ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WIN] VAGUE AFFECTION ► BJinJun

    ลำดับตอนที่ #27 : ► [Special] AFFTEREFFECT

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 770
      1
      25 ก.ค. 57


    Talk: ห่างหายกันไปนานเลยทีเดียวสำหรับฟิคสามพีบีจินจุนเรื่องนี้
    ตามที่เคยบอกเอาไว้ว่าจะเอาภาคต่อสั้นๆมาลงหลังจากส่งหนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้ว
    จริงๆก็ส่งเสร็จนานแล้วแหละ แต่นี่แอบอู้ไง ขี้เกียจดิทคำเรทออก 5555555555
    บอกก่อนว่าลงตอนเดียวรวด เพราะงั้นมันจึงยาวมากๆค่ะ อาจกินเวลาอ่านเล็กน้อย
    แต่ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเล๊ยยยยย~~!!! (Twitter tag: #FicVague)
    ปล. ถึงเวลาที่ต้องกดปิดจบเรื่องนี้ซักที บายๆค่ะ เจอกันเรื่องอื่นๆต่อไปนะ TwT

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------


     

     

     

    Part 1

                    เสียงครางระงมดังไปทั่วห้องพักขนาดปานกลางบนอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในละแวกนั้น ทว่าในห้องพักหมายเลข 146 กลับไม่ได้มีเพียงแค่นักศึกษาเจ้าของห้องเพียงคนเดียว... จินฮวานย้ายออกมาอยู่ที่นี่นับตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนปีหนึ่ง เพราะการเดินทางซึ่งไม่สะดวกเลยซักนิด เขาจึงขอแม่ออกมาอยู่ลำพังที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้กับมหาลัย แม้ว่าตอนแรกแม่จะดูเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะดูแลตัวเองไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อนให้อยู่ดี

    ที่สำคัญ... ใครว่าเขาจะดูแลตัวเองไม่ได้กันล่ะ? อยู่ที่นี่น่ะเขาไม่เคยเหงาเลยซักนิด ในเมื่อฮันบินกับจุนฮเวต่างก็พากันแวะเวียนเข้ามาหาเขาอยู่เป็นประจำ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่บอกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในห้องนี้ ฮันบินเคยเล่าให้ฟังว่าโดนแม่ประชดให้ย้ายมาอยู่กับเขาซะตั้งหลายครั้ง แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่ยอมให้มาอยู่ดี เพราะมันค่อนข้างไกลจากโรงเรียน แน่นอนว่าจุนฮเวเองก็คล้ายๆกัน ถ้าไม่เป็นเพราะเรื่องติดสัญญาที่อพาร์ทเมนท์เก่า เด็กหนุ่มก็คงจะย้ายมาอยู่กับเขาไปแล้วล่ะ

    “ผมรักพี่ที่สุดเลย!

    “อื้อออ อ..อ๊ะ..!!” เจ้าของเสียงหวานครางลั่นก่อนจะส่งสายตาไปดุน้องชายที่แทรกเข้ามาตรงหว่างขาของเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดทางเลยซักนิด “จุนฮเวย่าห์!! อื๊มมมมม...”

    แต่ยังไม่ได้ทันจะได้กล่าวว่าอะไร ริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกขโมยจูบจากเด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่อีกด้าน ลิ้นร้อนหนาของฮันบินถูกส่งเข้ามาตวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ฝ่ามือหนาก็กำลังลูบไล้วนอยู่ที่บริเวณแผงอกขาวเนียน นิ้วชี้นั้นเคลื่อนเข้าไปบดขยี้เม็ดตุ่มไตสีหวานบนยอดอกจนพี่ชายตัวเล็กถึงกับโยนตัวขึ้นรับสัมผัสด้วยความเสียวซ่าน

    กายเล็กสั่นเทิ้มเพราะความต้องการที่อัดแน่นไปทั้งร่าง ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง... เด็กหนุ่มสองคนนี้ก็ทำให้เขามีความสุขได้เสมอเลย

    เกือบจะหนึ่งปีแล้วสินะ... ความสัมพันธ์ระหว่าพวกเขาทั้งสามคนเดินทางมาจนเกือบครบหนึ่งปีแล้ว... ถึงจะมีทะเลาะกันบ้างเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ไม่เคยโกรธกันได้นาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องของฮันบินกับจุนฮเวซะมากกว่า ทั้งๆที่จินฮวานพยายามแสดงออกมาอยู่ตลอดว่ารักทั้งสองคนเท่ากัน แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่จะให้เชื่ออย่างนั้น

    “ผมรักพี่นะครับ... ผมจะทำให้พี่มีความสุขเอง” น้ำเสียงอ่อนโยนของฮันบินที่กระซิบแผ่วเบาตรงข้างหู ทำให้ร่างเล็กรู้สึกร้อนแรงมากยิ่งขึ้น พวกเขาต่างเร่งเร้าอารมณ์และความรู้สึกที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกันในที่สุด

    ...จะเป็นไปได้ไหมถ้าหากเขาต้องการให้ฮันบินกับจุนฮเวอยู่กับเขาแบบนี้ตลอดไป จินฮวานไม่แน่ใจเลยว่าพระเจ้าจะเมตตาคนเห็นแก่ตัวอย่างเขาได้อีกนานเท่าไหร่กัน บางที... บางทีบาปที่เขาสมควรได้รับมันอาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้ก็ได้...

    ...

    ...

    ...

    ระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นช่างยาวนานราวกับหนึ่งร้อยปีสำหรับจินฮวาน...

    ถึงจะเผื่อใจเอาไว้แล้วทุกวัน แต่พอเอาเข้าจริงๆเขากลับรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ หนึ่งเดือนที่แทบไม่ได้รับการติดต่อจากฮันบินหรือจุนฮเว มันทำให้เขาเหงาจนแทบบ้า ถึงจะโทรคุยกันบ้างแต่มันก็แค่เล็กน้อย เวลาที่จะหาออกมาเจอกันได้ก็แทบไม่มี

    อาจจะเป็นเพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องการสอบปลายภาคด้วยนั่นแหละ อีกไม่นานเขาก็จะต้องสอบขึ้นปีสองแล้ว ในขณะที่ฮันบินก็คงกำลังจริงจังกับการสอบเข้ามหาลัยอยู่เช่นกัน ส่วนจุนฮเวนั้น... เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เด็กคนนั้นทำอะไรอยู่หรือเป็นยังไงบ้าง ปกติแล้วจุนฮเวไม่เคยหายตัวไปจากสายตาของเขาได้นานขนาดนี้ เพราะงั้น... ในตอนนี้จินฮวานจึงอดคิดมากไม่ได้จริงๆ

    ไม่หรอก... มันจะต้องไม่เป็นอย่างที่เขาคิดอย่างแน่นอน

    คืนสุดท้ายที่พวกเขาอยู่ด้วยกันฮันบินกับจุนฮเวยังพร่ำบอกรักกับเขาอยู่เลย แถมฮันบินยังบอกอีกว่าจะทำให้เขามีความสุข...

    แต่คนที่บอกอย่างนั้น... กำลังหายไปไหนกันนะ...

    ฝ่ามือเรียวทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดใบหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดหัวเบาๆเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้หมด เวลาอย่างนี้เขาไม่ควรจะมานั่งคิดมากสิ การสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึงรอคอยเขาอยู่ ดังนั้นเขาต้องสนใจเรื่องการเรียนก่อน

    “นั่งทำอะไรอยู่คนเดียวน่ะ ฮึ?” เสียงทักทายอย่างสนิทสนมของผู้มาใหม่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงเจ้าของดวงตาเรียวเล็ก ชายหนุ่มคนนั้นก้าวไปยังฝั่งตรงข้ามก่อนจะลากเก้าอี้ออกมานั่งลงโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต

    “พี่ซึงฮุน...” คนที่ถูกถามในตอนแรกตกใจเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านั้นก็กำลังคิดอะไรอยู่คนเดียวไปเรื่อย พอถูกทักแบบนี้ก็เลยตั้งสติไม่ทัน ร่างเล็กระบายยิ้มเล็กน้อยให้กับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วตอบกลับไป “อยู่ในหอสมุดก็ต้องอ่านหนังสือสิครับ”

    “แน่ใจหรอ? พี่เห็นนายมัวแต่เหม่อไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้”

    “อ่า...” นั่นมันก็จริง... จินฮวานปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพี่ซึงฮุนพูดผิด “ก็ผมเหนื่อยแล้วนี่นา”

    “แล้วชีทที่พี่ให้ไปน่ะอ่านบ้างรึยัง?”

    “พยายามแล้วครับ แต่ลายมือพี่อ่านยากจัง ฮ่าๆๆๆๆๆ”

    “เฮ้ยๆ ใครว่านั่นลายมือพี่ จริงๆพี่ก็ซีร็อกมาจากเพื่อนอีกทีนั่นแหละ คิดว่าพี่เคยเลคเชอร์ในห้องเรียนด้วยไง?”

