพราะเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป...
     

    หืม...แต่แล้วอยู่ๆ อ้อมแขนแกร่งนั่นก็ปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระพลางทำส่งเสียงฟุดฟิดออกมาทางจมูกด้วย ...อย่าว่าแต่พี่ฮันบินเลย ตอนนี้จินฮวานเองก็เริ่มจะได้กลิ่นอะไรบางอย่างแล้วเหมือนกัน
     

    เฮ้ย! ไหม้แล้ว!!’ เด็กหนุ่มโวยวายด้วยความตกใจเมื่อหันไปเห็นสิ่งที่อยู่บนกระทะ ก่อนจะรีบยื่นมือไปปิดแก๊สทันที ให้มันได้อย่างนี้สิ!
     

    กินไม่ได้แล้วนะนั่น
     

    เพราะใครกันเล่า!?’
     

    ใครล่ะ?
     

    นาทีนี้จินฮวานแทบอยากจะแงะไข่ดาวสีดำเกรียมนั่นขึ้นมาโปะหน้ากวนๆของพี่ชายตัวสูงซะเหลือเกิน ยังต้องถามอีกหรอว่าเพราะใคร ถ้าเมื่อกี้พี่ฮันบินไม่ทำ... ม..ไม่ทำแบบนั้นกับเขาล่ะก็ ป่านนี้อาหารเช้าคงถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
     

    ช่างเถอะ เดี๋ยวจินฮวานทอดให้ใหม่ก็ได้ครับ
     

    ก็ดี หึหึ...ร่างสูงส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะเดินกอดอกกลับเข้าห้องของตัวเองไป ซึ่งจินฮวานก็เดาว่าคงไปอาบน้ำเตรียมตัวอะไรนั่นแหละ ดีเหมือนกัน... เขาจะได้ทำอะไรสะดวกหน่อย
     

    แต่จะว่าไป... เมื่อกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ... จินฮวานคิดว่าเขากำลังจะโดยจ..จูบซะอีก อา...นี่มันบ้าชะมัด เขาอาจจะแค่คิดไปเองใช่มั้ย แล้วทำไมพี่ฮันบินต้องทำให้เขาสับสนด้วย...



     

     

     

    แต่หลังจากเรื่องนั้นผ่านไป พวกเขาก็ยังนั่งกินข้าวมื้อเช้าด้วยกันได้อย่างปกติ เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ซึ่งมันก็ทำให้เด็กหนุ่มร่างเล็กรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ แต่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร... กระทั่งมานั่งอยู่บนรถคันหรูที่เจ้าของรถอาสาจะขับไปส่งให้ พวกเขาก็ยังคงพูดกันน้อยมาก หรือเรียกว่าไม่พูดอะไรกันเลยน่าจะดีกว่า...
     

    เพราะงั้นตอนนี้จินฮวานก็เลยสับสนและว้าวุ่นไปหมด เขามาที่มหาลัยโดยแทบไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลยด้วยซ้ำ... มันคงจะดีถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ฮันบินชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่... ไม่สิ... บางทีมันอาจจะชัดเจนอยู่แล้วก็ได้ เรื่องที่พี่ฮันบินรักเขาแบบน้องชายนั่นไง
     

    เขารู้ดีว่าไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปถ้าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่สิ่งที่พี่ฮันบินทำกับเขาแต่ละอย่างนั้นมันทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆนี่นา...
     

    พอเถอะ... เขาไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้แล้ว อีกอย่าง นี่ก็ใกล้จะถึงเวลานัดของเขากับแทฮยอนและฮันบยอลแล้วด้วย เขาควรลุกออกไปจากหน้าตึกคณะนี่ได้ซักที ...อันที่จริงเด็กหนุ่มจัดการธุระเสร็จตั้งแต่เมื่อช่วงบ่าย แต่นัดกับเพื่อนไว้ตอนบ่ายสาม และเมื่อไม่รู้จะไปไหนก็เลยเร่ร่อนอยู่แถวนี้เหมือนคนไม่มีอะไรจะทำ ...ก็ไม่มีอะไรจะทำจริงๆนั่นแหละ
     

    “นาย... จินฮวานใช่มั้ย?”
     

