ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WIN] VAGUE AFFECTION ► BJinJun

    ลำดับตอนที่ #7 : ► Chapter 6 (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      2
      2 ธ.ค. 56

    Chapter 6





     

     

    แสงไฟสว่างจ้าและเสียงที่ดังมาจากสถานเริงรมย์แห่งหนึ่งเป็นเครื่องยืนยันที่บอกได้ว่าตอนนี้นัมแทฮยอนได้เดินทางมาถึงจุดหมายแล้ว อาจเป็นเพราะว่าตอนที่ร้องเพลงกับเพื่อนเขาเผลอดื่มเยอะมากไปหน่อย ตอนนี้ก็เลยรู้สึกมึนๆ นี่หอบร่างมาถึงร้านได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
     

    ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปในผับที่ตนมาทำงานเป็นประจำ แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ในจุดที่ฮันบินยืนอยู่
     

    คนที่กำลังง่วนอยู่กับการชงเหล้าการทำคอกเทลเหลือบมามองเขาเล็กน้อยแต่ก็ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อจนเสร็จ หลังจากนั้นก็หันมาสนใจเขาที่กำลังนั่งอยู่
     

    “วันนี้พี่ลางานไม่ใช่หรอ”
     

    “เออ” ใช่แล้ว วันนี้เขาลางานไปคาราโอกะกับเพื่อนนั่นแหละ อีกอย่างตอนนี้มันก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว มันไม่ใช่เวลางานของเขา แต่เขากลับต้องพาร่างกายอันเหนื่อยล้ามาถึงที่นี่เพราะต้องการจะคุยกับคนตรงหน้าเนี่ย
     

    “อ้าว... แล้ว?”
     

    “มีเรื่องจะคุยด้วย ไปเอาเหล้ามาก่อนดิ๊”
     

    “ดูเหมือนจะดื่มมาเยอะแล้วนี่” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นพลางมองสภาพพี่ชายตรงหน้าอย่างสงสัย
     

    “เออน่า ไปเอามาเหอะ อะไรก็ได้ที่แดกแล้วเมาเลยอะ”
     

    “ครับๆ” เมื่อรู้ว่าถามไปก็เท่านั้น สุดท้ายเลยต้องจัดสิ่งที่ร่างโปร่งต้องการให้จนได้
     

    พอส่งแก้วให้ มือเรียวก็รีบคว้ามากระดกลงคอจนหมดอย่างรวดเร็ว
     

    “คิมฮันบิน”
     

    “ครับ?”
     

    “เรื่องที่กำลังพูดต่อไปนี้ถือว่ากูเมาแล้วกันนะ” แล้วเสียงของแทฮยอนก็เงียบไปปล่อยให้อีกคนงงในสิ่งเขากำลังจะพูด “...กูสัญญากับจินฮวานไว้หลายเรื่องว่าจะไม่บอก แต่มัน...ไม่ได้จริงๆว่ะ”
     

    “นี่พี่เมาจริงๆใช่ป่ะเนี่ย”
     

    “วันนี้จินฮวานร้องไห้”
     

    “...”
     

    “...”
     

    “เค้าก็คงมีคนปลอบอยู่แล้วมั้ง” ร่างสูงที่นิ่งไปซักพักตอบกลับไปด้วยด้วยเสียงปกติ
     

    “แล้วถ้าไอ้คนปลอบมันเป็นคนที่ทำให้จินฮวานร้องไห้หละ?”
     

    “...” นั่นยิ่งทำให้ฮันบินนิ่งไปยิ่งกว่าเดิม เพราะที่พี่ชายคนนี้พูดมาก็ถูก ก่อนหน้านี้ไอ้เด็กจุนฮเวนั่นเพิ่งทำสิ่งที่ไม่สมควรทำ แต่...ก็เห็นว่าคืนดีกันแล้วนี่นา
     

    “มึงจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย ก่อนที่จะเสียจินฮวานไป... รีบเอากลับคืนมาซะ”
     

    “พี่จะบ้าหรอ เค้าไม่ได้รักผม ไม่ได้สนใจผม แล้วจะให้ผมทำยังไงได้” ร่างสูงเริ่มใส่อารมณ์ในการสนทนาครั้งนี้ เขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของร่างโปร่งตรงหน้าว่ากำลังต้องการอะไร
     

    “มึงนี่แม่ ง...โง่ชิบ...”
     