    “นั่นสิ ผมว่าคงไม่เคยหรอก ฮ่าๆๆๆๆๆ” จินฮวานหลุดขำอีกครั้งให้กับพี่ชายคนนี้ แต่เพราะว่าอยู่ในหอสมุดก็เลยหัวเราะเสียงดังจนเกินไปไม่ได้

    ในฐานะพี่รหัส... พี่ซึงฮุนดูแลเขาได้ดีมากๆ แถมยังเป็นที่ปรึกษาให้กับเขามาโดยตลอด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะปรึกษาเรื่องเรียนไม่ค่อยได้ก็เถอะ แต่อย่างน้อยทุกครั้งตอนที่เขารู้สึกเหมือนไม่มีใคร พี่ซึงฮุนก็จะโผล่เข้ามาอยู่ข้างๆโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม คงเพราะความบังเอิญนั่นแหละมั้ง

    “แต่นี่มันก็เริ่มค่ำมากแล้วนะ นายไม่ควรกลับดึก”

    “คือผมก็กำลังคิดว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน”

    “งั้นก็กลับพร้อมกันเลยสิ ไปมอเตอร์ไซค์พี่จะได้ไม่ต้องเดิน”

    “เยี่ยมไปเลยครับ งั้นผมขอเก็บของก่อนแป๊บนึง” จินฮวานจะปฏิเสธความหวังดีของพี่ชายคนนี้ได้อย่างไร พวกเขาสนิทกันแทบจะเหมือนพี่น้องแท้ๆอยู่แล้ว ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันก็ตอนที่เขาเข้ามาปีหนึ่งเอง อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายดูอัธยาศัยดีด้วย มันก็เลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้สึกสนิทใจ แถมช่วงหลังๆมานี่เขาก็กลับห้องพร้อมพี่ซึงฮุนบ่อยด้วย

    ปกติแล้วจินฮวานจะอาศัยเดินไปกลับเอาเพราะมันไม่ค่อยไกลนัก ส่วนร่างสูงที่กำลังเดินนำหน้าเขาอยู่ในตอนนี้ชอบใช้รถมอเตอร์ไซค์ให้เปลืองน้ำมันเล่นมากกว่า พวกเขาอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ที่เดียวกัน เพียงแต่อยู่กันคนละตึกเท่านั้นเอง

    “เอ้านี่” รุ่นพี่ตัวสูงยื่นหมวกกันน็อกมาให้เขา ซึ่งเขาก็รับมามาสวมทันทีก่อนจะเตรียมตัวกระโดดขึ้นไปซ้อนท้ายอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน “ทนหนาวนิดนึงแล้วกันนะ”

    อาจเป็นเพราะพี่ซึงฮุนเห็นว่าเขาไม่ได้สวมเสื้อหนาอะไรมากมายก็เลยเป็นห่วง ช่วงนี้อากาศเย็นจนติดลบตั้งเท่าไหร่แล้วไม่รู้ และในเร็วๆนี้หิมะก็คงจะตกลงมาตามฤดูกาลของมัน

    เครื่องยนต์ที่ถูกแต่งเติมตามความชอบของเจ้าของถูกขับแล่นออกไปทางถนนใหญ่ เสียงของมันค่อนข้างดังเล็กน้อย แต่จินฮวานก็รู้สึกเฉยๆไปเสียแล้ว อีกอย่างคือใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาที มอเตอร์ไซค์คันสวยก็มาจอดลงที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ของเขาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องทนฟังเสียงของมันนานเท่าไหร่นัก

    “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” จินฮวานถอดหมวกกันน็อกออกแล้วคืนให้อีกฝ่ายไป

    “เรื่องแค่นี้เอง ให้มารับมาส่งทุกวันยังได้ ตึกพี่ก็อยู่ข้างหลังนายแค่นิดเดียว” ร่างสูงเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังตึกสองที่ตั้งอยู่ถัดไป

    “ไม่เอาหรอกครับ ผมเกรงใจ ให้พี่ตื่นมารับผมเช้าๆงี๊พี่ทำได้หรอ?”

    “นั่นสินะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดังพลางยื่นมือเข้าไปลูบหัวคนตัวเล็กจนยุ่ง “กลับห้องได้แล้วไป”

    “ครับผม~

    คนตัวเล็กเดินแยกขึ้นห้องมาเพียงลำพังเป็นเรื่องปกติ เรียวขาเล็กก้าวขึ้นลิฟต์ไปก่อนจะกดชั้นสี่ แต่ในขณะที่ประตูกำลังจะปิดลงนั้น แขนของใครบางคนก็ถูกยื่นเข้ามาขวางมันเอาไว้ซะก่อน

    “ฮันบิน!” เสียงอุทานดังขึ้นทันทีที่เด็กหนุ่มร่างสูงแทรกตัวเข้ามายืนด้วยด้านใน “นายมาที่นี่ได้ยังไงน่ะ แล้วทำไมถึงไม่โทรมาบอกพี่?”

    “ผมอยากมาเซอร์ไพร์สพี่ไง”

    “...”

    “ที่จริงผมมีเรื่องจะคุยกับพี่ด้วย ...คงไม่นานหรอกครับ”

    “นายไม่ได้จะมาค้างหรอ?” จินฮวานเอ่ยถามขณะที่เดินก้าวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปที่หน้าห้องของตัวเอง ก่อนจะกดหมายเลขรหัสเปิดประตูเข้าไป

    “พรุ่งนี้ผมมีเรียนน่ะครับ”

    “อ่อ...” ถึงจะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก... แค่ได้เห็นหน้าฮันบินในตอนนี้ เขาก็ดีใจมากแล้วจริงๆ “ว่าแต่นาย...”

    “ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

    “อ..อื้ม ไปสิ”

    หลังจากนั้นเด็กหนุ่มร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในนั้น ทิ้งให้จินฮวานยืนถอดโค้ทอยู้ด้านนอกก่อนจะนึกได้ว่าควรไปหาน้ำมาให้น้องดื่มซักหน่อย

    จนกระทั่งเวลาผ่านไปซักพัก ฮันบินก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้านข้างเขา ทีวีที่ถูกเปิดอยู่นั้น จินฮวานไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลยแม้แต่นิด เพราะสีหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขามันดึงดูดให้รู้สึกน่าสงสัยมากกว่า...เรื่องอะไรกันที่ฮันบินบอกว่าจะคุยด้วย ทำไมถึงต้องทำหน้าเครียดซะขนาดนั้น?

    “ผมคิดเรื่องเรียนต่อได้แล้วนะครับ...”

    “...” เงียบไปซักพักก่อนที่จินฮวานจะนึกได้ว่าเขาต้องพูดอะไรออกมาบ้าง “ที่ไหนล่ะ”

    “ออสเตรเลีย...”

    “อ..อ๋อ อื้ม...” จริงหรอ? นั่นเป็นเรื่องจริงหรอ... ถึงแม้ว่าจินฮวานอยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่ว่าริมฝีปากของเขากลับไม่สามารถขยับได้เลย ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าซักวันมันก็ต้องมาถึง ฮันบินเคยบอกเขาว่าอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนนี้ฮันบินก็คงอยากทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง...

    แต่... เพียงแค่คิดว่าจากนี้ไปจะไม่ได้เจอกันอีกตั้งนาน หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

    “ช่วงนี้ผมวุ่นวายเรื่องเตรียมเอกสารแล้วก็การสอบทุกวัน ผมคงไม่ได้มาหาพี่บ่อยๆเหมือนเดิมแล้ว”

    “ม..ไม่เป็นไร”

    “พี่จินฮวานครับ”

    “หื้ม?”

    “จากนี้ไป... พี่ต้องมีความสุขให้มากๆนะ”

    “นายหมายความว่าไง”

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ผมต้องกลับแล้ว พี่ไม่ต้องไปส่งก็ได้”

    “...”

    คนตัวเล็กนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมขณะมองน้องชายข้างบ้านเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่สับสน นี่มันอะไรกัน... อยู่ๆฮันบินก็มาบอกเขาว่ากำลังจะไปเรียนต่อด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่ประโยค... เขาควรยินดีกับน้อง... แต่ทำไมเขากลับรู้สึกไม่ชอบใจมากกว่า

    ได้ยังไงกัน... ฮันบินทำแบบนี้กับเขาได้ยังไงกัน

    นอกเหนือจากคำพูดพวกนั้นแล้ว ฮันบินก็ไม่ได้แตะต้องตัวเขาเหมือนอย่างที่ชอบทำเลยซักนิด... ไม่แม้แต่กอดหรือว่าจูบ... ทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อีกฝ่ายไม่คิดถึงเขาเหมือนอย่างที่เขาคิดถึงบ้างเลยหรือยังไง แล้วมาบอกให้เขามีความสุขอีก...