    ในขณะที่เด็กหนุ่มยืนขึ้นและกำลังรวบเอกสารต่างๆขึ้นมาถือเอาไว้ ร่างสูงของใครบางคนก็เดินเข้ามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ดูใจดีมาให้
     

    “ใช่ครับ พี่นี่เอง...”
     

    “จำได้ด้วยหรอ?”
     

    “จำได้สิครับ ก็พี่ซึงยุนอุตส่าห์เป็นคนช่วยแนะนำหอพักให้ผมตั้งหลายที่” คนที่ตัวเล็กกว่าตอบกลับไปอย่างร่าเริง เขาไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอกับพี่ชายคนนี้ด้วย “แล้ววันนี้พี่มาทำไรที่นี่หรอครับ?”
     

    “มาเคลียร์ห้องชมรมก่อนเปิดเทอมน่ะ ...ชมรมดนตรี”
     

    “หืม? ชมรมดนตรี...” จินฮวานไม่รู้มาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ที่คณะตรงหน้านี่ก็ชอบเสียงเพลงเหมือนกัน แน่ล่ะ... พวกเขาเพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อตอนที่จินฮวานมายืนยันเข้าเรียนที่นี่เอง แล้วจะให้ไปทำความรู้จักสนิทสนมกันตอนไหน
     

    “ถ้าสนใจก็มาเข้าได้นะ ชมรมเราไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรมากหรอก อย่างพี่เองก็นั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงไปวันๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
     

    “ที่จริงผมก็พอจะเล่นกีตาร์เป็นเหมือนกัน งั้นเปิดเทอมเมื่อไหร่ผมจะไปยื่นใบสมัครนะครับ” ได้ยินมาว่าถ้าจะเรียนจบจากที่นี่ได้ ก็ต้องร่วมกิจกรรมชมรมอย่างน้อยหนึ่งกิจกรรม ซึ่งชมรมดนตรีก็ดูเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะถึงยังไงซะ เขาก็ชอบร้องเพลงและเล่นดนตรีอยู่แล้ว
     

    “เฮ้ๆ นายสัญญากับพี่แล้วนะ ถ้าวันนั้นพี่ไม่เห็นหน้านายล่ะก็...”
     

    “ฮ่าๆๆๆๆ ครับ ผมสัญญาเลย”
     

    “แล้วนี่นายกำลังจะไปไหนรึเปล่า เมื่อกี้เหมือนเห็นนายเก็บของ...”
     

    “พอดีผมนัดกับเพื่อนที่เรียนอยู่อีกคณะเอาไว้น่ะครับ”
     

    “อ่อ งั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
     

    “งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ” เด็กหนุ่มร่างเล็กเอ่ยพลางก้มหัวทำความเคารพผู้เป็นรุ่นพี่เล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาพร้อมกับส่งยิ้มให้
     

    “อ..อื้ม ไว้เจอกัน”





     

     

     

     

    สายงั้นหรอ?... ไม่ใช่แล้วล่ะ ไม่ใช่สำหรับจินฮวานแน่ๆ เพราะตอนนี้เขาเข้ามานั่งอยู่ที่ร้านคาเฟ่หน้ามหาลัยตั้งนานแล้ว แต่เพื่อนสนิททั้งสองคนก็ยังไม่มาซักที
     

    ด้านฮันบยอลนั้นพอเข้าใจอยู่หรอกว่าต้องเดินทางมาไกล จะช้าบ้างอะไรบ้างคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่นัมแทฮยอนที่เรียนอยู่ที่นี่เหมือนกันไม่น่าจะใช้เวลาเดินทางนานขนาดนี้ หรือที่คณะนั้นจะมีงานอะไรต่ออีก?
     