    “เออ ผมมันโง่ โง่ที่ดันไปรักคนที่เขาไม่เคยเหลียวแลเลยซักนิด” ทั้งๆที่เขาพยายามทำใจได้แล้วแท้ ทำไมแทฮยอนต้องมาปลุกความคิดเหล่านั้นของเขาออกมาด้วย
     

    “กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
     

    “...”
     

    “นี่มึงดูไม่ออกจริงๆหรอว่าจินฮวานก็รักมึงน่ะ!!
     

    “...” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
     

    “จริงๆกูไม่สมควรที่จะเป็นคนพูดเรื่องนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อทั้งตัวจินฮวานเองก็ไม่ยอมพูด แล้วมึงก็โง่โคตรๆเนี่ย... กูทนไม่ไหวละ... ไปเอาเหล้ามาอีกดิ๊ ให้ไวเลย!!
     

    ร่างสูงของฮันบินรีบขยับตัวตามคำสั่ง สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินกลับออกมาจากคนตรงหน้า นี่มันบ้าอะไรกัน? หรือเมื่อกี๊เขาจะหูฝาดไปเอง
     

    “ตกลงพี่ต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่”
     

    “ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ” มือเรียวคว้าแก้วขึ้นมากระดกอีกรอบจนเกลี้ยง “จินฮวานน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบมึงนะ แต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ แต่เพราะความไม่มั่นใจแล้วก็ความขี้กลัวของหมอนั่นแหละที่ทำให้คอยปฏิเสธมึงมาตลอด...”
     

    ที่ผ่านมา... เป็นเพราะเหตุผลนี้จริงๆหรอ?... คิมฮันบินไม่อยากจะเชื่อเลย
     

    “ผมไม่เห็นรู้เลย... ก็พี่เค้าแสดงออกด้วยการตีตัวออกห่างผมซะขนาดนั้น...”
     

    “จินฮวานแค่กลัวการเปลี่ยนสถานะจากพี่น้องเป็นคนรักเท่านั้นแหละ สิ่งที่มึงต้องก็แค่ทำให้จินฮวานมั่นใจแล้วก็รุกให้มันหนักๆหน่อย เข้าใจป่ะ นี่บอกขนาดนี้แล้วนะ”
     

    “แต่พี่แน่ใจได้ยังไง...”
     

    “โธ่เว้ย!! กูเป็นเพื่อนสนิทมันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วจะไม่รู้ได้ยังไง ที่ปิดมาตลอดเพราะว่ามันขอร้องหรอก ไม่งั้นก็บอกนานแล้ว!” ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนโวยวายด้วยความหัวเสีย พูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วแม่ งยังโง่อยู่ได้
     

    “แล้วพี่มาบอกผมทำไม?”
     

    “เพราะ... กูไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองร้องไห้...” แขนเรียวยาวทั้งสองข้างยกขึ้นมาเท้าสะเอวก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
     

    “เข้าใจแล้วครับ...”
     

    “เออดี งั้นก็อย่าลืมนะว่ากูเมา กูไม่ได้ตั้งใจพูด!!
     

    “ครับ” ฮันบินตอบก่อนจะหันไปรับออร์เดอร์ที่เพิ่งเข้ามาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
     

    เขาตกใจที่ได้รับรู้ความรู้สึกจริงๆของจินฮวาน...พี่ชายที่เขาแอบรักมาตั้งนาน ด้วยคำบอกเล่าของนัมแทฮยอนที่กำลังนั่งฟุบอยู่บาร์ข้างหน้าเขา
     

    ถึงจะแปลกใจไม่น้อยเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่ลึกๆแล้วเขาก็แอบดีใจ... ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆนั่นหมายความว่าเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือ?
     

    สิทธิ์งั้นหรอ... สิทธิ์อะไรกันหละ? ในเมื่อพี่จินฮวานคบกับคนอื่นไปแล้ว...
     