    ถ้าไม่มีฮันบินอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่มีทางพบกับความสุขได้หรอก

    ความอุ่นชื้นที่เกิดขึ้นบนแก้มทั้งสองข้างทำให้ตอนนี้จินฮวานรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังร้องไห้... ไหล่บางทั้งสองข้างเริ่มสั่นระริกอย่างช่วยไม่ได้ ร่างเล็กเอนตัวนอนลงไปบนโซฟาพลางมองไปยังแก้วที่ยังคงเต็มไปด้วยน้ำใบนั้น แก้วที่ฮันบินใช้อยู่เป็นประจำ... หากแต่วันนี้เขากลับไม่ได้ดื่มมันเลย

    การที่ฮันบินต้องจากไปไกลขนาดนี้ มันทำให้เขาอดกลัวไม่ได้ว่า... ซักวันฮันบินอาจจะลืมเลือนเขาไป ระยะเวลาตั้งหลายปี... เขาจะรั้งอีกฝ่ายได้จริงๆน่ะหรือ? แถมการกระทำในวันนี้ ก็แทบจะเป็นการบอกเขาอยู่กลายๆแล้วว่า... เขากำลังจะถูกทิ้งในที่สุด

    บ้าชะมัด... แม้แต่คำพูดเอ่ยรั้งเอาไว้ซักคำก็ยังทำไม่ได้ เขานี่มันโง่จริงๆ แล้วถ้าหากเขาร้องขอว่าอย่าไป... ฮันบินจะทำตามที่เขาบอกมั้ยนะ...

    ถ้าหากว่าเขาร้องขอ... ถ้าหากว่า...

     

     

     

    ที่ทำลงไปแบบนั้น... มันถูกต้องแล้วล่ะ

    ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มกำลังพยายามบอกตัวเองอย่างนั้นมาหลายชั่วโมง นับตั้งแต่ออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของพี่ชายตัวเล็ก เขากลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางและสีหน้าที่อิดโรย แต่โชคดีที่ทุกคนในบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาได้ในตอนนี้

    ฮันบินเดินเข้ามาในห้องนอนและมองออกไปยังนอกระเบียงด้วยความคุ้นชิน ระเบียงห้องของพี่ชายข้างบ้านที่ตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่ตั้งนานแล้ว... นับจากวันที่เขากับจุนฮเวตกลงกันว่าจะเอายังไงเรื่องพี่ชายตัวเล็ก พวกเขาทั้งสามคนก็ตัดสินใจที่จะอยู่ร่วมกันมาตลอด

    กระทั่งวันที่เขาเริ่มรู้สึกว่านี่คงไม่ใช่แค่เรื่องราวของความรักอีกต่อไป เพราะถ้าหากว่าพวกเขายังอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็รังแต่จะทำให้พี่จินฮวานลำบากซะเปล่าๆ หัวใจของคนเรามีเพียงแค่ดวงเดียวเท่านั้น... และพี่จินฮวานก็ควรมอบมันให้กับใครซักคนทั้งหมดนั่น... ไม่ใช่มาอยู่กับพวกเขาแบบครึ่งๆกลางๆอย่างนี้

    มันไม่ใช่ว่าเขาหมดรักแล้ว ในทางกลับกัน... เขายังคงรักพี่ชายตัวเล็กคนสุดหัวใจ... ฮันบินเชื่อว่าความรักของเขาคือการพร้อมที่จะทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้เสมอ เพราะงั้นเขาถึงได้ทำแบบนี้...

    แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้บอกออกไปตรงๆ แต่เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจมากได้ซักพักได้แล้วว่า... ถ้าการที่เขาจากไปมันสามารถทำให้พี่จินฮวานมีความสุขกับจุนฮเวได้ เขาก็จะทำ...

    นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆปิดลงขณะนึกภาพของคนตัวเล็กอยู่เต็มหัว ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่สดใสนั่น... ดวงตาคู่เรียวที่ใช้มองมาทางเขา... ร่างกายที่อ่อนนุ่มรวมไปถึงเสียงครวญครางยามอยู่ใต้ร่างเขา... หนึ่งเดือนที่ผ่านมามันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานเหลือเกิน... วันนี้ก็เช่นกัน ทั้งๆที่อยู่ใกล้อีกฝ่ายเพียงแค่เอื้อมมือ แต่เขากลับต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้

    เขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไปใช่มั้ย... เขาก็เพียงแค่ต้องการให้พี่จินฮวานได้มีความสุขกับเส้นทางที่เขาเลือกให้เท่านั้นเอง...

     

     

     

    Part 2

    ฝืนความรู้สึกของตัวเอง... แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ยังพยายามฝืนต่อไป...

    เด็กหนุ่มร่างสูงเดินวนเวียนไปมาอยู่บริเวณหน้าตึกคณะของคนที่เขาต้องการมาหาซักพักใหญ่ๆแล้ว วันนี้จุนฮเวมาเพื่อจะพบกับพี่จินฮวานโดยที่ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้า เขารู้ว่าพี่ชายตัวเล็กยังคงเรียนอยู่บนอาคารนั่นก็เลยยืนรออยู่ข้างล่างเช่นนี้

    กว่าจะเลิกเรียนก็คงห้าโมงนั่นแหละ... ถึงจะรู้ดีแต่ก็ยังแอบมาก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง คงเผื่อเวลาเอาไว้ทำใจด้วยล่ะมั้ง หึ... ไม่คิดเลยว่าเขาจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย การหลอกตัวเองนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ...

    “จุนฮเว?” เสียงเรียกดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า ร่างเล็กเจ้าของใบหน้าหวานกำลังยิ้มกว้างขณะวิ่งตรงเข้ามาหาเขา จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากตรงนี้ไม่มีใครเดินผ่านไปมา พี่ชายคนนี้ก็คงโผเข้ากอดเขาไปแล้ว

    ไม่สิ... หยุดคิดอะไรแบบนั้นซะที เขาไม่ควรลืมจุดประสงค์ที่มาที่นี่ ต่อให้เขาจะอยากกอดพี่จินฮวานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่จะว่าไป... นอกจากรอยยิ้มที่สดใสนั่นแล้ว สีหน้าของพี่ชายตัวเล็กกลับดูไม่ค่อยดีเลย

    “เลิกเรียนแล้วหรอครับ?”

    “อื้ม เพิ่งเลิกเมื่อกี้ แล้วนายมาถึงที่นี่ได้ยังไง?”

    “ผมไม่อยากไปรอที่ห้องคนเดียวน่ะ” เขายิ้มเล็กน้อยขณะยืนมองดูอีกฝ่าย เหมือนพี่จินฮวานจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้น เขาขอเลือกเป็นคนพูดออกมาก่อนดีกว่า “แล้วผมก็มีเรื่องที่อยากคุยกับพี่ด้วย”

    “หืม?... เรื่องอะไร...”

    “พี่จินฮวาน...” เสียงทุ้มของเขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา ไม่ได้เด็ดขาดนะจุนฮเว... ในเมื่อเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วก็ไม่ควรใจอ่อนเด็ดขาด “พี่จำเรื่องคนรับอุปการะผมที่เล่าให้ฟังได้มั้ย”

    “คนที่ทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศน่ะหรอ”

    “ครับ... เค้าอยากให้ผมไปช่วยงานรีสอร์ทช่วงปิดเทอมที่กำลังจะมาถึง”

    “...” พอได้ยินอย่างนั้น คนตัวเล็กก็ถึงกับเงียบไปซักพักใหญ่ๆ “ที่ไหน...”

    “ประเทศไทยครับ...”

    “...นายก็กำลังจะทิ้งพี่ไปใช่มั้ย” ร่างเล็กตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆขณะก้มหน้าลงไปมองพื้น จุนฮเวไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด แต่ถ้าสังเกตไม่ผิด... เขาคิดว่าเขามองเห็นน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วยเมื่อครู่นี้ด้วย

    “ผมไปแค่ไม่กี่เดือนเอง แต่ถึงยังไงพี่ก็ยังมีประธานคอยดูแลอยู่แล้วนี่ครับ” ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน เขาก็ไม่ชินกับการเรียกชื่อของคิมฮันบินซักที เพราะดูเหมือนคำว่าประธานนักเรียนจะติดปากกว่า คนๆนั้นน่ะ... รักพี่จินฮวานมากมายแค่ไหนเขารู้ดี ดังนั้นคงไม่มีวันที่คนอย่างคิมฮันบินจะปล่อยมือจากพี่จินฮวานไป ...เหมือนอย่างที่เขากำลังทำในตอนนี้หรอก

    หนึ่งเดือนที่ผ่านมามันยังไม่ได้ช่วยให้เขาตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดเสียที... หลังที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างพวกเขาทั้งสามคน จุนฮเวก็ถามตัวเองมาตลอดว่าเขาต้องการให้มันเป็นเช่นนี้จริงๆน่ะหรอ? เขาเริ่มต้นรักพี่จินฮวานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เขาที่แน่ๆคือเขารู้ว่าพี่จินฮวานนั้นรักเขาเช่นกัน...

    แล้วยังไงล่ะ? ในเมื่ออีกส่วนของหัวใจดวงนั้นมันเป็นของใครอีกคนหนึ่งด้วย ที่ผ่านมาถึงจะอยู่ด้วยกันได้แบบไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าบางที... ยังไงความรักมันก็เป็นแค่เรื่องราวระหว่างคนสองคนเท่านั้น งั้นคนที่ดูจะเป็นส่วนเกินอย่างเขาควรทำอย่างไรต่อไป...