    พอกำลังคิดว่าจะส่งข้อความไปถามเพราะเห็นว่าเลยเวลามาพอสมควรแล้ว เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี จินฮวานเงยหน้ามองเล็กน้อยและเขาก็เดาออกอยู่แล้วล่ะว่าเป็นใคร
     

    “มาช้านะ”
     

    “ก็ไอ้พี่มินโฮโรคจิตนั่นอะดิ...” ผู้มาใหม่สบถออกมาเหมือนอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย
     

    “นี่พี่เค้ายังไม่เลิกยุ่งกับแทฮยอนอีกหรอ?”
     

    “เออดิ! ไม่รู้ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเรียนคณะเดียวกันอีก นี่กว่าจะแอบหนีออกมาได้!
     

    “ฮ่าๆๆๆๆ มันเป็นพรหมลิขิตไรงี๊รึเปล่า?” จินฮวานหัวเราะออกมาหลังจากได้ฟังสิ่งที่เพื่อนเล่า ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ซงมินโฮคนนั้นน่ะตามจีบเพื่อนของเขามาตั้งแต่ตอนเรียนประถม ขนาดตอนขึ้นมัธยมยังคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆตลอดเลย แทฮยอนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังผ่านโทรศัพท์ตลอดหลังจากที่เขาย้ายไปเกาะเชจู แล้วเมื่อกี้นี้ว่าไงนะ? เรียนอยู่คณะเดียวกันซะด้วย เขาก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้จากเจ้าตัวเองนี่แหละ “แต่เราว่าพี่เค้าก็นิสัยดีออก ติดแค่ขี้ตื๊อไปหน่อย...ล่ะมั้ง”
     

    “ไม่หน่อยเลยเหอะ” ดูเหมือนว่าแทฮยอนจะหัวเสียกว่าเดิม เพราะงั้นจินฮวานจึงเปลี่ยนเรื่องด้วยการชวนเพื่อนสั่งเครื่องดื่มและของว่างแทน
     

    เด็กหนุ่มทั้งสองพากันคุยซะเพลินจนเกือบลืมไปเลยว่าพวกเขากำลังรอใครอีกคนอยู่ด้วย ถึงจะแอบนัดเจอกันบ่อยๆตอนที่จินฮวานกลับมาโซล แต่ทุกๆครั้งพวกเขาก็ยังมีเรื่องให้คุยกันตลอดเลยสิน่า
     

    จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกซักพัก เด็กสาวร่างเล็กเจ้าของดวงตากลมใสก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มต่างก็พากันเงยหน้าขึ้นมาทักทายอย่างสนิทสนม
     

    วันนี้ฮันบยอลยังคงแต่งตัวด้วยสไตล์ที่น่ารักๆเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปเช่นเคย ซึ่งนั่นก็ทำให้จินฮวานค่อนข้างเป็นห่วงเพราะว่าวันนี้เธอใส่กระโปรงสั้นมากซะด้วย แล้วเพื่อนคนนี้น่ะน่ารักน้อยซะที่ไหน แค่เดินเข้ามาในร้าน นักศึกษาชายแถวนี้ก็เหลียวมองกันตาแทบเหล่ ในความรู้สึกตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเขาทั้งหวงแล้วก็ห่วงฮันบยอลเลยนั่นแหละ
     

    เธอขอโทษขอโพยเล็กน้อยที่มาช้าก่อนจะนั่งลงในฝั่งเดียวกับแทฮยอน มือเล็กๆนั่นยกถุงของฝากขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าเป็นของที่แม่เธอทำมาให้เขาและแทฮยอน
     

    “ขอบใจนะ ฝากบอกคุณป้าด้วยว่าว่างเมื่อไหร่จะรีบแวะเข้าไปหาทันทีเลย”
     

    “โอเค~” ฮันบยอลรับปากกับเขาก่อนจะหยิบถุงอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วยอีกถุง “ส่วนนี่ก็อาหารอีกนิดหน่อย แม่กลัวว่าจินฮวานกับพี่ฮันบินจะไม่มีอะไรกินกันเลยฝากมาให้ด้วย”
     

    “โห ดีเลย~
     

    “เฮ้ย เดี๋ยว! นี่อย่าบอกนะว่าตอนนี้จินฮวานไปอยู่กับตาลุงนั่นอะ!!
     