    แล้วก่อนหน้านี้ทำไมคนตัวเล็กต้องตั้งท่าปฏิเสธเขาอยู่เรื่อย ความรักของเขามันดูไม่มั่นคงและไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเชียว?
     

    “เฮ้ย ฮันบิน” อยู่ๆร่างโปร่งก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับมองไปทางข้างหลังเขาซึ่งเป็นทางเข้าไปในห้องพนักงาน “มาได้ไงวะนั่น...”
     

    คนที่แทฮยอนพูดถึงคือชายหนุ่มช้ำรักเจ้าของรอยแผลฟกช้ำบนใบหน้าที่ถึงแม้ตอนนี้จะจางลงไปแล้วก็ตาม คนที่แทฮยอนเคยเข้าไปนั่งคุยด้วย... ซงมินโฮ!!
     

    “หืม? คนใหม่มั้ง เดี๋ยวรอถามบ็อบบี้...”
     

    “คิมจีวอน!!” ยังไม่ทันที่ฮันบินจะพูดจบ แทฮยอนก็ส่งเสียงเรียกคนที่กำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนนั้นทันที
     

    ถึงกับเรียกชื่อจริงนี่คงจริงจังมากสินะ หรือว่าที่จริงแล้วกำลังเมามากกันแน่?
     

    ทั้งมินโฮและบ็อบบี้ต่างก็หันมาทางร่างโปร่ง โดยที่มินโฮนั้นส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือมาให้ก่อนจะถอยหลังแล้วเดินจากไป ส่วนคนที่ถูกเรียกนั้นก็เดินตรงมาทางที่ทั้งสองคนยืนรออยู่
     

    “พนักงานใหม่หรอ” นัมแทฮยอนเริ่มถามเป็นคนแรก
     

    “เออดิ จะมาแทนฮันบินไง พรุ่งนี้มันก็จะออกละ”
     

    “อ้าว พรุ่งนี้แล้วหรอ?” คราวนี้ร่างโปร่งเลยหันมาสนใจฮันบินแทน
     

    “ครับ ก็พรุ่งนี้สิ้นเดือนนี่”
     

    “เออๆ กูลืมวันลืมคืนหมดละ” มือเรียวยกขึ้นมาตีหัวตัวเองแบบมึนๆ “งั้นกูกลับก่อนดีกว่าว่ะ”
     

    หลังจากนั้นร่างโปร่งก็ลุกขึ้นยืนด้วยอาการโซเซเล็กน้อยทำให้ทั้งฮันบินและจีวอนต่างก็แทบจะปีนข้ามบาร์ไปพยุงด้วยความเป็นห่วง
     

    “ยังไหวเว้ย ไปละ” ว่าแล้วก็โบกมือลาพร้อมกับเดินออกไปทางประตูร้าน
     

    ทั้งสองหนุ่มมองตามไปจนร่างนั้นลับสายตา
     

    “แล้วนี่รู้จักกันหรอถึงได้รับเข้ามาทำงาน” ฮันบินหันไปถามเพื่อนต่อด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วร้านนี้ค่อนข้างจะรับคนที่รู้จักเข้ามาทำงาน แต่อาจจะไม่ถึงกับต้องสนิทสนมมากนักแค่พอไว้ใจได้
     

    "อืม รุ่นพี่ที่โรงเรียนเองแหละ แต่ตอนนี้อยู่มหาลัยละ มึงไม่รู้จักพี่เค้าหรอ?"
     

    “จะไปรู้จักได้ไงวะ กูไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับมึงนะ”
     

    “นี่บ้านมึงอยู่ข้างบ้านพี่จินฮวานแน่ป่ะเนี่ย” คิมจีวอนมองหน้าเพื่อนแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
     

    “แล้วเกี่ยวไรกับพี่เค้าอะ” พอได้ยินชื่อนี้ก็ทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ คงต้องเป็นเพราะบทสนทนาก่อนหน้านี้แน่ๆ...
     

    “เอ๊า ก็พี่มินโฮเค้าเป็นแฟนเก่าพี่จินอูนี่ แต่ก็เห็นว่าเพิ่งเลิกกันนะ” คนตัวสูงกว่าเกาคางของตัวเองเล็กน้อยในขณะที่กำลังทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “อย่างน้อยพี่มินโฮต้องเคยไปบ้านนั้นมั่งแหละ มึงจะไม่เคยเห็นพี่เค้าเลยรึไง?”
     