    พี่จินฮวานรักเขา แต่ในขณะเดียวกันพี่จินฮวานก็คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคิมฮันบิน... รุ่นพี่คนนั้นน่ะทำให้พี่จินฮวานทั้งรักและผูกพันซะขนาดนั้น คนที่มาทีหลังอย่างเขาเลือกจากไปก็คงถูกต้องแล้ว

    จุนฮเวรู้ดีว่าเขาไม่ใช่พระเอกแสนดีแบบในละครหรือนิยายเรื่องไหน เพราะถ้าเลือกได้ เขาก็อยากให้พี่จินฮวานเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว... ก็คงถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเสียที... เขาจะใช้ช่วงเวลาที่ปิดเทอมอันแสนยาวนานนี้คิดทบทวนทุกๆอย่างอีกครั้ง...

     

     

     

    “อ่อ... ใช่สิ พี่มีฮันบินดูแลอยู่แล้ว นายก็เลยคิดจะทิ้งขว้างกันยังไงก็ได้งั้นสินะ” เป็นช่วงวินาทีสุดท้ายที่จินฮวานตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ ไม่... อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมา แต่การทำงานของสมองและหัวใจของเขามันกำลังสวนทางกัน ความสับสนเริ่มก่อตัวขึ้นและทำให้เขาปวดหัวจนแทบบ้า “อยากไปไหนก็ไป...”

    “พี่จินฮวาน...”

    “แต่ถ้าคิดจะไปก็อย่ามาเรียกชื่อพี่อีก” มือเล็กทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น... บางทีเขาอาจจะแค่กำลังโมโห นี่มันอะไรกัน... เมื่อวานนี้ฮันบินเข้ามาบอกเขาว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้ววันนี้จุนฮเวก็ยังมาบอกเขาว่าจะไปทำงานที่ต่างประเทศอีก

    เขาพยายามทำความเข้าใจว่าจุนฮเวไปช่วยงานนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ อีกอย่างคือไปแค่ไม่กี่เดือน แต่ถึงจะไม่นานเขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี ลางสังหรณ์หรืออะไรบางอย่างกำลังบอกกับเขาว่าจุนฮเวคงไม่ได้คิดแค่จะไปทำงานเท่านั้น ไหนจะเรื่องฮันบินอีก... สุดท้ายก็เลยพาลเอาซะดื้อๆ

    “ผมอยากให้พี่มีความสุขจริงๆนะ...”

    “...” คนโกหก... ถ้าอยากให้มีความสุขจริงๆแล้วทำไมต้องทิ้งกันไปด้วย

    “ผมเชื่อว่าประธานคงทำให้พี่มีความสุขมากกว่าผมได้แน่นอน ใครจะไปรู้... กลับมาอีกทีพี่อาจลืมผมไปแล้ว”

    “...นายคงอยากให้พี่ลืมนายมากสินะ” ถ้าหากการลืมใครซักคนมันง่ายขนาดนั้น... ตอนที่ต้องเลิกกับจุนฮเวเพราะรู้ความจริงครั้งก่อน เขาก็คงทำได้แล้วล่ะ...

    “ผม...”

    “ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ก็กลับไปเถอะ วันนี้พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...” ร่างเล็กเอ่ยคำพูดสุดท้ายที่เขานึกออกมาได้ และพยายามอย่างมากที่จะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ข้างใน

    การที่ต้องร้องไห้มาตลอดทั้งคืน ช่วยทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นมาได้ในวันนี้ พอกันที... ในเมื่อทั้งสองคนตัดสินใจแล้วเขาจะไปมีสิทธิ์ห้ามอะไรได้ล่ะ... เขาไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะเอ่ยคำว่าอย่าไปเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขา... กำลังได้รับบาปจากความเห็นแก่ตัวของตัวเองแล้วสินะ

    สุดท้ายจุนฮเวก็เดินจากเขาไปอีกคนจนได้... ถ้างั้นแล้วเขาจะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปเพื่ออะไรกันล่ะ? เมื่อคิดได้ดังนั้น เรียวขาเล็กก็ค่อยก้าวออกไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่อย่างยากลำบาก ไม่แปลกใจเลยว่าตอนที่เขากำลังรู้สึกเจ็บปวดเจียนขาดใจแบบนี้ เขานึกถึงพี่จินอูเป็นคนแรก... พี่จินอูคนที่คอยดูแลห่วงใยเขามาตลอด พี่จินอูคนที่ไม่เคยทำให้เขาต้องเสียใจ พี่จินอู... ตอนนี้เขาอยากไปหาพี่จินอูเหลือเกิน...

    กึก...

    เพราะไม่ยอมมองทางข้างหน้า ร่างเล็กก็เลยเดินชนเข้ากับใครบางคน ซึ่งใครบางคนที่ว่านั่นก็รีบยกมือขึ้นมาจับไหล่เขาเอาไว้อย่างรวดเนื่องจากกลัวว่าเขาจะล้ม จินฮวานไม่ได้ใส่ใจมากนักจนกระทั่งเขาตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าเจ้าฝ่ามือหนาทั้งสองข้างนั่นที่ไม่ยอมปล่อยเขาเสียที

    “...พี่ซึงฮุน”

    ราวกับเจอที่พึ่งพิงแหล่งสุดท้าย... ทำนบน้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นเอาไว้พังทลายลงไปในทันที เขาอยากเจอพี่จินอู แต่ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ต่างจากพี่ชายที่แสนดีของเขาเลย รุ่นพี่คนนี้บังเอิญเข้ามาหาเขาในตอนที่เขามีปัญหาอีกแล้วจนได้...

    “เฮ้ๆๆๆ นายเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้”

    “ฮ..ฮึก... ฮือออออออ” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะหมดไปง่ายๆ ต่อให้เขาพูดอะไรออกมาตอนนี้ก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี

    “เดี๋ยวคนแถวนี้เค้าจะคิดว่าพี่ทำนายร้องไห้นะจินฮวาน”

    “ฮือออ... ฮึก...” เขารู้... เขารู้ว่ากำลังทำให้พี่ซึงฮุนลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองได้

    “จินฮวานอ่า... หยุดร้องเถอะนะ” น้ำเสียงซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้นถูกส่งออกมาขณะที่ร่างเล็กถูกรวบเข้าไปกอดอย่างง่ายดาย ซึงฮุนลูบหลังรุ่นน้องที่กำลังตัวสั่นระริกอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้น้องรหัสของเขาร้องไห้ เขาไม่ชอบมันเลยจริงๆ...

     

     

     

    ที่จริงเขาไม่ควรพาน้องมาด้วยแบบนี้เลย... แต่ถ้าจะปล่อยให้จินฮวานกลับไปอยู่ในห้องคนเดียว เจ้าตัวก็คงร้องไห้ไม่ยอมหยุดอยู่ดีนั่นแหละ สุดท้ายซึงฮุนก็เลยต้องพาน้องมาเลี้ยงข้าวแถมด้วยเหล้าอีกหลายขวด...

    ลำพังเขาน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ถึงจะดื่มเข้าไปเยอะจนเริ่มรู้สึกเวียนหัวแต่เขาก็ยังมีสติดี เป็นห่วงก็แต่จินฮวานที่ดื่มพลางร้องห่มร้องไห้ไปด้วย แล้วตอนนี้ก็ดันฟุบลงไปบนโต๊ะอีกต่างหาก ...ก่อนหน้านี้แอบถามตอนที่อีกฝ่ายเมาก็พอจะจับใจความได้ว่ากำลังถูกคนรักทิ้ง

    อาจจะคิดว่าเขาบ้าไปแล้วก็ได้ แต่เขารู้สึกว่าใครที่กล้าทิ้งน้องรหัสของเขาคงต้องโง่มากแน่ๆ...