    “ห..หะ เอ่อ...” ลืมไปเลย.. ว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนัมแทฮยอน “ใช่...”
     

    “ไหนว่าตอนนั้นมาหาหอแล้วไง”
     

    “พอดียังตัดสินใจไม่ได้... แล้วคุณป้าก็บอกให้ไปอยู่กับพี่ฮันบินอะ...” แต่ไหนแต่ไรมา แทฮยอนก็ดูจะไม่ค่อยลงรอยกับพี่ชายตัวสูงของเขาอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่จินฮวานไม่ค่อยแปลกใจนักหรอกที่ตอนนี้แทฮยอนจะทำหน้าโกรธซะขนาดนั้น
     

    “มาอยู่กับเราก็ได้นี่ ถึงหอเราจะไม่กว้างแต่ก็อยู่สองคนได้นะ”
     

    “แต่ว่า...”
     

    “พี่ชายเราไม่จับจินฮวานไปขายหรอกน่าแทฮยอน” เป็นฮันบยอลที่พูดแทรกขึ้นมาพอดี “อีกอย่างนะ คอนโดพี่ชายเรากว้างจะตาย จินฮวานน่ะอยู่ได้แบบสบายๆอยู่แล้ว”
     

    “ก็ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นซะหน่อย”
     

    “แล้วเป็นห่วงเรื่องอะไรล่ะ?” เสียงใสๆของเด็กสาวถามออกมาอย่างมีเลศนัย
     

    “...” ทางฝั่งแทฮยอนก็ได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรพลางยกหลอดขึ้นมาคนน้ำในแก้วเล่น
     

    “ว่ายังไง?”
     

    “เออๆ ช่างมันเหอะ”
     

    “คึคึ~
     

    ตกลงว่าสองคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่กันแน่ อย่างน้อยก็น่าจะบอกให้เขาเข้าใจด้วยคนสิ จินฮวานขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปมอยู่แล้ว และขณะที่กำลังจะอ้าปากถาม ฮันบยอลก็เอ่ยแทรกขึ้นมาอีกครั้งด้วยการขอสั่งเมนูของว่างด้วย ...เอาเถอะ ยังไงซะแทฮยอนก็เลิกพูดถึงเรื่องนั้นไปแล้ว ถ้าขืนเขาพูดขึ้นมาอีกรอบ แทฮยอนอาจจะบังคับให้เขาไปอยู่ด้วยจนได้
     

    หรือว่าเขาควรจะย้ายไปอยู่กับแทฮยอนดี?...




     

     

     

     

    ฮันบินไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทั้งวันนี้เขาถึงได้ไม่ค่อยมีสมาธิทำงานนัก ปกติแล้วเขาทำงานเนี๊ยบยิ่งกว่าใคร แต่วันนี้เขากลับจับนู่นนี่นั่นผิดไปหมด บางทีอาจเป็นเพราะในหัวของเขามัวแต่คิดเรื่องอื่นมันก็เลยแบบนี้... ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้แล้ว มันยังจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ
     

    ตอนที่ใช้แขนโอบร่างน้องชายตัวเล็กเอาไว้นั้น ฮันบินจำได้ว่าพวกเขาใกล้ชิดกันมาก จนเขาเกือบจะลืมตัวแล้วก็ทำอะไรที่ไม่ดีออกไป จินฮวานจะมองเขาเป็นคนยังไงถ้าหากว่า...
     

    ถ้าหากว่าเมื่อเช้านี้เขาก้มหน้าลงไปจูบน้องจริงๆ...
     