    “ช่วงสองปีที่ผ่านมานี่กูไปบ้านนั้นบ่อยที่ไหนล่ะ...” พูดแล้วก็นึกถึงช่วงที่เขากับพี่จินฮวานไม่ค่อยได้คุยกัน
     

    “อ้าวหรอ...”
     

    “แล้วนั่นพี่เค้าไปทำอะไรที่ห้องพนักงานอะ”
     

    “อ่อ ให้ไปลองชุดอะ แล้วนี่จะกลับแล้วใช่มะ? วานเอาแฟ้มนี่ไปวางบนโต๊ะทีดิ” บ็อบบี้มอบคำสั่งพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารในมือมาให้เขา
     

    ร่างสูงจึงรับมาถือไว้ ถึงยังไงเขาก็ต้องไปเปลี่ยนชุดที่หลังร้านก่อนกลับบ้านอยู่ดี
     

    “งั้นกลับก่อนละ”
     

    ฮันบินเดินเข้าไปทางห้องสำหรับพนักงานที่อยู่หลังร้านพร้อมกับแฟ้มที่ถืออยู่ในมือ ในระหว่างนั้นเขาก็หยิบมันขึ้นมามองผ่านๆ บนกระดาษมีชื่อของชายคนนั้นพร้อมกับรูปถ่ายและประวัติส่วนตัวนิดหน่อย จริงๆเขาก็ไม่สนใขอะไรมากนักจึงนำมันไปวางไว้ที่โต๊ะของบ็อบบี้ทันทีที่เดินมาถึง
     

    เขายังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดเพราะเห็นว่าประตูในสุดที่ทะลุออกไปข้างนอกของหลังร้านถูกเปิดอยู่ เขาจึงคิดที่จะเดินไปปิด อีกอย่างคือเขาไม่เห็นพี่มินโฮคนนั้นอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านี่เลย พี่เขาจะอยู่ด้านนอกนั่นหรือเปล่าฮันบินเองก็ไม่แน่ใจ
     

    แต่เมื่อมาถึงจุดที่ใกล้ๆกับประตู ร่างสูงก็หยุดเดินเพราะได้ยินเสียงคนกำลังพูดอยู่ ตอนแรกเขาคิดว่าคงเป็นพี่มินโฮที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ แต่เปล่าเลย ดูเหมือนว่าพี่มินโฮนั้นกำลังยืนคุยอยู่กับใครบางคน
     

    ฮันบินไม่ใช่คนที่ชอบแอบฟังคนอื่นคุยกัน แต่เป็นเพราะเสียงที่คุ้นหูนั่นทำให้เขาต้องแอบลอบมองไปทางช่องว่างระหว่างประตูที่มีอยู่เพียงน้อยนิด
     

    ถึงอย่างนั้นเขาก็เห็นและได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน...
     

    ร่างสูงแอบฟังจนทั้งคู่คุยเสร็จก็รีบเข้าไปหลบๆแถวๆตู้ล็อกเกอร์ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นและออกไปที่ประตูทันทีเพื่อพบกับคู่สนทนาของมินโฮเมื่อครู่นี้...
     

    “กูจุนฮเว... มึงนี่มัน...”

     

     







     

     

     

     

    “พี่อยู่ที่ไหน? ว่าไงนะ!!? เพิ่งออกจากโรงพยาบาลจะไปทำงานหนักๆได้ยังไง ถึงไม่หนักผมก็เป็นห่วงพี่อยู่ดีนั่นแหละ!! มือหนาแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งเมื่อถูกตัดสายจากปลายทาง
     

    พอโทรไปแล้วได้ยินเพียงเสียงสัญญาณตอบรับอัตโนมัติก็ยิ่งทำให้เขาหัวเสีย ร่างสูงของจุนฮเวที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านคาราโอเกะหลังจากจัดการเรื่องบางอย่างเสร็จเรียบร้อยรีบตรงไปขึ้นรถเมล์ทันที
     

    ปกติแล้วเขาจะโทรเช็คทุกคืนว่าพี่ชายของเขาทำอะไรอยู่ หรือว่ากลับถึงหอหรือยัง อันที่จริง... ก็แค่ช่วงหลังๆนี่แหละที่เขาโทรเช็คทุกคืน เพราะพี่ชายคนนี้เพิ่งไปก่อเรื่องให้เขาต้องเป็นห่วงมา ดังนั้นพอได้ยินว่าพี่ชายกำลังจะไปทำงานพิเศษที่ผับเขาจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ก็เพิ่งจะรักษาตัวหายไม่ใช่รึไง...
     