    “อึก... อืออออ... ปวดหัว ปวดหัวจัง...” จินฮวานที่ก้มตัวนอนราบไปกับไปกับพื้นโต๊ะยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเองเอาไว้ ก็แน่ล่ะ... เล่นดื่มไปซะเยอะขนาดนั้น

    “ถ้าปวดหัวก็กลับห้องได้แล้ว มาเร็ว” ร่างสูงตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วขยับเข้าไปช่วยพยุงร่างเล็กให้ยืนขึ้น แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงเดินไม่ค่อยไหวแล้ว ดังนั้นซึงฮุนจึงเปลี่ยนเป็นการหันหลังเพื่อให้น้องขึ้นมาขี่แทน “ห้ามอ้วกออกมาเชียวนะ”

    “อื้ออออ จินฮวานไม่อ้วก จินฮวานจาเป็นเด็กดี... พี่ซึงฮุน ฮึก.. พี่ซึงฮุนอย่าทิ้งผมไปอีกคนนะ”

    “พี่จะทิ้งนายได้ยังไงกันเด็กโง่... หยุดร้องไห้เพราะไอ้บ้านั่นซักที” เขาเอ่ยพลางกระชับร่างที่อยู่บนหลังให้มั่นคงก่อนจะเริ่มออกเดิน

    “ผมไม่ได้อยากร้องไห้ แต่ว่า... ฮึก.. ฮันบินใจร้าย... จุนฮเวนิสัยไม่ดี... ฮืออออออ”

    ยอมรับว่าซึงฮุนฟังประโยคนั้นไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก เขาไม่รู้ว่าสรุปแล้วใครเป็นคนรักของจินฮวานกันแน่ แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อใครคนนั้นเลือกที่จะทำให้น้องรหัสของเขาต้องเสียใจขนาดนี้แล้ว เขาก็คงทำได้แค่สาปแช่งแทนอยู่อย่างนี้

    โชคดีที่อพาร์ทเม้นท์อยู่ไม่ไกลจากร้านนั้นเท่าไหร่นัก ตอนที่ออกมาจากมหาลัยก็รีบซะจนลืมคิดไปว่าน่าจะเอามอเตอร์ไซค์มาด้วย แต่จินฮวานเล่นร้องไห้หนักซะขนาดนั้นเขาก็คิดอะไรไม่ออกหรอก

    ขายาวก้าวจนเข้ามาถึงในตึกก่อนจะเดินตรงไปขึ้นลิฟต์ จำได้ว่าจินฮวานเคยบอกว่าอยู่ชั้นสี่ นิ้วเรียวจึงยกขึ้นมากดชั้นนั้นทันทีแม้จะลำบากอยู่นิดหน่อย คนที่อยู่บนหลังเขาไม่ได้ตัวหนักเลยก็จริง แต่น้ำตาที่ไหลออกมาก็แทบจะเปียกชุ่มเสื้อของเขาไปหมดแล้ว

    ซึงฮุนพารุ่นน้องตัวเล็กมาถึงหน้าห้องได้ในที่สุด แล้วยังไงต่อล่ะทีนี้? เขาไม่รู้รหัสผ่านที่ใช้เปิดประตู แต่จะปล่อยให้น้องนอนกองอยู่หน้าห้องมันก็ไม่ใช่เรื่องอีก ดังนั้นเขาจึงเรียกชื่อจินฮวานซ้ำๆอยู่หลายครั้งเพื่อถามถึงรหัสนั่น กว่าจะได้มาก็ใช้กินเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน

    ภายในห้องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากห้องของเขาซักเท่าไหร่นัก พอเห็นเตียงที่ตั้งอยู่ด้านใน ชายหนุ่มก็แบกรุ่นน้องไปวางตัวลงแทบจะทันที ...จินฮวานกำลังอยู่ในอาการสะลึมสะลือเหมือนไม่ค่อยได้สติเท่าไหร่ เขาไม่น่าให้น้องดื่มเยอะเกินไปเลยจริงๆ และเพราะเริ่มรู้สึกผิด... ซึงฮุนจึงรีบผละตัวออกไปเข้าห้องน้ำเพื่อมองหาอ่างเล็กๆกับผ้าขนหนูซักหนึ่งผืน

    พอกลับมาอีกครั้งก็นั่งลงไปบนขอบเตียงก่อนจะใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดขึ้นมาเช็ดตัวให้กับร่างเล็กที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

    “อื้ออออ...” เสียงร้องงอแงเริ่มดังขึ้นพร้อมกับเรียวแขนเล็กที่ปัดป่ายไปมา จินฮวานคงจะร้อนเพราะโค้ทตัวหนานั่น เมื่อคิดได้ดังนั้นซึงฮุนจึงยื่นมือเข้าไปช่วยน้องปลดกระดุมรวมไปถึงเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในนั้นด้วย อย่างน้อยๆเขาก็จะได้เช็ดตัวให้สะดวกขึ้นหน่อย

    สะดวกงั้นหรอ?... บางทีเขาอาจจะคิดผิด

    แม้ว่าเขาจะมึนเมาเพราะแอลกอฮอล์ แต่สายตามัวๆของเขาก็ยังมองเห็นร่างกายของคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน... แผงอกเล็กขาวเนียนนั้นกำลังขยับกระเพื่อมไปตามแรงลมหายใจที่แผ่วเบา ทันทีที่ไล่สายมาหยุดอยู่ตรงหน้าท้องแบนราบ ชายหนุ่มก็ต้องแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างรวดเร็ว

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรุ่นน้องคนนี้ถอดเสื้อ ถึงจะเคยจินตนาการเอาไว้ว่าจินฮวานจะตัวเล็กแค่ไหนถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่นี่มันยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก ...นี่เขาเป็นโรคจิตหรือยังไง? ถึงได้คิดอะไรบ้าๆแบบนั้น...

    ยอมรับก็ได้ว่าเขาแอบมองน้องรหัสที่แสนน่ารักคนนี้มาโดยตลอด เพราะว่าเป็นห่วงเลยอยากดูแลให้ดีที่สุด พอรู้ตัวอีกที... จินฮวานก็เข้ามาอยู่ในสายตาของเขาแทบทุกเวลา แล้ววันนี้ยิ่งมารู้ว่าจินฮวานมีคนรักแถมยังถูกหักอกอีก เขาก็ยิ่งรู้สึกหัวเสีย

    “ไอ้บ้านั่นมันเป็นใครกัน...” สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ หากแต่นั่นกลับทำให้รุ่นน้องที่นอนอยู่เริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง

    “ฮึก.. ฮันบิน ฮืออออ...”

    เอาอีกแล้ว... จินฮวานเรียกชื่อนี้อีกแล้ว ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าน้องกำลังเสียใจ แต่เขาก็ไม่ชอบที่ต้องมาเห็นน้องเป็นแบบนี้เลย... ฝ่ามือหนายกขึ้นไปลูบหัวคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเบาๆเผื่อว่ามันจะช่วยปลอบโยนได้ แม้ซักนิดก็ยังดี... แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่ออยู่ๆคนตัวเล็กก็ดูเหมือนจะร้องไห้หนักขึ้น แถมยกรั้งแขนเขาเข้าไปกอดเอาไว้แน่น

    “จินฮวาน...”

    “อย่าไป.. ฮึก อย่าไปนะฮันบิน อย่าทิ้งพี่ไป...” เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาไม่หยุด ซึงฮุนจึงต้องตัดสินใจยกมืออีกข้างขึ้นมาซับน้ำตาออกจากแก้มใสนั้นเบาๆ

    “รักมันมากเลยรึไง” ถึงจะถามออกไปอย่างนั้น จินฮวานก็คงไม่มีสติตอบเขากลับมาอยู่ดี ก็เจ้าตัวเล่นเอาแต่ร้องไห้เรียกหาคนที่ชื่อฮันบินอะไรนั่น... “คนที่อยู่ข้างนายในตอนนี้คืออีซึงฮุนนะจินฮวาน...”

    บอกไปก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องกับเขาด้วยหรือเปล่า น้ำตาที่ไม่มีท่าจะแห้งเหือดนั่น... เขาควรทำอย่างไรดี? ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงไปใกล้กับคนตัวเล็กมากขึ้นกว่าเดิม ใกล้จนเห็นแพขนตาบางที่เปียกชื้นได้อย่างชัดเจน... ซึงฮุนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที เขาก็ประทับริมฝีปากลงไปบนเปลือกตาของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว

    ฝ่ามือเล็กที่รั้งแขนเอาไว้ยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม อาจเป็นเพราะอย่างนั้น... ซึงฮุนก็เลยไม่ลังเลที่จะไล้จูบลงมายังปลายจมูกกลมนอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งมาถึงริมฝีปากหยักนุ่ม... จินฮวานที่ดูจะไม่รู้ตัวกำลังจูบตอบเขากลับมาเช่นกัน สิ่งที่เขาได้สัมผัส มันช่างดึงดูดให้เขารู้สึกเคลิบเคลิ้มและหลงใหลไปกับมันอย่างง่ายดาย...

    “อ..อื้ออออ...” ทันทีที่เสียงครางประท้วงเริ่มดังขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงก็ส่งลิ้นร้อนเข้าไปไล่ต้อนลิ้นเรียวเล็กในโพรงปากของอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว นาทีนี้... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ซึงฮุนไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว อาจจะมองว่าเขาเป็นคนฉวยโอกาสก็ได้ เพราะมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...

    คนตัวเล็กโยนตัวขึ้นมาคล้องแขนที่ลำคอของเขาก่อนจะครวญครางอีกครั้งเมื่อเรียวปากบางนั้นถูกดูดดุนหนักหน่วง และเมื่อร่างสูงเป็นฝ่ายตัดสินใจผละตัวออกมา จินฮวานก็มองเขาด้วยสายตาปรือ... ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฝ่ามือหนาเริ่มเคลื่อนย้ายเข้าไปลูบไล้บนแผ่นหลังบางเล็ก ดูเหมือนว่าเพียงเท่านี้ก็เริ่มทำให้รุ่นน้องของเขารู้สึกดีซะแล้ว

    เจ้าของดวงตาเรียวเล็กก้มหน้าลงไปกดจูบลงบนต้นคอขาวก่อนจะไล่เรื่อยจนมาถึงยอดอกสีหวาน จินฮวานครางออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ทว่า...