    สงสัยเขาคงได้กลายเป็นตาลุงโรคจิตแหง เอาน่า... น้องยังต้องอยู่กับเขาอีกตั้งนาน ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว... ฮันบินได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนั้น
     

    แต่ถ้าเกิดว่ามีใครมาแย่งจินฮวานไปจากเขาก่อนล่ะ? จริงด้วยสิ เขาลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย
     

    ฝ่ามือหนาหักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้าไปยังที่จอดรถภายในคอนโดของตัวเองอย่างเคยชิน และเมื่อรถเข้าสู่ตำแหน่งประจำแล้ว ร่างสูงก็เอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อหยิบข้าวของ รวมถึงถุงอาหารที่เขาซื้อติดไม้ติดมือมาในวันนี้ด้วย
     

    เขาขึ้นลิฟท์ในขณะที่หัวของเขาก็กำลังคิดอะไรยุ่งเหยิงไร้สาระ จินฮวานจะทำหน้ายังไงตอนที่เห็นเขากลับมา เมื่อเช้านี้เขาก็นั่งนิ่งอยู่บนรถไม่ค่อยได้คุยกับน้องซะด้วยสิ แต่ก็ไม่แน่... เผลอๆน้องอาจจะลืมเรื่องเมื่อเช้านี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
     

    ฮันบินเดินมาถึงหน้าห้องและกดรหัสเพื่อเปิดประตูเหมือนอย่างที่เคยทำ  ขายาวก้าวเข้าไปด้านในซึ่งตรงเข้าสู่ห้องนั่งเล่น เห็นได้ชัดว่าจินฮวานที่นั่งอยู่บนโซฟากลับมาถึงก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาคนเดียวซะด้วยสิ...
     

    ชายหนุ่มร่างสูงจะไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิดถ้าหากว่าภาพตรงหน้าของเขาในตอนนี้นั้น... ไม่ใช่ภาพที่จินฮวานกำลังโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้น้องสาวของเขาอยู่...
     

    “..พี่ฮันบิน” เด็กสาวตัวเล็กมองเห็นเขาก่อนและเอ่ยชื่อเขาออกมาด้วยความตกใจ
     

    “มาทำอะไรที่นี่” เขาพยายามควบคุมสติอารมณ์และถามด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด แต่ก็ไม่มั่นใจนักว่ามันจะออกมาเป็นยังไง
     

    “คือแม่ฝากอาหารมาให้ค่ะ...”
     

    “แต่นี่มันหกโมงเย็นแล้ว”
     

    “อ่า... ก็กะว่าจะให้พี่ฮันบินขับรถไปส่งไงคะ”
     

    “งั้นก็กลับได้แล้ว”
     

    “คะ?”
     

    “เดี๋ยวนี้”
     

    หลังจากที่เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกไปอย่างนั้น ฮันบยอลก็รีบลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเพื่อทำตามคำสั่งทันที ร่างสูงเดินเอาของทั้งหมดไปวางลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินเข้ามาจูงมือน้องสาวออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่สับสน ส่วนจินฮวานที่นั่งอยู่บนโซฟานั้นก็ยังคงนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งไปแล้ว ฮันบินบอกกับตัวเองว่าเขาจะทำเป็นไม่สนใจไปก่อน แต่ถ้ากลับมาเมื่อไหร่ล่ะก็... เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว
     

    บนรถยนต์ที่แล่นอยู่กลางถนนตอนนี้มีเพียงความเงียบ ระหว่างชายหนุ่มและน้องสาวไม่มีใครเริ่มต้นพูดอะไรกันซักคำ... ฮันบยอลเอาแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์ไปเรื่อยเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่ขับรถอยู่ข้างๆเริ่มไม่พอใจ จนถึงขนาดนี้แล้วไม่คิดจะแก้ตัวกับเขาหน่อยหรือยังไง?
     

    กระทั่งในที่สุด ก่อนที่รถใกล้จะขับมาถึงจุดหมาย คิมฮันบินที่กำลังจับพวงมาลัยเอาไว้แน่นก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวและถามออกมาก่อน
     

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่...”
     