    ในเมื่อโทรไปก็ไม่รับ จุนฮเวจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาเพื่อบอกว่าตนมาถึงที่ร้านแล้วและให้ออกมาคุยกันซะ จนได้ข้อความความตอบกลับให้ไปที่หลังร้านเขาจึงรีบไปรอตรงนั้นทันที แต่ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้วเขาก็ไม่ได้ใส่เสื้อโค้ชตัวหนาเสียด้วย
     

    แกร๊ก..
     

    เสียงประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของพี่ชายที่เขากำลังยืนรออยู่ซงมินโฮ
     

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร” มินโฮเริ่มด้วยการพูดโดยใช้น้ำเสียงอย่างจริงจังเพื่อต้องการย้ำเตือนให้น้องชายตรงหน้าเข้าใจว่าเขาสามารถดูแลตัวเองได้ “พี่ยังต้องทำงาน ต้องหาเงินมาเรียนหนังสือนะ จะให้อยู่เฉยๆได้ยังไง”
     

    จริงอยู่ที่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ชินกับการทำงานพิเศษอย่างนี้มาตั้งแต่ยังเด็กๆ... พวกเขาทั้งคู่... เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ดังนั้นการที่จะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ผ่านไปได้จึงต้องหัดเริ่มทำงานเองตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรพวกเขาก็ทำมาเกือบหมดแล้ว เรื่องการเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผับนี่มันก็แค่เล็กน้อย แต่ว่า...
     

    “ผมก็ยังเป็นห่วงพี่อยู่ดี...” จุนฮเวเอ่ยพลางมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย “พี่ไม่ต้องทำหรอกนะครับ... ผมจะดูแลพี่เอง เงินผมก็มี...”
     

    “เงินที่นายได้มาจากคนที่อุปการะเค้าให้เอาไว้เรียน!! ไม่ได้ให้นายเอามาใช้มั่วซั่ว!!” ด้วยความโมโหเขาจึงตวาดออกไปโดยไม่ทันคิด “กลับไปก่อนเถอะ...”
     

    จุนฮเวมองพี่ชายที่กำลังทำเหมือนไม่พอใจเขา แน่หละ...เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ มินโฮเป็นพี่ชายที่... ไม่เคยเข้าใจเขาเลย หรือถ้าจะขยายความอีกนิดก็คือ... พี่มินโฮไม่เคยสนใจจิตใจของเขาซักนิด
     

    “ผมรักพี่... จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรักอยู่...”
     

    ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา แม้มินโฮจะไม่เคยคิดกับเขาเกินคำว่าน้องชาย แต่เขาก็ยังรักคนๆนี้อยู่เสมอ เขายังจำช่วงเวลาในอดีตได้เป็นอย่างดี... ไม่ว่าจะเป็นในตอนที่มินโฮป่วยหนักจนเขาต้องเฝ้าไข้ทั้งคืน หรือแม้แต่ตอนเด็กๆที่มินโฮถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งจนเขาต้องเข้าไปช่วย กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆเขาก็คอยใส่ใจคนๆนี้มาตลอด ความผูกพันธ์ทั้งหลายเหล่านั้นมันคงไม่มีค่าสำหรับคนตรงหน้านี้เลยสินะ...
     

    “ยังไงเราก็รักกันไม่ได้ จะให้พี่ต้องบอกนายอีกกี่ครั้งกัน...”
     

    แน่นอนว่าเขาก็ถูกปฏิเสธอย่างนี้มาตลอด...
     