    “อ..อื้อออ อา... จุนฮเวอ่า... อืมมมม...” ไม่ใช่คนที่ชื่อฮันบินอะไรนั่น แต่กลับเป็นอีกชื่อที่ทำให้ซึงฮุนชักเริ่มไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วคนๆนั้นมีสองชื่อหรือยังไงกัน...

    แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงซะในเวลานี้ก็มีแค่เขากับจินฮวานเพียงสองคนเท่านั้น...

     

     

     

    อึดอัด... ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไรจินฮวานเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เขาปวดหัวจนรู้สึกว่ามันแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้อยู่แล้ว แต่เพราะสัมผัสที่กำลังได้รับ มันทำให้เขาเหมือนเจอสิ่งที่หายไปแสนนาน...

    ทั้งๆที่คิดว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไม... อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่านี่มันไม่ใช่... ฝ่ามือหนาที่กำลังไล้สัมผัสไปทั่วเรือนร่างของเขา มันไม่ใช่อะไรที่คุ้นชินเลยซักนิด ไม่ใช่ทั้งฮันบิน ไม่ใช่ทั้งจุนฮเว...

    แล้วใครกัน?...

    ร่างเล็กรวบรวมสติเฮือกสุดท้ายเพื่อหรี่ตามองคนที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น... ดวงตาแบบนี้... จมูกแบบนี้... ริมฝีปาก...

    “พ..พี่ซึงฮุน...” เสียงหวานครางออกมาแผ่วเบา ซึ่งคนที่ได้ยินก็ดูเหมือนจะตกใจอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นไม่ทันไร เจ้าของชื่อก็จู่โจมเข้ามากดจูบที่เรียวปากของเขาอย่างรวดเร็ว “อื้ออออ...~

    ฝ่ามือเล็กรีบยกขึ้นมาดันแผงอกกว้างตามสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้น?... ที่นี่มันก็เป็นห้องของเขา แต่ทำไมพี่ซึงฮุนถึงได้มาอยู่ในนี้ด้วยล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว แถมในตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงสู้คนตรงหน้าได้เลย

    “ป..ปล่อยผมนะ! พี่ซึงฮุน ปล่อยผม... ฮึก...” บ้าชะมัด ทำไมเขาถึงได้เป็นคนไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ “พี่ซึงฮุน... ผมขอร้อง...”

    ทุกๆอย่างเริ่มหยุดนิ่งลง... ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำตามคำขอของเขาแล้ว ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมากอบกุมใบหน้าของเขาเอาไว้ก่อนจะปาดน้ำตาที่ข้างแก้มออกไป

    “พี่ทำให้นายร้องไห้เหรอจินฮวาน...”

    “ฮึก... ผม..ผม-...”

    “พี่ขอโทษ... ใส่เสื้อเถอะ พี่จะไม่ทำอะไรนายแล้ว” แววตารู้สึกผิดนั่นมองตรงมาทางเขา ขณะเดียวกัน... เจ้าของแววตานั้นก็กำลังช่วยเขาติดกระดุมเสื้ออยู่ด้วย “นายคงกลัวพี่งั้นสินะ”

    “ฮึก...”

    “เลิกร้องไห้แล้วก็นอนซะ...” ชายหนุ่มร่างสูงดันคนตัวเล็กให้นอนราบไปบนเตียงก่อนจะคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้

    จินฮวานไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น... เขาจำได้เพียงแค่เสียงปิดประตูในตอนที่เขากำลังผล็อยหลับไป และหลังจากที่จมดิ่งเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน... เขาก็รู้สึกไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย...

     

     

     

    Part 3

    จุนฮเวรู้สึกว่าเขาไม่ชอบท้องฟ้าตอนเย็นเอาซะเลย... ตอนที่ต้องนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินคนเดียวอย่างนี้มันทำให้เขารู้สึกเหงา ...ทะเลที่กระบี่สวยมากจนเขาอยากให้พี่จินฮวานมาเห็นด้วยกัน

    คิดถึง... เขาคิดถึงพี่จินฮวาน...

    นับตั้งแต่ได้มายืนอยู่บนพื้นดินประเทศไทย ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่คิดถึงพี่ชายตัวเล็ก ผ่านไปแค่เพียงอาทิตย์เดียว เขาก็รู้สึกแทบขาดใจแล้ว... แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสินใจเองที่จะทำแบบนี้

    ระยะห่างที่แสนยาวไกลมันทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด... แล้วพี่จินฮวานที่อยู่ทางนั้นล่ะ จะเป็นยังไงบ้าง...

    พอลองคิดดูอีกที ทางนั้นก็คงมีคิมฮันบินคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่เป็นไรหรอก...

    เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ท้องฟ้าเริ่มมืดลงไปทุกที เขาควรกลับเข้าไปช่วยงานในรีสอร์ทต่อได้แล้ว

    ครืด... ครืด...

    จุนฮเวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเอาซะเลย คิดอยู่นานว่าจะกดรับดีมั้ย แต่สุดท้ายเขาก็กดรับมันไป

    [มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครวะกูจุนฮเว!!] เสียงแผดดังลั่นออกมาจากลำโพงทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่พอลองนึกดูดีๆแล้ว คนที่โทรมาหาเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย

    “แล้วพี่โทรมาหาผมแต่ไม่รู้ว่าผมเป็นใครได้ไง”

    [ไม่ต้องมากวนตีน!!]

     ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน... “เฮ้อ ตกลงพี่มีเรื่องอะไรกันแน่ครับพี่แทฮยอน”

    [นี่มึงยังต้องถามอีกหรอ มึงทำอะไรกับเพื่อนกูไว้ไม่รู้ตัวบ้างรึไง สัส!!]

    “...” เพราะประโยคนั้นจากปลายสาย ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับนิ่งไป... ถึงจะพอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่เขาก็อยากรู้เรื่องราวมากกว่านี้ เขาอยากให้พี่แทฮยอนเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่จินฮวาน... แต่เขากลับไม่กล้าพูดมันออกไป

    [อย่าให้กูเห็นมึงอีกครั้งนะ ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!! พวกมึงจะพากันไสหัวไปไหนก็ช่าง แต่ห้ามมายุ่งกับเพื่อนกูอีกเด็ดขาด!!]

    “เดี๋ยวก่อน! พี่กำลังพูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย พูดยังกับว่าผมกับประธานนักเรียนทิ้งพี่จินฮวาน-...”

    [แล้วมันไม่ใช่รึไงวะ!!] เขาน่ะอาจจะใช่ แต่อีกคน...

    “ตอนนี้ประธานก็น่าจะอยู่กับพี่จินฮวานไม่ใช่รึไง ผมน่ะ-…” เดี๋ยวก่อนสิ... นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ทำไมคนที่หวงเพื่อนอย่างนัมแทฮยอนถึงได้โทรมาโหวกเหวกโวยวายใส่เขาอย่างนี้ ทั้งๆที่แทฮยอนน่าจะรู้สึกดีใจที่สุดถ้าหากรู้ว่าเขายอมถอยหลังออกมาให้คิมฮันบินได้อยู่กับพี่จินฮวาน ...แล้วไอ้เรื่องที่ไล่พวกเขาอีกนั่นล่ะ? ไม่ใช่เขาแค่คนเดียว หากแต่เป็นรุ่นพี่อีกคนที่รักพี่จินฮวานเหมือนกับเขาด้วย

    [อยู่งั้นหรอ... เหอะ พวกมึงมันก็เหี้ยพอกันนั่นแหละ ปากบอกว่ารักจินฮวานแต่ดันมาทิ้งเพื่อนกูอย่างนี้เนี่ยนะ มึงรู้บ้างรึเปล่าว่าตอนนี้จินฮวานมันเป็นยังไงบ้าง มึงลองมาดูสภาพมันแทนกูตอนนี้เลยมั้ย จะได้รู้ว่ากูรู้สึกยังไง!!]

    “...”

    [กูให้เวลามึงสามวัน ถ้าไม่คิดจะกลับมา ก็อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก!!]

    เสียงปลายสายเงียบไปและแทนที่ด้วยเสียงสัญญาณโทรศัพท์ รอบตัวเขามีเพียงความเงียบเท่านั้น จุนฮเวไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว ตอนนี้ในสมองของเขากับสับสนและตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด ...เขาอุตส่าห์คิดว่าคิมฮันบินจะทำให้พี่จินฮวานมีความสุขได้ แต่นี่มันอะไรกัน? คิมฮันบินหายไปไหน ทำไมถึงไม่ได้อยู่ดูแลพี่จินฮวาน!

    แล้วจะให้เขาทนอยู่เฉยๆอย่างนี้ต่อไปได้ยังไง ในเมื่อรู้ว่าตอนนี้พี่จินฮวานกำลังอยู่คนเดียว และพี่ชายตัวเล็กก็อาจจะกำลังร้องไห้เพราะเขา... ดังนั้นเขาต้องรีบกลับไปหาให้เร็วที่สุด!