    “อะไรนะคะ?”
     

    “ไปคบกับจินฮวานตั้งแต่เมื่อไหร่”
     

    “...” เธอนั่งนิ่งพร้อมกับมองออกไปยังนอกหน้าต่างราวกับว่าคำตอบมันอยู่ข้างนอกนั่น “พี่ฮันบินไปถามจินฮวานเองเถอะค่ะ”
     

    “แล้วพี่ถามน้องสาวตัวเองไม่ได้รึไง?”
     

    “แต่เรื่องแบบนี้จะให้ผู้หญิงเป็นคนตอบได้ยังไงกัน...”
     

    ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจออกมาและยอมแพ้ที่จะซักไซ้ต่อ ถึงเด็กทั้งสองคนจะยังไม่ได้จูบกันตอนที่เขาเดินเข้าไปเห็นพอดี แต่จากภาพที่เขาเห็นมันก็เดาได้ไม่ยากนักหรอก... เกิดอะไรขึ้นกันแน่... จินฮวานคบกับฮันบยอลจริงๆใช่มั้ย แล้วไปคบกันตอนไหน? ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย...
     

    หรือว่า... หลังจากตอนที่เขาไปอเมริกา
     

    ถ้าจะบอกว่าน้องเปลี่ยนใจไปจากเขาแล้วเพราะเรื่องนั้น มันก็คงไม่แปลกนักหรอก... แต่มันจะเป็นไปได้หรือ? เด็กชายตัวเล็กที่คอยวิ่งตามเขา แถมยังบอกว่ารักเขานักหนา อยู่ๆจะมาคบกับน้องสาวของเขาเนี่ยนะ
     

    ไม่ว่ายังไงฮันบินก็ยอมรับไม่ได้อยู่ดี...
     

    ถึงจะรู้ว่าจินฮวานเป็นเด็กดีแค่ไหน และถ้าน้องสาวของเขาจะมีแฟนเป็นผู้ชายดีๆซักคนเขาก็ควรสนับสนุน แต่ว่านี่มันไม่ใช่... ไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนั้น จะให้เข้าใจได้ยังไงในเมื่อลึกๆแล้วหัวใจของเขาเชื่อว่าจินฮวานยังรักเขาอยู่
     

    เหอะ... นี่เขาไปเอาความมั่นใจอะไรนั่นมาจากไหนกันนะ






    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    #ฟิคฮันบินกินเด็ก กลับมาแล้วค่ะ ฮือออออออ T_________________T
    ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ขอโทษอีกแล้ว คือรู้สึกผิดที่หายไปนาน แต่ก็พยายามกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
    แถมกลับมายังแบบ...นะ ตอนนี้มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว แถมจินฮวานก็ไม่มั่นใจกับความรู้สึกอิคุณพี่ซะที แงะ...
    ปิดท้ายด้วยภาพบาดตาบาดใจสำหรับฮันบินอีก เอาเข้าไป 5555555555555555 อย่าเพิ่งตบตีเค้านะ TwT
    ตอนหน้าค่อยกลับมาหวือหวาละกัน (หวือหวาอะไร๊ 55555) แล้วก็ฟิคเรื่องนี้อาจจะไม่มีเอ็นซีนะคะ
    หรืออาจมีแต่ไม่โจ่งแจ้งโจ๋งครึ่ม(?)อะไรมาก ปล่อยให้มันใสๆต่อไปเถอะ ยังไงพี่ฮันบินก็ได้กินเด็กอยู่ละ อิอิ
    ขอบคุณทุกๆคนเลยที่รอและเข้ามาอ่านมาเม้นท์ให้กันตลอด เราดีใจมากเลยจริงๆนะ T/////T
    สุดท้ายนี้ ขอฝาก OPV ซักหนึ่งตัวแล้วกัน บางคนอาจจะดูแล้ว แต่ก็ขอแปะๆไว้หน่อยเนอะ ><


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×