    ตอนที่มินโฮเริ่มคบกับจินอู เขาก็พยายามตัดใจถึงแม้มันจะลำบากมากมายก็ตามที จนถึงเวลาที่ทั้งสองคนเลิกกัน เขาอยากจะใช้ช่วงเวลานี้ดูแลมินโฮเพื่อแสดงให้รู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้เสมอ และบางครั้งก็แอบคิดว่าเวลานี้แหละที่เขาจะดึงมินโฮกลับมาให้ได้
     

    แต่สุดท้าย... เขาก็ยังทำไม่สำเร็จอยู่ดี
     

    “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำให้ผมเป็นห่วงอีก...”
     

    “พี่ก็แค่กลับไปทำงานเหมือนอย่างเคย เรื่องที่ผ่านมาพี่ไม่สนใจมันแล้ว นายเองก็... กลับมาเป็นเหมือนเดินเถอะ”
     

    เหมือนเดิมที่ว่า... ก็คือน้องชายที่ต้องคอยดูแลคอยเป็นห่วงอยู่ห่างๆอย่างนั้นสินะ...
     

    “ผมจะพยายาม...”
     

    “กลับไปได้แล้ว พี่ต้องไปลองงานอีก” มินโฮออกคำสั่งพร้อมกับเดินหันหลังกลับเข้าไปในร้านโดยไม่ทันให้จุนฮเวได้เอ่ยคำร่ำลาใดๆ
     

    “ครับ...” พูดไปก็เหมือนคุยอยู่กับธาตุอากาศในเมื่อคนๆนั้นไปแล้ว
     

    ร่างสูงของจุนฮเวหันหลังพิงกำแพงร้านในขณะที่กำลังเอามือทั้งสองข้างซุกไว้ในเสื้อโค้ชตัวบาง ใบหน้าของเขาแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางค่อยๆปิดตาลงอย่างช้าๆ เมื่อถอนหายใจก็มีแต่กลุ่มควันที่พวยพุ่งออกมาเพราะสภาพอากาศที่กำลังติดลบอยู่ในขณะนี้ แค่อากาศน่ะไม่เท่าไหร่หรอก... แต่ข้างในหัวใจของเขานี่สิ... มันหนาวเหน็บยิ่งกว่าอีก
     

    พอรู้สึกว่าสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาก็คิดว่าควรออกไปจากตรงนี้เสียที

     

    “กูจุนฮเว... มึงนี่มัน...”
     

    แต่ยังไม่ทันที่เดินไปได้ไกล เสียงเรียกชื่อของเขาก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ใครบางคนที่ออกมาจากหลังร้านกำลังเดินตรงมาทางเขาพร้อมกับกระชากคอเสื้อนักเรียนของเขาอย่างแรง
     

    ทีแรกจุนฮเวมองไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่เมื่อเข้ามาใกล้ๆอย่างนี้แล้วเขาจึงรู้ได้ทันที...
     

    “สวัสดีครับท่านประธานนักเรียน”
     

    หึ... ที่แท้ก็คนๆนี้นี่เอง ได้ข่าวว่าบ้านอยู่ติดกับแฟนเขาเลยสินะ... คงสนิทกันมากเลยสิ กับพี่จินฮวานคนนั้นน่ะ... บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสองคนนี้ไม่เป็นแฟนกันทั้งๆที่ก็ออกจะดูสนิทกันแท้ๆ
     

    “มึงต้องการอะไรจากพี่จินฮวานกันแน่!!
     

    และที่สำคัญเขาก็รู้ด้วยว่าคนตรงหน้านี่รักแฟนของเขามากแค่ไหน

               ดูออกง่ายชะมัด...

     

    “แอบฟังคนอื่นนี่นิสัยไม่ดีเลยนะครับประธาน” ร่างสูงทำเพียงแสยะยิ้มและเอ่ยตอบกลับไป
     

    “หึ... ถ้าไม่ฟังกูจะรู้หรอว่าจริงๆแล้วมึงไม่ได้รักพี่เค้าเลย!!” ราวกับยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธแค้นแทนคนตัวเล็ก ฮันบินจึงกระชับคอเสื้อที่จับไว้นั้นให้แน่นขึ้นไปอีก
     

    “แล้วพี่จะมายุ่งอะไรด้วย?”
     