     

     

     

    ถ้าเป็นไปได้ ฮันบินก็อยากจะทุบตัวเองด้วยก้อนหินซะเหลือเกิน ทำไมเขาถึงได้เป็นคนโง่งี่เง่าขนาดนี้!

    หลายวันก่อนเขามัวแต่เคร่งเครียดกับการสอบชิงทุนจนไม่ได้สนใจอะไรเลย พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่านัมแทฮยอนติดต่อมาหาเขาตั้งหลายครั้ง ทีแรกฮันบินก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอนึกไปนึกมา ฝ่ายนั้นอาจจะมีเรื่องสำคัญก็ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจติดต่อกลับไปถาม ซึ่งคำตอบได้รับกลับเป็นคำต่อว่าต่างๆนานาที่เจ้าตัวพอจะนึกออก

    กว่าจะจับใจความและเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ เขาก็แทบอยากทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห

    นี่เขากับจุนฮเว... ปล่อยให้พี่จินฮวานอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน!!

    สิ่งเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้คือโทรหาไอ้เด็กบ้านั่น เพราะต่อให้เขาโทรหาพี่จินฮวานไปกี่สายต่อกี่สาย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับเลย แถมยังปิดเครื่องหนีอีกต่างหาก

    พอรู้ว่าจุนฮเวกลับมาเกาหลีพอดี เขาก็รีบบึ่งไปที่อพาร์ทเม้นท์ของพี่ชายตัวเล็กพร้อมกับบอกให้อีกคนตามมาด้วย

    ตอนนี้ฮันบินไม่สนใจแล้วว่าผลสอบของเขาจะออกมาเป็นยังไง ไม่ว่ามันจะผ่านหรือไม่ผ่าน เขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าเขาจะไม่ไหน เขาจะอยู่กับพี่จินฮวาน ...เรียนที่ไหนมันก็เหมือนๆกันถ้าเขาตั้งใจซะอย่าง แต่พี่จินฮวานที่มีอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้เขาไม่สามารถทิ้งไปได้

    ไม่มีใครอยู่ในห้อง... ฮันบินทุบกำแพงด้วยความหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้นก่อนที่จุนฮเวจะตามเข้ามาหลังจากนั้น

    เพราะว่านี่มันปิดเทอมแล้ว เจ้าของห้องจึงไม่น่าจะอยู่ที่มหาลัย แถมยังไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกต่างหาก ยิ่งพอโทรไปหาแทฮยอนก็ได้รับแต่คำด่า ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้างั้นพี่จินฮวานไปไหน?...

    พวกเขาลงความเห็นกันว่าจะลองไปตามหาดูรอบมหาลัยก่อน เผื่อว่าพี่จินฮวานจะออกไปหาเพื่อน อันที่จริงแล้วสถานที่ที่พี่จินฮวานน่าจะไปก็ไม่ได้มีอยู่เยอะนัก

    ตามร้านหนังสือ ร้านอาหาร หรือแม้แต่ร้านเกมต่างๆที่พวกเขาเคยไปด้วยกันก็ไม่เจอ...

    “แม่งเอ๊ย!!” ฮันบินสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับการเตะเข้าไปที่กำแพงอย่างรุนแรง “ทำไมมึงไม่บอกกูว่าจะไปไทยวะ!!

    “แล้วทำไมประธานไม่บอกผมก่อนล่ะว่าจะไปเรียนต่อน่ะ!!

    เถียงกันไปก็เท่านั้น ในเมื่อพวกเขาต่างก็ผิดทั้งคู่ และยิ่งคุยกันก็ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปเพราะต่างอยากให้พี่จินฮวานมีความสุขทั้งนั้น ...แต่พวกเขากลับไม่เอะใจหรือคิดเลยว่าพี่จินฮวานจะรู้สึกยังไงกับเรื่องบ้าๆพวกนี้

    ในวินาทีที่เกือบท้อใจ... ฮันบินคิดว่าเขาควรกลับไปรอพี่จินฮวานต่อที่ห้อง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กที่ตามหากำลังเดินออกมาจากหอสมุดพอดี

    “พี่จินฮวาน!!!” เด็กหนุ่มทั้งแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกันขณะวิ่งตรงเข้าไปหาเป้าหมาย

    ทว่าคนตัวเล็กก็แค่ตกใจนิดหน่อยก่อนเปลี่ยนเป็นการมองพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ฮันบินยอมรับว่าเขาถึงกับผงะไปชั่วครู่ และเขาก็มั่นใจด้วยว่าจุนฮเวที่ยืนอยู่ข้างๆคงเป็นเช่นเดียวกัน

    “ผมกลับมาแล้ว...” เป็นจุนฮเวที่เริ่มพูดขึ้นมาก่อน พอทำท่าจะขยับก้าวเข้าไปข้างหน้าอีกนิด พี่จินฮวานก็ขยับถอยหลังออกไปเช่นกัน

    “กลับมาทำไม”

    “ผมคิดถึงพี่...” เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เขาสังเกตเห็นนัยน์ตาคู่สวยไหววูบ แต่หลังจากนั้นมันก็กลับกลายเป็นความว่าเปล่าเช่นดังเดิม

    “ไม่ไปแล้ว... ผมจะไม่ไปเรียนต่อแล้ว” ครั้งนี้เป็นฮันบินที่แทรกขึ้นมาบ้าง เขาหวังว่าพี่จินฮวานจะรู้สึกได้ถึงคำพูดของเขาแม้ซักนิดก็ยังดี

    “มีเรื่องอะไรกันน่ะ?” คนที่เดินเข้ามาใหม่หยุดยืนอยู่ข้างๆกับร่างเล็กพร้อมแสดงสีหน้าสงสัย ฮันบินไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่เขาก็รู้สึกคุ้นๆว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่ที่คณะของพี่จินฮวาน

    “ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ซึงฮุน เราไปกันเถอะ” จินฮวานหันไปยิ้มให้กับผู้ชายคนนั้น ก่อนจะจับแขนแล้วลากให้ออกไปด้วยกันต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่มทั้งสอง

    จุนฮเวที่ใจร้อนกว่าแทบจะพุ่งตัวออกไปกระชากพี่จินฮวานกลับมาซะเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดตรงที่ถูกฮันบินรั้งเอาไว้ก่อน

    “อะไรวะ จะปล่อยให้พี่จินฮวานไปง่ายๆแบบนั้นหรอ!?

    “ก็เห็นอยู่ว่าพี่เค้ายังไม่อยากคุยด้วย หัดคิดซะเองบ้าง!” ฮันบินแทบจะถลึงตาใส่รุ่นน้องด้วยความโมโห อยู่กับพี่จินฮวานมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการกระทำเมื่อครู่นี้มันก็เป็นเพียงแค่การประชดประชันของอีกฝ่ายเท่านั้น “รอให้พี่เค้าใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

    “รอ? ต้องรอให้ผู้ชายคนนั้นขโมยพี่จินฮวานไปด้วยเลยมั้ยล่ะ!?

    “ทำยังกับว่ามึงไม่รู้ใจพี่จินฮวานงั้นแหละ มึงคิดว่าพี่เค้าจะชอบไอ้เห่ยนั่นรึไง ใจเย็นๆแล้วก็รีบตามกูมา!

     

     

     

    เฮ้อ... ชายหนุ่มร่างเล็กถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน อากาศที่ติดลบนี่ก็ทำให้เขารู้สึกเหน็บหนาวไปจนถึงขั้วหัวใจ หิมะตกลงมาได้หลายวันแล้ว และวันนี้ก็เช่นกัน...

    จินฮวานเดินกำลังเดินอยู่บนริมถนนพร้อมกับรุ่นพี่ตัวสูงที่ตามมาข้างๆ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น เขาก็ลากพี่ซึงฮุนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ก็อีกคนเล่นโผล่มาพอดี เขาเลยหาทางออกได้ด้วยวิธีที่พอจะคิดได้ เขายังไม่พร้อม... ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับสองคนนั้นเลยจริงๆ

    จริงๆแล้วหลังจากคืนที่เขาเมาหนักจนแทบไม่ได้สติ เขารู้สึกเข้าหน้ากับพี่ซึงฮุนไม่ติดเลย ยังดีที่พี่ชายคนนี้พยายามเข้ามาคุยกับเขาเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดมาก่อน พวกเขาก็เลยสามารถกลับไปคุยกันแบบปกติได้ แม้ว่าลึกๆแล้วเขาจะยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อยก็เถอะ

    พี่ซึงฮุนก็ยังคงเป็นพี่รหัสที่แสนดีของเขา...