    “บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ามึงต้องการอะไรกันแน่!!
     

     

    “ความเจ็บปวดยังไงล่ะ!!” จุนฮเวเริ่มตอบกลับด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ทีแรกผมก็แค่นึกสนุกอยากจะแก้แค้นที่พี่ชายของเค้ามาทำให้พี่มินโฮต้องเสียใจ!! แต่มันช่วยไม่ได้ที่พี่เค้ามารักผมก่อนเอง เค้าแอบมองผมมาตั้งนานแล้วไม่รู้รึไง!!?
     

    “...”
     

    “จะไปบอกก็ได้นะ ยังไงซะซักวันพี่เค้าก็ต้องรู้อยู่ดี”
     

    “...” ฮันบินเริ่มคลายมือและปล่อยมันออกจากคอเสื้อของฝ่ายตรงข้ามช้าๆ
     

     

    จะให้ไปบอกได้ยังไงล่ะว่าคนที่ร่างเล็กกำลังคบอยู่... จริงๆแล้วไม่ได้มีใจให้เลยซักนิด และที่สำคัญคนๆนั้น.. คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฮันบินในตอนนี้... ดันไปรักแฟนเก่าของพี่ชายจินฮวานอีกเนี่ยนะ!!


               ฮันบินกำลังสับสนเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ถ้าเขาบอกความจริงที่ไปยินวันนี้ให้ร่างเล็กฟัง...

     

    “รับรองว่าเรื่องนี้คงทำให้พี่จินฮวานเจ็บพอตัวเลยแหละ ถึงเรื่องมันจะจบไวกว่าที่ผมคิดไปหน่อยก็เถอะ...”
     

    พลั่ก!!
     

    เมื่อรู้ตัวอีกที ใบหน้าหล่อของจุนฮเวก็โดนหมัดของฮันบินซัดเข้าที่มุมปากเสียแล้ว ร่างสูงเซเล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักเพื่อมองคนตรงหน้า กลิ่นคาวเลือดจากมุมปากบ่งบอกถึงความรุนแรงของหมัดนั้นได้เป็นอย่างดี
     

    “เลิกยุ่งกับพี่จินฮวานซะ! ไม่งั้นนายไม่ได้ตายดีแน่!!
     

    เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งจากฮันบิน จุนฮเวก็ได้แต่ยืนมองร่างนั้นเดินจากเข้าร้านไปโดยที่ไม่ได้โต้ตอบอะไร
     

    หรือบางที... มันอาจจะสมควรแล้วที่เขาต้องโดนอย่างนี้...


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     แงงงงงง ตอนแรกก็คิดอยู่นานว่าจะลงดีมั้ย กลัวเครียดๆกับข่าวช่วงนี้กันอยู่
    แล้วฟิคนี่ก็เครียดอีก แต่ไหนๆก็ลงแล้วเลยตัดสินใจลงไปเลยทีเดียว เพราะแต่งเสร็จพอดี แฮ่
    ยังไงก็ฝากเม้นต์ฝากติชมด้วยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ กลัวไม่จบ TwT
    สุดท้ายนี้อยากบอกว่ารักคนอ่านทุกคนเลย ช่วงนี้ข่าวบ้านเมืองเราไม่ค่อยดี ดูแลตัวเองด้วยนะคะ
    <3 <3 <3 <3 <3 <3
    ปล. แอบมีคนทายถูกด้วยแหละ ดูออกง่ายมากเลยใช่มั้ยคะ? ><" 555555

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    02/12/13
    ขออนุญาตดิทจุดผิดพลาดนะคะ พอดีรีบไปหน่อยเลยแอบลืมว่า
    ฮันบินไม่รู้ว่าจุนฮเวกับมินโฮเป็นพี่น้องกันแบบไหนอะไรยังไง โฮวววววว
    ต่อไปจะพยายามไม่ให้ผิดพลาดอีกแล้วค่ะ TvT
    ปล. ลองทายกันเล่นๆมั้ยว่าฮันบินของเราจะบอกเฮียจินอ๊ะป่าว บอกก็เจ็บ แต่ถ้าไม่บอกเนี่ยสิ... หุหุหุ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×