    พอลากออกมาจากนั้นได้ อีกฝ่ายก็พาเขาไปเลี้ยงข้าวโดยไม่เอ่ยถามถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยซักนิด กระทั่งพาเดินกลับมาส่งถึงอพาร์ทเม้นท์ พวกเขาก็ยังคุยและหัวเราะด้วยกันมาตลอดทาง

    แต่จินฮวานก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า... ถ้าต้องขึ้นไปบนห้องที่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว เขาจะกลับไปร้องไห้เหมือนอย่าเคยมั้ย

    ร่างเล็กล่ำลากับพี่รหัสของตัวเองก่อนที่เขาจะเดินเข้าตึกไป ...สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาต้องทนอยู่กับความอ้างว้างเพียงลำพัง แล้วอยู่ๆฮันบินกับจุนฮเวก็กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกดีใจถึงขนาดต้องโผเข้ากอดทั้งสองคนแล้วปล่อยโฮออกมา เขาโกรธ... ใช่ จินฮวานกำลังโกรธที่เด็กหนุ่มสองคนนั้นเลือกจากเขาไปแล้วก็พากลับมาเหมือนขอคืนดีง่ายๆแบบนี้

    แล้วตอนที่จะไปทำไมถึงไม่คิดกันบ้างว่าเขาจะเจ็บแค่ไหน...

    นิ้วเรียวถูกยื่นออกมากดรหัสเพื่อเปิดประตูเข้าห้อง จินฮวานแทรกตัวเข้าไปแล้วเปิดไฟก่อนจะพบว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น...

    นี่เขาลืมไปได้ยังไงว่าสองคนนี้รู้รหัสเข้ามาในห้องด้วย!!

    จินฮวานตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไป แต่ก็ถูกร่างสูงของจุนฮเววิ่งมารวบตัวเข้าไปกออดอย่างรวดเร็ว อ้อมแขนแกร่งที่มาจากทางด้านหลังโอบรัดเอวของเขาเอาไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยกำลังเอาคางเกยไหล่เขาทั้งอย่างนั้น ซึ่งในขณะเดียวกัน ฮันบินก็ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา

    “ปล่อย!” เมื่อพยายามจะดิ้นให้หลุดออกมา จุนฮเวก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดพร้อมกับซุกหน้าลงมาที่ต้นคอของเขา

    “พี่จินฮวานครับ พวกเราขอโทษ...” เสียงอู้อี้ดังลอดออกมา และจินฮวานก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน...

    “ผมผิดไปแล้ว...” ฮันบินเริ่มต้นพูดขึ้นมาอีกคนขณะก้าวขาเข้ามาประชิดตัวเขา “ผมผิดเองที่ตัดสินใจอะไรทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นโดยไม่ถามพี่ซักคำ”

    “นายไม่ได้ผิดอะไรนี่ ก็แค่จะไปเรียนต่อไม่ใช่หรือไง...” จินฮวานต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เสียงของตัวเองสั่น “อยากไปไหนก็ไปกันเถอะ พี่จะไม่รั้งพวกนายเอาไว้หรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”

    “ผมจะไม่ไปไหนแล้วทั้งนั้น” คนที่กอดเขาอยู่ด้านหลังกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมจะอยู่กับพี่ ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ...”

    “หึ... พวกนายพูดกันง่ายๆแบบนี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย ตอนที่บอกว่าจะไป ก็ทิ้งกันไปง่ายๆ พอคราวนี้บอกว่าจะอยู่ พี่ก็ต้องยอมให้พวกนายอยู่ด้วยงั้นสิ มันจะไม่ใจร้ายกันเกินไปหน่อยหรอ? พวกนายเห็นพี่เป็นตัวอะไรกันแน่ ต่อไปถ้าเบื่อพี่ก็คงจะทิ้งพี่อีกใช่มั้ย สนุกกันนักรึไงที่ทำแบบนี้”

    เหมือนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย นอกจากเรื่องบนเตียงแล้ว ฮันบินกับจุนฮเวเคยสนใจความรู้สึกของเขาบ้างรึเปล่า หรือแค่คบๆไปแก้เบื่อเล่นเท่านั้นเอง...

    “มันไม่สนุกเลยครับ... ไม่เลยซักนิด” คิมฮันบินเอ่ยออกมาขณะที่จ้องเข้าไปในดวงตาเรียวของร่างเล็ก “แล้วที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยเบื่อพี่เลยด้วย ผมยอมรับที่ผมทิ้งพี่ไป เพราะผมคิดว่าพี่คงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าไม่มีผม แต่ว่าผมก็คงไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีพี่... พี่จินฮวาน...”

    “นายไม่คิดว่านี่มันจะสายเกินไปหน่อยหรอฮันบิน! ฮึก... ทั้งๆที่นายก็รู้จักพี่มาตั้งนานแล้ว ทำไมนายถึงไมคิดบ้างว่าพี่จะรู้สึกยังไง... พวกนายเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันลำบากแค่ไหนที่ต้องอยู่ในห้องเงียบๆนี้คนเดียว เวลาที่คิดถึงก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ออกมา ฮึก... พวกมันแย่! แย่ที่สุดเลย!! ฮืออออออ...” สุดท้ายแล้วจินฮวานก็ไม่สามารถทนเก็บความรู้สึกที่มีเอาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาที่รินไหลออกมาหลายต่อหลายครั้งไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย มีแต่จะทำให้เจ็บปวดมากขึ้นทุกทีๆ “กลับไปได้แล้ว! พี่ไม่อยากเห็นหน้าพวกนายอีก-... อื้อออ”

    เสียงสะอื้นถูกกลืนหายไปทันทีเมื่อถูกริมฝีปากหยักหนาของน้องชายคนสนิทเข้ามาประกบจูบอย่างรวดเร็ว ฮันบินใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าหวานเอาไว้ขณะบดเบียดลิ้นร้อนเข้าสู่ด้านในโพรงปากนุ่ม แน่นอนว่าจินฮวานไม่สามารถขัดขืนได้เหมือนอย่างเคย และที่สำคัญคือตอนนี้จุนฮเวก็ยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น

    เด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังก้มลงซุกไซร้เรียวปากไปตามซอกคอขาวที่แสนคุ้นเคยก่อนจะกดจูบลงไปหนักๆหลายที ร่องรอยที่เขาเคยทำเอาไว้มันเรือนลางไปหมดแล้ว ตอนนี้เขาจะต้องเอามันกลับคืนมา...

    “พี่ไม่อยาก... เห็นหน้าพวกเราจริงๆหรอครับ?” เสียงทุ้มเข้มของจุนฮเวกระซิบเบาๆที่ข้างหูส่งผลให้ร่างกายของคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกสั่นเทิ้ม

    ความตั้งใจที่จะปฏิเสธในตอนแรกของจินฮวานแทบสลายหายไปจนหมดสิ้น เมื่อไหร่... เมื่อไหร่เขาถึงจะเลิกใจอ่อนให้กับเด็กสองคนนี้ได้ซักที...

    “ยกโทษให้พวกเรานะครับ... พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ต้องเสียใจอีก” ฮันบินเอ่ยหลังจากที่ผละตัวออกมาช้าๆพลางจ้องมองเขาด้วยแววตาสำนึกผิด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขายอมแพ้ได้ยังไงกัน...

    คำสัญญามากมายก่อนหน้านี้ ฮันบินกับจุนฮเวก็เคยพูดเอาไว้แต่ไม่เห็นจะทำได้เลย เขารู้ว่าไม่ควรเชื่อคำพูดนั้นอีกครั้ง แต่เขาคงทำไม่ได้อยู่ดี เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความรักคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสามารถเชื่อใจฮันบินกับจุนฮเวได้

    “งั้นก็อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกนะ พี่อยู่ไม่ได้จริงๆ... ฮึก ช่วงเวลาที่ไม่มีพวกนายอยู่ด้วย พี่รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ พี่...”

    “ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วครับ... ผมเข้าใจดี อย่าร้องไห้เพราะพวกผมอีกเลย” จุนฮเวเอ่ยพลางหมุนตัวพี่ชายให้หันมาทางเขาแล้วก้มหน้าลงไปจุมพิตลงบนเปลือกตาอย่างอ่อนโยน

    ความรู้สึกที่โหยหามานานกำลังปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะความคิดถึงที่มีอยู่จนล้นอก ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการกันและกันอย่างมากมาย จินฮวานคงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหัวใจของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้ฮันบินและจุนฮเวกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา และนี่ก็ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริงที่ทำให้เขามีความสุข ดังนั้นเขาจะกล้าผลักไสสองคนนี้ออกไปจากชีวิตได้ยังไงกัน

    ไม่ว่าจะเป็นรสจูบที่แสนหวานจากจุนฮเว หรืออ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจากฮันบิน ทุกๆอย่างมันเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น...

    ค่ำคืนนี้... ด้านนอกหน้าต่างนั่นกำลังมีหิมะตกลงมาโปรยปราย ราวกับได้ย้อนกลับไปครั้งแรกที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสามคน ทุกอย่างกำลังกลับไปเป็นปกติเหมือนการเริ่มต้นใหม่ และหลังจากนี้ไป ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องราวใดที่ทำให้พวกเขาต้องเสียใจอีก

    แม้ว่าแท้จริงแล้วความรักจะเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน หากแต่ความลงตัวสำหรับพวกเขาคือสามคนเท่านั้น...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×